หนังสือ"พรสวรรค์" รวมเล่ม 1-2-3 (ตอนที่ 6 )
webmaster - 14/2/11 at 13:26
หน้าปกหนังสือ "พรสวรรค์" ฉบับรวมเล่ม
พรสวรรค์
(รวมเล่ม1-2-3 )
คำแถลง
1. ข้อความในหนังสือนี้ได้รับมาจากการทรงกระดาน (ที่เรียกกันอย่างสามัญว่า "ผีถ้วยแก้ว") กับการเข้าทรงแบบทั่วไป
ผู้จับแก้วให้เดิน อย่างน้อยคนหนึ่งต้องเป็นผู้สามารถเป็นสื่อได้ (ให้ประทับทรงได้) โดยธรรมดาเราใช้ 2 ถึง 3 คน ซึ่งมีความรู้ทางธรรมเพียงตื้นๆ
คำกล่าวที่ว่า "ผู้เดินกระดานไถแก้วไปตามใจตนนั้น" ลองคิดดูว่า 3 คน 3 ความคิด หากไถแก้ว ตามข้อความที่เทศน์แล้ว
จะเห็นได้ว่าลึกซึ่งกว่าผู้ที่ศึกษาธรรมทั่วไปเสียอีก (เกินความรู้ของผู้จับแก้ว) ส่วนผู้ที่ประทับทรงนั้นเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่
ปกติไม่ได้ประทับทรงเป็นประจำ และจะประทับทรงก็ต่อเมื่อท่านผู้มาเดินกระดานขอร้องเท่านั้น
2. ข้อความเหล่านี้ ได้ตัดเอาคำสุภาพ เช่น "ครับผม" หรือ "พระพุทธเจ้าข้า" ออกไปเสีย เพื่อย่นเนื้อที่กระดาษ
3. ท่านที่มาเดินกระดานโดยปกติ เราไม่ได้บ่งชื่อว่าขอเชิญองค์นั้นองค์นี้ ท่านมาโปรดของท่านเอง หรือหากเทพผู้ควบคุมการเชิญกระดานไปเชิญ
เราก็ไม่อาจทราบได้ เพราะพระพุทธเจ้าท่านจะเสด็จจะต้องมีผู้ไปทูลเชิญก่อน เว้นแต่จะทรงโปรดเป็นกรณีพิเศษ
4. ศัพท์ภาษาบาลี คงจะผิดพลาดด้านตัวสะกดบ้าง เพราะเวลาผู้อ่านอ่านมา ผู้จดก็สะกดเอาเอง โปรดอย่าถือเป็นข้อบกพร่อง
คณะพรสวรรค์
สารบัญ
86. คำเทศน์ของ เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ตอน 2
87. คำเทศน์ของ เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (จบ)
88. คำเทศน์ของ ท่านพวงทิพย์
89. คำเทศน์ของ ท่านพรทิพย์
90. คำเทศน์ของ ท่านพรสวรรค์
91. คำเทศน์ของ ท่านพรสวรรค์ ตอน 2
92. คำเทศน์ของ ท่านเกศแก้วมณี
93. คำเทศน์ของ ท่านสังฆมุนี
94. คำเทศน์ของ ท่านวิสาขา
95. คำเทศน์ของ เจ้าพ่อหลักเมือง
96. คำเทศน์ของ ท่านหิรัญฮู
97. คำเทศน์ของ ท่านพ่อหมอ
98. คำเทศน์ของ ท่านพ่อหมอ (ตอน 2)
99. คำเทศน์ของ ท่านพ่อหมอ (ตอนจบ)
100. คำเทศน์ของ ท่านพ่อปู่
101. คำเทศน์ของ ท่านปู่ใหญ่ (วัดท่าซุง)
102. คำเทศน์ของ ท่านพระวอร์
103. คำเทศน์ของ พ่อปู่ที่วัด
104. คำเทศน์ของ ท่านบุญมี
105. คำเทศน์ของ ท่านบุญมา
106. คำเทศน์ของ ท่านสิริมา
107. คำเทศน์ของ ท่านปริยา
86
(Update 14-2-54)
คำเทศน์ของ เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (ตอน 2)
25 มีนาคม 2524
คนที่ 1 (ขอให้ช่วยเรื่องที่ขาเจ็บไม่หาย)
☺ เอาเถอะน่า ต่อไปจะได้ไม่เจ็บ พวกที่ยังไม่เจ็บต่อไปเขาก็จะเจ็บ เอ็งต้องให้เวลา ของทุกอย่างมีเวลาในตัวของมันเอง เอ็งต้องมองให้กว้างให้ไกล
อย่าเพ่งแต่จุดใดจุดหนึ่ง ในเมื่อเอ็งรู้ข้อเสีย เอ็งก็ควรจะทำอะไรสักอย่าง ที่จะช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้น นิดหน่อยก็ยังดี
(ขอให้ช่วยเรื่องงาน)
☺ เออ ก็ไม่ทิ้งเอ็งหรอก แต่ไม่ได้ช่วยทันทีทันใดนะ เป็นไปตามเวลา ลูกหลานกู กูไม่ทิ้ง ขอให้ยึดศีล 5 ไว้ จะบรรเทาไปเยอะ
ช่วงที่เอ็งเข้ามาฝึกวิชา สมาธิ ทำบุญ ช่วงนั้นเป็นเวลาที่เอ็งได้สะสมบุญเพื่อตัดทอนอกุศลกรรมลงไปมากทีเดียว ความจริงน่ะ เอ็งต้องแย่กว่านี้นะ
ไม่ใช่ทุกข์เฉพาะเวลาเอ็งจะมีขาไม่ปกติ ถ้าขาเอ็งพิการจะเสียอนาคตยิ่งกว่านี้ ทำบุญช่วงนั้นตัดทอนไว้ได้มาก
☺ อย่าได้ทิ้งเรื่องบุญ ศีล 5 ถึงแม้ว่าเอ็งขาดข้อเหล้าไปบ้าง อย่างน้อยก็ควรยืนพื้นฐานที่ดี เช่น มีสมาธิสัก 5 นาที
หรือก่อนนอนสัก 1 นาที นึกจับพระไว้บ้างจะเป็นบุญมาก อย่างน้อย เมื่อมีเหตุจะรู้ทัน
☺ คนเราทำบุญต้องมีอธิษฐานบารมี คือจุดปลายทางของบุญ ไม่ใช่ให้บุญรอ ต้องมีที่เก็บ
6 พฤษภาคม 2524
☻ (ถามถึงการเลือกระหว่าง 2 อย่าง เลือกแล้วจะเสียใจไหม ?)
