ผมภาวนาคาถานี้อย่างเป็นจริงเป็นจัง เมื่อต้นปีนี้ครับ (แต่ก่อนก็เคยภาวนา แต่ภาวนาบ้างไม่ภาวนาบ้าง)
อาการ ที่ภาวนามีลักษณะอย่างนี้ คือ เวลาภาวนามากๆนานๆ จิตจะเริ่มเครียด จะเริ่มเกร็งตัว
กระทั่งผ่อนคลายอารมณ์ ลงมาตอนหลับ มักจะมีความรู้สึกแรง บางอย่างรวมตัวกันที่ผม บางทีรู้สึกอึดอัด
หลายครั้ง เห็น อมนุษย์อยู่ข้างๆก็มี หรือฝันว่าตัวเองเหาะได้ มีอยู่ 2กรณี
กรณีที่ 1 ฝันว่าเหาะทะลุกำแพง ไปนู้นมานี่ได้
กรณีที่ 2 ฝันว่าเหาะได้แต่ก่อนเหาะทุกครั้ง ต้องเจ็บหน้าอกและตัวเริ่มเบาๆ ไปได้ทุกทีดังใจนึก
และคราวล่าสุด คาถานี้ จนกระทั่งเครียด พอผ่อนอารมณ์ลงมา เห็นภาพไฟลุกขึ้น
ตรงที่จิตตัวเองวางไว้อยู่ นั่งคือหน้าอก รู้สึกไฟนั้นแรงและร้อนมาก จึงตั้งสติไว้ หลังจากนั้น
จึงควบคุมไฟ ให้ดับลงได้
จึงมาสอบถามพระอาจารย์ครับ ว่าปฏิบัติขั้นนี้แล้ว ควรที่จะปฏิบัติต่อไปอย่างไร
การภาวนาพระคาถาเงินล้าน หรือการภาวนาอย่างอื่น ครูบาอาจารย์ท่านจะสอนให้ทำสบายๆ อย่าให้ถึงกับอึดอัด เมื่อผ่อนสมาธิแค่สบายๆ อย่างที่คุณทำนะถูกต้องแล้ว
พอจิตอยู่ในระดับอุปจารสมาธิ ก็สามารถเห็นภาพโน่นภาพนี่ได้ แต่ท่านไม่ให้สนใจกับภาพ เพราะเป็นภาพนิมิตเท่านั้น หลักของการถาวนาคาถาเงินล้าน
จุดสำคัญขอเพียงแต่ทรงสมาธิไว้ก็พอแล้ว
ท่านเคยบอกว่า ถ้าภาวนาจนจิตเป็นฌาน หมายถึงคำภาวนาจะผุดขึ้นในใจอยู่เสมอ ตอนนี้ท่านบอกว่าความเป็นอยู่จะคล่องตัวยิ่งขึ้น แต่ถ้านอนฝันเห็นแบงค์ (ธนบัตร)
จะเป็นแบงค์ร้อย หรือแบงค์อะไรก็ตาม หลวงพ่อบอกว่าลาภจะมีมากขึ้น
แต่ในขณะภาวนา ไม่ควรอยากได้เกินไป จิตจะฟุ้งซ่าน ควรจะภาวนาด้วยความเคารพดีกว่า
ส่วนการเห็นภาพอื่นๆ เช่นเห็นไฟลุกขึ้นนั้น หากไม่ได้จับภาพเตโชกสิณไว้ก่อน ก็ไม่ควรถือเอา เพราะว่าเป็นภาพนิมิตที่เกิดขึ้นเอง ขอให้ผ่านไป ไม่ควรคำนึงถึง
แต่ถ้ามีภาพไฟเกิดขึ้นบ่อยๆ อยากจะเจริญกสิณไฟ ก็ต้องตั้งใจภาวนา "เตโช กสิณัง" โดยเฉพาะ
ขอเจริญพร
พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต
