ไม่อยากเชื่อที่วิหาร100เมตร ท่านที่เคยลงไว้ก่อนหน้านี้ว่ามีกำหนดปัยจัยจริงครับ ฝั่งด้านองค์พระ แต่ทางฝั่งหลวงพ่อยืนประกาศแล้วแต่ศรัทธา
สับสนดีครับ แล้วถ้ามีเงินไม่พอจะถือพานไปได้หรือไม่
อีกปัญหา จุดยืนถ่ายภาพจะให้ยืนจุดไหนครับมามาสะกิดถอยออกช่วงเสา เรายืนห่างจากรูปหล่อในหลวงร่วมเมตร บอกยืนค้ำในหลวง
ผมว่าหาเชือกมาผูกดีกว่าไหมครับ จะได้ไม่เสียความรู้สึก
จะเอาช่วงเสาไหนที่จะไม่ให้เอา
หลายอย่างเปลี่ยนแปรไปทางที่ดีขึ้นสวยงามขึ้น แต่คนประจำวัดไปทางไหน
มงคลนักคิดมากไปหรือเปล่า
ก่อนถ่ายภาพพระสงฆ์หรือพระพุทธรูป ก็ต้องขมาอยู่แล้ว
ผมร่วมสร้างพระมาก็มาก พระนอนที่พิจิตรต้ทงขึ้นบนองค์ท่านเพื่อเทปูน
พระที่จะใส่พระเกตุต้องขึ้นยืนที่ไหล่
จะทำอะไรก็ต้องขมาทั้งนั้น แม้แต่ทำความสะอาดองค์พระ 8 ศอก ที่12 ไร่ ก็ต้องขึ้นยืนบนองค์ท่านก็ทำมาแล้ว
แต่ทุกครั้งต้องขอขมาต่อองต์สัมเด็จฯและเทวดาที่รักษาองค์ท่าน
ถ้าจะห้ามจุดไหนก็กำหนดให้ชัดเจน คนเก่าทั่นานมาจะได้รับรู้รับทราบว่า
ต่างไปจาดหลวงพ่ออยู่ เพราะท่านห้ามวิ่งห้ามเสียงดัง
ขอบพระคุณที่มาช่วยยืนยันว่า แม่บ้านไปมาและโดนมาจริงๆ ไม่ได้จะมาใส่ร้าย แต่มีคนทำงานวัดที่เป็นแบบนี้จริงๆค่ะ รวมทั้งเรื่องการถ่ายรูปด้วย
ทำให้คนที่ไปกราบพระ กราบหลวงพ่อต้องเสียความรู้สึกไปมาก
แม่บ้าน
ปีนี้ไปวัดมาประมาณ 2-3 ครั้ง ที่วิหารแก้ว ถ้าตรงทางเข้า เวลาจะไปหยิบพานกราบหลวงพ่อ เจ้าหน้าที่จะบอกแล้วแต่ศรัทธา ... แต่ตรงหน้าพระพุทธชินราช จะบอก
พานละ 20 รวมถึง ถ้าไปถ่ายรูปเสาแรก ชิดๆ กับ ที่มีพระบรมรูปปั้นในหลวง จะมี นร ใส่เสื้อเหลืองๆ มาสะกิดบอกว่า ห้ามถ่ายรูป ถ้าจะถ่ายให้ถอยไปอีก
ซึ่งเมื่อก่อน ไม่เคยมี
แต่ถ้าเป็นระเบียบทางวัด ก็น่าจะเขียนป้ายบอก เผื่อบางคนไม่รู้ธรรมเนียมจริงๆ ว่าควรทำอย่างไร บางคนไม่ได้ถ่ายเอาสวย แต่ถ่ายเก็บไว้ดูพระ
หรือถ่ายเก็บไว้เพื่อเตือนความจำว่าเราเคยมาทำบุญที่นี่
วัดไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงนะค่ะ ขอให้มองเรื่องนี้เพียงแค่ตัวบุคคลจะดีกว่าค่ะ พี่ๆที่ไปทำบุญที่วัดก็อย่าจิตตกเลยนะค่ะ เราลูกหลานฟังเรื่องนี้มาหลายครั้งก็ไม่สบายใจเพระาเราก็รักวัดท่าซูง โดยส่วนตัวไปวัดบ่อยๆ ได้สอบถามไปนานๆแล้ว ว่า พระเจ้าหน้าทีได้ตักเตือนป้าเขาหลายครั้ง และรวมถึงคนที่อยู่วัดทราบข่าวใช่ว่าไม่มีใครบอกกล่าวตักเตือนพูดคุยกับป้าแก