☺ ของรักของชอบ เอ็งจะต้องหนักใจ จะขึ้นอยู่กับใคร อย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้
อะไร (เป็นเกณฑ์) ที่เอ็งกำหนดไว้ว่าเท่านั้นเท่านี้จึงจะเสียใจ ? ชีวิตคนทุกคน เอ็งต้องเข้าใจเสมอว่ามีเกิดมีดับ
มีเกิด คือมีความสมปรารถนา มีดับคือมีความเสียใจ เอ็งต้องเตรียมตัวไว้สำหรับภาวะต่างๆ อย่าหวังในเรื่องความสมหวังมากเกินไป ถ้าหวังมาก
เวลาผิดหวังจะเสียใจมาก
ของทุกอย่าง เอ็งต้องใช้หลักความจริงเข้าตัดสินใจ อย่าใช้การเข้าข้างตัวเราเป็นหลัก นี่แหละความสุข
22 กรกฎาคม 2524
คนที่ 1 (ปวดหัวเรื่อย จะต้องทำบุญอะไรเป็นพิเศษ ?)
☺ ถ้ามีเวลา ไปบริจาคเงินช่วยเกี่ยวกับสมอง หรือประสาท เคยทุบหัวปลา
คนที่ 2 (ทำพิธีเกี่ยวกับลูกในท้องที่ขอไว้และกำลังตั้งครรภ์)
☺ ปูผ้าขาว เดี๋ยวทูลกระหม่อม (ร.5) เสด็จ แล้วให้ถวายเครื่องบวชกับทูลกระหม่อม เพื่อถวายเป็นราชกุศล แล้วให้ยกพานบายศรีถวาย
ท่านเป็นชวดพวกเอ็งโว้ย
จุฬาลงกรณ์
☺ เข้ามา เข้ามาใกล้ๆ ก้มหัว (เสกเป่า)
ปัจจุบันใครนามสมพร เข้ามา (เสกเป่า)
☺ ใครนามพาณี (เสกเป่า) รู้หรือไม่เธอเป็นใคร
☻ (ตอบ ขอประทานทราบ)
☺ ให้รู้ไว้ เคยเป็นน้อง
ขอให้จำเริญถ้วนทั่วทุกๆ คน
ชายที่ร่วมราชวงศ์อยู่ไหน (เสกเป่า) บวชพระให้กรมอดิศร 1 องค์
เสด็จใจกรมทรงกระดานต่อไป
☺ พวกเอ็งหลังแข็งจริงเชียว (หลายคนไม่ได้กราบ)
☺ ลูกอยู่ในครรภ์ควรตั้งใจให้สบายๆ ตัดภาระ ตัดกังวล ลูกออกมาจะได้ไม่หงุดหงิด
คนที่ 2 (พูดกับสามีที่ตายไปใหม่ๆ โดยเสด็จในกรมฯ ทรงกระดานแทน เพราะผู้ตายเดินกระดานไม่เป็น)
☺ เขาบอกว่า ทุกอย่างทำตามใจ ตายไปแล้วเอาไปไม่ได้ ไม่ติดใจ
☻ (ถาม ตัดสินใจไปนิพพานบนโน้นแน่แล้วหรือ ?)
☺ เขาบอกว่าแน่ ไปเฝ้าท่านอาจารย์ หมายถึงหลวงพ่อของเธอเรียบร้อยแล้ว
☻ (ถาม ขอให้คุ้มครองที่บ้านด้วย)
☺ เขารับคำ
☻ (ถาม จะได้บรรลุธรรมไหม ?)
☺ เขาบอกว่า ปกติใจแข็งอยู่แล้ว จะให้แข็งขนาดไหนอีก
☻ (ถาม เครื่องแบบ ว่าจะให้ลูกน้อง)
☺ ให้คนจนดีกว่า เสื้อผ้าให้บริจาคคนจน หนังสือที่ขยายๆ กันไป ทั้งพวกตำราและปลีกย่อย
☻ (ถาม หาสัญญาเช่าที่ดินไม่พบ)
☺ เขาว่าระยะหลังนี้ไม่ได้ทำ มีแต่ของเก่า
☺ เขาฝากขอบใจมากนะ ขอบใจทุกๆ คน
☻ (ถาม ต้นไม้ที่ท่านรัก คงจะไม่ติดใจกระมัง ?)
