☺.....มีทีมงานฯ ของเราคนหนึ่งได้เปิดพบการสนทนากันในเว็บบอร์ดดัง "พันธ์ทิพย์" จะมีความเห็นอย่างไร
และเจตนาของผู้ตั้งกระทู้นี้มีความประสงค์เช่นไร ขอเชิญอ่านด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเที่ยงธรรม เพราะมีคำตอบทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยนะครับ
สมเด็จองค์ปฐม และ ความเชื่อวัดท่าซุง
พระพุทธเจ้าตรัสว่า วัฏฏะสงสารไม่มีเบื้องต้น ไม่มีเบื้องปลาย
ในเมื่อไม่มีเบื้องต้น ก็ไม่น่ามีองค์ปฐม ซึ่งได้อานดูแล้วเหมือนว่ามันขัดแย้งกับที่หลวงพ่อฤาษีที่ว่าไว้ โดยส่วนตัวนับถือท่านนะครับ
และมีอีกหลายสำนักที่เชื่อเรื่องนี้ อย่างพระอาจารย์ภาสกร ภาวิไล วัดฝายหิน
ท่านก็บอกว่า องค์ปฐมยังมีอยู่ ท่านเทศได้สนุกและอธิบายได้เห็นภาพเกี่ยวกับการเกิดขึ้นและสังสารวัดทั้งหมด ติดอยู่ที่เรื่อง องค์ปฐม อย่างเดียวเท่านั้น
ส่วนตัวผมคิดว่าองค์ปฐมไม่น่าจะมีจริง ถ้ามีจริงมันจะเป๋ไปเป็น มหายาน หรือ ความคิดใน แนว God ไป
เห็นกันว่าอย่างไงบ้างครับ
จากคุณ : มังคลา
เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 22:12:39
☺......ท่านผู้อ่านจะมีความเห็นเช่นใด ขอเชิญแสดงความเห็นในการสร้างสรร เพื่อมิให้เกิดความขุ่นข้องใจกัน หวังแค่ความรู้ความเข้าใจแต่ละบุคคล
เพราะเรื่องนี้อยู่ในข้ออจินไตยที่พระพุทธเจ้าตรัสห้ามว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรคิด ซึ่งมีรายละเอียดในพระไตรปิฎก http://84000.org/tipitaka/book/nana.php?q=25 ดังนี้....
ผมเห็นด้วยกับทีมงานครับเรื่อง อจินไตย ซึ่งน่าจะมีความหมายว่า คนที่คิดว่ามีหรือไม่มี ไม่มีความสามารถที่จะหาคำตอบด้วยตนเองได้ในภาวะปุถุชนวิสัย
ติดใจตรงคำว่า ความเชื่อของวัดท่าซุง เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินว่าวัดท่าซุงมีความเชื่ออย่างไร พระพุทธเจ้าเองท่านก็ไม่เคยสอนเรื่องความเชื่อ
นอกจากความจริง คำว่าความเชื่อนัยยะคือพิสูจน์ไม่ได้ว่าจริง อาจจะจริง หรือไม่จริง
เท่าที่ผมทราบหลวงพ่อและวัดท่าซุงสอนตามพระพุทธเจ้าคือสอนแต่ความจริงและให้ผู้ปฎิบัติพิสูจน์ความจริงด้วยตนเอง
Boon
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ ฯ
(เป็นธรรมที่ผู้รู้ทั้งหลาย ปฏิบัติแล้วจะเห็นได้ รู้ได้เฉพาะตนเท่านั้น ฯ) ...