ขอกราบเรียนถามเพิ่มเติมค่ะ
ถ้าเราภาวนาพระคาถาเงินล้าน แต่บทๆ หนึ่งก็จะยาวหลายบรรทัด ตอนภาวนาเราก็ยังว่างๆ อยู่ แต่มีงานที่จะต้องทำเข้ามาพอดี แล้ว ก็ภาวนายังไม่จบบท
พอเราว่างจากงานอีก เราเริ่มภาวนาใหม่เลยได้หรือไม่คะ เพราะก็จำไม่ได้แล้วว่าภาวนาถึงท่อนไหน
ขอบคุณค่ะ
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ
กระผมขอกราบเรียนถามดังนี้ครับ
การภาวนาพระคาถาเงินล้าน ถ้าเราภาวนาไป มีอาการคิดฟุ้งซ่าน หรือคิดเรื่องงานหรือเรื่องอะไรก็ตาม โดยที่คำภาวนายังคงอยู่ในใจ
(ซ้อนทับกับความคิดฟุ่งซ่านหรือความคิดเรื่องต่างๆ) ยามว่างก็มีคำภาวนาผุดขึ้นในใจเพราะเคยชิน
แต่ก็มีความคิดฟุ่งซ่านอื่นๆมาซ้อนทับเกือบตลอดเวลาและไม่ได้สนใจคำภาวนา แต่เมื่อหยุดคิดเรื่องอื่นจึงรู้ตัวว่าคำภาวนาคาถาเงินล้านยังดำเนินไปอยู่ในใจ
แบบนี้เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องหรือไม่ขอรับ เพราะกระผมคิดว่าถึงแม้มีคำภาวนาอยู่ในใจแต่ไม่ได้สนใจคำภาวนาและกลับไปคิดฟุ้งซ่านเรื่องอื่น
เกรงว่าการภาวนาจะไม่มีผล กระผมจึงหยุดปฏิบัติแบบนั้นแล้วหันมาภาวนาเฉพาะเวลาที่สะดวกจริงๆ โดยตั้งใจจดจ่ออยู่เฉพาะคำภาวนาไม่คิดฟุ้งซ่าน
คล้ายการนั่งสมาธิหรือบางครั้งก็เดินจงกรมภาวนาขอรับ แต่ว่าในแต่ละวันก็จะมีเวลาที่จะทำได้อย่างนี้ไม่มากเท่าไหร่ขอรับ
จึงขอคำชี้แนะจากพระอาจารย์ด้วยว่าควรจะปฏิบัติอย่างไรจึงจะได้ผลดีที่สุดขอรับ
ขอบพระคุณขอรับ
วิวัฒน์
ขอบพระคุณ พระอาจารย์ มาก ครับ
การภาวนา "คาถาเงินล้าน" หลวงพ่อท่านให้หมั่นภาวนาอยู่เสมอ ส่วนผลที่ได้แล้วแต่บุคคล คิดว่าสมาชิกที่ถามมาส่วนใหญ่ก็ทำถูกต้องดีอยู่แล้ว
แต่อยากจะขอย้อนกลับไปถึงที่หลวงพ่อเล่าเรื่อง นายแจ่ม เปาเล้ง ทำสวนพริกอยู่ที่ท่าแซะ แกปลูกเสร็จแล้ว มอบให้ภรรยาคอยดูแล ส่วนแกนั่งภาวนาคาถาอย่างเดียว
ผลปรากฏว่าพริกของแกขายได้ราคาดีกว่าคนอื่น
การที่นำเรื่องนี้มาเป็นตัวอย่างสั้นๆ ก็เพื่อให้เปนที่สังเกตุว่า ต้องทำเป็นฌาน จึงจะได้ผลดี