☺ เขาบอกว่า ขอให้เป็นอนุสรณ์ที่บ้าน เขายังดูแลอยู่
☻ (ถาม ข้างบนก็คงมีต้นไม้ทิพย์กระมัง
☺ เขาบอกว่า ความเคยชิน
7 ตุลาคม 2524
☺ เรื่องของการทำนายบอกอะไรต่างๆ นี่ เอ็งก็ควรไม่ประมาท กูเองซึ่งชื่อว่าเทวดาก็มิใช่จะหยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทรได้
บุพกรรมของแต่ละคนนั้นมีมากมายมากๆ ฉะนั้นการบอกหรือไม่บอกย่อมมีผิดพลาดได้ องค์สมเด็จที่ทรงเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ทรงรู้
☺ ดูอย่างท่านพระยายมราชซิ บางทียังนำคนไปผิดคนเสมอๆ ก็แสดงแล้วว่าเทวดาก็ไม่ใช่สิ่งที่เยี่ยมเกินมนุษย์เท่าไร
เพียงแต่ว่าเป็นจำพวกผู้มีความดีมากกว่าความชั่วเท่านั้น เทวดาต้องมีเทวธรรม การบางอย่างจึงบอกได้ หรือบอกไม่ได้ อย่าถือกัน
(เตือนเด็กหนุ่มคนหนึ่ง)
☺ รากฐานเอ็งก็มั่นคงดีแล้วนะ ทำหน้าที่ให้ครบนะ เราจะทำหน้าที่ก็ต้องทำตัวให้มีความสามารถ
อันนี้จะเป็นสิ่งทำให้เราภาคภูมิใจเท่ากับทรัพย์ที่เราทำมาด้วยแรงกายแรงปัญญาของเรา
☺ กูเองนั้น ก็ไม่ใช่เป็นที่โปรดปรานของทูลกระหม่อม ด้วยท่านทรงมีโอรสมาก กูก็มีแม่เป็นแค่เจ้าจอม รู้จักไหมวะ แม่กูชื่อ เจ้าจอมมารดาวงศ์
ก็บุนนาคอีกน่ะแหละ เจ้าคุณกรมท่า ฉะนั้น ก็เป็นไปอย่างธรรมดาในชีวิต ต้องขวนขวาย ต้องต่อสู้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เป็นเจ้านายแล้วจะสบาย เหนื่อยว่ะ
กูเฮี้ยวคนมามาก
(ตอนคนที่บอกว่าชะตาไม่ดีมานาน)
☺ ทุกข์ สุข กูว่าอยู่ที่ใจ รวย จน กูก็ว่าอยู่ที่พอหรือไม่ บางรายรวยจะตายห่า ยังไม่รู้พอ เขาคิดว่าเขาจน เลยไม่พอ
18 มิถุนายน 2525
☺ คนเราจะต้องมีนอกรางบ้าง ม่ายงั้นจะไม่รู้ว่านอกรางเป็นยังไง ถ้าเอ็งไม่เคยผิด ไม่เคยเสียใจ เอ็งจะรู้ไหมว่าอะไรที่เรียกว่า ถูก อะไรที่เป็น
ความสุข จริงไหม ? นี่แหละคือกำไรชีวิต บทเรียนชีวิตที่หาไม่ได้ ถ้าอยู่สบายๆ
☺ กูจะสอนอะไรให้ จะบริหารคนน่ะ ต้องรู้จักใจเย็นอย่าใช้อารมณ์ เอาเหตุผลเป็นที่ตั้ง สำคัญมาก
เอ็งคิดทำงานร่วมกันจงอย่าใช้อารมณ์ชุ่ย คือ ยังไงก็ได้ ช่างมัน ไม่ใช้อารมณ์เด็ดขาด คือ ข้าจะเอาอย่างนี้ ข้าถูก ข้าเรียนมา ฯลฯ
อันนี้จะฆ่าคุณสมบัติของเราเอง
จงใช้เสียงส่วนใหญ่และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน จำไว้ว่าคนเราไม่มีอะไรดีชั่วต่างกันมากนัก อย่าดูถูกคนอย่าหมิ่นคน
ถ้าดีจริงแล้วคงไม่เกิดมาเป็นคนอีก
☺ วิชาการ บาทีก็ไม่ได้เรื่องนะ กูเคยมาแล้ว อันนี้สำคัญ
☻ (ถาม ใครเป็นพระสยามเทวาธิราช)
