จาก : luketann..@hotmail.com
ถึง : webmaster@watthasung.com
หัวเรื่อง : ติดต่อทีมงาน : ตรวจสอบหนังสือซึ่งคาดว่ามีผู้อาศัยชื่อเสียงหลวงพ่อหาประโยชน์
วันที่ : 01/02/12 11:42
รบกวนช่วยตรวจสอบหนังสือ ถอดรหัสคำทำนายหลวงพ่อฤาษีลิงดำ สิ้นชะตากรรมประเทศไทย มหาภัยพิบัติล้างแผ่นดิน ผู้เขียน นายชินวุฒิ
ศิลาทิพย์ สำนักพิมพ์ แบงค์คอกบุ๊คส์,สนพ.
(www.se-ed.com/eShop/Products/Detail.aspx?CategoryId=0&No=9786162332432)
ลูกตาล
เรียน สมาชิกเวปวัดท่าซุง ทราบ
......เรื่องนี้ทางทีมงานฯ ได้กราบเรียนถาม พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต แล้ว ท่านได้ตอบว่าทางวัดไม่ทราบเรื่องนี้
และขอปฏิเสธการกล่าวอ้างบทความที่เกี่ยวกับคำทำนายหลวงพ่อฤาษีลิงดำใดๆ ทั้งสิ้น อยากจะให้ใครที่มีความรู้ทางด้านกฎหมาย เพื่อเห็นแก่คุณงามความดีของท่าน
น่าจะใช้ตัวบทกฎหมายลงโทษ จะได้ไม่สร้างความเสื่อมเสีย หรือพยายามชักนำเข้าไปในกระแสการบ้านการเมือง เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคมไทยอีกต่อไป
ทีมงานฯ
ขอเรียนถามทางทีมงานว่า คณะศิษย์จะสามารถนำคดลอกเนื้อหาจากกระทู้นี้ออกเผยแพร่ไปยังเวบไซต์อื่นเพื่อชี้แจงให้สาธารณชนได้รับทราบโดยทั่วถึงได้หรือไม่คะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณที่ถามมาก่อน คิดว่าน่าจะใช้วิธีลิงค์ดีกว่า ปัญหาจะได้แคบ และแก้ไขได้ตรงจุด ไม่อยากให้นำไปต่อเพิ่มความขัดแย้ง อยากให้ปัญหายุติโดยง่ายๆ
ตามโบราณท่านว่า
"ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า"
เหมือนกับกระทู้ๆ หนึ่ง ที่ได้ย้ายออกไปเมื่อวานนี้ เนื่องจากนำไปพาดพิงถึงเวปอื่น ซึ่งสมาชิกจะโพสข้อความอะไร กรุณาระมัดระวังด้วย เวปบอร์ดนี้
(ข้อมูลสมาชิก) จะเปิดให้โพสเฉพาะเรื่องธรรมะ หรือถามปัญหาเกี่ยวกับวัดท่าซุงเท่านั้น (ส่วนเดิมที่เคยพาดพิงกันขอให้ผ่านไป)
ต่อไปนี้ก็เริ่มต้นกันใหม่ไม่พาดพิงถึงบุคคลอื่น, วัดอื่น, เวปไซด์อื่น หรือนำ URL อื่นเข้ามา ซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจสอบเรื่องนั้นๆ เสียก่อน
เพราะจะสร้างความสับสนให้เกิดขึ้นได้
ขอบคุณทุกท่านที่หวังดีกับวัดครับ
ทีมงานฯ
เห็นด้วยกับทีมงานครับ
ขอให้เป็นเรื่องธรรมะและเรื่องวัดท่าซุงเท่านั้น
เป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มลูกหลานของหลวงพ่อของพวกเราก็พอแล้วครับ
กรรมใดใครก่อ ก็ต้องเป็นผู้รับกรรมนั้น ก่อนหน้านี้ ก็เป็นผู้หนึ่งที่รู้สึกไม่ถูกอารมณ์ ที่มีการกระทำบางอย่าง ของผู้ซึ่งพ่อท่านได้ช่วยสงเคราะห์ไว้
แต่เมื่อยามมีการฉลองฯ พระนามของท่านหรือแม้แต่รูปภาพ ก็มิได้ถูกเอามาประกาศให้ผู้คนรับรู้ ทำให้ไม่พอใจผู้นั้น เอ่ยกับเพื่อนคนหนึ่งว่า คอยดูเถอะ