กระผมคิดว่าไม่น่าตีความเพราะว่าเป็นของสูงสิ่งที่องค์หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านได้ทรงสอนไว้และที่มณฑปสมเด็จองค์พระปฐมก็มีพระบรมสารีริกธาตุ โดยเสด็จมาเองเป็นพุทธอัปมาโน คนที่ไม่เชื่อและมีความสงสัยก็ไม่ต้องมาพิสูตรเพราะทางวิทยาศาสตร์พิสูตรไม่ได้ เป็นปัจจัตตัง ถ้าย้อนถามว่าทำไมคนที่จบ ดร.ต้องกราบไว้พระที่เรียนมาทางโลกที่ไม่ได้ปริญญา แต่ท่านบรรลุธรรมและมีคุณธรรมพิเศษสามารถล่วงรู้อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต วัดท่าซุงหลวงพ่อท่านได้สร้างสถานที่ต่างๆที่อยู่บนสวรรค์-พรหม-และนิพพาน ถ้าไปบอกคนที่ไม่ใช่ลูกศิษย์ ก็ไม่เชื่อยังปรามาสอีกด้วยและวิชามโนมยิทธิทำให้คนที่สงสัยว่านรกสวรรค์มีจริงหรือเปล่า เป็นแสนเป็นล้านแล้วที่สัมผัสได้ทุกต้นเดือนที่สายลมมีคนไปฝึกเป็นจำนวนมากมีทั้งเด็กวัยรุ่นและวัยกลางคน ผมขอเชิญท่านที่คิดว่าสมเด็จองค์พระปฐมไม่มีจริง เชิญท่านฝึกวิชามโนมยิทธิได้ที่สายลมทุกต้นเดือน ถ้าท่านฝึกแล้วไปไหนไม่ได้ท่านคิดเอาเองว่าจิตท่านดีหรือยัง เพราะเด็กนักเรียนร.ร.พระสุธรรมยานเถระวิทยารุ่นละประมาณ 600 คน ตอนนี้ผ่านมา 26 รุ่นแล้วได้วิชามโนมยิทธิทุกคน ปฏิบัติให้มากๆๆๆจะได้ไม่สงสัย หลวงพ่อสอนว่าจงเตือนตนอยู่เสมออย่าไปยุ่งเรื่องคนอื่นเอาตนเองให้ดีสิ่งที่สำคัญคือรักษากำลังใจของเราให้ดีเท่านั้น กระผมขอความกรุณาจบกระทู้นี้อย่าได้โพสต์ต่ออีกเลย ไม่เป็นการสมควร จากanant.19@hotmail.com
ถึงเด็กอุทัย หนังสือที่คุณจะขนไปขายของหลวงพ่อฤาษีผมขอซื้อทั้งหมด ผมไม่อยากให้ตกไปอยู่กับคนที่ไม่รู้คุณค่า เบอร์โทร 087-986-1424 อนันท์อยู่กรุงเทพ โปรดติดต่อมาโดยด่วน............
เห็นด้วยคับกับคำว่า "ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ ฯ" โดยส่วนตัวผมรักและเคารพ กราบ พระรัตนตรัย โดยเฉพาะสมเด็จองค์ปฐม สมเด็จองค์ปัจจุบัน และหลวงพ่อ และถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้มโนมยิทธิ แต่ผมก็มีความรู้สึกว่าองค์ท่านก็คอยดูแลลูกหลานของท่านตลอด (เคยโดนอารมณ์โกรธครอบงำ คีนนั้นฝันเลยในความฝันหลวงพ่อลงมาเตือนเลยว่า เขตนี้เป็นเขตอภัยทาน) เพราะฉะนั้นคำสอนของหลวงพ่อผมเชื่อไม่ใช่แค่ 100 %แต่เชื่อ ล้าน% ครับ
จากการอ่านมาทั้งหมด นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมวงสนทนา ข้อขัดข้องทางใจของท่านหลายท่าน ซึ่งอ่านแล้ว ทำให้คิดว่า สี่งที่อยากรู้อยากเห็น
ช่วยให้ท่านพ้นทุกข์ได้หรือไม่?
สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถ่ายทอดมา โดยการทำสมาธิ หรือการถ่ายทอดผ่านองค์หลวงพ่อฯ นั้นต่างหากมิใช่หรือ
คือสิ่งที่มนุษย์เราปรารถนาอยากจะรับรู้ และได้เป็นคือ ทำตัวเองให้พ้นจากกองทุกข์นั้น
จากความสงสัย ไม่ว่าด้วยเรื่องอันใด ท่านที่ต้องการขายหนังสือทิ้ง หรือท่านที่ยังมองว่า มีสมเด็จองค์ปฐมหรือไม่นั้น ใยท่านไม่เปิดตาตัวเองให้ประจักษ์
ดั่งคำที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ตถาคตเป็นแต่เพียงผู้บอก ที่เหลือผู้รับฟังต้องพิสูจน์เอง
หากเราอยู่ในโลกปัจจุบัน ที่เกี่ยวโยงกับวิทยาศาสตร์ ใยท่านที่สงสัยทั้งหลาย จึงไม่ลองพิสูจน์ โดยการฝึกจิตของตัวเอง
แล้วพิสูจน์ให้เห็นด้วยตัวเองเล่า
หากท่านมีความตั้งใจที่จะตัดขันธ์ห้า เพื่อการบรรลุ มรรค ผล แม้มิใช่ในชาตินี้ แต่ต้องมีสักชาติที่ท่านปรารถนา ท่านมีความขัดข้องใจ หรือปัญหาใด?