☺ พระสยามฯ เป็นกลุ่มของบุรพกษัตริย์ กับนักรบที่คู่บ้านคู่เมือง เอ็งรักชาติมากๆ ด่าเก่งๆ ก็มีสิทธิ์ได้เป็น
23 กรกฎาคม 2525
เตือนเรื่องการทำงาน
☺ ของทุกอย่าง ถ้าทำจริงๆ จังๆ ไปได้สบายทั้งนั้น อยู่ที่พวกเอ็งเอง อะไรที่รวบรัดง่ายจะสำเร็จเร็ว
อะไรที่พูดจากันมากความจะเป็นตัววุ่นวาย อันนี้สำคัญ เราจงตั้งใจไว้เสมอว่าทุกคนร่วมกันเหนื่อย อย่าได้คิดว่าอะไรๆ ก็ฉันคนเดียว เหนื่อยคนเดียว
ถ้าคิดเช่นนี้เมื่อใดงานจะเริ่มแตก ทั้งนี้ จะทำให้พูดไม่รู้ฟัง เอาปากไว้ที่ใจ อะไรๆ ไม่ได้อยู่ที่สิ่งของ อยู่ที่ใจ น้ำใจ
☺ เตือนเรื่องอาชีพที่ไม่ควร 5 อย่าง ตามที่พระพุทธเจ้าตรัส คือ ค้าอาวุธ, สุรา, ยาพิษ, สัตว์, เนื้อสัตว์
การค้าเหล่านี้อาจเจริญก็จริงอยู่ แต่ผลของกรรมแรงก็ไม่อาจแนะนำ มีผู้ค้ารายใดบ้างที่ไม่ประสบเคราะห์กรรม เงินได้มามหาศาลแต่ก็หมดง่าย
8 ธันวาคม 2525
☺ โว้ย ท่านเสด็จ เสียงดังไม่ได้นะโว้ย (หมายถึงพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง)
คนที่ 1 (สงสัยอิทธิบาท 4 ข้อจิตตะ กับ วิมังสา)
☺ จิตตะ ความตั้งใจ
☺ วิมังสา คือความแน่วแน่ที่จะทำ
☻ (ถาม เหตุใดธรรมหมวดนี้ ท่านจึงเน้นเรื่องฤทธิ์)
☺ เป็นความเพียร หนักในความเพียร ฉะนั้น เป็นสิ่งแสดงมั่นในความเพียรที่เป็นหัวใจให้เกิดฤทธิ์ ฤทธิ์จะเกิดได้ต้องมีกำลัง
กำลังบารมีหรือกำลังจิตนั่นเอง จิตจะมีพลังได้ก็ต้องมีอิทธิบาท 4 เป็นฐาน
☻ (ถาม อินทรีย์ กับ พละ ต่างกันอย่างไร ?)
☺ เป็นข้อที่โยงซึ่งกันและกัน
☻ (ถาม ไม่ต้องฝึก ใช่หรือไม่ ?)
☺ ใช่ มีอินทรีย์ 5 ก็ต้องมีพละ 5
☻ (ถาม อินทรีย์คือกำลังใจ พละคือตัวปฏิบัติหรือ ?)
☺ แน่นอน จำไว้เรื่องแรกว่า เรา คำว่าเราประกอบด้วยจิตคือตัวจร ร่างกายคือผลของกรรม ฉะนั้น
เมื่อประกอบกันจึงจะร่วมเป็นชั่วก็ได้ ดีก็ได้ สองสิ่งต้องอาศัยกันและกัน แต่ที่เราปรารถนานั้นต้องการแยก 2 สิ่งออกจากกัน รู้นะ
☻ (ถาม อุเบกขาในโพชฌงค์ 7 คือรู้แล้วเฉยหรือ ?)
☺ เป็นอุเบกขาในอุเบกขา เป็นอารมณ์ของฌาน อุเบกขานี่ทำได้ในขั้นต้นของจิต ถ้าลึกลงไปจะมองดูว่าอารมณ์นั้นทรงในมานะไหม
ทรงในทิฐิไหม ฉันดีกว่า ฉันเก่งกว่า ฉันรู้กว่า อันนี้คืออุเบกขาไม่ได้
☺ ตั้งใจทุกคนนะ ถ้าปรารถนาพระนิพพานก็ภาวนาว่า นิพพานัง ปรมัง สุขขัง 5 ครั้ง ครั้งแรกให้นึกถึง พระกุกกุสันโธ ครั้งที่ 2 ให้นึกถึงท่านกัสสป
ครั้งที่ 3 ให้นึกถึงท่านโกนาคม ครั้งที่ 4 ให้นึกถึงท่านสมณโคดม ครั้งที่ 5 ให้นึกถึงอริยสัจ 4 ประการ
☺ กูน่ะอายจริงๆ ว่ะ พระใหญ่ท่านเสด็จมา ไม่ได้คารวะด้วยใจเลย
☻ (ถาม องค์ไหน ?)
