หนังสืออ่านเล่น เล่มที่ 3 โดย.. ส. สังข์สุวรรณ
puy - 5/7/10 at 14:07
หนังสืออ่านเล่น
เล่มที่ ๓
โดย ส. สังข์สุวรรณ
ฉบับอินเทอร์เน็ต : จัดพิมพ์โดย..พระวัดท่าซุง
(ลิขสิทธิ์เป็นของ "สำนักพิมพ์เวฬุวัน" วัดท่าซุง)
เนื้อหาของสารบัญ เล่มที่ ๓
1. คำปรารภ
2. บันทึกประจำวัน เล่ม ๓
3. ผีรุกขเทวดา
4. พระยายมมาตาม
5. พระดับสภาพสังขาร
6. คำพยากรณ์
7. การเปลี่ยนชื่อ
8. พระพยากรณ์อาการป่วย
9. เรื่องไฟฟ้า
10. เรื่องน้ำท่วม
11. เรื่องที่ฟังมา
12. หลวงเชษฐ์
13. เพื่อนต้น
14. อานุภาพไม้เพื่อนต้น
15. กำนันอยู่
16. ผีเด็ก
17. ผีผู้หญิงมาหา
18. เรื่องท่านปู่ใหญ่
19. เรื่องทำแท้ง
20. ทายกลงนรก
21. ขุนนางใหญ่
22. นิมิตบอกอาการตาย
23. นิมิตบอกเหตุน้ำท่วมภาคกลาง
24. น้ำท่วมปักษ์ใต้
25. เรื่องเคราะห์จากน้ำ
26. เรื่องของโบราณ
27. นิมิตก่อนไปเชียงใหม่
28. นิมิตบอกว่าป่วยมาก
29. กำหนดการ พ.ศ. ๒๕๓๒
1
คำปรารภ
หนังสืออ่านเล่น เล่ม ๓ ที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี้ มีรายการบอกอาการป่วย และรายการเงินผสมอยู่ด้วย อาจจะทำให้ท่านผู้อ่านยุ่งยากใจ
แต่ก็มีความจำเป็นบางประการคือ
๑.อาการป่วย มีหลายท่านที่คิดว่าไม่ป่วยจริง ถึงกับมาสอบสวนที่วัด มาดูว่า ป่วยแล้วทำไมรับแขกได้ แต่ท่านที่มาก็เห็นแล้วว่า รับแขกด้วยขันติจริง
ๆ แต่ถ้าเกินกำลัง ก็ขันแตกเหมือนกัน และในขณะเขียน ทุกขเวทนาครอบงำมาก ก็เลยเขียนไปในอาการที่มี เหมือนคนที่ป่วยกำลังบ่น
๒.เรื่องการเงิน มีพระท่านสงสัยเรื่องรับจ่าย เพราะเห็นสร้างมากนัก รับยังไง จึงเขียนมาเพื่อให้ทราบว่าเวลารับก็แจ่มใส เวลาจ่าย หน้าซีดทุกคราว
เพราะเงินไม่ใคร่พอจ่าย
เป็นอันว่าหนังสือเล่มนี้กวนใจมากหน่อย ต้องขออภัยท่านผู้อ่าทุกท่าน ที่กลุ้มใจเพราะเรื่องทั้งสองที่กล่าวมาแล้ว
บอกข่าวให้ทราบ
การทำหนังสือเล่มที่ ๔ จะออกเดือนมีนาคม ๒๕๓๒ เล่มที่ ๕ จะออกเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๒ ทั้งสองเล่มนี้ไม่มีรายงานการป่วยและการเงิน
เพราะต้องรีบทำไว้ก่อนตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๓๑ ทั้งนี้พระท่านมาเตือนให้ทำไว้ก่อน ด้วยต่อไปนี้ จากเดือนมกราคม ๒๕๓๒ เวลาว่างจะน้อย ไม่มีเวลาทำ
และการทำก็เขียนไม่ไหวแล้ว ด้วยสายตามองตัวหนังสือไม่เห็น
ต้องใช้บันทึกเสียงไว้และให้ พระอภิชัย สุธมฺมธมฺโม และ พรนุช ช่วยคัดลอกเป็นหนังสือ เทปเสียงนี้ให้ถ่ายทอดไว้
เพื่อท่านผู้ใดจะฟังก่อนหนังสือออกก็ติดต่อเจ้าหน้าที่จำหน่ายเทปได้ แต่ทว่าเสียงคงเสนาะมากด้วยทั้งป่วยและเสมหะเต็มคอทำไว้แล้ว ๘ คัทเซท
ในที่สุดก็ไม่รู้จะเขียนอะไร เพราะสมองมึนหมด ขอหยุดเพียงเท่านี้ ขอความสุขสมหวังและขอให้ทุกคน จงรวยตามความตั้งใจของทุกท่านเถิด
สังข์สุวรรณ
๒๒ ธันวาคม ๒๕๓๑
◄ll กลับสู่สารบัญ
2
บันทึกประจำวัน เล่ม ๓
วันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๓๑
รายการวันนี้ ขอเอาเรื่องน่าเบื่อมาไว้ตอนต้น คือเรื่องรายรับรายจ่ายประจำวัน ก่อนพูดเรื่องอื่นขอแจ้งให้ทราบว่าสมุดร่างเรื่องราวต้นฉบับตอนต่อไปนี้
เดือนฉาย หรือ ต้อย คอมันตร์ เป็นคนซื้อให้ ขอร่าง ๓ เล่มสมุดนี้พิมพ์เป็นหนึ่งเล่มหนังสือ การร่างหนังสือเล่มนี้ก็เอากระเป๋า ๒ ลูก
ตั้งซ้อนกันเข้าแล้วเขียน แทนการนั่งเก้าอี้ เพราะนั่งเก้าอี้ไม่ไหว ด้วยมีอาการมึนงงมาก ผู้อ่านให้คิดว่าอ่านหนังสือคนใกล้ตายเขียนก็แล้วกัน
อาการทางร่างกายมันรวนทุกวัน ก็ช่างมัน ต่อนี้ไปก็ขอเอาเรื่องการเงินมาพูดก่อน เมื่อเสร็จเรื่องการเงินแล้วเป็นเรื่องผี
วันนี้มีแขกมาจาก กรุงเทพ ๒ คน หัวหิน เพชรบูรณ์ สิงห์บุรี นครสวรรค์ ทุกท่านถวายไว้ทั้งสิ้น ๘,๙๗๐ บาท มีรายการดังนี้
๑. พ.อ.สถาพร-ศิริพร พงษ์พิทักษ์ ถวายสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน สร้างพระ ๑,๒๐๐ ค่าไฟฟ้า ๑,๐๐๐ และส่วนองค์ ๒,๐๐๐ รวม ถวายได้ ๔,๒๐๐ บาท
๒. ส.ต.อ.ปัญญา ไชยชาญพันธ์ และครอบครัว ถวายกฐิน ๖๐๐ บาท
๓. นายกำพล อ่านนามสกุลไม่ออก และ น.ส.สิริรัตน์ แสงอรุณ ทำบุญทุกอย่าง ๒๐๐ บาท
๔. พระปฐม เขมจาโร หัวหิน สร้างพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑๐๐ บาท
๕. พระนิคม อตฺตธมฺโม หัวหิน ถวายส่วนองค์ ๔๐๐ รถทัวร์ธรรมทาน ๓๐๐ กฐิน ๓๐๐ รวม ๘๐๐ บาท
๖. พระสุทธิ จกฺกธมฺโม หัวหิน ถวายเพื่อซื้อรถทัวร์ธรรมทาน ๕๐๐ บาท
๗. พระอรุณ จันทฺโสภโณ หัวหิน ถวายเพื่อซื้อรถทัวร์ธรรมทาน ๑๐๐ บาท
๘. ลูกหลานชาวหัวหิน ถวายเพื่อซื้อรถทัวร์ธรรมทาน ๗๐๐ บาท
๙. พระปฐม เขมวีโร ถวายรถทัวร์ธรรมทาน ๑๐๐ บาท (หมดรายการถวายเมื่อรับแขก)
ต่อไปนี้เป็นรายการรับทางไปรษณีย์ หรือธนาณัติ
๑. ร.อ.ชาลี โมกขเวช ชลบุรี ถวายส่วนองค์ ๒๐๐ บาท
๒. คุณชูพงศ์ ณ สามพระยา ชลบุรี สังฆทาน ๒๓๐ บาท
๓. บรรลือ-สุพิน เสรีสัจจวิจารณ์ กาฬสินธ์ ถวายส่วนองค์ ๑๐๐ บาท
๔. ร.ต.อ.พรชัย สิริไพโรจน์ สระบุรี ทำบุญทุกอย่าง ๑๑๐ บาท
๕. คุณวีรวรรณ สุนทรไชย เพชรบุรี ร่วมซื้อรถทัวร์ธรรมทาน ๕๐๐ บาท
๖. พระเฉลียว จริยธัมโม สมุทรสาคร ทำบุญทุกอย่าง ๕๐๐ บาท
๗. คุณชุติมา ภู่พุกก์ คุณชั้น ปิ่นนาค คุณโสภา แทนวงศ์ ถวายสังฆทาน ๑๒๐ บาท
๘. คุณพัชนี แซ่ลิ้ม ลาสเวกัส อเมริกา ถวายค่าอาหารพระ ๕๐ เหรียญ
๙. คุณฉลองรัฐ อุดมเดชาณัติ ลพบุรี ถวายส่วนองค์ ๓๐๐ รถทัวร์ธรรมทาน ๒๐๐ บาท
รวมเงินไทย ๒,๓๖๐ บาท เงินดอลล่าร์ ๕๐ เหรียญ
เสร็จเรื่องการเงินแล้ว เรามาคุยกันเรื่องผีต่อไป ขอให้ชื่อว่า...
◄ll กลับสู่สารบัญ
3
ผีรุกขเทวดา
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อเป็นเจ้าอาวาสวัดบางนมโค เวลานั้นบรรดาท่านทั้งหลายเมตตาให้เห็นตัว โดยไม่ต้องใช้ฌานและญาณใด ๆ ท่านเมตตามาก
ถ้าบังเอิญท่านจะให้ใช้คงไม่ใช้เพราะเราก็ใหญ่โตไม่น้อย จะมาบังคับกันยังไง ที่ไม่ยอมใช้ก็เพราะว่าไม่มีจะใช้ แม้เวลานี้ก็เช่นเดียวกัน
อยากจะพบท่านองค์ใดก็ใช้อารมณ์นึกถึงเฉย ๆ ตามที่ท่านบอกไว้จึงพบท่านทุกขณะที่ต้องการพบ ถ้าท่านไม่เมตตาอนุญาตไว้คงไม่มีเรื่องผีมาคุยกัน
จะมีบ้างก็เรื่องผี ๆ เท่านั้น
ที่วัดบางนมโค มีต้นตะเคียนสำคัญอยู่สองต้นอยู่กลางลานวัด ให้หวยเก่ง คนได้เลขหวยกันไปหลายคนแล้วแต่ต้องขอให้ถูกระเบียบ
เมื่อขอถูกระเบียบเป็นได้ผลทุกคน เอากันเฉพาะเรื่องที่ผ่านมาตอนต้น ๆ เมื่อบูชาพระอยู่ วันหนึ่งเวลาใกล้ตีสองเพื่อเตรียมตัวเจริญกรรมฐาน
เห็นหญิงสาวสวยสองคนมานั่งข้างหน้า เธอทั้งสองมองหน้าแล้วยิ้ม บังเอิญมาเวลาใกล้ตีสองพอดี ซึ่งเป็นเวลาที่พร้อมแล้ว พร้อมเพื่อเจริญกรรมฐาน
นิวรณ์ถูกระงับให้นอนนิ่งไปแล้ว
ถ้าเป็นเวลาที่นิวรณ์อยู่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีความรู้สึกอย่างไร เมื่อเห็นเธอแล้วก็คิดว่า เวลานี้ดึกสงัดประตูหน้าต่างก็ปิดหมด
ถ้าเป็นคนธรรมดาไม่มีใครเข้ามาได้ เมื่อเธอเข้ามาได้เธอต้องไม่ใช่คนและไม่ใช่ผีหลอกคน เพราะถ้าผีมาหลอกแล้วสวย ๆ อย่างนี้ ผีกับคนคงไล่ปล้ำกันอุตลุด
และก็มาเวลาน่าปล้ำเสียด้วย เดชะบุญว่าระงับนิวรณ์ลงประเดี๋ยวนี้เอง มิฉะนั้นคงมีอารมณ์วุ่นวาย
เมื่อคิดมาถึงเพียงนี้ทั้งสองก็ยิ้ม คนหนึ่งแต่งชุดสีชมพู อีกคนหนึ่งแต่งชุดสีทอง คนที่แต่งชุดสีชมพูเธอพูดว่าจะปล้ำแม่อย่างนั้นหรือ แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะ เมื่อถามว่า ท่านทั้งสองเป็นใคร ท่านตอบว่า ฉันทั้งสองเป็นรุกขเทวดาอยู่ที่ต้นตะเคียนทั้งสองนั่น ที่ชาวบ้านเรียกว่า นางตะเคียน ถามท่านว่า ท่านมาธุระอะไร ท่านบอกว่า ฉันมาบอกให้ทราบว่า แม่ทั้งสองนี้เคยเป็นแม่ของคุณในอดีตมาหลายชาติ
ชาตินี้เป็นแม่รุกขเทวดาเพราะบุญใหม่ทำไว้มาก เช่นสร้างพระพุทธรูป สร้างวัด และอาคารสาธารณะ ทอดกฐิน ถวายสังฆทาน สร้างรถถวายพระ สร้างเรือถวายพระ เป็นต้น
บุญนี้ควรไปอยู่ชั้นนิมานรดี
แต่เมื่อใกล้ตายจากความเป็นคน แม่เห็นรุกขเทพธิดาท่านมาหา ท่านสวยมาก วิมานของท่านก็สวย ใจเลยรักเป็นเทพธิดา เมื่อจิตออกจากร่างก็เป็นรุกขเทพธิดา เมื่อ
หลวงพ่อปาน มาอยู่ที่วัดนี้ ท่านท้าวมหาราชให้มาอยู่ที่ต้นตะเคียนนี้เพื่อคอยช่วยงานหลวงพ่อปาน
(มิน่าเล่าหลวงพ่อปานท่านจึงเกรงใจมาก แม้กิ่งเล็ก ๆ ก็ไม่ยอมให้ใครตัด) เมื่อลูกมาอยู่ที่นี่ ตั้งใจช่วยพระศาสนา และช่วยตัวเองเรื่อง ทาน ศีล สมาธิ
ปัญญา แม่ทั้งสองจึงมาบอกให้ทราบว่า แม่ทั้งสองคือแม่ ถ้ามีอะไรต้องการพบ ไม่ต้องใช้ฌาน นึกถึงแม่ แม่จะมาปรากฏตัวให้เห็นอย่างนี้
คุยกันได้อย่างนี้จงจำไว้ว่า พวกคนวัด (ทายก) พวกเขามาก เขาได้รับประโยชน์ของวัดเอาไปบ้านเสมอ ส่วนลูกตรงไปตรงมาเขาจะเกลียด แต่ขอให้ตรงไปตรงมาก็แล้วกัน
แม่จะช่วย มันจะบรรลัยไปเอง