ส่วนท่านสมาชิกอื่นๆ ที่ถามมา คงต้องเทียบกับสมาธิที่ทำ ว่ามีสมาธิตั้งมั่นแค่ไหน ส่วนจะภาวนาคาถาถึงตอนไหน จะเริ่มต้นใหม่ ก็แล้วแต่เรา
สำคัญจิตมีสมาธิดีพอ หมายถึงทรงตัวดีหรือไม่
ฉะนั้นท่านจึงได้แนะนำว่า หากมีเวลาว่าง ต้องฝึกหัดทำให้เป็นสมาธิ ผลที่ได้ ไม่จำเป็นต้องภาวนากี่จบ
แต่หลักคาถาเงินล้านที่สำคัญ ต้องรักษาศีล โดยเฉพาะข้ออทินนาทาน และต้องทำบุญใส่บาตรทุกวัน อย่างที่ใส่บาตรวิระทะโยกันนั่นแหละ
ส่วนประการสำคัญสุดท้าย ขอนำคำของหลวงพ่อที่เคยให้ข้อคิดไว้สั้นๆว่า ถ้าโลภ ก็จะตัดลาภ ท่านบอกว่าลาภมันกลัวโลภ
อาตมาไม่ได้หมายความว่าคนที่ภาวนาคาถาเงินล้านเพราะโลภนะ ความอยากมีกันได้ทุกคน แต่เวลาภาวนาคาถา จิตต้องบริสุทธิ์ หมายถึงทำใจเฉยๆ
จะเอาเงินใส่ลิ้นชัก เอาเงินเข้าบัญชี จะนำเงินออกมาใช้ หรือแม่บ้านจะตักข้าวสาร จะทำกับข้าว จะทำสวนทำไร่ ให้ใช้คาถานี้เป็นประจำ
และหากวันไหน มีผลงอกเงยขึ้นมา เช่นนับเงินในลิ้นชัก สังเกตว่ามีเงินเกินมา หลวงพ่อบอกว่าให้ทำเฉยๆ นี่เป็นเกร็ดเล็กๆน้อยๆ
ส่วนใหญ่ญาติโยมก็จะทราบดีกันอยู่แล้ว
ขอเจริญพร
พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต
ขอบพระคุณพระอาจารย์ขอรับ
วิวัฒน์
ขอบพระคุณพระอาจารย์ค่ะ และขอโมทนากับคำตอบด้วยค่ะ
กราบขอบพระคุณพระอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง
และขออนุโมทนาสาธุในคำตอบ ที่ได้ให้ความกระจ่างได้ดียิ่งเลยค่ะ สาธุ
เพราะมัวแต่ไปกังวลในปริมาณของการท่อง พอท่องได้ไม่เยอะ ก็ไม่สบายใจ
ตอนนี้รู้แล้วว่า สิ่งที่สำัคัญยิ่งนั้น คืออะไร กราบขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
กราบนมัสการพระคุณเจ้ากระผมขอเรียนถามดังนี้.-
1.การที่ต้องการให้คาถาเงินล้านได้ผล คือ เรา-ท่านทั้งหลายต้องใส่บาตรทำบุญทุกวัน กระผมอยากเรียนถามถึงการใส่บาตรวิระทะโย
1.1 กระผมมีบาตรเล็กๆไว้ที่หิ่งพระจะเรียกว่าบาตรวิระทะโยได้ไหมครับ
1.2 วัตถประสงค์ของกระผมคือ ใส่บาตรเก็บใว้เพื่อทำบุญ(ทุกอย่าง) คือเจตนาเพื่อทำบุญ...