☺ องค์ที่ 8 ของกัปแรก ทรงนามสมเด็จพระพุทธเจ้ามหานามะ แต่พวกเอ็งหาได้เห็นเพชรไม่ ขอขมาพระเสีย
คนที่ 2 (ปรารภว่า เวลานี้ทรัพย์สินจะให้กับลูกเขาไปทำมาหากิน)
☺ อย่ากังวล ทรัพย์สมบัติของคนที่รักษาเป็นเจ้าของไว้ได้นานที่สุดก็เท่ากับอายุของคนผู้นั้น เมื่อเราตายไปมันก็เปลี่ยนเจ้าของ ฉะนั้น อย่าไปกังวล
คนที่ 3
☺ จำไว้นะ ว่าพ่อแม่คือพระอรหันต์ของลูก เวลาไม่คอยใคร ถ้าหมดเวลาจะเสียดายเวลา แล้วนำกลับคืนมา (ก็) ไม่ได้
คนที่ 4 (ทูลปรึกษาเรื่องงาน)
☺ การตัดสินใจนะ กูจะให้หลักว่า
1. ความไว้วางใจ
2. การคุยด้วยเหตุผล
3. การประสานงานอย่างรู้หน้าที่
ดูซิว่าอะไรเลือกง่าย
☺ กูมีความเชื่อมั่นในพวกเอ็ง เพราะ
1. ตระกูลดี หมายถึงมาจากครอบครัวที่ดี
2. วุฒิดี คือมีการศึกษา
3. มีความสามัคคี เพราะสนิทในทางธรรม และสุดท้ายสำคัญมาก คือ
4. กลัวบาป
☻ (ถาม จะขายของในงาน ทำยังไงจะขายดี)
☺ นอนภาวนา พุทโธ แล้วจะรู้เอง
29 ธันวาคม 2525
☺ มาแล้วโว้ย ให้พรหมดแล้วทุกคนนะ ท่านอินทราชเสด็จให้พร ก็เป็นแก้วสารพัดนึก เจริญยิ่งใหญ่ทั้งทางโลก และทางธรรม
คนที่ 1
☺ จำไว้ว่าบุญนั้นทำให้คนเจริญ กูพยายามอย่างยิ่งที่จะช่วยลูกหลานผู้ทำบุญ ทำกุศลให้พ้นภาวะภัย อุปสรรคให้มากที่สุดเท่าที่วาระกรรมของแต่ละคนจะอำนวย
บางอย่างที่ต้องเป็นไปตามกรรม เพราะคนเราเกิดมามีกรรมไม่เหมือนกัน
9 กุมภาพันธ์
คนที่ 1 (เป็นทุกข์ในกรรมของลูก)
☺ ทุกข์ที่ประสบอยู่นี้ จงนำมาเป็นธรรมะ พิจารณาเห็นปัจจัย อริยสัจ 4 นำมาพิจารณาให้รู้แจ้ง ประจักษ์ชัดในเหตุต่างๆ เมื่อใจรู้จะมีจิตสัมผัส
เห็นทุกข์เป็นธรรมดา เมื่อมีใจชัดในความไม่แน่ ไม่เที่ยงในสังขารแล้วใจจะสงบ จะสุขด้วยความอิ่มในธรรมะ ความสุขเช่นนี้หาได้สุขอย่างโลกไม่
แต่จะสุขด้วยความอิ่มใจ อยู่ที่เรากำหนดใจ วางใจ
คนที่ 2 (ถามว่าที่บอกให้คนอื่นทำบุญไปนั้น เป็นการเกินวิสัยไหม ?)
☺ บุญที่แรงที่สุด คือบุญด้วยตัวของเราเอง คือข่มกิเลส ข่มใจ ทำจิตรักษาสมาธิภาวนา
☺ สอง การถือศีล คือการบังคับใจ กาย วาจาให้มีธรรม
สองสิ่งมีอำนาจมากกว่าทาน
☻ (ถาม ควรให้ทำบุญขนาดไหน ?)
1. ดูกำลังศรัทธา
2. ดูกำลังแรง
3. ดูกำลังปัจจัย
☻ (ถาม อารมณ์ตนเองเป็นอย่างไร ?)
☺ อารมณ์เบื่อ อารมณ์ตามใจตัว จงตัดเสีย ให้กระตือรือร้น ฝรั่งเขาว่าแอ็คตีฟ กูบัญญัติศัพท์เองว่า อารมณ์ชรา
☻ (ถาม อารมณ์ชรา จะแก้อย่างไร ?)
☺ ทำใจให้รักความสงัด ภาวนา
6 เมษายน 2526
(ปรารภเรื่องข่าวลือต่างๆ)
☺ ถ้าเรายังอยากมีสถาบันกษัตริย์อยู่ ก็ขอให้สงบปากสงบใจ อย่าได้ต่อความ ถ้าเราอยากมีประธานาธิบดีก็ไม่เป็นไร
เราไม่ช่วยประเทศก็อย่าทำลาย ตอนนี้ เขาพยายามมากในเรื่องความเหลวแหลกภายในราชวงศ์ จะทำให้คนแตกกัน ในขณะเดียวกันเราฟังมากๆ เราอาจจะเบื่อราชวงศ์
เบื่อกษัตริย์ จริงไหม
☺ ตอนนี้ จริงๆ แล้วสถานการณ์เครียดมากนัก เพราะทุกอย่างแตกกันเกือบได้ที่แล้ว ทหารก็แตก การเมืองก็แตก ที่มันตีสุรินทร์คราวที่แล้วมานั้นลองเชิง