ท่านพูดต่อไปอีกว่า พ่อใหญ่ แม่ใหญ่ หมายถึงดาวดึงส์ท่านก็ช่วยเต็มที่อยู่แล้ว ให้นึกถึงท่านไว้เสมอ ๆ
อีกไม่นานนักแม่จะหมดภารกิจที่นี่และหมดวาระเป็นเทพธิดา จะไปอยู่ดาวดึงส์ ถึงแม่ไปแล้วก็มาช่วยลูกได้เพราะงานช่วยลูกเป็นงานของแม่โดยตรง
เมื่อท่านพูดจบท่านก็ย้ำว่า อย่าลืมนะแม่จะช่วยลูกทั้ง ๆ ที่ลูกขอร้องและไม่ขอร้อง ท่านพูดแล้วท่านก็ลาไป เรื่องนี้ยาวมากมีในเรื่องจริงอิงนิทานแล้ว
ไปหาอ่านกันเอาเองก็แล้วกัน หนังสือนี้เป็นการบันทึกประจำวัน ขอเขียนไว้เท่านี้
วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๓๑
วันนี้มีแขกที่มาหาจริง ๆ ก็เป็นแขกมากนครราชสีมา ๔ คน นครสวรรค์ ๓ คน มีพระมหาถวัลย์ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ เมืองปัก
อ.ปักธงไชย นำมา นอกจากนี้ก็มีมาจากกรุงเทพสองสามคน จากจังหวัดเลย ๕ คน ทุกท่านทำบุญไว้ ๗๕๑.๗๕ บาท วันนี้ท่านส่งมาทำบุญทางไปรษณีย์ หรือธนาณัติ รวม ๑๓,๖๔๙
บาท
นอกจากเรื่องเงิน ก็มี พ.ต.นพพร และ พ.ญ.เตือนใจ กลั่นสุภา สองสามีภรรยา พร้อมลูกน้อยของเธอ เอายาแก้ลมมาให้ ยาขับลมนี้เป็นยาแผนปัจจุบัน
สองแพทย์นี้สงเคราะห์เรื่องยาควบคู่ไปพร้อมกับ ๗ แพทย์ในกรุงเทพ รวมแล้วการป่วยคราวนี้ แพทย์แผนปัจจุบันช่วยกันรักษา ๙ คนด้วยกัน
และแพทย์แผนโบราณอีกหลายคนที่สงเคราะห์จัดยามาให้ ขออนุโมทนาทุกท่านที่เมตตา ขอให้ท่านจงรวยมาก ๆ และปรารถนาสมหวังทุกอย่างเถิด
◄ll กลับสู่สารบัญ
4
พระยายมมาตาม
อ่านเรื่องการเงินเป็นเรื่องชวนรำคาญ แต่ก็ต้องทำไว้เพราะเป็นบันทึกประจำวัน เมื่อสุดเรื่องหนักสมองแล้ว ก็เลี้ยวเข้ามาหาเรื่องหนักใจใหม่
นั่นคือเรื่อง ผี ผีวันนี้เป็นผีหลายระดับ เมื่อเวลา ๘ นาฬิกาตรง ให้ วิวัฒน์ โกศล นวดเพราะท้องแข็งปวดท้องมากเนื่องจากเส้นท้องตึง เมื่อ
วิวัฒน์ กำลังนวดก็เห็น ท่านลุงพุฒิ ท่านมาคนเดียว ทรงผ้านุ่งปล่อยชายเพื่อสังเกตง่าย เวลานั้นกำลังนมัสการพระอยู่
ท่านลุงท่านมาบอกว่า ไปบ้านผมหน่อยซิ มีธุระด่วน แต่เรื่องมีไม่มาก ท่านบอกแล้วท่านก็เดินกลับไป พระท่านบอกว่า ไปเถอะมีธุระไม่มากแต่เนื่องด้วยเธอ ท่านพุฒิท่านจะสงเคราะห์คนบาปที่หาบุญไว้ยากเต็มที่ คิดในใจว่า ท่านลุงที่ท่านสงเคราะห์ดะ
คนมีแต่บาปไม่มีบุญท่านจะช่วยได้อย่างไร แต่เมื่อท่านมาตามและพระท่านก็เห็นชอบจึงไปตามที่ท่านสั่ง
เมื่อไปถึงพบ แม่น้อย แก้วแดง และ ตานา นั่งอยู่ก่อน ทั้งสองท่านมีความสุขไปนานแล้ว ท่านแต่งตัวสวยในเครื่องแบบปกติของท่าน แม่น้อย
แก้วแดง เป็นความหวังนิพพานในบรรดานักปฏิบัติชุดแรก มีความเข้มแข็งใน ทาน ศีล ภาวนา ครบทุกอย่าง ท่านมีความสุขสูงที่สุด
ที่พอจะรู้ถึงความสุขเสวยสุขแบบนี้เป็นคนแรกคณะของท่านมี แม่พวง และ แม่ทองดี อีกสองคน แม่น้อยตายเพราะโรคมะเร็งในกระเพาะ อดทนในทุกขเวทนามาก
ไม่เคยครางไม่เคยบ่น เมื่อตายท่านตายตอนยามต้น
ตอนนั้นแม่พวงกำลังนั่งทำสมาธิอยู่ เห็นภาพขบวนแห่แม่น้อยในอากาศลอยมาใกล้ มีเสียงตะโกนลงมาว่า พวงเอ้ยพวงนิพพานนะน้องนะ และก็คืนเดียวกันนั้นเอง
เด็กสาวในตัวเมืองนอนฝันเห็นขบวนแห่แม่น้อยในอากาศ เหมือนที่แม่พวงเห็น ทั้งสองบอกว่า จำได้แต่เสียงท่านสวยงามเหลือเกิน มีชฎาใส่ทั้งตัวแพรวพราวไปหมด
คนในขบวนที่มาก็มีสภาพเดียวกัน สวยพรรณาไม่ไหว
ส่วน คุณตานา นั้นเมื่อก่อนตายบูชาพระเจริญกรรมฐานเป็นปกติ เมื่อป่วยมาก นิมนต์พระไปสวดพระปริตหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ต่อนาม
เมื่อพระเริ่มสวดกราบพระเสร็จกำลังฟังพระสวด ตายเวลานั้น และเวลานี้ท่านอยู่ที่ไหนอย่าถามเลย ถามก็ไม่บอกเพราะพระไม่ได้บอกไว้ว่าให้บอกได้
เป็นอันว่าเมื่อพบท่านทั้งสองแล้ว ถามท่านว่า ท่านมาทำไม ท่านตอบว่า พระยายมไปเชิญให้มา
ยังไม่รู้เหมือนกันว่าให้มาทำไม เมื่อพบลุง ท่านลุงบอกว่า คอยประเดี๋ยวครับ เจ้าหน้าที่กำลังไปพาจำเลยมา
เห็นเจ้าหน้าที่เข้าไปในกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ เข้าไปเกือบถึงก้นกลุ่ม จึงพาคน คนนั้นมา คนนี้รูปร่างสูงโปร่งหน้าตาเหมือนคนเมาอยู่ตลอดวัน เมื่อเธอมาถึงแล้ว
ท่านลุงบอกว่า ความจริงยังไม่ถึงวาระที่จะสอบสวนเธอ แต่เห็นว่าวันพรุ่งนี้คุณจะไปกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นงานหนักมาก ใช้เวลาหลายวัน
และเมื่อวาระของเธอคนนี้ถึงขณะที่คุณอยู่กรุงเทพฯ พอดี ผมก็ไม่มีโอกาสตามคุณมาได้จึงลัดคิวให้ออกมาก่อน
ถามท่านว่า เขามีบาปอะไรบ้าง ท่านบอกว่า บาปไม่มากแต่บาปเป็นอาจินต์คือบาปปกติ ดื่มสุราเป็นปกติ
ศีลขาดเป็นปกติ ร่วมมือกับคนที่โกงเงินสงฆ์มาเป็นส่วนตัว เพราะได้ส่วนแบ่งเป็นปกติ
แต่เห็นว่ายังมีความเป็นธรรมอยู่บ้างที่ไม่นินทาคุณและจิตไม่เลวไปตามพวกพ้องที่เลว จึงให้คุณมาเพราะอภัยสิ่งที่เธอพลาดพลั้งไปในคุณ เพื่ออโหสิกรรมให้เธอ
แม่น้อย พ่อนา นี่ก็เหมือนกัน เธอเคยนินทาตามคนอื่น จึงขอร้องให้มาเพื่อให้อภัยเธอเพื่อจะได้ประวิงเวลาลงนรก ถามท่านว่าจะเอาไปขุมไหน ท่านบอกว่า หลายขุมและมากขุมอยู่ แต่ขุมแรกที่จะลงคือขุมที่เจ็ดก่อน
แล้วท่านก็จัดการให้เธอขอขมาโทษทั้งสามก็กล่าวอโหสิกรรมให้เธอ
ถามลุงว่า เมื่ออโหสิกรรมแล้ว เธอจะอยู่ที่ไหน ท่านบอกว่า ไปรอการลงนรกอยู่ก่อนโดยมีโอกาสเป็นสัมภเวสี ๓๐ ปีมนุษย์ ในระหว่างนี้ถ้าญาติทำบุญอุทิศให้ถูกจังหวะก็สามารถไปเป็นเทวดาได้
ถ้าทำให้ไม่ถูกจังหวะและเมื่อครบ ๓๐ ปี แล้วก็ไปนรกขุมที่ ๗ เมื่อถามท่านว่า ทำอย่างไรชื่อว่าถูกจังหวะ ท่านบอกให้ถวายสังฆทานครบของกับพระสุปฏิปันโนตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปแล้วอุทิศให้แก่เธอแต่ผู้เดียว เท่านี้พ้น ไปสวรรค์ก่อน
หรือจะถวายพระองค์เดียวแทนสงฆ์ พระองค์นั้นต้องเป็นพระอรหันต์อย่างนี้จึงพ้นได้
แต่ถ้าบุญหมด เมื่อเป็นเทวดาไม่ทำบุญต่อให้ได้ถึงพระโสดาบันแล้ว หมดบุญก็ลงมาเข้านรกขุมที่ ๗ ทันที เมื่อถามท่านว่า
แล้วโอกาสสำหรับเขาจะมีไหม ท่านส่ายหน้าบอกว่า คนกลุ่มนี้ไร้ปัญญาไม่เคารพพระดี บูชาคนเลวที่ไม่ได้บวชพระ
หรือถ้าจะบูชาพระก็ชอบบูชาพระเลว ที่ไม่เคารพในพระธรรมวินัย
ฉะนั้นเท่าที่พูดมาไม่มีผลสำหรับเธอเลย แต่ผมก็ช่วยตามกำลังของผมช่วยแล้วเธอช่วยตัวเองไม่ได้ ก็ต้องถือว่าเป็นกรรมของเธอ เมื่อถามท่านว่า เมื่อเป็นสัมภเวสีช่วยตัวเองได้อย่างไร ท่านบอกว่า สัมภเวสีเป็นผีอิสระไม่ได้อยู่ในกรอบบังคับของใคร
ถ้าเห็นว่า บุตร ธิดา ภรรยา หรือญาติ เพื่อน พอมีอารมณ์จะรับได้ก็เข้าฝันบอกจริยาที่ทำบุญ เมื่อเขาทำให้ตามนั้นก็มีผลเป็นเทวดา แต่ทว่าจิตใจ
ของเธอมัวมาก คิดว่ายากที่จะพ้นนรกขุมที่ ๗
เมื่อคุยกันพอสมควรแล้วก็หันไปคุยกับ ท่านน้อย และ ท่านนา พอได้เวลาก็ลาท่านกลับ
เพราะวันนั้นพระสงฆ์ในวัดท่านจะถ่ายรูปร่วมกันท่านขอให้ไปร่วมกับท่านด้วย
วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๓๑
วันนี้นอนลุกไม่ไหวเพราะป่วย และต้องทนทำงานวันเป่ายันต์เกราะเพชร แต่เมื่อได้รับพยากรณ์ก็ต้องลุกขึ้นมาบันทึก ถ้าปล่อยไว้จะลืม
เมื่อเวลา ๙.๔๕ น. ออกไปพบท่านท้าวมหาราช เห็นท่านแต่งปกติแต่สวยมาก มีเทวดาอื่นร่วมด้วยจำนวนมาก ท่านบอกว่าอีกสักครู่หนึ่งพระท่านจะมาสงเคราะห์
เมื่อรอสักครู่ก็เห็น ท่านพ่อ ท่านมาพร้อมด้วยเทวดามาก ท่านสหัมบดีพรหม ท่านมา (พ่อ) ต่อไปพระท่านมาท่านสวยมาก
ท่านพูดว่า
ต่อนี้ไปร่างกายของเธอจะปลอดโรค โรคภัยจะหาย ร่างกายจะสมบูรณ์ปัญญาและความคิดจะปลอดโปร่ง ลาภสักการะจะมีมากขึ้น
เธอจงทำในสิ่งที่ควรทำ ทำเพื่อโลกประกอบธรรมสร้างความสบายใจให้เกิดแก่มวลมนุษย์ตามที่พึงทำได้และความรู้พิเศษที่จะให้คงได้รับสมบูรณ์ภายในเดือนยี่
จงใช้ในสถานที่และในกลุ่มคนที่สมควร อย่าใช้เป็นสาธารณะใช้เพียงให้เข้าใจเท่านั้นก็พอ เมื่อพูดจบท่านก็นิ่ง จึงลุกขึ้นมาบันทึก
◄ll กลับสู่สารบัญ
5
พระดับสภาพสังขาร
เมื่อคืนวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๓๑ เวลา ๒๒.๔๕ น. หลังจากคุยกับท่านอาจารย์บัติ วัดสระแก้ว อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง
แล้วมีพระท่านปรากฏกายคือท่านมาหา รูปร่างล่ำสันลักษณะแบนผิวเนื้อสองสีสันทัดคน อายุประมาณ ๔๕ ปี ท่านบอกว่า ท่านตายแล้วและตายเลย ไม่กลับมาเพื่อตายใหม่อีก
เมื่อถามชื่อท่าน ท่านไม่บอกชื่อท่านพูดว่า จะถามไปทำไมเพราะคนที่รู้จักผมเขาเกลียดผม ถ้าเขาทราบชื่อเขาจะพากันด่าผม
เขาจะเพิ่มโทษลงนรกมากขึ้น เมื่อถามท่านว่า ท่านอยู่ที่ไหน ท่านบอกว่าอยู่ไม่เป็นที่ ถามว่าวัดไหน ท่านบอกว่า อยู่ไม่เป็นที่ เพราะไปอยู่ที่ไหนเข้าถิ่นก็เกลียด ส่วนใหญ่เขารังเกียจพระปฏิบัติที่เอาจริง ท่านบอกว่า เฉพาะที่ท่านไปพัก