แม้หาผู้ใดแจงให้ทราบได้ไม่ ท่านก็จะสามารถพบองค์สมเด็จพระสัมมาฯ ได้ และพระองค์จะตอบปัญหา หรือคำถามที่คุณอาจลืมไปแล้วมาตอบก็ได้ อย่างที่เคยพบเจอมา
เมื่อวันที่ ๙ ธ.ค. ๒๕๓๗ ตอนบ่ายโมงครึ่ง ไปกราบพระรูป ๑ ตัวเองทำสมาธิ รู้สึกเบื่อหน่ายขันธ์ห้า รู้สึกว่าการมากราบหลวงพี่ที่นี่ ช่างน่าเบื่อหน่าย
ชีวิตผ่านความตายมาหลายขณะ ต้องนั่งรถ นี่งเรือ กว่าจะมาถึง
ขณะนั้นสมเด็จองค์ปฐมเสด็จ และกล่าวสอนด้วยพระสุรเสียงที่เปี่ยมไปด้วยพระเมตตา นุ่ม ทุ่ม (ช้า ๆ ชัดถ้อยชัดคำ) เย็นจับใจว่า
(ทั้งหมดพระองค์ตรัสไปเรื่อย ๆ แต่ตอนพิมพ์ รู้สึกคล้ายคำกลอน เลยพิมพ์แบ่งวรรคตอนมา)
" จงเตือนตน แล้วทำตน ให้พ้น ทุกข์ทนที่ตนมี
จงทำดี เท่าที่ตน พึงทำได้ จะช่วยให้ สมหทัยที่หมายปอง"(พระนิพพาน)
คิดในใจ โดยไม่ได้คุยกับพระองค์ว่า "โลกช่างทุกข์จริง ๆ นะ"
พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนต่อว่า..............
" โลกก็เป็นเช่นนี้แล อย่าไปแย่กับมันที่ผันผวน
อย่าตรึงตรวนใส่ไว้ในใจเรา อย่านั่งเศร้าทุกข์ทนเพราะมันเลย
อยู่เฉย ๆ แล้วทำใจ ให้ไร้ขยะ จึงจะผละความวุ่นวาย จากโลกได้
หนทางใน พระนิพพาน ไม่ห่างไกล อยู่ด้วยใจ ที่เป็นสุข ว่างทุกข์เลย "
พอคลายจากสมาธิ ก็รีบจดเอาไว้ แล้วเพียรทำตามอย่างพระพุทธองค์ทรงตรัสสอน
พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนสั้น ๆ แต่ใจความแจกแจงได้ยาวมาก ในแต่ละประโยค ต้องใช้ปัญญามองคำสอน แล้วนำมาประกอบในการตัดทุกข์ของท่าน
หากท่านผู้อยากรู้ทั้งหลาย ปรารถนาจะรู้ ก็จะรู้ได้ในปัญหาของแต่ละคน ท่านอาจจะบอกว่า ที่พูดมา ไม่ได้ตอบคำถามของแต่ละข้อสงสัย แน่นอนว่า
ไม่ใช่ผู้อ่านตามสัญญาแล้วจดจำมาตอบ แต่ปฏิบัติบูชา แล้วนำมาบอก ให้ท่านทั้งหลายปฏิบัติเอง ให้ปัจจัตตังเอง เพราะสิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น
สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ
(คำสอนข้างต้น บอกให้สหายธรรมฟัง เพียงไม่กี่คน และเริ่มให้เพื่อนหลายคนอ่านในปี ๒๕๕๓ ทั้งที่เป็นลูกหลานวัดท่าซุง และที่ไม่ใช่ เพราะว่า
เขามีทุกข์มาปรึกษา ก็ให้เขาอ่านเพื่อให้เขารับรู้ว่า ปัญหาใด ๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว มันจะดับไปเพราะเราเป็นผู้ดับ หามีผู้ใดดับให้ ได้ไม่ เฉกเช่น
ปัญหาของท่านทั้งหลาย หากท่านหวังที่จะพิสูจน์หรือรับรู้ ผู้ที่รับรู้ได้ดีที่สุด คือตัวท่านเอง หากท่านเพียงมุ่งหวังการพิสูจน์