มันเอาแน่นะ แต่ถ้าจะถามกูว่าเป็นไรไหม กูตอบในที่สุดเราชนะ แต่คำว่า ในที่สุด นี้เราจะเสียหลายคน มากกว่าหลักพัน
☺ บ้านเรานั้น หลักใหญ่จริงคือกษัตริย์ กับ ศาสนา ศาสนาก็มีพุทธเป็นหลัก และศาสนานี้เราก็ปล่อยอิสระ ง่ายแก่การโจมตี ถ้าศรัทธาสองอย่างนี้ขาดไป
คนส่วนใหญ่เขาก็ต้องหาที่พึ่ง
การทำให้คนหมดศรัทธาได้ก็โดยการนำสิ่งเลวร้ายเหลวแหลกมาใส่ ได้ยินทุกวันได้ฟังทุกอาทิตย์ ก็คันปากให้เล่าต่อ ซึ่งจะเสริมผู้เล่าให้มีความสำคัญยิ่งขึ้น
ฉันรู้เรื่องในวังนะ กูหนักใจนะ
☺ ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว การที่มีคนมาหาพระท่าน (หมายถึงหลวงพ่อพระสุธรรมยานเถร) ทำบุญ ทำทาน ทำสมาธิ ฝึกต่างๆ นี่แหละช่วยชาติในทางอ้อม
คือทำให้คนยึด รักใจศาสนา กลัวชั่ว และบุญ (นี้) จะส่งถึงส่วนรวม
บ้านเมืองเรามีผู้ใจบุญกุศลมากขึ้น แผ่นดินนี้ก็เป็นสุขขึ้นด้วยบารมีของประชาชนที่มีบุญ เป็นผลในตัวอยู่แล้ว ท่านน่ะทราบตลอดเวลา
ให้ทนไปพลาง ให้เล่าเท่าที่ท่านรับสั่ง วางอุเบกขามากๆ
4 พฤษภาคม 2526
คนที่ 1
☺ พุทธบริษัท จะมีคนทำให้แตก ยุให้รำ ตำให้รั่ว เราอย่าช่วยยุ อย่ารำตาม ใช้ปัญญา
ขอเตือนทุกๆ คนด้วยนะ บาปนะ ทิพยจักษุจะหมอง การพูดให้คนเขาแตกกัน กรรมบถ 10 จะไม่ครบ ฉะนั้น ขอเถอะ
คนที่ 2
☺ อนาคตของคนเรานั้น อยู่ที่ตัวเราเป็นคนเลือก แต่ความสำเร็จของชีวิตนั้นอยู่ที่ความมั่นคงในอุดมคติ เราอย่าทำใจให้เป็นสองเป็นสาม
จะไม่พบทางสำเร็จเลยเพราะจับอะไรไม่มั่น คนรู้มากกับคนรู้น้อย คนที่พบความสำเร็จคือผู้รู้น้อย
จะทำอะไรก็ทำเสีย ไม่งั้น ชีวิตจะมีแต่เพิ่งเริ่ม แต่อายุจะหมดไป
3 สิงหาคม 2526
คนที่ 1 (รับคำเตือน)
เอ็งจำคำกูได้ไหม ไปตีความ ใช้ธรรมะแล้วพิจารณา คนเราบางทีมีธรรมะ แต่แก้ปัญหาให้จิตสุขไม่ได้
เพราะว่าเรามีมานะเป็นตัวกั้นไม่ให้ธรรมะมาเป็นปัญญาให้จิตสุข แล้วเรานั่นแหละเป็นผู้สร้างทุกข์ให้กับตัวเอง ไม่มีใครก่อ ไม่มีใครกำหนดนอกจากตัวเรา
ทุกข์หรือสุขอยู่ที่ใจเรา สิ่งแวดล้อมคืออุบาย ใจเราเท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
ดังพุทธวจนะว่า จิตเป็นตัวเกิด เป็นตัวก่อ และเป็นตัวไป จะเห็นได้ว่าจิตเป็นนายเรา แต่เรายังเป็นขี้ข้าของขันธ์ 5 มันวุ่นทั้งนั้น
ในโลกนี้จริงแท้แล้วไม่มีอะไรเป็นสุขจริง แต่เราจะหาสุขจริงได้จากจิต จิตจะมีสุขจริงได้จากปัญญา ปัญญาจะมีได้เมื่อมีสติ สติจะเกิดเมื่อมีสมาธิ
ตัวนี้จะเป็นตัวการในการกั้นอวิชชา ราคะรู้จักไหม โลภะรู้จักไหม โทสะรู้จักไหม โมหะรู้จักไหม พวกนี้คือไฟ จิตร้อนก็พวกนี้
☺ คงไม่มีใครที่อยากรุ่มร้อนเป็นทุกข์ ฉะนั้น พึงหาสุขใส่จิตไว้เสมอ จงรู้จักกลัวในสิ่งที่ควรกลัว จงรู้จักสู้ในสิ่งที่ควรสู้
ทั้งหมดนี้มีคำสอนของท่านพรสวรรค์ เอ็งบ่นกับท่านซิ
คนที่ 2 (ปรึกษาเรื่องการไปหาหมอรักษาโรคที่กำลังเป็น)
☺ กูจะบอกไว้อย่างว่า การรักษาโรคทุกชนิด ก่อนไปหาหมอให้จุดธูปถึงพระ ขอว่า ด้วยบารมี อานิสงส์กุศลกรรมที่มีมา ให้ข้าฯ