ที่อื่นอาจจะดี และก็คงมีดีมาก แต่ที่ท่านพักทุกสถานที่เหมือนกันหมด ท่านเลยต้องย้ายวัดเรื่อย ท่านอยู่แถวภายนอก ไม่ใกล้จังหวัด อำเภอหรือตลาด
ท่านบอกว่า ท่านอยู่แบบอนาถามาก เลยทำให้เข้าใจในคำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อถามท่านว่า ท่านเข้าใจครบอริยสัจเมื่อไร ท่านบอกว่า เมื่อเช้านี้เอง (วันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ตรงกับวันที่ ๑๕
ตุลาคม ๒๕๓๑ เป็นวันเป่ายันต์เกราะเพชรที่วัดท่าซุง) ถามท่านว่า เมื่อเรียนเข้าใจแล้วทำไมไม่อยู่สอนคนอื่น ท่านบอกว่า ผมเรียนหลักสูตรวิชชาสามเข้าใจในกำลังใจคนและพระพอสมควร ทราบว่าถ้าสอนก็ไม่มีประโยชน์ เลยหาทางไปรับผลที่เรียนมาก่อน
เมื่อถามท่านว่า ใครเป็นอาจารย์ของท่าน ท่านบอกว่า อาจารย์ใหญ่คือ พระพุทธเจ้า
เมื่อถามถึงครูผู้แนะนำ ท่านบอกว่า ท่านอ่านหนังสือมหาสติปัฏฐานสูตร ที่มีหลักสูตรวิชชาสามแล้วทำตามนั้น
เมื่อทำไปไม่ถึงสองปีพระท่านก็มาสอบ ติด ป.๓ อยู่ ๗ ปี เพิ่งครบ ป.๔ วันนี้ เมื่อจบชั้นประถมแล้วก็ขอไปทำกิจส่วนตัว เลี้ยงคนอื่นไม่ไหว
ท่านพูดแล้วท่านก็หายไป
◄ll กลับสู่สารบัญ
6
ขอต่อคำพยากรณ์อีกหน่อย
ท่านบอกว่า หนังสือบันทึกประจำวัน ให้เขียนตามนิมิตเห็นให้มาก
เขียนตามพระไตรปิฎกแต่น้อยพอเป็นหลักฐานว่าความรู้อย่างนี้ทำกันได้มานานแล้ว ไม่ใช่ของใหม่ เพราะตามนิมิตไม่มีหนังสืออ่าน
สงเคราะห์คนเบื้องหลังจะได้เข้าใจในนิมิตและใช้นิมิตได้ถูกต้อง พวกริษยาจงอย่าสนใจ (ความจริงไม่สนใจมานานแล้ว) เขาจะไปทางไหนเป็นเรื่องของเขา
อยากทราบก็ไปดูที่บัญชีพระยายม รู้แล้วเฉยไว้เราไปตามทางของเรา
วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๑
วันนี้อาการของโรคทางร่างกายค่อยคลายขึ้นมาก เพราะเมื่อคืนวันที่ ๒๑ ท้องระบายออกมาก ด้วยมันคับคั่งมหาศาลที่เว้นการเขียนมาหลายวัน
เพราะจับดินสอเขียนไม่ไหว วันนี้พอได้เล็กน้อย เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม เวลา ๑๘.๐๐ น. นอนภาวนารอตาย เรื่องรอตายนี้เป็นของธรรมดา
วันคืนล่วงไปเราก็ใกล้วันตายเข้าไปทุกวัน
เมื่อจิตสงบ เห็นพระองค์หนึ่งแก่มากแล้วปรากฏขึ้น ท่านบอกว่า เธอยังตายไม่ได้ จะตายได้ต้องเปลี่ยนชื่ออีก ๓ ครั้งก่อน
เมื่อเปลี่ยนชื่อครั้งที่สามแล้วต่อไปอีกประมาณ ๑๐ ปี หรือเกินกว่านี้จึงจะตาย ฟังท่านแล้วก็นึกแปลกใจ ถามท่านว่า ท่านเป็นใคร ท่านตอบว่า
ฉันเองคือพระองค์ต้นแถว
7
การเปลี่ยนชื่อ
การเปลี่ยนชื่อนี้เปลี่ยนมาหลายครั้งแล้ว คือชื่อเดิมชื่อว่าอ้ายหนู เป็นเด็กเล็ก คนโบราณเรียกอย่างนั้นแต่ท่านลุง ชื่อเป็นพระทรงฌาน
ท่านเรียกว่า พรหม หรือ เจ้าพรหม ต่อมาก็เปลี่ยนจากอ้ายหนู เป็นอ้ายเล็ก เปลี่ยนจากอ้ายเล็ก เป็นหลวงพี่เล็ก เปลี่ยนจากหลวงพี่เล็ก เป็นหลวงน้าเล็ก
เปลี่ยนจากหลวงน้าเล็กเป็น หลวงพ่อ ตอนเป็นหลวงพ่อนี้ มีหลายชื่อ เอาชื่อหลวงพ่อก็แล้วกัน
ต่อไปจากหลวงพ่อ ก็เป็นหลวงปู่ เปลี่ยนใหม่ครั้งที่หนึ่ง
เปลี่ยนจากหลวงปู่ ก็เป็นหลวงตา เปลี่ยนครั้งที่สอง
เปลี่ยนจากหลวงตาธรรมดาเป็นหลวงตาตุ่ม แล้วหลังจากนั้นจึงตาย ท่านว่าอย่างนี้ ตอนนั้นน่ากลัวจะต้องตะบันลมหายใจ แต่เมื่อท่านบอกก็บันทึกไว้
จะมีชีวิตอยู่ได้ถึงไหนก็ไม่สนใจ ตายเมื่อไรสบายเมื่อนั้น
เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๓๑ ไปแจกสมุด และเงินให้รางวัลเด็กนักเรียนจากช่วยงานเป่ายันต์เกราะเพชรแล้ว แจกให้เธอคนละ ๕๐ บาท นักเรียนทั้งหมด ๒๘๖
(อาจจำจำนวนผิดก็ได้) เมื่อวันเป่ายันต์มีญาติโยมช่วยสงเคราะห์ทุนการศึกษาเด็ก ๑๑๕,๕๘๐ บาท เงินสะเดาะเคราะห์ ๖๙,๒๔๙.๗๕ บาท
เงินสะเดาะเคราะห์นี้แบ่งไปสงเคราะห์เด็กคนละ ๕๐ บาท
ส่วนที่เหลือเป็นสังฆทาน ธรรมทาน วิหารทาน สร้างพระพุทธรูป ขอขอบคุณทุกท่านที่เมตตาสงเคราะห์เด็ก ท่านเมตตาสงเคราะห์เด็กก็คือสงเคราะห์อาตมาโดยตรง
เพราะเด็กทุกคนในช่วงระยะ ๓ เทอมนี้ อาตมาเลี้ยงร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกคน เขียนรับเขียนจ่ายเพลินไป
เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๓๑ นี้ จ้าวมา ท่านมาตอน ๒ โมงเช้า จ้าวท่านนี้อำนาจราชศักดิ์ท่านแรงมาก จงอย่าเข้าใจว่า จ้าวนาย หรือเจ้าพ่อ เจ้าแม่
ที่ท่านมานี้คือ จ้าวหนี้ ท่านโผล่มา ท่านก็บอกว่า เอาเงินมา ๕๑๕,๙๖๐ บาท จึงขอความเมตตาท่านว่า กรุณารอประเดี๋ยวขอถามทางธนาคารก่อน
เพราะเงินรับทุกวันเข้าธนาคารหมดไม่เหลือติดวัดไว้ เพราะเกรงจะใช้ผิดไป เพราะเลิกรับแขกแล้วเจ้าหน้าที่ธนาคารก็มารับเอาไปหมด
เมื่อถามไปทางธนาคารเขาก็บอกมาว่าเงินไม่พอจ่ายรอยอดเงินเป่ายันต์เกราะเพชรก่อน เมื่อรวมยอดเงินที่ถวายวันเป่ายันต์ฯ
ทั้งสามธนาคารรวมกันก็พอจ่ายและพอจ่ายสิ้นเดือน เพราะสิ้นเดือนจ่ายมากกว่ากลางเดือนหลายเท่าการจ่ายก็ใช้การโอน ไม่ได้จ่ายเงินสด
ที่ว่าจ้าวหนี้มา ก็อย่าคิดว่ามีคนที่เป็นหนี้มาจริง ๆ มันเป็นบัญชีจากฝ่ายการเงินแจ้งมา เนื่องในการทยอยชำระหนี้ไม่มีใครเขาทวงหรอก
เมื่อถึงกลางเดือนก็รวบรวมเงินที่ญาติโยมให้ไว้ชำระตอนหนึ่ง ปลายเดือนชำระอีกตอนหนึ่งครบหรือไม่ครบไม่มีใครเขาว่า
เพราะทราบว่าถ้าไม่จ่ายแสดงว่าตาแก่บ๋อต๋อแล้ว ขืนเดินมาทวงก็เสียเวลาเดิน
เมื่อพูดถึงงานเป่ายันต์เกราะเพชร เมื่อวันที่ ๒๑ ต.ค. ๓๑ นี้ มีผู้เป็นพ่อแม่พาเด็กสาวมาคนหนึ่ง เธอบอกว่า ผีสิงไปตั้งแต่มารับยันต์เกราะเพชร
จึงขอให้เอาตัวมาดู เมื่อเธอมาก็เห็นผีที่ลอยอยู่เหนือหัวเธอสวยมาก จึงถามว่า มาจากไหน เธอตอบว่า มาจากชั้นจาตุมหาราช ถามว่าเกาะเด็กมาทำไม
เธอตอบว่า จะไปเกิดมาลาไปเกิดขอบวชก่อน พอดีพ่อแม่เด็กเธอเตรียมเครื่องชุดบวชขาวมาครบ
เมื่อให้แต่งชุดขาวแล้วถือว่าเป็นอันได้บวชแล้ว พรมน้ำมนต์ให้เธอนิดหน่อย เธอก็ลาจากเด็กไป คำพูดของเธอเป็นธรรมะทุกถ้อยคำ
เธอบอกกับพ่อแม่ของเด็กว่า พระอื่นไม่ไปหาเพราะท่านเกลียด ให้ไปหาหลวงพ่อวัดท่าซุงเพราะท่านรัก ขอให้เป็นข่าวนิด ๆ หน่อย ๆ
เท่านั้น พ่อแม่เด็กคนนี้อยู่อำเภอบรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์
◄ll กลับสู่สารบัญ
8
พระฯ พยากรณ์อาการป่วย
วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๓๑ กลับจากซอยสายลม ให้ล้างท้องด้วยน้ำผสมดีจระเข้ วันที่ ๑๒ ตุลาคม ท่านย่า กับ แม่ศรี
ขอให้ล้างท้องอีกหนึ่งวัน เพื่อให้สิ่งที่คั่งค้างออกไป วันนี้ล้างท้องแล้ว พ.อ.สถาพร พงษ์พิทักษ์ มานวดให้ก่อนที่ พ.อ.สถาพร จะมาถึง
ขณะที่นอนอยู่สบายดี พอลุกจากที่นอนก็หนาวจัดตัวสั่นสะท้าน อาการไข้จับสั่นอย่างแรงเกิดขึ้น อาการไข้แบบนี้ไม่มีอาการเริ่มต้นมาให้รู้สึกก่อน
อาการสั่นและหนาวอย่างนี้ไม่เคยพบมาเลยในชีวิตนี้
วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๓๑ พ.ต.น.พ.นพพร และ ร.อ.พ.ญ.เตือนใจ กลั่นสุภา สองสามีภรรยามาจากค่ายจิระประวัตินครสวรรค์มาเยี่ยม
เมื่อทราบอาการก็รีบจัดยารักษาโรคไข้จับสั่นมาให้ทันที ยายันโรคได้ดี เพราะพอกินยาเข้าไปแล้วเลิกหนาวสั่นจนถึงวันที่เขียนนี้
วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๓๑ น.พ.จรูญ และ พ.ญ.ชัยศรี (พ.ญ.แสงโสม ปิรยะวราภรณ์) และจอมภัค ลูกสาวมา เธอตั้งใจมารักษาโดยตรง ให้น้ำเกลือ ๒,๐๐๐
ซีซี ให้ยารักษาโรค วันนี้ไข้อาละวาด เธอไม่สั่นแต่ทำให้ประสาททั้งตัวตายเกือบหมดท้องหยุดนิ่งไม่ยอมถ่าย ประสาทไม่ทำงานหลายส่วน บางส่วนทำก็ทำแบบคนไม่มีแรง
วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๓๑ ต้องเป่ายันต์เกราะเพชร
ตอนกลางคืนวันที่ ๑๔ ต.ค. ถามพระท่านว่า พรุ่งนี้คนจะมากน้อยเพียงใด ท่านบอกว่า คราวนี้คนมากกว่าทุกครั้งที่เป่ามาแล้ว กราบเรียนท่านว่า
พรุ่งนี้ร่างกายจะลุกไม่ขึ้นเพราะขณะพูดกับท่านนอนพูดไม่อยากขยับกาย ขยับไม่ไหว ท่านบอกว่า ไม่เป็นไรต้องไปไหวและต้องทำได้
มิฉะนั้นศรัทธาของคนจะถอย เพราะเสียกำลังใจ เมื่อถามถึงผลในการเป่ายันต์ ท่านบอกว่า มีผลสมบูรณ์
เพราะเธอไม่ต้องทำอะไรนั่งเป็นประธาน (จะเหว็ด) ให้คนเขาเห็นเท่านั้นพอแล้ว ส่วนงานนั้นคณะของฉันทำทั้งหมด
เมื่อท่านไปแล้วเหลือบตาดูนาฬิกา เห็นเวลา ๒ นาฬิกาพอดี คิดว่าป่านนี้ยังไม่หลับ ร่างกายก็ไม่มีแรง ท้องผูกไม่ยอมถ่าย ได้น้ำเกลือเข้าไปตั้ง ๒,๐๐๐ ซีซี
ยังไม่ยอมถ่าย พรุ่งนี้จะลุกไหวหรือพอคิดถึงเท่านี้ พระท่านก็มาถึง จึงออกไปหาท่าน เลิกห่วงร่างกาย ท่านบอกว่า
วันพรุ่งนี้มีแรงจำกัดพอทำงานได้ยังตายไม่ลง วันที่ ๑๖ ขอให้ล้างท้อง วันที่ ๑๗ ล้างท้องอีกวันหนึ่ง เพราะไข้จับสั่นมาทำลายประสาทเพลียหมด
หลังจากนั้นใช้ยาระบายร่างกายจะค่อย ๆ ดีขึ้น กฎของกรรมอย่าบ่นเลย ช่วยกันทำงานจนกว่าจะหมดลมหายใจ แล้วไปอยู่ด้วยกัน เธอมีสิทธิไปอยู่ที่ตรงนั้นแน่นอน
และแล้วอาการก็เป็นไปตามนั้น.