ผู้นั้นจะเจอกรรมหนัก และแล้ววันเวลานั้นก็มาถึง ประมาณ ๑ เดือนเห็นจะได้ เขาก็ได้รับผลกรรม เมื่อรับรู้จิตมันก็บอกเองว่า เออนี่แหละ กฏของกรรม
จิตเราไม่ไปข้องแวะ ดีใจหรือเสียใจ อย่างที่พระท่านบอกว่า ใครทำกรรมใด เขาก็ต้องรับกรรมนั้น แน่นอนเขาไม่ได้ตั้งใจ แต่ผลกรรมก็ตามทัน ก่อนหน้านี้
ได้บอกเขาเรื่องนี้ด้วย หลังจากบอกเขา คำพูดของพ่อ ก็มา เมื่อตอนอยู่สายลม มีคนถามคำถามบางอย่าง จำคำถามไม่แน่ชัด แต่คำตอบคือ ไม่ว่าใครจะว่าฉันอย่างไร
ก็เป็นเรื่องของเรา ใครอย่าไปโต้แย้ง หรือพูดแทนนะ เป็นเรื่องของเขา จิตจึงรู้ว่า แกแพ้กิเลสอีกแล้ว ที่พ่อเตือน เราก็ไม่ฟัง มีอารมณ์ร่วมกับเขา
ไม่พอใจเขา บ้าอยู่ตั้งนาน ต้องให้พ่อมาเตือน ต้องกลับมาโจษโทษตัวเราอีกนั่นแหละ ดังนั้นเรื่องนี้ ก็ต้องขอบอกว่า กรรมใคร ใครก็รับกันไป แน่นอนว่า
ที่สุดของปลายทางนั้น คือนรก
อยากจะแชร์การปฏิบัติให้กับเพื่อนสมาชิกในเรื่องความคิดให้จิตยอมรับผลของกรรม ตลอดหลายสิบปีมานี้ เพียรพยายาม น้อมนำคำสอนของสมเด็จพ่อฯ พ่อมาปฏิบัติ
ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็ต้อง มีความวิริยะ ต่อไป จนได้ผลสรุปว่า หากต้องเลือก ระหว่าง ความร่ำรวยกับความยากจน เราจะเลือกอะไร?
เพราะว่า เบื้องหน้าของเราคือ พระนิพพาน ซึ่งแน่นอนว่า จะเต็มไปด้วยอุปสรรค ขวากหนาม มีแต่ความไม่สมหวัง มีแต่การต้องชดใช้กรรม ที่เจ้ากรรมนายเวรมาทวง
และมักจะสวนทางกับคำว่า ร่ำรวย เรายังคงจะเลือก สายทางสู่พระนิพพานอีกไหม? จิตมันบอกว่า แม้เรายังอยากร่ำรวย แต่เดินมาถึงตรงนี้แล้ว เบื้องหลังของเรา คือ
กิเลส ตัณหา อุปาทาน และ อกุศลกรรม ซึ่ง ความรวยก็จัดอยู่ในจำพวกนั้น ปลายทางของความ ร่ำรวย ทรัพย์สมบัติ ก็คือ นรก เราต้องการสิ่งเหล่านั้น จริงหรือ?
เมื่อย้อนคิดไปเมื่อครั้งงานพระศพพ่อ ในช่วงสัปดาห์ ที่ ๓ หรือ ๔ จำไม่ได้ มาวัดทุกอาทิตย์ มาช่วยงาน และจัดที่ทางที่ ๑๒ ไร่ มีเพื่อนบอกว่า วันนี้
ที่วัดจะนำเอา พระ....กันไฟไหม้ได้ ราคา ๖,๐๐๐ บาท อยากได้อยาก แต่เงินก็จำกัด ก็เลยเดินออกไป ระหว่างทางยังไม่ถึงซุ้มประตูวัด ก็เดินร้องไห้เช็ดน้ำตาไป
พูดกับพ่อว่า " หลวงพ่อเจ้าขา ทำไมถึงต้องกำหนด กฏเกณฑ์เช่นนี้ด้วยเจ้าค่ะ ทำไมต้องกำหนดให้วัตถุมงคล ต้องขึ้นราคา ทุกอาทิตย์ เป็น ๑ เท่า ลูกหลาน
ไม่ใช่จะรวยทุกคนนี่เจ้าค่ะ หนูเองเงินเดือน ๑ หมื่น อาทิตย์ที่แล้ว ก็เจอไป ๔ พัน อาทิตย์นี้ อีก ๖ พันแล้วหนูจะกินอะไร
ไหนจะค่าใช้จ่ายอื่นอีกตั้งเยอะนะเจ้าค่ะ คิดไป เดินไป ก็เช็ดน้ำตาไป