ได้พบแพทย์คู่โรค (ที่) เป็นอยู่ ให้หายหมดหนี้บุญคุณ เท่านี้
คนที่ 3 (ถามเรื่องทำงาน)
☺ งานที่จะดี ใจต้องนิ่ง ภาวนาอารมณ์ใจ คือใจเหมือนเหนื่อย ไม่อยากคิด ไม่อยากทำอะไร อยากเฉยๆ
☺ เมื่อมีสมาธิแล้ว พิจารณาอ้างทุกข์ที่เกิดขึ้นขณะนั้น วันนั้น เข้ามาควบคู่กับธรรมะ ธรรมะมีหลายข้อธรรม
1. พิจารณาอารมณ์
2. เมื่อรู้ว่าอารมณ์เป็นอย่างไร ก็นำพรหมวิหารเข้ามากำหนดวางใจ ใจจะหายร้อน เมื่อหาย นำอริยสัจเข้ามาพิจารณาให้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ไปทางไหน
แล้วเอาสังขารุเบกขาญาณเข้ามา ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ ก็ดัดแปลงไป
11 มกราคม 2527
☻ (ถาม ทำดีไม่ค่อยได้ผล)
☺ คนเราคิดว่าทำดีเต็มกำลังแล้ว แต่ได้ผลไม่สมประสงค์ อันที่จริงเขาหารู้ไม่ว่าที่คิดว่าได้ทำนั้น (เป็น) เพียงแต่คิดเสีย 3 ใน 4 ทำ (จริง) 1 ใน
4 จงนำมาเป็นอุทาหรณ์ว่า จริง ในความเป็นจริงนั้น เราได้ทำอะไรบ้างให้กับตนเองและส่วนรวม
☺ จริงในจริง คือใจของเราจะเป็นผู้ตอบได้ เป็นผู้รู้ นี่คือสัจจะที่จะแสดงให้รู้ความสามารถในกาลเวลา
☺ ชีวิตคนนั้น จะมีช่วงที่ทำประโยชน์และเสียสละเพียงเวลาไม่นานนัก อย่าให้เวลา (ขณะ) เสื่อมถอยด้วยสุขภาพมาเป็นสิ่งบันดาลใจเราว่า นี่หนอ
ตัวเราช่างด้อย ทำไมถึงไร้ค่า
☺ อย่าคิดว่าเราทำมากแล้ว อย่าคิดว่าเราสู้แล้ว อย่าคิดว่าเราเหนื่อยแล้ว เบื้องหลังความจริงอาจไม่มีอะไรเลย
14 เมษายน 2527
☻ (ถาม มีอะไรจะสอน)
☺ ตอนนี้ก็ทำใจให้สบายๆ อย่าเป็นขี้ข้าของอารมณ์
☻ (บ่นเรื่องทำงาน)
☺ เอ็งเคยเดินขึ้นสะพานไหม มันเดินจากต่ำไปหาสูงใช่ไหม เคยลงไหม นี่แหละ คนมันเป็นอยู่อย่างนี้ ถ้าเราต้องการให้ทุกอย่างดีที่สุด นั้นถูก ประเสริฐ
แต่ทุกคนจะดีที่สุดนั้นลำบาก จริงไหม
☻ (ถาม ไม่มีงานให้ทำแล้ว เหมือนตัวเองขี้เกียจ)
☺ ไม่ งั้นคนที่ปลดเกษียณแล้วก็คือคนขี้เกียจน่ะซิ
☻ (ตอบ แต่เขาทำหน้าที่เสร็จแล้ว)
☺ อะไรคือทำหน้าที่เสร็จแล้ว อะไร ? ทุกๆ คนมีหน้าที่ไปจนตาย (แหละ)
5 พฤษภาคม 23 มิถุนายน 2527
☺ มนุษย์นั้น ลำบากยากแค้น เกิดมามีทุกข์มีกรรมทุกคน แต่เรารู้ว่าเราจะไปไหน รู้แล้วพยายามตั้งใจไว้อย่าท้อ สำเร็จกิจที่ประสงค์นั้นแน่นอน
(หมายถึงประสงค์นิพพานกัน)
พวกเอ็งนี้ปัญหามาก ยิ่งดูแลมากยิ่งปัญหาเยอะ ไม่รู้ว่าจะต้องรับใช้อยู่นานเท่าไหร่
(ปรารภว่าเชื่อเสด็จฯ มากกว่า)
☺ (แค่) เชื่อยังไม่ได้ ต้องปฏิบัติ งั้นพอมาถามกูว่าจะสอบไล่ได้หรือไม่ กูบอกว่าได้ แต่เขาไม่ดูหนังสือจะ (สอบ) ได้รึ ทุกอย่างต้องมีเหตุผล
☻ (ตอบ ขอให้เสด็จช่วย)
☺ ช่วยซิวะ ทุกอย่างอยู่ที่ใจ ทำใจให้นิ่ง แล้วจะสุข ถ้าใจไม่ชนะจะทุกข์ ธรรมะคือความเป็นปกติ สิ่งที่เอ็งเจอคืออปกติของคน ของโลก
ดูอย่าง....(คนเป็นโรคเบาหวาน) ซิ จะช่วยอะไรก็ช่วยไม่สะดวกเพราะกรรมของเขา อายุเราเท่าไหร่เห็นไหม ยังทรมาน คนเราล้วนมีทุกข์ มีกรรมที่ต้องชดใช้ทั้งนั้น
ตราบใดที่ยังมีขันธ์อยู่
☻ (ถาม เจ็บท้อง ไม่อยากหาหมอ ไม่อยากผ่าตัด)