((( โปรดติดตามตอนต่อไป )))
◄ll กลับสู่สารบัญ
puy - 12/7/10 at 15:22
9
เรื่องไฟฟ้า
เมื่อทางการไฟฟ้าฯ เก็บค่าไฟฟ้าราคาสูงขึ้นตามอัตราการใช้ ก็เริ่มจะไม่มีเงินจ่าย จะลดไฟก็ลดไม่ได้มีแต่จะเพิ่มอีกเพราะอาคารสร้างใหม่อีก ๓๐๐ ห้องกว่า
วิหารก็ต้องใช้ไฟมาก ถามพระท่านว่าจะทำอย่างไร ถ้าไม่ใช้ไฟขององค์การไฟฟ้าฯ ใช้ไฟจากเครื่องปั่นไฟ คงแพงกว่าแน่
พระท่านบอกว่าใช้ไฟเครื่องถูกกว่า ท่านบอกว่าการใช้ไฟทั้งวัด ไม่ควรเก็บเกินเดือนละ ๕๐,๐๐๐ บาท
เมื่อทดลองใช้เครื่องปั่น ตั้งแต่วันที่ ๓ ตุลาคม ถึง ๒๑ ตุลาคม ๓๑ รวมใช้ในงานเป่ายันต์เกราะเพชรด้วย คิดเฉลี่ย ๒๔ ชั่งโมง จ่าย ๑,๕๕๐ บาท ๓๐ วัน
ก็จ่าย ๔๖,๕๐๐ บาท ทั้งนี้รวมเงินจ่ายพิเศษค่าน้ำมันวันเป่ายันต์เกราะเพชรเข้าไปด้วยแล้ว ๓,๕๓๔ บาท ปกติงานเป่ายันต์เกราะเพชรแต่ละคราว
เมื่อซื้อกระแสไฟฟ้าใช้ต้องเพิ่มรายจ่ายค่าไฟฟ้าเดือนนั้น หนึ่งหมื่นบาทเศษ ทุกคราวไป คราวนี้เราจ่ายเอง จ่ายเพียง ๓,๕๓๔ บาท ต่อไปจะซื้อเครื่อง ๑๐๐
กิโลวัตต์ มาผ่อนใช้ กลางคืนใช้ ๒๐๐ กิโลวัตต์ กลางวันใช้ ๑๐๐ กิโลวัตต์ จะลดเงินไปได้อีกเดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาทเศษ
จะทดลองดู ใช้ ๑๐๐ กิโลวัตต์ทั้งกลางวันและกลางคืน จะจ่ายอย่างมากเดือนละ ๒๐,๐๐๐ เศษ ๆ เท่านั้น หรือไม่เกินเดือนละ ๓๐,๐๐๐ บาท
ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าไฟของที่ซื้อกระแสเขามากเพราะปัจจุบันเขาเก็บเดือนกันยายน ๒๕๓๑ จำนวนเงิน ๘๙,๕๔๖.๐๒ บาท ถ้าเพิ่มหลอดไฟอีกตามความจำเป็น
ต้องจ่ายเงินเดือนละไม่น้อยกว่า ๑๓๐,๐๐๐ บาท เท่านี้อาจจะไม่พอก็ได้ จึงต้องหาทางช่วยตัวเองที่พระท่านแนะนำ
◄ll กลับสู่สารบัญ
10
เรื่องน้ำท่วม
น้ำท่วมละลอกแรกพอยุบตัวเล็กน้อย วันที่ ๑๙ ต.ค. ๓๑ นอนปวดท้องอยู่ ได้ยินเสียงพระอนันต์โทรศัพท์ถึงใครไม่ทราบ เธอพูดว่า น้ำละลอกที่สองขึ้นมานองพระจุฬามณีแล้ว ฟังแล้วก็เลยลืมปวดท้องไปชั่วคราว หันไปถามท่านเวสสุวรรณว่า น้ำจะมากขนาดไหน ท่านบอกว่า มากกว่าเดิมเล็กน้อย แต่จะทรงตัวอยู่ไม่เกิน ๒ วันน้ำก็จะไหลลง
ขึ้นไปหาพระท่าน พระท่านบอกว่า น้ำทางบ้านไร่ก็แรง น้ำมาทางเมืองกำแพงก็มาก แต่ถึงกระไรก็ไม่ท่วมลานพระอุโบสถ
ท่านทั้งสองพยากรณ์เหมือนกันก็สบายใจ ท่านบอกว่าน้ำมามากดี ทุกคนจะได้ร่ำรวยเหมือนสายน้ำไหลมา (ท่านพูดเอาใจ) เพื่อให้เบาใจ
ดีชะบุญที่คณะหมอสุภรณ์ ที่ชิคาโก้ อเมริกา ซื้อรถพิเศษวิ่งบนบกได้ ว่ายน้ำก็ได้ ถวายมาหนึ่งคันได้ใช้รถคันนี้พอไม่ต้องท่องน้ำ
ในที่ใดช่องแคบเกินไปใช้รถไม่ได้ ก็ใช้เรือท้องแบนที่หลายคนซื้อมาให้ตั้งแต่ปีน้ำท่วมคราวก่อน ขอขอบคุณทุกคนที่เมตตา
ขอทุกคนที่ช่วยซื้อมาถวายและถวายเงินร่วมซื้อรถซื้อเรือ และถวายเพื่อใช้จ่าย จงรวยมาก ๆ และปลอดภัย มีความสุขเสมอ
ก่อนน้ำท่วมสองวัน เห็นรถคุณแต๋นที่ คุณโชติวุฒิ คเชศะนันท์ ซื้อถวายหนึ่งคัน และคณะลูกพระสุธรรมยานเถระซื้อถวายอีกหนึ่งคัน
คิดว่ารถชนิดนี้ดีมาก อาศัยใช้งานได้ทุกอย่าง ใช้มากด้วย เวลาน้ำท่วมถ้าไม่สูงเกินไปก็ใช้คุณแต๋นไปได้ เป็นอันว่าที่ใดรถเก๋งไปไม่ได้ คุณแต๋นไปได้สบายมาก
คิดอยากจะซื้อไว้ใช้อีกสัก ๔ คัน พอคิดได้สองวันน้ำมาใหญ่ ได้ใช้คุณแต๋นบุกน้ำรับส่งคน และขนของ
ชนิดไม่ต้องห่วงว่าน้ำจะสามารถห้ามคุณแต๋นไม่ให้ไปนั้นไม่ได้เลย
เมื่อถึงวันเป่ายันต์เกราะเพชร ตอนเช้าลุกขึ้นสะดวกกินข้าวพอได้ กินข้าวเสร็จก็แต่งตัวไปในงานเป่ายันต์ วันนั้นพูดน้อยเพราะพูดไม่ไหว
เมื่อไปถึงโรงพิธีกราบพระท่านแล้ว ถามท่านว่า จะขึ้นธรรมาสน์ไหวหรือ ท่านบอกว่าไหวเพราะพวกที่ชาวบ้านไม่เห็นตัวมาช่วยมากท่าน ผู้คนมากมายจริง ๆ เต็มศาลาสองไร่ทั้งด้านในและด้านนอกบริเวณรอบ ๆ ก็เต็มศาลาสี่ไร่
รวมทั้งใต้ถุนศาลาสองไร่ รวมแล้ว เนื้อที่ ๗ ไร่
รอบแรก ๑๐.๐๐ เต็มเรียบร้อยนั่งแล้วห้ามลุก เพราะลุกเมื่อไรที่หายเมื่อนั้น รอบสองก็เต็ม รอบสามเวลา ๑๕.๐๐ น. เต็มปกติ ขึ้นไปบนธรรมาสน์พูดได้น้อย
เวลาทำใจมันสั่น พระท่านบอกว่าเธอนั่งเฉย ๆ งานของฉัน ๆ ทำเอง แล้วท่านก็ทำของท่านเองทุกรอบ ท่านทำของท่านอย่างนี้เป็นปกติทุก
ๆ คราว พอเริ่มทำได้เพียงไม่เกิน ๑ นาที ของท่านเป็นประกายแพรวพราวหมดแล้ว แต่ท่านบอกว่า เธอนั่งเฉย ๆ สัก ๑๐ นาที
เลิกเร็วประเดี๋ยวเขาจะหาว่าไม่ได้ทำเลย เลยนั่งตามท่านบอก
ขอขอบคุณญาติโยม และลูกหลานที่เมตตาสงเคราะห์ช่วยการศึกษาของเด็กคือช่วยฉันเอง รวมทั้งหมดเป็นเงิน ๑๑๕,๕๘๐.๕๐ บาท ช่วยเด็กก็คือช่วยฉัน
สะเดาะเคราะห์อีก ๖๙,๒๔๙.๗๕ บาท ทั้งหมดนี้สงเคราะห์การศึกษาช่วยเด็กที่พ่อแม่ถูกน้ำท่วมสองระลอก ไม่มีอะไรเหลือ ส่วนเด็กที่น้ำท่วมน้อยมีอยู่ ๒-๓
คนก็ช่วยร่วมกันไปด้วย เงินสะเดาะเคราะห์บางส่วนนำไปถวายเป็นค่าอาหารพระ และการก่อสร้างช่วยนักเรียน
รวมแล้วเงินสะเดาะเคราะห์นี้ทำครบทุกอย่างสะเดาะเคราะห์สงฆ์และสะเดาะเคราะห์เด็ก
วันนี้ ๒๒ ต.ค. ๓๑ นอนพักผ่อนตอนเย็นไม่มีเพื่อนคุย หาคนคุยไม่ได้ ก็พยายามหาผีเป็นเพื่อนคุย ขยับอารมณ์ให้เบานิดหนึ่ง พอเห็นได้ จะคุยกับท่านมหาราช
ปรากฏว่าไม่อยู่สักองค์หายไปหมด อยู่แต่ ท่านอินทกะ มากมายแต่งตัวแพรวพราวเป็นระยับ ท่านวชิระ หรือ ท่านวิเชียร
ท่านบอกว่าท่านมหาราชและเทวดาชั้นหัวหน้าทั้งหมดไม่อยู่ ด้วยพรุ่งนี้วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๓๑ เป็นวันปิยมหาราช
ทุกท่านในฐานะพระสยามเทวาธิราชไปประชุมหมด ด้วยทางการทำพิธีเชิญไม่รู้ว่าใครเชิญ เก่งจริง ๆ เล่นยกกระบิเทวดาหัวแถวไปหมดเลย
เมื่อตอนกลางวันก่อนอาหารเพล นอนภาวนาเพื่อรักษากำลังใจ ใกล้เวลาอาหาร คิดว่าเราภาวนาเฉย ๆ ไม่พบใครเลย ขยับอารมณ์นิดหน่อยพอเห็นได้
ก็เห็นท่านมหาราชทั้งสี่ มีท่านเวสสุวรรณอยู่ใกล้ที่สุด พอจะถามท่านเวสสุวรรณก็เห็นท่านลุงทั้งสองท่านยืนอยู่แล้ว ท่านลุงบอกว่า
ผมมายืนอยู่นานแล้ว เห็นคุมอารมณ์ก็เลยไม่กวนใจ พระท่านมา ท่านบอกว่าอย่ากดอารมณ์มากนักปล่อยมันลอยไปบ้าง มันจะเครียด
การเครียดของอารมณ์จะเหนื่อย ไม่ดี
วิธีปล่อยอารมณ์ก็คือหาเพื่อนคุย จะคุยกับใครก็ได้ พอดีท่านพ่อท่านแม่และท่านเมียชาติก่อน ๆ ท่านมากันเยอะแยะเลยคุยกันสนุก คุยเรื่องอะไรบ้างบอกไม่ได้
เพราะจำไม่ได้หมด
เมื่อเป่ายันต์เกราะเพชรมีเรื่องปกติคือ คนผีเข้ามาก่อนผีร้อง คนที่ถูกผีเข้าเลยร้อง อย่างนี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อวันที่ ๒๑ ต.ค. ๓๑ มีเรื่องแปลก
ที่มีเทวดาตามคนไปบ้านตามที่เขียนมาแล้ว รู้สึกว่าบ้านนี้เป็นบ้านที่โชคดีมาก เอาละมองดูเวลาเห็นว่าดึกมากแล้ว ขอพักเพียงเท่านี้
วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๓๑
วันนี้เป็นวันปิยมหาราช ตั้งแต่เมื่อตอนใกล้ค่ำวันที่ ๒๒ ตุลาคม จะคุยกับท่านมหาราช ที่ท่านเมตตาสงเคราะห์อยู่ใกล้ตลอดมาตั้งแต่ป่วยใหญ่ ปี ๒๕๓๐
ท่านช่วยในการเดิน ลุก นั่ง ยืน ถ้าไม่ได้ท่านช่วย ก็เห็นจะต้องนอนอยู่ที่เดียว ท่านมีคุณใหญ่ พอเขียนถึงตรงนี้ท่านก็ปรากฏมาในเครื่องแต่งกายเต็มยศ
ท่านบอกว่า ไม่ได้ช่วยแต่ท่านเท่านั้น พระ พรหม เทวดา ต่างช่วยด้วยกันทั้งหมด
นี่เป็นสิ่งที่สังเกตได้ถึงอารมณ์เทวดาที่เป็นพระอริยเจ้า ท่านไม่ยอมรับว่าท่านดีตามลำพัง พยายามแจ้งว่าการเมตตาสงเคราะห์ ท่านช่วยกันมากท่าน
ไม่เหมือนคนเราบางคนที่เลวแสนเลว ยังกล้าโมเมตัวเองว่าดี ทั้งนี้เพราะกิเลสทับถมเลยหัว เลยมองไม่เห็นความชั่ว เพราะความชั่วปกปิดมิดชิด
เป็นอันว่าเมื่อตอนใกล้ค่ำของวันที่ ๒๒ มองหาท่านมหาราชทั้งสี่ไม่พบ พบแต่คณะท่านอินทกะมากท่านแต่งตัวแพรวพราวเป็นระยับ สวยงามมาก เมื่อถามท่าน
ท่านบอกว่า วันนี้ท่านท้าวมหาราชและเทวดาที่เป็นหัวหน้าทั้งหมดทุกชั้น ท้าวมหาพรหมทุกชั้น ไปประชุมกันที่กรุงเทพ
ด้วยทางราชการเชิญเนื่องในวันปิยมหาราช คิดในใจว่า ท่านผู้ใดเป็นผู้เชิญนะ ท่านผู้นี้มีบุญจริง ๆ เทวดาและพรหมถึงเมตตาอย่างนี้
วันนี้ร่างกายพอดีขึ้นบ้าง นอนเวลา ๒๔ นาฬิกา ตื่นตี ๓ ภาวนาหลับไปอีก ตื่น ๖ นาฬิกา เป็นวันที่ร่างกายสบายมากใน พ.ศ. นี้
ทั้งปีที่ผ่านมาอาการโปร่งอย่างนี้ไม่มีเลย มีแต่ผะอืดผะอม ปวดเสียดไม่มีแรงตลอดกาล ตั้งแต่เมื่อคืน วันที่ ๒๒ เวลา ๒๒ นาฬิกา เป็นต้นไปจนถึงเช้าวันนี้
อาการโปร่งสบาย แต่ทว่าเมื่อ ๖.๑๕ น. ท่านโกมารภัจจ์ ท่านมาบอกว่ายาแก้ไข้จับสั่นให้กินไว้เสมอ
เริ่มกินหลังอาหารกลางวันไข้มันยังไม่หมดฤทธิ์ ขอบพระคุณท่าน ท่านเมตตาเหลือเกิน เรามาคุยกันถึงเรื่องวันปิยมหาราชกันต่อไป