แต่แกก็ไม่เลิกทำจริงๆเสียที คนเก่าคุ้นหน้าป้าแกไม่กล้าทำไม่กล้าพูดเสียด้วยซ้ำเพราะแกรู้ว่าจะเจอสวนกลับไปเช่นไร กฎของวัดสมัยหลวงพ่อเคยเป็นเช่นไรก็ยังคงเป็นอยู่เช่นนั้นค่ะ คงอีกไม่นานหรอกค่ะ ป้าแกคงจะได้รู้ผลที่แกได้ทำไป กรรมใครทำใครก็รับไป ถือว่า มีกรรมรวมกันมาแล้วกันนะค่ะ อโหสิกรรมและให้อภัยป้าแกไปนะค่ะ ส่วนน้องๆนักเรียนก็คงทำตามคำสั่งป้าแก อย่าถือสาเด็กๆเลยนะค่ะ
ผมพาครอบครัวไปกราบหลวงพ่อมาช่วงวันหยุดก่อนสงกรานต์ เข้าไปในวิหาร 100 เมตร ลูกผมอายุ 2 ขวบเศษ ด้วยความที่ยังเล็กไม่รู้เรื่อง ก็ว่งเล่นตามประสา โดนผู้ชายใส่ชุดสีกากีที่ยืนอยู่แถว ๆ ชุดสังฆทานของวัด บอกให้ออกไปข้างนอก แฟนผมนี้หน้าเสีย หมดศรัทธาเลยครับ ผมศรัทธาในองค์หลวงพ่อมาก อยากจะพาครอบครัวไปทำบุญกับพระที่เป็นเนื้อนาบุญ ขับรถจากกรุงเทพ กว่าจะถึงวัดก็ตั้งหลายชั่วโมง แทนที่จะได้ไมตรีจิตอันดี จากคนที่อยู่ในวัดกลับถูกคนที่อยู่ในวัดพูดจาแบบนี้ เด็กอายุแค่นี้จะไปถือสาหาความอะไรนัก ผมอยากให้วัดคัดคนที่จะเข้าไปช่วยงานในวัดหน่อยครับ เอาคนประเภทนี้ไปช่วยงาน รังแต่จะทำให้วัดเสื่อมเสียเปล่า ๆ ถ้าจิตใจยังไม่ดีพอ ยังไม่พร้อมทำงานเพื่อส่วนรวม ก็อย่าไปช่วยงานที่วัดเลยครับ คนที่ไม่เข้าใจจะพาลคิดไปว่า นี่ศิษย์วัดนี้จริยาทรามแบบนี้เลยหรือ
ได้ยินชื่อหลวงพ่อครั้งแรกช่วงปี 2523-2524 ตอนนั้นอายุแค่ 5-6 ขวบ บ้านอยู่อุดร เป็นเด็กไปกราบท่านเองไม่ได้
แต่ยังจำได้จนบัดนี้ว่าเรารู้จักท่านมาตั้งแต่ตอนนู้น
ประมาณปี 47-48 มีลูกชายอายุประมาณ 2 ขวบ พ่อของอดีตสามีได้พาไปวัดท่าซุงครั้งแรกในชีวิต ไปที่วิหาร 100 เมตร สวยมากกกกกกค่ะ ระยิบระยับ
ลูกชายร้องดีใจตื่นตาตื่นใจเขาชอบมากๆ และเจ้าหน้าที่ก็เชิญให้เอาเด็กออกข้างนอก ดิฉันเริ่มปฏิบัติธรรมแล้วและก็เข้าใจไม่โกรธเคืองอะไร แต่พ่อสามีโมโห
ทำไมล่ะเขาเป็นเด็กยังไม่รู้เรื่องก็ไล่เสียแล้ว
มาได้ติดตามคำสอนหลวงพ่อทางอินเตอร์เน็ต และได้ฝึกมโนมยิทธิครั้งแรกที่ศูนย์ศิษย์หลวงพ่อที่โคราชเมื่อปี 52 และทำมาเรื่อยๆ
ไปบ่อยๆก็ช่วยงานที่ศูนย์พุทธศรัทธาบ้าง เคยได้อ่านที่ท่านสอนว่าแม้เป็นเด็ก ไม่รู้อะไร แต่ถ้าเสียงดังไปรบกวนเวลาคนอื่นปฏิบัติธรรมก็จะมีโทษมาก
คนอื่นๆเขาอาจกำลังตั้งใจอธิษฐาน เสียงดังไปรบกวนเขาเดี๋ยวเราซวย กำลังใจคนไม่เท่ากันอยู่ด้วย