หาใช่มุ่งหวังเพื่อการทำลายแล้วไซร้ ท่านจะต้องได้รับผลหรือคำตอบแห่งปริศนาในใจของท่านได้ )
และอีกหลาย ๆ เหตุการณ์ ที่ ไม่ว่า องค์สมเด็จพระสัมมาฯ องค์ใด ๆ หรือองค์หลวงพ่อฯ ท่านสอนสั่งโดยที่ ไม่ต้องถามปัญหาด้วยปาก มีปัญหาเกิดขึ้นในใจ
พระองค์ก็ทรงตอบให้เราได้รับรู้ มีเรื่อง ๑ ที่คาใจมานาน คือ กรรมบถ ๑๐ ในข้อที่ว่า พูดจาเพ้อเจ้อ เหลวไหล ไร้สาระ ก็ปรับเป็นโทษ
อันนี้สงสัยสมัยองค์หลวงพ่อยังมีพระชนม์อยู่ แต่ท่านไม่ตอบให้หายสงสัย หลังจากนั้น ๗ ปี ที่ซอยสายลม ทำสมาธิตอน ๑ ทุ่ม สมเด็จพ่อองค์ปัจจุบัน
ถ้าจำไม่ผิด ทรงตรัสว่า "ที่ลูกสงสัยว่า ทำไมพ่อต้องปรับเป็นโทษ หากพูดจาเพ้อเจ้อเหลวไหลฯ (เพราะเราคิดว่า เราคุยเล่นกับเพื่อนไม่ได้ตำหนิ หรือนินทาผู้ใด
ใยต้องผิดด้วยเล่า) ก็เพราะว่า หากเจ้าตายตอนนั้น? เจ้าจะไปไหน?
ตอบในใจว่า แน่นอน มีนรกเป็นที่ไปเจ้าค่ะ เพราะว่าหนูไม่มีใจคิดถึงความดี มัวแต่พูดจาเลอะเทอะเจ้าค่ะ หลังจากนั้นมานั่งคิดว่า ตั้ง ๗ ปี เราลืมไปแล้ว
ทำไมสมเด็จพ่อยังจำได้ ก็เข้าล๊อคที่ว่า เวลาของดาวดึงส์ เท่ากับ ๑๐๐ ปี มนุษย์ ส่วนชั้นจาตุฯ ก็ เท่ากับ ๕๐ ปีมนุษย์ ๗ ปี
บนพระนิพพานหายใจเข้ายังไม่ทันหายใจออกเสียด้วยซ้ำหละมั๊ง
โดยสรุป การขอมีส่วนร่วมในการพูดคุยครั้งนี้ มิได้มีเจตนาจะอวดตัวแต่อย่างใด แต่เพราะเห็นว่า สิ่งที่สงสัยกันนั้น มันไกลตัวเรา หากเราอยากรู้
ก็ทำความอยากรู้นั้นให้แจ้งแก่ตนมิดีกว่าหรือ แล้วที่สำคัญ ทุกข์ในใจของเรา เรารู้แจ้งและดับมันแล้วหรือยัง? เรื่องในอดีต มันจะสำคัญไม่เท่ากับ
ปัจจุบันเราทำสิ่งที่เรียกว่า ความดีในใจตนหรือ ดับทุกข์ในใจเราได้แล้วหรือยัง หวังว่าการร่วมสนทนาธรรมนี้ จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่คิดว่า
คำสอนที่องค์หลวงพ่อถ่ายทอดออกมา ไม่น่าสนใจ ก็จะมีคำตอบในใจได้บ้าง
ท่านสอนว่า หากใครว่า พ่อ หรือไม่อยากมาวัด ก็อย่าขยั้นขะยอหรือดึงดันให้เขามา หรือแก้ตัวให้ เพราะมันไม่มีประโยชน์ ความศรัทธาจะเกิดขึ้น
ก็ต้องมาจากตัวเขาเองเท่านั้น ที่เขียนนี่ ไม่ได้ชักจูง หรือแก้ตัวให้แต่อย่างใด เพียงแต่บอกทางแก้ปริศนาของท่านมากกว่า หากตัวเองไปถามผู้รู้
เรื่องพูดจาเพ้อเจ้อฯ เขาอาจจะพูดไปในอีกแบบ ๑ ที่ไม่ใช่พระพุทธฯ ทรงตอบ คำตอบที่พระพุทธฯ ทรงแจงไว้ ช่างตรงกับคำที่ว่า
"ตถาคตคิดถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก" และนี่เป็นการพิสูจน์ว่า สมาธิที่เราทำนั้น เราสัมผัสได้จริงหรือไม่?