เทวดาและพรหมที่มีตำแหน่งพระสยามเทวาธิราชประชุมกันพร้อมเพรียง ท่านจะทำอะไรกันบ้างเป็นเรื่องของท่าน แต่ที่ท่านประชุมกันเพราะมีคนเชิญ
คนเชิญอาจจะเชิญตามหน้าที่ แต่ผู้ให้เชิญหรือประธานที่ให้เชิญต้องเป็นคนที่มีบุญมาก เทวดาและพรหมจึงเมตตาขนาดนี้ หรือว่า ร.๕ ท่านไปเกิดเป็นเทวดาหรือพรหม
แล้วเทวดาและพรหมรักท่านมาก เมื่อถึงวันของท่านจึงมาร่วมกันมาก ความจริงเป็นอย่างไรก็ไม่ขอเดา เพราะเดาก็ไม่เหมือนดู เมื่อดูไม่รู้ก็ไม่ขอเดา
◄ll กลับสู่สารบัญ
11
เรื่องที่ฟังมา
สมัยรัชกาลที่ ๕ พระปิยมหาราช เรื่องของความจริงตามที่เขียนไว้มีอะไรบ้าง ก็ไม่มีหนังสืออ่านมากนัก เวลาอ่านก็ไม่ค่อยมี เลยไม่รู้เรื่องจริง
ขอนำเรื่องที่ชาวบ้านพูดกันต่อ ๆ มาเล่าให้ฟัง
◄ll กลับสู่สารบัญ
12
หลวงเชษฐ์
เรื่องที่หลวงเชษฐ์ท่านเล่าให้ฟังบางตอนท่านเล่าถึงเรื่องประพาสต้น ในตอนหนึ่งท่านบอกว่า เป็นฤดูมีน้ำมาก เหมือนที่กำลังเป็นอยู่เวลานี้
น้ำป่านองเป็นระลอกที่สอง ต้องใช้รถวิ่งบนบกได้ว่ายในน้ำได้ ที่ หมอสุภรณ์ พงษ์หล่อวิศิษฐ์ อยู่ที่ชิคาโก้ อเมริกา ซื้อให้มาหลายปีแล้ว
เจ้าแอ๊ดคันนี้ดีมากไม่กลัวบกและไม่กลัวน้ำ
ท่านคุณหลวงเชษฐ์เล่าว่า วันหนึ่งที่ ร.๕ ท่านออกไปตามหัวเมือง ท่านแต่งกายแบบชาวบ้านธรรมดา พายเรือเล่นในทุ่งนาที่มีน้ำมาก และมีเรือเล็ก ๆ
แต่งตัวแบบเดียวกันพายตามกันไปสนุกสนานกันมีอาหารไปกินกันในทุ่งนา ของที่ ร.๕ ท่านชอบมากคือสายบัว ถอนสายบัวมากินร่วมกับปลาร้าน้ำพริก
มีครั้งหนึ่งหรือหลายครั้งที่คุณหลวงเล่าว่า ไปพบชาวบ้านที่ต่อเรือหาปลาในทุ่ง เขาไม่ทราบว่าท่านเป็นจ้าวนาย เพราะในหมู่เรือที่ไปร่วมนั้น
ก่อนไปคณะหลวงเชษฐ์ต้องไปหาซื้อเครื่องแบบชาวนาเก่า ๆ จากชาวบ้าน ให้เขาชุดละ ๑ ตำลึง หรือ ๔ บาท เจ้าของเสื้อผ้าชอบใจมาก เพราะเงิน ๔
บาทสมัยนั้นหาได้ยากเต็มที เมื่อคณะของคุณหลวงอยู่ในชุดชาวนา ชาวนาผู้นั้นเลยไม่รู้ว่าเป็นใครได้พูดคุยกัน
ถามความเป็นมาในฐานะชาวนาด้วยกันเป็นที่ถูกใจกันแล้ว ก็กินเหล้าร่วมกัน ร.๕ ท่านไม่ได้ร่วมวงเหล้าด้วย
เมื่อเสร็จพิธีกรรมเมาเรียบร้อยแล้ว เมาเพียงธรรมดาไม่ถึงขนาดเมาแหง ร.๕ ท่านก็ให้สัญญาการเป็นเพื่อนกับชายคนนั้น จดชื่อเสียงที่อยู่ไว้เรียบร้อย
เรื่องนี้เท็จจริงประการใดไม่ทราบฟังจากหลวงเชษฐ์เล่ามาอย่างนี้ ก็เอามาเขียนให้อ่านเล่นแก้เหงา
◄ll กลับสู่สารบัญ
13
เพื่อนต้น
คุณหลวงเชษฐ์ท่านบอกว่า ร.๕ ทรงปฏิบัติแบบนี้มาตลอดทุกสถานที่ที่เสด็จไป เมื่อกลับกรุงเทพฯและเสด็จประพาสยุโรปกลับมา ซื้อไม้กระบองขนาดพอสวยมามาก
เมื่อถึงเมืองไทยให้เลี่ยมหัวท้าย กำหนดให้ไม้นี้เป็นไม้เพื่อนต้น ต่อมาก็รับสั่งให้บรรดาเพื่อนทั้งหลาย ที่สาบานหรือตกลงเป็นเพื่อนกันไว้ เข้าเฝ้า
ท่านผู้เป็นเพื่อนบางคนอาจจะรู้จากเจ้าหน้าที่ ที่ไปบอกว่าพระเจ้าอยู่หัวให้เข้าเฝ้าก็ได้ ท่านพวกนี้เวลาพบ ร.๕ ก็มีท่าทางปกติ
แต่บางคนเจ้าหน้าที่อาจจะไม่บอก เพราะลืมบอกหรือแกล้งไม่บอก เพื่อให้ตกใจก็ได้ ดังนั้นเมื่อพบเข้าจริง ๆ คุณหลวงเชษฐ์บอกว่า บางท่านเหงื่อแตกพลัก
แต่ในที่สุดท่านก็ตรัสให้เบาใจไม่แสดงอาการถือพระองค์ แล้วก็แจกไม้ถือหรือไม้ตะพด ที่ให้ชื่อว่า ไม้เพื่อนต้น ทรงมอบหมายให้แจ้งข่าวสุขทุกข์ส่วนตัว
และเพื่อนในบ้านให้ทราบบ้าง แล้วท่านก็ให้กลับไป เรื่องมีมากกว่านี้ แต่ถ้าเขียนมากไปจะหาว่าฟุ้ง เรื่องนี้เท็จจริงอย่างไรก็สุดแล้วแต่
คุณหลวงเชษฐ์
◄ll กลับสู่สารบัญ
14
อานุภาพไม้เพื่อนต้น
เรื่องราวตอนนี้ฟังมาจากท่านผู้แก่ท่านที่อยู่นอกเมืองหลวง ท่านบอกว่า ไม้เพื่อนต้นนี้มีอานุภาพมาก เจ้าของเก็บไว้ในที่บูชา กราบไหว้บูชาทุกวัน
เวลาแรกนาก็เอาไปเป็นไม้มงคลเขี่ยดินเป็นปฐมฤกษ์ และก็โชคดีทุกราย เมื่อทำอย่างนั้นแล้ว ปรากฏว่าข้าวในนาเขาดีมากไม่มีโรคเพลี้ย บางตำบลถึงเวลาแรกนา
กำนันนัดทำพร้อมกันจัดขบวนแห่ทำคานหาบไม้เพื่อนต้น ใช้กลองยาวและเครื่องแห่ตามที่หาได้ แห่ไปที่ชาวบ้านทำพิธีแรกนา ทุกแห่งที่ทำก็เป็นอันว่า
นาในตำบลนั้นไม่มีโรค ท่านผู้เล่าให้ฟังท่านหนึ่งบอกว่า พ่อของท่านเองเป็นเพื่อนต้น ไม้เพื่อนต้นขณะนั้นไม่เป็นของใคร พ่อให้เป็นของกลางประจำตระกูล
ฟังเรื่องนี้มาเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๐
อีกด้านหนึ่งของอานุภาพไม้เพื่อนต้นก็คือ เมื่อไปติดต่อทางราชการ ท่านเพื่อนต้นก็ถือไม้เพื่อนต้นไปร่วมกับหมู่คณะของตน
ไปเสียค่าที่ดินและอย่างอื่นที่อำเภอ อาการที่ถือไม้ก็ไม่ได้ถือแบบแกว่ง ท่านถือแบบเจ้าหน้าที่ถือพระแสง เมื่อทางอำเภอทราบก็รีบจัดโต๊ะปูผ้าขาว
วางพานไว้เพื่อวางไม้เพื่อนต้น ทุกคนยืนคำนับพร้อมกันเมื่อวางไม้เพื่อนต้นเรียบร้อยแล้ว
ในที่บางแห่งเมื่อเวลามีงานวัดหรืองานที่มีการรวมคนมาก ท่านกำนันก็นำเพื่อนต้นไปพร้อมกับอัญเชิญไม้เพื่อนต้นไป และประกาศให้ผู้ที่มาในงานทราบว่า
เวลานี้เพื่อนต้นมาแล้ว ใครมีสารทุกข์สุขดิบให้มาบอกฉัน ฉันจะรายงานให้เพื่อนต้นทราบ เพื่อนต้นติดต่อกับทางราชการโดยตรงได้
และสามารถเข้าเฝ้ากราบทูลให้พระเจ้าอยู่หัวทรงทราบโดยตรงได้ด้วยตนเอง เพียงเท่านี้งานนั้นก็มีแต่สงบไม่มีเหตุร้าย สนุกสนานรื่นเริง
แต่คนที่เหนื่อยที่สุดก็คือเพื่อนต้น ต้องนั่งบอกเล่าเรื่องเวลาเข้าเฝ้าฯให้คนทราบ
เหนื่อยทั้งวันเพราะต้องเล่าเรื่องที่พระเจ้าอยู่หัวไม่ถือพระองค์ และทรงห่วงใยราษฎรมาก เรื่องอื่นของไม้เพื่อนต้นยังมีอีกมากตามที่ปากชาวบ้านพูด
แต่ของดไว้เพียงเท่านี้ เพราะรู้สึกเหนื่อยปวดแขนตาพร่า มองไม่เห็นเส้นหมึก เรื่องที่เขียนมานี้จริงเท็จแค่ไหน เป็นเรื่องของคนที่บอกเล่าให้ฟัง
แต่ที่พบเองก็เคยพบ แต่เรื่องราวละเอียดไม่มี เพราะการที่รับฟังมาก็คงเหมือน ๆ กัน
◄ll กลับสู่สารบัญ
15
กำนันอยู่
เอาอีกสักหน่อย ทนปวดแขนอีกสักนิด ท่านกำนันคนหนึ่งชื่อ กำนันอยู่ ท่านเป็นลูกชายของเพื่อนต้น ต่อมาท่านกำนันได้เป็นขุน
จำชื่อไม่ได้ว่าเป็นขุนอะไร เมื่อพบท่าน ปี พ.ศ.๒๔๖๗ มีงานวัดในตำบลของท่าน ปรากฏว่า มีนักเลงต่างถิ่นไปอาละวาดในงานวัด มีประมาณ ๓๐ คน
ทำเอาลูกน้องกำนันที่คุมงานกลัวหงอ
เมื่อท่านกำนันรู้เรื่องเข้า ก็ไปที่งานวัดอัญเชิญไม้เพื่อนต้นไปด้วย นำไปแบบเคารพมาก เมื่อไปถึงก็เอาลำโพงสังกะสีมาพูดในที่ประชุมว่า
ไม้เพื่อนต้นนี้พ่อฉันรับมาจากพระเจ้าอยู่หัว ท่านเป็นเพื่อนต้น ถ้าทุกคนรักเคารพพระเจ้าอยู่หัวจงเคารพไม้เพื่อนต้นและเลิกเมา
ถ้ายังไม่หายเมาให้ออกไปจากวัด กลับบ้านเสีย ถ้าใครฝ่าฝืนฉันจะถืออำนาจของเพื่อนต้นจับและลงโทษอย่างหนัก
คำประกาศของท่านกำนันได้ผล พวกอันธพาลออกจากวัดทันทีทั้งหมด คนทุกคนในงานก้มลงกราบไม้เพื่อนต้น ทุกคนอยู่ในความสงบ และสนุกสนานรื่นเริง
ไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น เป็นอันว่าเท่านี้นะ ตามองไม่เห็นเส้นหมึกเลย เขียนเดาเอาไม่ทราบว่าตรงเส้นบรรทัดหรือเปล่า ขอพักไว้ก่อนปีหน้าถ้ายังไม่ตายจะเขียนต่อ
แต่ไม่ทราบว่าตอนไหน
เวลานี้เสียงนาฬิกาบอกเวลา ๒๑ นาฬิกาพอดี ร่างกายดีขึ้นเพราะอาศัยพระบารมีของพระปิยมหาราช (ร.๕) ด้วยวันนี้คนที่เคารพในพระองค์ บำเพ็ญกุศลถวายกันมาก
โดยเฉพาะที่รับแขกมีคนมาทำบุญถวายพระราชกุศล ด้วยการถวายสังฆทานมากมาย (เกินร้อยราย) ต่างก็มุ่งถวายพระราชกุศลกัน
ด้วยเหตุนี้กระมังที่ผู้เขียนอยู่ในเกณฑ์เป็นไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ จึงพลอยฟ้าพลอยฝนได้รับส่วนกุศลไปด้วย
อาการทางร่างกายเมื่อวันที่ ๒๒ ต.ค. มันทำท่าจะตายแหล่มิตายแหล่ อาเจียนหลายวาระ ท้องปั่นป่วน ชวนให้ปวดท้องเป็นกำลังนั้น พอรุ่งเช้าตั้งแต่เวลา ๔.๐๐
น. หายเป็นปกติ ไม่มีอาการมึนงงเหมือนวันก่อน แต่ถึงเวลา ๑๙.๐๐ น. เริ่มแสดงใหม่อาการไม่มากนัก ขณะเขียนนี้ก็ยังมีอาการปั่นป่วนมาก แต่ทว่า
อาการเบากว่าวันที่ ๒๒ มาก ทั้งนี้เห็นจะเป็นเพราะพระบารมีของพระองค์ช่วยสงเคราะห์อนุเคราะห์เป็นแน่
นอกจากอาการจะดีขึ้นแล้ว เมื่อเวลา ๑๑ นาฬิกา คุณรัฐฎา หรือ ม่ำ บุนนาค บุตรชายท่าน ดร.เดือน คุณหญิงเยาวมาลย์ บุนนาค นำเงินมาให้
๑๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) เธอบอกว่าสุดแท้แต่จะเอาไปทำอะไร นั่งคิดอยู่นิดหนึ่งว่าจะทำอะไรดี ก็คิดได้ว่ากำลังซื้อเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ขนาด ๑๐๐
กิโลวัตต์ ๔ เครื่องเพื่อใช้แสงสว่าง และกำลังงานในวัด ใช้ที่วิหาร ๑๐๐ เมตร ๒ เครื่อง และใช้ ๕๐ กิโลวัตต์ อีก ๒ เครื่อง เงินสดและเงินแห้งไม่มี
แต่มีคนออกเงินให้ก่อนไม่มีดอกเบี้ย จึงบอกคุณรัฐฎาว่า ขอเอาเป็นทุนเริ่มต้นซื้อเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเธอก็โมทนา