1.3 กระผมไม่สะดวกเรื่องปัจจัย/หรือใส่บาตรพระทุกวัน กระผมใช้วิธีใส่บาตรที่บาตรเล้กของตัวเอง
กราบเรียนถามว่าอย่างนี้ถือว่าเป็นบาตรวิระทะโยไหมขอรับ
ตอบ เรื่อง คาถาเงินล้าน : คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า
ขออ้างอิงจากเรื่อง คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า ปฏิปทาของนายประยงค์ ที่หลวงพ่อเขียนไว้ในคู่มือปฏิบัติพระกรรมฐานนะครับ
1. ท่านสวด 9 จบ ทุกเช้า และเย็น
2. ท่านว่าคาถานี้ 9 จบตอนใส่บาตร ถ้าวัน ใดไม่มีพระมาบิณฑบาตท่านใช้เก็บเงินไว้แทนการใส่บาตร ท่านใช้เก็บเงินไว้แทนการใส่บาตร
ตามแบบที่หลวงพ่อปานสอนท่านให้เก็บข้าวสารหรือเงินก็ได้เอาไว้แทนการใส่บาตร ก่อนเก็บว่าคาถานี้ 9 จบ เหมือนก่อนใส่บาตร
วันต่อไปให้เอาไปถวายพระเป็นค่าภัตราหาร
3. เมื่อสวดคาถานี้แล้ว ท่านั่งภาวนาคาถานีจนสบายใจทุกวัน คือ ตั้งเวลาไว้ ประมาณครึ่งชั่วโมง ทำจนจิตเป็นสมาธิ พอสบายใจแล้วก็ไปทำงานตอนเช้า
หรือพักผ่อนในตอนค่ำ
ส่วนเรื่อง บาตรวีระทะโย
จะเป็นกระปุกออมสิน ที่เป็นรูปบาตร ที่ขายตาม ร้านสังฆภัณฑ์ อย่างนั้นก็ได้ หรือจะเป็นกระปุกออมสิน ธรรมดาก็ได้ ผมเคยคิดจะ ใช้เป็นแบบกระปุกรูปบาตร
แต่ต่อมา ก็ใช้ เป็นแบบกระปุกธรรมดา ทั่วไปแทนครับ แล้วผมก็ นำไป ทำบุญถวายสังฆทานเวียน ตามวัดใกล้บ้าน หรือ
ถวายภัตราหาร ก็ได้ครับ บางแห่ง สังฆทานเวียน ตู้เขาเขียนว่า หยอดเงินถวายสังฆทาน เพื่อเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร ของพระภิกษุสงฆ์
ส่วนเรื่อง ทำบุญ เรา จะทำบุญ ที่ไหน อะไรก็ได้ ไม่ได้บังคับไว้ ว่าให้ไปทำอย่างนั้นอย่างนี้
แต่เงินที่ลงบาตรวิระทะโย ผมว่า น่าจะเป็นส่วนในการถวายให้กับพระสงฆ์ เป้นค่าอาหาร และค่าน้ำค่าไฟ
ตามหลักที่เขาแนะนำมาดีกว่าครับ เพราะเป็นเงินที่ตั้งใจจะถวายสงฆ์เนอะ
ส่วนเงินที่ช่วยเหลือ พี่น้องที่ตกทุกข์ได้ยาก ส่วนของสาธารณะประโยชน์แยกออก จาก เงินวีระทะโย ดีกว่า
ถ้าหากผมผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่แห่งนี้ด้วยครับ
ืีnuping
ขอเพิ่มเติมนิดหนึ่ง นะครับ พระท่านว่าไว้ว่า การนำเงินใส่บาตรวีระทะโย เพื่อนำไปเป็นค่าอาหาร และการตักบาตรพระทุกวัน ท่านบอกว่า เป็น ทานบารมี
ในตัวด้วยครับ แบบว่า สวดมนต์ มี บุญด้านภาวนา
ก่อนสวดมนต์ก็สมาทานศีล 5 บุญด้านศีล ใส่บาตรวีระทะโย ใส่บาตรพระเป็นทานบารมี
ส่วนของลาภที่ได้มานั้นเกิดจากทานบารมี เราต้องมีทุนของตัวเองก่อน นะครับ
ส่วนคาถาเงินล้าน กับคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นการขอบารมีพระรัตนตรัยมาช่วยสงเคราะห์เราด้านลาภ
คล้ายๆกับการเร่งผลด้านทานบารมี ส่งผลให้เราเร็วยิ่งขึ้น มากยิ่งขึ้น
ถ้าหากเราไม่มีทุน เราก็แย่เหมือนกันนะครับ
สาธุครับ
ขอโมทนาสาธุทุกท่านครับ...
Motana krub
ขออนุโมทนาครับ
โมทนาบุญด้วยครับ ขอบพระอาจารย์ที่ให้ ความรู้กระจ่างขึ้นครับ
ได้ความรู้ เพิ่มขึ้นมาเลย
อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