ขอขอบคุณทุก ๆ ปัญหา หากไม่มีปัญหา หรือความทุกข์ ความสงสัย ก็คงไม่มีการสนทนากัน จนมาถึงตรงนี้
กระทู้นี้ผมได้อ่านตั้งแต่แรกๆแล้วได้แสดงความเห็นไว้ที่ความเห็นที่15ใช้ล๊อกอินศรีเทพไทยในเวปบอร์ดมีผู้คนมากมายต่างคนต่างความคิดมีหลายสายทั้งเห็นด้วยและ
ไม่เห็นด้วยได้แต่พยายามอธิบายให้เขาทั้งหลายได้เข้าใจให้มากที่สุด
นี่ยังน้อยครับแค่สงสัยแล้วมาถามให้แสดงความคิดเห็น บางครั้งตั้งกระทู้ว่ากันมากกว่านี้ก็มี ก็ได้แต่ค่อยๆอธิบายกันไปครับ
หากกระทู้ไหนแรงมากๆไม่ฟังเราก็ต้องปล่อยเขาไปบอกมากก็ไม่ได้เพราะในที่อย่างนั้นมีทั้งคนที่รู้และไม่รู้
คนที่ไม่รู้แล้วฟังก็อธิบายได้แต่หากไม่รู้แล้วปิดก็คงต้องให้เกิดแก่เจ็บตายกันต่อไป
มีหลายๆท่านในพันทิปที่รู้และเป็นผู้ที่น่าจะเป็นลูกหลานหลวงพ่อคอยอธิบายให้ผู้ที่ไม่เข้าใจให้เข้าใจอยู่เสมอครับ พวกยึดตำราก็มาก พวกปฎิบัติก็มี
บางครั้งเล่นเวปบอร์ดที่เปิดอย่างนั้น ต้องปล่อยวาง และวางเฉยบ้างครับ นี่ยังดีที่ตั้งกระทู้ในห้องศาสนาถ้าไปตั้งห้องหว้ากอแล้วละก็
คุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะครับ
......ทีมงานฯ ขออนุโมทนาสมาชิกทุกท่านที่ได้แสดงความเห็นไว้ นับตั้งแต่ที่ทีมงานฯ ได้นำกระทู้นี้มาลงให้อ่านกัน
และขอชมเชยแต่ละท่านที่ได้ให้ความคิดความเข้าใจในทางสร้างสรรจริงๆ โดยเฉพาะคุณศรีเทพไทยที่ได้เข้ามาแสดงเห็นไว้ในที่นี้อีกครั้งด้วยครับ
สำหรับกระทู้ที่ตั้งไว้เดิมว่า "สมเด็จองค์ปฐม และ ความเชื่อวัดท่าซุง" ทางทีมงานฯ อยากจะขอย้อนแสดงความเห็นไว้อีกสักมุมหนึ่ง
ซึ่งจะต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่าเป็นความเห็นส่วนตัว อาจจะผิดพลาดไปบ้างต้องขออภัยไว้ด้วยนะครับ
ก่อนอื่นขออธิบายคำว่า "สมเด็จองค์ปฐม" กันก่อน ซึ่งจะไม่ขอใช้คำพูดยืดยาวเกินไปนัก เพราะเชื่อว่าผู้อ่านส่วนใหญ่เข้าใจกันดีแล้ว เพราะคำว่า
"ปฐม" นั่นหมายถึง "ต้น" หรือมีความหมายถึง "พระพุทธเจ้าพระองค์แรก" หรือ "องค์ที่หนึ่ง" นั่นเอง
แต่ก็มีผู้คนสงสัยว่าเป็นพระองค์แรกของกัปนี้หรืออย่างไร ในที่นี้ทีมงานฯ จะขออ้างอิงพระนามของพระพุทธเจ้าแต่ละกัปมาให้อ่านก่อน ดังนี้
สมเด็จองค์ปฐมคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์แรกที่ตรัสรู้แล้วโปรดสัตว์โลกโดยการประกาศความจริงเรื่องนิพพานและสอนคนไปนิพพาน แต่ถามว่าก่อนมีสมเด็จองค์ปฐมนิพพานว่างไหม ความเห็นส่วนตัวคิดว่าไม่ว่างเพราะมีพระปัจเจกพุทธเจ้าที่นิพพานแล้วอยู่ ถ้าไปถึงนิพพานแล้วคงรู้เอง แต่ส่วนตัวก็ยังไม่เคยเห็นนิพพาน เคยเห็นแต่สวรรค์