เครื่องที่ซื้อนี้จะทำให้วัดจ่ายเงินค่ากระแสไฟฟ้าลดลงมาก เพราะเดือนกันยายน ๒๕๓๑ การไฟฟ้ามาเก็บเงินค่าไฟฟ้า รวมกับค่ากระแสไฟค้างหม้อ ในเดือนตุลาคม ๒๕๓๑
รวมแล้ว ๑๕๐,๐๐๐ บาทเศษ
จึงให้ธนาคาร กรุงไทย บอกเลิกสัญญากับการไฟฟ้าฯ สาขาอุทัยธานี แล้วเอาเครื่องไฟ ๒๐๐ กิโลวัตต์ที่มีอยู่แล้วมาทำกระแสไฟฟ้าใช้เอง เสียค่าใช้จ่ายเดือนละ
๔๓,๐๐๐ บาทเศษ คำนวณแล้วใช้เครื่องขนาด ๑๐๐ กิโลวัตต์ ก็พอใช้ตามความจำเป็น และถ้าใช้เครื่อง ๑๐๐ กิโลวัตต์จะเสียค่าใช้จ่ายเพียงสองหมื่นบาทเศษ
หรือไม่เกินสามหมื่นบาท ถ้าเอาค่าไฟฟ้าที่ต้องเสียให้การไฟฟ้าฯ มาตั้งเกณฑ์จ่ายจะเหลือเดือนละ ๑๐๐,๐๐๐ บาทเศษ
เพียงหนึ่งปีก็เอาเงินที่เหลือนี้ชำระหนี้เครื่องไฟฟ้าได้หมด ๒ เครื่องสองปีชำระหนี้หมด ๔ เครื่อง
ส่วนปีต่อ ๆ ไปได้ใช้เครื่องไฟฟรี ประกอบกับมีท่านผู้ใจดีให้ยืมเงินก่อน แล้วค่อย ๆ ผ่อนจ่ายภายหลัง ไม่เร่งร้อนจึงกล้าสั่งซื้อมาเป็นการพอดีที่
คุณรัฐฎา บุนนาค มาบำเพ็ญกุศล จึงมอบให้เธอเป็นคนหัวปี คือเป็นคนแรกที่เป็นเจ้าของเครื่องไฟฟ้า ๔ เครื่องนี้ ถ้าท่านผู้ที่มีจิตศรัทธาจะบริจาคร่วม
ตั้งแต่รายละ ๑ บาทขึ้นไปก็บริจาคได้ทุกคน พร้อมรับ
ถ้ามาด้วยตนเองไม่ได้ ก็ส่งทางธนาณัติก็ได้ เช็คหรือดร๊าฟก็ได้ ส่งทางไปรษณีย์ในนามของท่านเจ้าอาวาสวัดจันทาราม คือ พระสุธรรมยานเถระ วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี เมื่อได้รับแล้ว จะออกใบโมทนาให้ และประกาศในธัมมวิโมกข์
และหนังสืออ่านเล่นต่อไป
วันนี้นอกจาก คุณรัฐฎา มาทำบุญแล้ว ก็มีท่านสาธุชนทำบุญอีกดังนี้ ถวายส่วนตัว ๗,๘๙๒ บาท สร้างพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑๐๐ ช่วยสร้างรถธรรมทาน ๑๐๐
ทำบุญทุกอย่าง ๑,๔๒๐ รวม ๑๐๙,๕๑๒ บาท เงินถวายส่วนตัว ขอนำไปซื้อเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่จะซื้อใหม่ สั่งแล้ว สร้างโรงเก็บไม่ทันเสร็จ
น้ำท่วมเสียก่อนทำโรงเก็บเสร็จเมื่อไรจะนำมาติดตั้งทันที
เมื่อวันที่ ๒๒ เมื่อเวลารับแขก คุณณรงค์ กาญจนพบ และ คุณทัชราภา เศียรเมฆัน โดยเฉพาะ คุณทัชราภา เธอเป็นคนนำสร้อยทองคำหลายเส้น
สังวาลย์ทองคำ กำไลข้อมือทองคำและแหวนเพชร ๒ วง ต่างหูเพชร ๑ คู่ มาร่วมสร้างโคมไฟช่อประจำวิหาร ๑๐๐ เมตร และสร้างวิหารทาน ได้สั่งซื้อโคมไฟให้เธอแล้ว
และลงบัญชีสร้างห้องกรรมฐานพร้อมวิหาร ๑๐๐ เมตร ให้แล้ว
ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาของทุกท่านที่ทำบุญแล้ว ขอทุกท่านจงมีความสุขสมหวังตามที่ตั้งใจทุกประการเถิด วันนี้เขียนไปขี้ไป ขอพักเพียงเท่านี้
เพราะหมดแรง
วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๓๑
วันนี้เป็นวันสหประชาชาติ ความจริงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย เห็นวิทยุประกาศอย่างนั้น ก็เลยเขียนตามเขา มาคุยเรื่องของเรากันดีกว่า
ในระยะนี้ขาดการเขียนไปหลายวัน เพราะป่วย พอเริ่มเขียนลุงท่านมาทั้งสองลุง ท่านบอกว่า คุณเขียนเรื่องพระปิยมหาราชยังไม่จบ
ความจริงจบไม่ได้แน่ เพราะเรื่องของท่านมากมาย เพียงปิยะในพระราชฐานก็เหลือเขียนแล้ว
เอาเรื่องอื่นดีกว่า ท่านลุงบอกว่า วันพรุ่งนี้ออกพรรษา ผมหยุดนรกการ ๓ วันคือวันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้
เรื่องการสอบสวนไม่มี เมื่อเรื่องเมืองนรกไม่มี ก็ขอเล่าเรื่องเมืองมนุษย์ คือมนุษย์กับผี
◄ll กลับสู่สารบัญ
16
ผีเด็ก
เมื่อวันที่ ๒๑ ต.ค. นี้ มี พ่อแม่ลูก ๔ คน มาหาที่วัด เธอเอาเงินมาให้ ๕,๐๐๐ บาท (ห้าพันบาทถ้วน) ใส่ซองให้ไม่ได้เขียนชื่อที่ซอง และไม่ได้ถามชื่อเธอ
เลยไม่รู้ว่าชื่ออะไร
เรื่องย่อมีดังนี้ ฝ่ายภรรยาเธอบอกว่า เมื่อวันที่ ๙ ต.ค. ไปที่สายลมขอพรหลวงพ่อ ขอให้ทวงเงินที่เขากู้ไปคืนมาให้หมด
บังเอิญเธอกลับไปฝ่ายสามีบอกว่า ไม่คิดเลยว่าจะได้เงิน เพราะทวงกันมานานแล้วไม่ได้สักที วันรุ่งขึ้นเธอก็ได้รับเงินคืนครบถ้วน เธอดีใจเลยเอาเงินมาแบ่งให้
ที่เธอได้เงินคืนนั้น คงไม่ใช่ผู้เขียนบันดาลให้ได้ แต่เป็นวาระที่เธอจะได้เงินคืนมาถึงเธอเอง
เมื่อเรื่องนี้หมดไป ฝ่ายสามีก็เล่าอีกเรื่องหนึ่ง เธอบอกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลวงพ่ออีก นั่นคือเมื่อคืนวันที่ ๙ ต.ค. ๓๑ ที่ซอยสายลมนั่นแหละ
ขณะอุทิศส่วนกุศลเสร็จแล้ว หลวงพ่อได้ประกาศตามที่ลุงท่านบอกเมื่อขณะอุทิศส่วนกุศลว่า เด็กตกน้ำอายุ ๓ ขวบ ท่านลุงช่วยปลดปล่อยให้แล้ว เมื่อถามท่านว่า
แล้วผู้ที่เกี่ยวข้องเขาจะรู้หรือ เขาอาจจะไม่ได้มาที่นี่ ท่านลุงบอกว่าประกาศเถอะ เขานั่งอยู่ในกลุ่มคนข้างหน้านี้
เรื่องนี้ฝ่ายสามีเล่าให้ฟังว่า เธอกับภรรยาไปพักที่ชายทะเล เวลากลางคืนได้ยินเสียงเด็กเล็ก ๆ ร้อง ร้องไม่ยอมหยุด ภรรยาถามว่าหนูจะเอาอะไรให้บอกว่า
เด็กก็ไม่เลิกร้อง ต่อเมื่อเธอบอกว่า บุญที่ทำไว้แล้วเท่าไรขออุทิศให้หมด เด็กจึงหยุดร้อง ต่อมาเด็กชวนไปเดินเล่นชายทะเล เด็กอายุ ๒-๓ ขวบ
ภรรยาเดินตามไปเล็กน้อยแล้วบอกกับเด็กว่า ไม่ไปล่ะกลับที่พักเถอะ เด็กก็ตามมาขอไข่ต้มหนึ่งลูกกิน บอกว่าหิวจัด แล้วก็หายไป
ฝ่ายภรรยาจึงขอร้องให้ลุงช่วยปลดปล่อยเด็กคนนี้ ขอให้เธอพ้นแดนทุกข์ไปสู่สุคติ เพราะอุทิศส่วนกุศลให้หมดตัวแล้ว
ตอนนั้นก็ไม่ทราบว่าท่านลุงช่วยหรือเปล่า มาทราบเอาเมื่อวันที่ ๙ ต.ค. ที่ซอยสายลมเวลากลางคืนที่หลวงพ่อประกาศว่า ท่านลุงท่านบอกว่าที่ให้ช่วยเด็กตกน้ำอายุ
๓ ขวบนั้น ช่วยให้แล้ว
เธอบอกว่า อาศัยเหตุสองประการนี้จึงตามมานมัสการหลวงพ่อที่วัดอีก ถวายสังฆทานชุดใหญ่ ๑ ชุด ถวายเงินไว้เป็นส่วนองค์ ๕,๐๐๐ บาท
เงินส่วนนี้ขอเอาไปใช้ในส่วนสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน และสร้างพระปัจเจกพุทธเจ้า ขอสองสามีภรรยา บุตรและธิดาของเธอ
จงรวยใหญ่มีความสุขสมหวังตามที่ตั้งใจจงทุกประการเถิด
เขียนกลางคืนเมื่อเวลา ๑๘ นาฬิกาเศษ พักผ่อนพอคลายเหนื่อย ภาวนาพิจารณาตามปกติ พออารมณ์สบาย เห็นท่านผู้ใหญ่มามากท่านมองไปก็เห็นลุงทั้งสองท่านมา
เรื่องที่สงสัยต้องถามท่านลุงก็คือเมื่อตอนสายของวันนี้
ท่านบอกว่า ท่านหยุดงานนรกการ ๓ วัน คือวันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ เป็นอันว่าการสอบสวนไม่มีใน ๓ วันนี้
เพราะเนื่องด้วยวันมหาปวารณา (ออกพรรษา)
จึงถามท่านว่าแล้ววันสำคัญอื่น ๆ เช่น วันเข้าพรรษา วันสารท วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา วันตรุษ วันสงกรานต์
วันไหนท่านหยุดบ้าง
ท่านบอกว่า หยุดนรกการ คือ วันเข้าพรรษา วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา วันนอกนั้นท่านไม่หยุด
ถามท่านว่า เมื่อจะหยุดประกาศปล่อยผู้ที่คอยรับการสอบสวนให้เป็นอิสระใช่ไหม
ท่านบอกว่า ไม่ใช่ พวกนั้นเขาเป็นอิสระอยู่แล้วยังไม่ถือว่าเขาถูกลงโทษ ที่มายืนรวมกันนั้นเพื่อมารอฟังการสอบสวน
หรือพูดให้ถูกก็คือ รอคนที่จะช่วยไม่ให้ลงนรกนั่นเอง เมื่อไม่มีการสอบสวนเจ้าหน้าที่เขาก็ไม่ควบคุม จะไปไหนก็ได้ เมื่อถึงวันสอบสวนก็มาพร้อมกันเอง
ไม่ต้องไปไล่จับมาเพราะถ้าไม่มา ทางนรกเขาถือว่า หมดภารกิจสอบสวน เขาก็เอาลงนรกไป
ถามท่านว่า ใครเป็นคนมาจับไปลงนรก
ท่านบอกว่า กรรมที่ทำไว้บันดาลให้เขาเดินทางไปนรกได้ถูกทาง ไม่หลงในระหว่างทาง
ถามท่านว่า ขณะที่เขารอการสอบสวนเขาหิวไหม
ท่านบอกว่า พวกนี้หิวมากมีทุกขเวทนามาก แต่ทว่าสำนักงานพระยายมไม่ใช่เมืองมนุษย์ ไม่มีอาหารเลี้ยง
แม้จะเมตตาเพียงใดก็ช่วยพวกเธอไม่ได้ ต้องปล่อยให้หิวไปตามกรรม
ถามท่านว่า ขณะที่คอยการสอบสวน ถ้าญาติอุทิศส่วนกุศลให้เธอจะรับได้ไหม
ท่านตอบว่า สุดแล้วแต่กรรม ถ้ากรรมชั่วมีกำลังกล้าก็ไม่มีโอกาสโมทนาเพราะมีทุกขเวทนามาก
ถ้ากรรมดีนำหน้าโอกาสที่จะโมทนามีเยอะ
ถามท่านว่า ขณะที่เธอรอการสอบสวน เมื่อโมทนาบุญแล้วไปเกิดเป็นมนุษย์มีบ้างไหม
ท่านตอบว่า ยังไม่เคยมีตัวอย่าง
เมื่อถามว่า เมื่อโมทนาแล้วไปเกิดเป็นเทวดามีไหม
ท่านตอบว่า มีมากคุณเองก็เคยมารอการสอบสวน และมีโอกาสโมทนาบุญก่อนการสอบสวน
ได้เป็นเทวดาก่อนลงนรกมาหลายครั้งเมื่อท่านยันเอาแบบนี้
ผู้ถามก็ยิ้มแหง ถามท่านว่า เมื่อท่านเว้นการสอบสวน ๓ วัน เขาก็สามารถไปหาญาติเขาได้
เมื่อญาติทำบุญให้เขาจะไปสุคติได้ไหม
ท่านตอบว่า สุดแล้วแต่เขาเองถ้าโมทนาได้เขาไปสุคติคือสวรรค์ได้แน่ ทั้งนี้สุดแล้วแต่บุญที่ญาติเขาทำ
ถ้าทำบุญในเขตที่ไม่มีบุญเขาก็เสวยสุขไม่ได้ ถ้าทำบุญในเขาที่ได้บุญน้อยเขาก็มีความสุขน้อย ถ้าทำบุญในเขตที่มีบุญใหญ่เขาก็มีความสุขใหญ่