ทันใดนั้น พระสุรเสียงของสมเด็จพ่อองค์ปัจจุบัน ก็ดังขึ้นที่ข้างหูขวา อย่างมีพระเมตตาว่า " สรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ ทิ้งไว้เป็นสมบัติของโลก
พระนิพพานเป็นสมบัติของใจ " สะดุ้งนิดหนึ่ง แล้วขอบพระคุณพระคุณพระองค์ท่าน เช็ดน้ำตาแล้วหันหลังกลับ จนหลวงพี่สุรจิตถามว่า "ทำไมไปเร็วจัง"
กราบเรียนท่าน เรื่องนี้ พอดีตัวเองไม่ค่อยจะมั่นใจเรื่องจิตสัมผัส ท่านบอกว่า " อืม ถูกต้องที่สุดแล้วหล " นับแต่นั้นมา ก็ตั้งใจรักษาจิต
และตามรู้จิตให้มากที่สุด ขนาดนั้น ยังหลุดเรื่อง คนไม่ให้เกียรติพ่อเลย เห็นไหมว่า จิตมันจะให้เราคิดเลว ทำแล้วอยู่ตลอด (ท่านใดที่อ่านแล้ว
อาจจะรู้สึกว่า ทำไมไปเรียนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า สมเด็จพ่อฯ เพราะว่า คุณแม่ขอให้มาเกิดจาก พระจีน ดังนั้น ความรักและผูกพันธ์ที่มีต่อ
องค์สมเด็จ องค์หลวงพ่อ องค์หลวงพี่ ทุกท่าน จึงมีเสมือนหนึ่งเป็นคนในครอบครัว ตัวเองจะรักพระสงฆ์มาก เพราะถือว่า
ผ้าเหลืองเปรียบเสมือนตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมาฯ พระองค์ทรงห่อหุ้มตัวแทนที่มีชีวิต คือผู้ที่อยู่ในผ้าเหลือง
ดังนั้น คำพูดที่พ่อท่าน เคยบอกว่า อย่าสนใจจริยาผู้อื่น ให้โจษโทษตัวเราเอง นั้นใช้ได้เสมอ ในทุกสมัย
หวังว่า การเข้ามาร่วมสนทนา ข้อคิดนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกท่าน และโปรดอย่าคิดว่า เข้ามาอวดตัวเองแต่อย่างใด เพราะว่า ไม่ค่อยได้พูดคุยกับใครมากนัก
เรื่องการปฏิบัติ จะพูดกับคนที่เขาต้องการรับรู้ แต่นี่ อ่านมาหลายเพลาแล้ว ยังมีคำพูดอีกหลายคำ และข้อคิดบางข้อคิด ที่บางครั้งยังอิงสิ่งที่เป็นภายนอกอยู่
ในความคิดเห็นของตัวเอง จึงอยากแสดงความเห็นนี้ให้พวกเรา เหล่าลูกหลานของพระผู้มีพระภาคเจ้า พ่อฯ ได้ รับรู้ว่า หากเราเดินตามกระแสสังคม
ในเรื่องของการเปิดเว๊ปไซด์ สิ่งเหล่านี้ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเราไปต่อกรรมกับเขา ก็ไม่รู้จบ เพราะ คดีก็จะมีกันบ่อย ๆ เหมือนพวกดาราฟ้องร้องนักเขียนข่าว
อย่างที่บอกว่า กรรมใครก็กรรมใคร (ไม่ใช่ตัวเองว่า พระฯท่านว่าไว้ และพ่อก็เตือนแล้วว่า อย่าไปเถียงแทนท่าน มันจะผูกกรรมไม่รู้จบ
เราอาจจะอธิบายให้รับรู้ความจริงได้ แต่ไม่จำเป็นต้องไปต่อกรรมกับใคร จะดีกว่าไหมค่ะ ขอบคุณค่ะที่เข้าใจในเจตนาที่เขียนมา
ขอแก้ไขคำผิดค่ะ ก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่ของเรา
อยากได้ก็อยาก แต่เงิน
ถูกต้องที่สุดแล้วหละ
สาธุ
motana sadhu krub
เรียน สมาชิกทุกท่าน
......หลังจากมีหนังสือเล่มนี้ออกมาจำหน่าย ทางวัดก็ได้แจ้งหนังสือเตือนไปแล้ว ดังมีสำเนาต่อไปนี้ครับ (กรุณาอย่านำจดหมายนี้ออกไปโพสต์ที่เว็บอื่น
ขอบคุณครับ)
ทีมงานฯ