แต่อีกเรื่องที่หลวงพ่อท่านสอนไว้ คือ ท่านสร้างวัดให้สวยงาม ให้คนที่มาเห็นแล้วติดตาติดใจ ผลของสถานที่สวยงาม เมื่อจิตใกล้ดับเขาจะได้นึกถึงที่นี่
ใจจับกับพระ จับอยู่กับการมาทำบุญที่วัดท่าซุง ดิฉันว่าได้ผลจริง จนบัดนี้เล่าให้ลูกชายฟัง และพาเขาไปฝึกมโนมยิทธิที่ศูนย์พุทธศรัทธาเป็นครั้งแรก
และครั้งเดียวของเขาๆสามารถไปกราบท่านปู่พระอินทร์และท่านย่าได้ จิตเขาไม่ห่วงกังวลอะไร เขาเล่าว่าสวยยยยยยยมากกกกกก ระยิบระยับ
เข้าไปพระจุฬามณีเขาเห็นผอบพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าเยอะมาก เห็นชัดกว่าแม่อีก
ปิดเทอมเดือนเมษายน 56 ได้พาลูกชายไปวัดท่าซุงเป็นครั้งที่ 2 ของเขา บอกเขาว่าคราวก่อนถูกเชิญให้ออก คราวนี้โตแล้วอยู่ได้สบายมากเกือบ 10 ขวบแล้ว
ทำบุญถวายสังฆทานชุดใหญ่ อิ่มสุข อิ่มบุญถ้วนหน้าเลยค่ะ ไปที่วิหารสมเด็จองค์ปฐม ไปดูตู้ที่โชว์ลูกแก้ว เขาตื่นเต้นมาก
บอกว่าลูกแก้วแบบนี้แหละที่ท่านย่าให้เขาตอนฝึกมโนมยิทธิครั้งแรก
เราไปวัดเราไปกราบหลวงพ่อ อย่าสนใจจริยาคนอื่นเลยค่ะ ก่อนไปก็ศึกษาธรรมที่หลวงพ่อสอนบ้างจะพอได้ทราบปฏิปทาท่าน เคยพาพี่ๆที่ไม่รู้จักท่านไปเหมือนกัน
ก็เกรงเขาปรามาส แต่โชคดีที่ไปแล้วเขาชื่นชมในความงามของวิหารของสถานที่ ส่วนใครที่ทำไม่ดีไม่ถูกต้องผลกรรมก็อยู่กับเขาแหละค่ะ เราไปนิพพานกันดีกว่า
โมทนาบุญกับทุกท่านนะคะ
จีรพรรณ
Quote: |
คำสอนหลวงพ่อไม่มีเปลี่ยนแปลง สมบัติที่ท่านสร้างไว้ให้ ณ. ตอนนี้ ก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แต่ต่อไปอาจจะเก่าลงบ้างตามกาลเวลา แต่คุณค่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งๆขึ้นไป แต่สิ่งที่มีค่ามากที่สุดของท่านคือคำสอนของท่าน ผู้ที่สามารถทำตามคำสอนของท่านได้ คุณค่าของเค้าก็คงจะเพิ่มมากยิ่งๆขึ้นไป
วัดไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ ขอให้มองเรื่องนี้เพียงแค่ตัวบุคคลจะดีกว่าครับ
ในส่วนเรื่ิองที่เกิดทางวัดคงกำลังหาทางจัดการอยู่ เรื่องหาคนมาทำงานอยู่ที่วัดไม่ใช่เรื่องง่ายเราลองคิดดูว่าเป็นเรา เราจะทำได้ไหมจะอยู่วัดตลอดได้ไหม
ผมคิดว่าที่สำคัญถ้าเราเจอเหตุการณ์ดังกล่าว เราเห็นใจเราเป็นเช่นไร ถ้าเรายังโกรธหรือมีอารมณ์กับเรื่องดังกล่าว เราคงต้องรีบอีกมากกับตัวเราเองครับ
เอาท่านนั้นเป็นข้อสอบใจเราเอง เมตตาต่อกัน
(เรายิ่งแชร์กันมากเท่าไหนชื่อเสียงก็ยิ่งแย่ลง)