ถามท่านถึงบุญใหญ่ทำอย่างไร
ท่านตอบว่า ถวายสังฆทานอย่างไรล่ะ
ถามท่านว่า ถวายสังฆทานที่ไหนได้บุญมาก
ท่านตอบว่า ได้บุญมากทุกสถานที่ที่ทำไม่จำกัดวัด
ถามท่านว่าเมื่อถวายสังฆทานแล้ว ต้องการให้เขาได้รับอย่างไม่พลาดเป้าหมายนั้นทำอย่างไร
ท่านตอบว่า ให้ออกชื่อเขาผู้เดียวอุทิศให้แล้ว และตั้งใจต่อไปว่า ถ้าเขาผู้นั้นไม่มีโอกาสโมทนาขอให้พระยายมราชได้โปรดรับทราบ
และเมตตาบอกให้เขาได้โมทนาด้วย เพียงเท่านี้ ถ้าเขาไม่มีโอกาสโมทนา เวลาเข้ามาหาผมเพื่อสอบสวน ผมจะบอกให้เขาโมทนา เมื่อเขาโมทนาแล้ว
ผมก็ไม่ต้องเหนื่อยเพราะการสอบสวน เขาไปรับผลของความดีตามกำลังบุญทันที
ถามท่านว่า เขาได้รับแล้วเขาจะไปเป็นเทวดาชั้นไหน
ท่านพูดว่า ยุ่งมากไปแล้ว รู้เท่านั้นก็พอ ผมไปล่ะ
ท่านพูดแล้วก็ออกไปแน่บทันที สงสัยว่าวันนี้ทำไมใจน้อยหรือรำคาญที่คนถามมากเกินไป เมื่อท่านไปแล้วก็เลิกคุยกับท่าน ไม่เลิกคุยก็ไม่รู้จะคุยอย่างไร
เพราะท่านไปแล้ว เป็นอันว่าคืนนี้ขอยุติเพียงเท่านี้ เพราะคู่สนทนาไปแล้ว
วันนี้วันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๓๑ น้ำยังท่วมมากอยู่ ต่อนี้ไปขอรายงานผลของการทำบุญวันนี้ดังนี้
๑. ถวายส่วนองค์ ๑,๖๒๕ บาท เงินถวายส่วนองค์นี้นำไปซื้อเครื่องไฟฟ้า ๒ เครื่อง ๆ ละ ๑๐๐ กิโลวัตต์เพื่อใช้ในวัด
๒. ทำบุญทั่วไป ๕,๐๕๑ บาท
๓. รับเงินทางไปรษณีย์ ๔,๓๒๐ บาท
๔. เงินทำบุญจากอเมริกา ๒,๖๒๑ เหรียญ คิดเป็นเงินไทย ๖๕,๕๒๕ บาท
๕. เงินทำบุญเป็นเงินฟรังสวิส ๕๐ ฟรัง คิดเป็นเงินไทย ๗๐๐ บาท
รวมรับเงินวันนี้ ๗๗,๑๗๕ บาท ฝากธนาคารเรียบร้อยแล้ว
วันนี้มีท่านผู้มีจิตศรัทธา ช่วยสงเคราะห์นักเรียนในภาวะน้ำท่วมดังนี้
คุณอัจฉรา - อภิชัย สาธุ ๕๐๐ บาท
ไม่ออกนาม ๑๐๐ บาท
คุณอังสนา ถนอมวงศ์ทัย ๒๕๐ บาท
คุณนงนาถ สาริกา (๒๐ ดอลล่าร์) ๕๐๐ บาท
รวมรับเงินสงเคราะห์นักเรียนวันนี้ ๑,๓๕๐ บาท
วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๓๑
วันนี้ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ที่เรียกกันว่าวันออกพรรษา ตอนเช้าฝนตกหนักคนมาทำบุญไม่ได้ มีคนบ้านใกล้เรือนเคียงกับวัดมาทำบุญพอสมควร
คนไกลมาไม่ได้เลย และมีคนที่อยู่เพื่อเจริญกรรมฐานหลายคนมาร่วมทำบุญ นักเรียนหอพักของโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยามาทำบุญฟังเทศน์ทั้งหมด
พอเต็มศาลาพอดี
ความทรมานทางร่างกายที่เกิดขึ้นก็คือ พอจะเทศน์ความร้อนภายในเกิดขึ้นอย่างแรง คอแห้งไม่มีน้ำลาย เทศน์ ๓๐ นาที กว่าจะจบเหนื่อยเกือบตาย
เทศน์แล้วก็เข้าที่ทำงาน เขียนชื่อบนกระดาษที่เขาส่งมาให้หลายสิบชื่อ เมื่อเขียนชื่อเสร็จ จัดของให้เรียบร้อย กินยาแล้วนอนพักมันเหนื่อยมาก
เลยภาวนาแก้เหนื่อยภาวนาไปได้ประมาณ ๑๐ นาที อารมณ์หายเหนื่อย คลายสมาธิเอามาไว้ที่อุปจารสมาธิ เห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง
นุ่งกางเกงตามที่เขานิยมนุ่งกันในปัจจุบัน ใส่เสื้อยืดรัดตัวแขนสั้นมีลายใหญ่สีเขียวแดงรอบตัว ชายคนนี้ผิวขาวร่างท้วมเนื้อเต็มอายุประมาณ ๑๘-๑๙ ปี
เดินเข้ามาหา เมื่อเข้ามาใกล้แล้วหยุดยืนมองหน้า
ถามว่าใคร
ชายคนนั้นตอบว่า พระยายม ชักไม่แน่ใจทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผีไม่โกหก เพราะพระยายมที่เคยเห็นท่านแต่งกายเหมือนพรหมสูงโปร่ง สวย
หรืออีกภาพหนึ่งก็เป็นชายแก่ อายุประมาณ ๗๐ ปี อ้วน ดำ ใหญ่โต แต่คนนี้หนุ่มขนาดหลานพระยายม เมื่อมาอ้างตัวแบบนั้นก็สงสัย
จึงหันไปถามท่านเวสสุวรรณว่า คนนี้ใคร
ท่านตอบว่า พระยายมแน่ครับ
จึงถามท่านว่า วันนี้ทำไมหนุ่มและแต่งตัวเหมือนจิ๊กโก๋
ท่านตอบว่า วันนี้เป็นวันปลอดไม่ได้ทำนรกการเลยหนุ่มและแต่งตัวตามสบาย
ท่านบอกว่า ท่านลุงก็มาด้วย ตามมาข้างหลัง มองไปเห็นลุงก็หนุ่มเหมือนกัน นุ่งกางเกงขาสั้น สวมถุงเท้าสีขาว
สวมรองเท้าสีน้ำตาล เป็นรองเท้าผ้าใบ ใส่เสื้อยืดพื้นขาวคาด ลายรอบตัวสีน้ำตาลแก่
ไหว้ท่านแล้วถามท่านว่า มาธุระอะไร
ท่านบอกว่า เห็นว่าป่วยก็มาเยี่ยมประกอบกับวันนี้ว่างงาน
ท่านลุงพุฒิพูดว่า ผมจะมาเตือนคุณเมื่อคืนวันที่ ๒๔ คนถามไม่หมดเรื่อง ผมรำคาญที่คุณถามจุกจิกผมเลยกลับ
วันนี้มีความสำคัญที่จะบอก คือคนที่บอกให้ผมส่งข่าวคนที่ตายไปแล้วให้โมทนานั้น ผมบอกได้แต่เฉพาะคนที่เขาเข้าไปให้ผมสอบสวนเท่านั้น
นอกจากนี้เช่น เปรต อสุรกาย สัมภเวสีหรือที่ลงนรกไปแล้ว ผมไม่มีอำนาจบอกเขาได้ คุณเขียนต่อให้เขารู้ทั่วกันด้วย
และอีกเรื่องหนึ่ง วันนี้คุณเทศน์ อานิสงส์กฐิน คุณไม่ได้บอกว่า มหาทุกขตะ ตายแล้วไปเกิดบนสวรรค์
แล้วลงมาเกิดเป็นพระเวสสันดร รวยมาก ชาติที่เป็นมหาทุกขตะจนมากเกิดอีกชาติรวยมากเพราะอานิสงส์กฐินด้วยของที่มีค่าน้อย คือเข็มหนึ่งเล่ม ด้ายหนึ่งหลอด
เรื่องทำบุญแล้วได้บุญมากได้บุญน้อยนั้น ถวายสังฆทานด้วยเงินหรือของมากก็ตามน้อยก็ตาม ได้บุญมากเหมือนกัน
เพราะอานิสงส์สังฆทาน แต่ถ้าจะเอาผู้รับเข้าด้วย หมายถึงถวายกับใครจึงจะได้บุญ
ผมขอฝากสั่งไปถึงประชาชนผู้ทำบุญด้วยว่า
ถวายแก่พระอรหันต์ได้บุญมากที่สุด
ถวายแก่พระอนาคามีได้บุญรองลงมา
ถวายแก่พระสกิทาคามีได้บุญรองจากพระอนาคามี
ถวายแก่พระโสดาบันได้บุญรองจากพระสกิทาคามี
ถวายแก่ท่านที่ตั้งใจปฏิบัติพระกรรมฐานแต่ยังไม่ได้พระโสดาได้บุญรองลงมา
ถวายแก่ท่านผู้มีศีลบริสุทธิ์ได้บุญน้อยสุดท้าย
ให้แก่คนไม่มีศีลไม่อยู่ในเกณฑ์พิจารณา เพราะเขาพร้อมลงนรก
ท่านคุยแล้วท่านก็หลีกไปคุยกับเทวดาอื่น ตอน ๑๕-๑๖ นาฬิกาลงสังฆกรรม ตอนอุทิศส่วนกุศลเห็นคนรอบพระอุโบสถจำนวนร้อย
ตอนกราบพระเห็นเธอเหล่านั้นสวยงามสว่างไสวมาก ถามเธอว่ามากี่คน เธอบอกว่า ๓๗๒ คน เป็นพวกรอการสอบสวนทั้งหมดปลอดนรกไปได้นะพ่อคุณเอ๋ย
เงินรับแขก วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๓๑
ถวายส่วนองค์ไม่มีชื่อ ๑,๐๓๗ บาท เอาไปรวมซื้อเครื่องไฟฟ้า
ถวายกฐิน ๒,๐๐๐ บาท
สร้างพระปัจเจกพุทธเจ้า ๒,๔๐๐ บาท
รถธรรมทาน ๑๐๐ บาท
สังฆทาน ๕๐๐ บาท
รวมเงินทำบุญที่รับแขกวันนี้ ๖,๐๖๗ บาท
เงินถวายจากอเมริกา ทางไปรษณีย์ ๔๒๕ เหรียญ คิดเป็นเงินไทย ๑๐,๖๒๕ บาท
เงินธนาณัติเป็นเงินไทย ๒๐๐ บาท
รวมรับเงินทางไปรษณีย์วันนี้ ๑๐,๘๒๕ บาท
รวมรับเงินวันนี้ทั้งสิ้น ๑๖,๘๙๒ บาท
เงินช่วยนักเรียนในภาวะน้ำท่วมใหญ่
๑. คุณสมพร ลาร์ค อเมริกา ๒๕ ดอลล่าร์ เป็นเงินไทย ๖๒๕ บาท
๒. คุณสกาวรัตน์ ชัยได้สุข อเมริกา ให้ทุนนักเรียน ๑๐๐ เหรียญ เป็นเงินไทย ๒,๕๐๐ บาท
รวมเงิน ๑๒๕ เหรียญ เป็นเงินไทย ๓,๑๒๕ บาท
วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๓๑
วันนี้ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ เป็นวันมหาปวารณาหรือวันเทโว ชาวบ้านใส่บาตรเทโวกันวันนี้ วันนี้ตื่นนอนตั้งแต่เวลา ๒ นาฬิกา
นอนต่อก็ไม่หลับเพราะท้องไม่ดี จาก ๒ น. ถึง ๔ น. เข้าถ่ายในห้องส้วมถึง ๔ ครั้ง
เช้าลงไปเทศน์ ก่อนเทศน์ง่วงความร้อนภายในสูง คอแห้งหมดแรงเสียงแหบแต่ก็เทศน์ เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ คนทำบุญใส่บาตรเทโวมาก นักเรียนพระสุธรรมยานฯ
มาฟังเทศน์ใส่บาตรกันหมดทั้งโรงเรียนเทศน์จบคนกลับบ้านหมดก็เข้าที่พักกลางวัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายหนังสือ เอาหนังสือมาให้เขียนชื่อเกินร้อยชื่อ
เมื่อเขียนชื่อเสร็จกินยาประจำเวลาแล้ว นอนเพื่อพักผ่อน
เมื่อนอนและจับอานาปานุสสติจึงทราบว่าใจเต้นแรงและเร็วมากเหนื่อยเหลือเกิน พออานาปาเข้าระดับอาการเต้นของหัวใจก็เบาลง ค่อย ๆ
คลายความเหนื่อยชีวิตฉันทั้งชีวิตร่างกายไม่ปกติเลย ไปนิพพานได้คงมีความสุขแต่คนเลวอย่างฉันจะไปนิพพานกับเขาได้หรือเปล่า ยังหนักใจมาก
เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน วันนี้ต้องเอาน้ำร้อนมาเติมข้าว ทำเป็นข้าวต้มเพราะกินไม่ลง ขยอกไปได้เล็กน้อยก็ต้องเลิก เวลา ๑๓.๐๐ น. ลงรับแขก
เพราะวันนี้มีรถโดยสารขนาดใหญ่มาจอดที่ถนนหน้าวัด เกิน ๑๐ คัน ญาติโยมที่มา ร้อยเปอร์เซ็นต์ต้องการให้พรมน้ำมนต์ ฉันพรมให้เอง ๒ รุ่น หลังจากนั้นทนไม่ไหว
จึงให้ พระพิชิต (หลวงพ่อโอ) พรมแทน วันนี้รับอานิสงส์วันเทโว เฉพาะที่รับแขก ๑๐,๐๒๓ บาท รับจากธนาณัติ ๕,๗๕๐ บาท
มีรายการย่อดังนี้
ถวายส่วนองค์ไม่มีชื่อ ๕,๗๖๓ บาท
ถวายกฐิน ๒,๔๐๐ บาท
ซื้อเครื่องไฟฟ้าใช้ในวัด ๓๐๐ บาท
ทำบุญทุกประเภท ๑,๐๖๐ บาท
รวมเงิน ๑๐,๐๒๓ บาท
รับเงินทางไปรษณีย์
ถวายส่วนองค์ ๔๐๐บาท
ถวายกฐิน ๒,๑๕๐บาท
ซื้อรถธรรมทาน ๑,๕๐๐บาท
ทำบุญทุกประเภท ๑,๗๐๐บาท
รวมเงิน ๕,๗๕๐บาท
รวมรับเงินทุกประเภทวันนี้ ๑๕,๗๗๓ บาท
หมายเหตุ ยังไม่ได้รวมเงินทำบุญตอนเช้า ๒ วัน และเงินกัณฑ์เทศน์ ๒ วัน เพราะทางการเงินยังไม่ส่งรายการมาให้ เงินช่วยกิจการโรงเรียน คุณกัลยา
ราตรีประสาทสุข๑๐๐ บาท
วันนี้ไม่มีเรื่องเล่าสู่กันฟังเพราะเพลียมาก ป่วยแรงมากได้แต่คุมอารมณ์ให้ทรงตัวเท่านั้น สงสารโยมหญิง ๒ ท่าน มาจากลพบุรี อายุ ๗๙ ปี
ท่านหนึ่งล้มเพราะสะดุดคันกั้นทางเพื่อเดินเข้า ตัวฟาดลงกับพื้นซีเมนต์แรงมาก เดชะบุญที่ไม่เป็นอะไรบอกว่าเจ็บ เลยพูดในทำนองสัพยอกว่า ประเดี๋ยวก็หายเจ็บหายแล้วนะโยม สักสามนาทีโยมบอกว่า หายแล้ว คุยสนุกด้วยกันทั้งคู่ ดีใจจริง ๆ ที่โยมหายป่วย
เมื่อถามว่ามาธุระอะไร ท่านบอกว่า ได้ข่าววัดหลวงพ่อเสมอ แต่ไม่มีเวลามา วันนี้ขอให้ลูกหลานพามาให้ถึงวัด
เห็นวัดแล้วชื่นใจ และเมื่อได้พบหลวงพ่อด้วยยิ่งดีใจมาก
วันนี้คนมาก เห็นจะเป็นเพราะวัดบนเขาสะแกกรังมีงานใส่บาตรเทโวกระมัง จึงมีคนมามาก ในฐานะที่อยู่ใกล้กัน เลยพลอยอิ่มไปด้วย
วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๓๑
วันนี้จะรู้สึกว่าเว้นการเขียนมาหลายวัน ทั้งนี้เพราะว่า เมื่อวันที่ ๒๗ ต.ค. เดินทางไปนครราชสีมานำรถขุนแผนเป็นพาหนะเพราะไปด้วยกันหลายคน
เพื่อไปรับรถปู่ใหญ่ เป็นรถที่ต่อใหม่เพื่อใช้งานธรรมทาน ลูกหลานพากันตั้งชื่อว่า รถทัวร์ธรรมทาน
รถคันนี้อาศัยที่ลูกหลานสนับสนุน นำเงินมามอบให้ด้วยตนเองบ้าง ส่งมาทางไปรษณีย์บ้าง จากอเมริกาส่งมามากได้เงินใกล้พอกับราคารถ ขาดเงินสดบ้างก็ไม่มากนัก
แต่ที่รับจะช่วย ขอผลัดเวลาไปบ้างก็มี คิดว่า เมื่อถึงเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๒ คงได้เงินครบ เมื่อไปรับรถก็ไม่ได้นำเงินสดไป อาศัย คุณธวัช สวนศิลปพงศ์
ผู้จัดการธนาคารกรุงไทย สาขาอุทัยธานี ช่วยสงเคราะห์ติดตามไปด้วย ช่วยโอนเงินจากธนาคารกรุงไทยอุทัยธานีไปเข้าบัญชีท่านประธานบริษัท
รถคันนี้มีประวัติที่ต้องคิดนิดหนึ่ง ตอนแรกที่จะเล่าสู่กันฟังก็คือเรื่องการเงิน
เรื่องเงินที่ซื้อรถนี้ไม่รบกวนเงินของท่านทั้งหลายที่ทำบุญอย่างอื่นเลย เพราะเรื่องใช้เงินอาตมาแยกเป็นประเภทเช่น เงินก่อสร้าง
ซึ่งปกติก็เอาตัวไม่ใคร่รอดอยู่แล้ว ถ้าเอามาใช้อย่างอื่นงานก่อสร้างก็ต้องหยุดแน่ วันนั้นเมื่อไปถึงบริษัท
ท่านประธานหรือเจ้าของบริษัทนั่นเองออกมารับ ท่านคุยดีมีเหตุผลชวนคิดมาก ต่อเมื่อถามราคารถ รถคันนี้ให้ต่อโดยไม่มีเงินมัดจำและราคาก็ไม่แน่นอน
แต่ท่านเจ้าของบริษัทรับปากกับ พ.อ.สถาพร พงษ์พิทักษ์ ผู้ไปติดต่อว่าจะลดให้เป็นพิเศษ และใช้ของดีชั้นหนึ่งทั้งหมด เพราะตั้งใจทำถวายหลวงพ่อ
ต้องใช้ของดีทุกอย่าง
เมื่อถามท่านว่า ราคารถที่ต่อจำหน่ายปกติคิดราคาเท่าไร ท่านบอกว่า มี ๓ ราคาคือ ๒ ล้าน ๓ แสน ๒ ล้าน ๖ แสน และ ๓
ล้านบาท เมื่อถามท่านว่า คันนี้ราคาเท่าไร ท่านบอกว่า ผมคิด ๒ ล้านบาท แต่สำหรับหลวงพ่อ ผมขอลดถวายอีกสามแสนบาท เหลือ ๑
ล้านเจ็ดแสนบาท เมื่อบอกให้ผู้จัดการธนาคารกรุงไทยโอนเงิน
ท่านบอกว่า ผมขอถวายอีกห้าหมื่นเหลือ ๑ ล้าน ๖ แสน ๕ หมื่นบาทถ้วน ซึ่งถ้าคิดราคาปกติในราคาต่ำสุดก็ ๒ ล้าน ๓ แสนบาท จะเห็นว่าลดไป ๖ แสน ๕
หมื่นบาท แต่เมื่อใช้ของดีชั้นหนึ่งทั้งหมด น่าจะคิดราคากลางคือ ๒ ล้าน ๖ แสน มีของเก่าอย่างเดียวคือเครื่องยนต์
นอกนั้นใหม่หมด แอร์ก็ใหม่เอี่ยม แถมโทรทัศน์และเครื่องเล่น วี.ดี.โอ ขยายเสียงถายในรถให้ด้วย และ มีเสาโทรทัศน์อีกหนึ่งชุด
ตัวรถต่อให้เป็นพิเศษสูงกว่ารถทั่วไป ๑๐ เซ็นติเมตร ทั้งนี้ก็ต้องขอขอบคุณ คุณอู๊ด จำชื่อจริงไม่ได้ เจ้าของและผู้จัดการบริษัทถาวรฟาร์ม
ที่ช่วยติดต่อให้และแนะนำเพื่อความเข้าใจในเรื่องรถ เพราะบริษัทนี้มีรถโดยสารเป็นร้อยคัน วันนั้นวันที่ ๒๗ คุณอู๊ดกับภรรยาไปรออยู่ที่บริษัทต่อรถก่อน
เธอดีมาก เป็นเศรษฐีที่น่ารักมากไม่ทราบว่าจะพูดอย่างไร จึงจะพอดีกับความดีของเธอ
เมื่อขอบใจท่านเจ้าของบริษัทต่อรถที่ท่านเมตตาลดให้อย่างไม่คาดคิด ถ้าจะคิดก็คงคิดไม่ไหว เพราะลดลงถึงหกแสนเศษหรือถ้าให้ราคาขนาดกลางก็ลดลง ๙ แสน ๕
หมื่นบาท เกินกว่าที่ใครจะคิดถึง ต้องขอกล่าวขอบคุณท่านไว้ในที่นี้อีกวาระหนึ่ง ขอทุกท่านที่รับภาระต่อ จงอย่าลืมบุญคุณของท่านเจ้าของบริษัทต่อรถ
และคุณอู๊ด เจ้าของบริษัทถาวรฟาร์ม เป็นอันว่า ที่ท่านทั้งหลายอ่านรายรับเงินมาหลายวัน
ท่านอาจจะคิดว่ารวย ถ้าท่านรวมยอดรายรับมาถึงวันที่ ๒๖ แล้วลองเอามาเทียบกับรายจ่าย จากวันที่ ๑๖ ต.ค. เป็นต้นมา จะเห็นว่าขาดดุลย์อย่างหนัก คือวันที่
๑๗ ตุลาคม ๒๕๓๑ จ่ายทั้งสิ้น คือค่ารถ ๑,๖๕๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านหกแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) ค่าใช้จ่ายไปเอารถ ๔,๓๐๐ บาท
มองรายรับไม่พอจ่ายที่จ่ายได้ก็คือ เงินที่ลูกหลานส่งไปให้ฝากธนาคารไว้ แต่ไม่พอจ่าย ฉะนั้นบัญชีฝากเงินธนาคารก็มีสีเป็นสีชมพูคือมีหนี้ติดสมุด
คิดว่าเงินก้อนนี้ คงชำระหมดเมื่อถึงเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๒ เพราะลูกหลานที่รับไว้มอบให้บ้าง ท่านที่เมตตาช่วยเหลือเพิ่มเติมเข้ามาบ้าง คงพอ
เวลานี้ก็เป็นหนี้ไปก่อนตามระเบียบ
บริษัทต่อรถนี้ ถาม พ.อ.สถาพร เธอบอกว่า ชื่อบริษัทเชิดชัย ท่านประธานบริษัทชื่อ วิชัย ตัวท่านเองก็ดี บุตรชาย บุตรสาว ก็ดี
ผู้จัดการก็ดี ทุกคนดีแสนดีเกินถ้อยคำที่จะสรรเสริญเพราะสรรเสริญเท่าไรก็ไม่พอดีกับความดีของทุกท่าน
คณะที่ร่วมเดินทางไปรับรถ
๑.พ.อ.สถาพร ๒.ช่างไพบูลย์ ๓.โชเฟอร์สมนึก ๔.ร.ต.นที ๕.ด.ต.ตระกูล ๖.จ.ส.ต.พเยาว์ ๗.ศิริพร ๘.พรนุช ๙.มาลัย ๑๐.นกเอี้ยง ๑๑.ผดุงเกียรติ ๑๒.พระประทีป
สาระพัดช่าง ๑๓.คุณธวัช ๑๔.แอ๊ว
ต้องขอขอบคุณ พล.ต.เสถียร เจ้ากรมอาหารสัตว์ พ.อ.พิเศษศรีพันธ์ ผู้ช่วยเจ้ากรมฯ และเจ้าหน้าที่ทหารที่กองเสบียงสัตว์ทุกท่าน
ที่ให้ความสะดวกด้วยประการทั้งปวง ขณะที่ไปพักที่นั่น
แม่ครัวที่ไปทำอาหารเลี้ยงซึ่งไปจากกรุงเทพ คือ อัญชัน ไซ จี้ ตึ๊ก ป้าปิ่น และข้าวคลุกกะปิ จำชื่อไม่ได้ ทุกคนเมตตาสงเคราะห์ดีมาก และ
ติ๋ว เดินทางไปจากตาคลี ไปร่วมทำครัวกับคณะกรุงเทพฯ
((( โปรดติดตามตอนต่อไป )))
◄ll กลับสู่สารบัญ
puy - 19/7/10 at 12:50
17
ผีผู้หญิงมาหา
เมื่อรับรถมาถึงวัด พระสงฆ์ ๙ องค์สวดชยันโต เด็กนักเรียน ร.ร.พระสุธรรมยานเถระวิทยา ๒๘๓ คน ต้อนรับ นำวงโยธวาทิต และกลองยาวรับ และแห่นำรถเข้าวัด
อยู่บรรเลงพอสมควร จำปีผัดข้าวเลี้ยงวงดุริยางค์และนักเรียนทั้งหมดกินหมดไปครึ่งเดียว ท่านย่าบัญชาให้แจกเงินเด็กเป็นธรรมทานคือไม่หวังผลตอบแทน ให้คนละ ๑๐
บาท หมดเงินไป ๒,๘๓๐ บาท ถวายพระองค์ละ ๑๐๐ บาท รวม ๙๐๐ บาท เป็นการทำบุญรับรถ
เมื่อถึงเวลากลางคืน นอนภาวนาเห็นผู้หญิงสาวนับร้อยมาหารูปร่างสวย บังเอิญมีผีผู้ชายอายุมากแล้วผมขาวประปรายเดินเข้ามา พอหันจะไปถามว่าเป็นใคร
ก็มีเสียงห้าว ๆ ทางด้านซ้ายมือเรียก จึงต้องหยุด
รุ่งขึ้นวันที่ ๒๙ อ้อลืมบอกไปว่า นำรถมาวัดวันที่ ๒๘ ต.ค. ๓๑ เป็นวันศุกร์ เวลาสายของวันที่ ๒๙ ต.ค. ๓๑ เพลียมากเพราะคืนวันที่ ๒๘
ท้องถ่ายหนักมากจนเพลียมาก จึงนอนภาวนาเห็นหญิงสาวกลุ่มที่เห็นเมื่อตอนกลางคืน เธอจับหญิงคนหนึ่งผมรุงรัง ไม่สวย หน้าตาน่าเกลียด ซีดเซียว
คล้ายคนมีทุกข์หนักเธอทั้งหลายพากันดึงออกไป อีกคนหนึ่งในหมู่สาวสวยเธอบอกว่า หญิงที่ถูกดึงออกไปนั้นเป็นผีที่มีคนส่งมาทำร้ายหลวงพ่อ แต่เข้าไม่ได้หรอก
หลวงพ่อนอนภาวนาตามสบายเถิด
ตอนบ่ายลงที่รับแขกพบ นิภา คงสุขเธอมาจากอุตรดิตถ์ พาพระมาฝึกกรรมฐาน ๓ องค์ฆราวาส ๗ คน เธอบอกให้ทราบว่า มีพระเตือนเธอว่า
ต่อไปอย่าบอกใครว่าเป็นศิษย์ฤๅษีลิงดำ เพราะพระอีกทางหนึ่งแอนตี้ เขาจะทำคุณไสย์ใส่เอา เพราะพวกนั้นทำคุณไสย์ใส่ฤๅษีลิงดำด้วย แต่บังเอิญไม่มีผล
เขาบอกว่าฤๅษีลิงดำใช้ยันต์เกราะเพชรช่วยลูกศิษย์ ถ้าใครเผลอเมื่อไรเขาจะทำให้ตายเมื่อนั้น เป็นอันว่าบุญของลูกฉันที่ยันต์เกราะเพชรคุ้มครอง
วันนี้ พ.อ.สถาพร มานวดให้ เมื่อคืนวันที่ ๒๘ กลับมาจากนครราชสีมาเธอก็นวดให้พอสบายพอสมควร วันนี้เธอก็มานวดให้อีก เลิกเมื่อเวลา ๒๐.๓๐ น.
เธอกลับไปแล้วก็เขียน แต่พอเขียนมาถึงตรงนี้ ตาลายงงขอพักเพียงเท่านี้ ขอทุกคนที่สงเคราะห์จงรวยมาก ๆ และมีความสุขสมหวังตามที่ตั้งใจไว้ จงทุกประการเถิด
พอเลิกเขียนกำลังเก็บสมุดต้นฉบับ การเงินแจ้งมาว่า เงินที่รับแขกวันนี้ ท่านทำบุญมาแล้วดังนี้คือ
ถวายส่วนองค์ ๒,๒๑๕ บาท
ทำบุญทุกอย่าง ๑,๒๔๐ บาท
ค่าอาหารพระเณร ๓๙๘.๕๐ บาท
สร้างพระปัจเจกพุทธเจ้า ๙๐ บาท