☺ จะเถียงกับเคราะห์ ทะเลาะกับกรรมหรือ เคยทำเขามาก็ใช้เขาไป เอา (ทาง) ไปนิพพานดีกว่า สมัยที่เคยเป็นเมืองใหญ่
เราเคยเป็นแม่เมืองแล้วให้หญิงที่เป็นเมียน้อยของพ่อเมืองตัดมดลูกออกให้หมด เพื่อตัวเองจะได้มีลูกสืบคนเดียว ทั้งหมด 14 คน เป็นแค่นี้คงไม่มากเกินไปนะ
ไม่งั้นเอ็งคงมีความสุขทางครอบครัวแล้ว ถ้าเป็นกรรมที่ไม่ให้คนมาเกิด
10 พฤศจิกายน 2527
☺ กูจะบอกไว้นะ สำหรับทุกคน
☺ ตามที่พวกเอ็งเห่ออยากจะเป็นเจ้า หรือคิดว่าตัวมีตาทิพย์ หรือคิดว่ามีท่านคอยคุ้มครองอยู่นั้น มันจะหมกใจให้ต่ำลง จำไว้เลย
อย่าคิดว่าเทพองค์นั้นองค์นี้ต้องเป็นเช่นนั้นต่อไป (จะ) คิดว่าครูอาจารย์ที่นั้นที่นี่ไม่เก่ง สู้ตนไม่ได้
อย่าไปคิดว่าคนอื่นด้วยด้วยศีล ด้วยด้วยปัญญา ตัวเองเท่านั้นที่เป็นผู้สามารถด้วยศีล จำไปเลย
24 พฤศจิกายน 2527
(บ่นว่าเครียด)
☺ ความเครียด เราเป็นผู้ทำ ประสาทคือตัวเรา (นี่) ไปแก้ที่ปลายเหตุ
จำไว้นะ สำหรับคนที่จะเป็นนักทำงานที่เก่ง ต้องแยกแยะงานที่ควรจะคิด ควรจะกังวล ผู้ที่ประสบผลสำเร็จในชีวิตนั้น วันหนึ่งๆ
เขามีเรื่องมีปัญหามากมาย ทำไมเขาจึงแก้ได้โดยประสาทไม่เสีย ถ้าเอ็งมีงานเพียงน้อยนิดแค่นี้ แล้วคิดว่าหนักสำหรับสมองล่ะก็ เอ็งก็เป็นนักทำงานได้แค่นั้น
ไม่ใช่นักบริหารงาน ถูกไหม
☺ สติ สมาธิ ควบคุมความฟุ้งซ่าน
26 ธันวาคม 2527
☺ คนเรา จะให้กรรมดีส่งผลเป็นกุศลผลบุญนั้น มิใช่ว่าจะทำเมื่อยามทุกขเวทนาแล้วนึกถึง อย่าลืมว่าการทำบุญก่อกุศลนั้น
จะต้องมีจิตที่ศรัทธาในบุญเป็นตัวหลัก มิใช่จิตที่มีเพียงอยากพ้นทุกข์ อยากพ้นเวทนา ต้องเข้าใจคำว่า ศรัทธา ให้ดี การจะช่วยใครนั้นเป็นสิ่งประเสริฐแล้ว
แต่จะช่วยเป็นผลมากน้อยเพียงใดต้องมีใจอุเบกขา
ความอยาก ความไม่อยาก คืออะไรรู้ไหม ? คือตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ฉะนั้นการตั้งจิตอธิษฐานก็ดี ความศรัทธาที่จะฟังก็ดี ย่อมเป็นส่วนสำคัญในมรรค ผล
ของบุญ
31 กรกฎาคม 2528
(ปรารภว่ามีทุกข์หลายเรื่อง)
☺ ทนไปอีก 2 ปี จวน 3 ปีด้วย เร่งทำบุญด้วยจิตให้มาก เมื่อก่อนที่เคยเคี่ยวเข็ญท่านให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าเอ็งรับทำเสียแต่คราวนั้นแล้วจะเบา
กูเคยบอกแล้วว่าถ้าให้ทำอะไรย่อมมีเหตุผล แต่ทั้งนี้ก็บอกไม่ได้เสียด้วยนะ เพียรทำซิ วิปัสสนาสายของเอ็งแท้ๆ เพราะเมื่อครั้งอดีตเอ็งเคยบวชพระตลอดชีวิต
ฉะนั้น ของเก่าที่เคยปฏิบัติยังมีอยู่ จะต้องปฏิบัติให้ต่อเนื่องกัน บุญอะไรก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าบุญจากจิตที่บริสุทธิ์
☻ (ถาม กรรมอะไร ?)
☺ กรรมรั้น ถ้าเอ็งไม่รั้น เอ็งจะมีปฐมฌาน การมีปฐมฌานนั้นจะทำให้รู้เขารู้เรา
19 ตุลาคม 2528
คนที่ 1
☺ เอ็งล่ะตัวยุ่ง ระวังไว้เถอะ ยุยงให้คนแตกแยก ระวังนะความดีจะแยกไม่ออก ปากอย่างนี้ถึงได้ลำบาก กรรมที่เห็นได้ชัดคือความทุกข์
☻ (ตอบ มีคนมาว่าอาจารย์)
☺ ฟังอยู่ที่เรา หลวงพ่อเป็นพระ คิดถึงพระเหมือนกับคน ชอบบอกว่าเทวดาท่านชอบทำโน่นทำนี่ รู้ได้ยังไง เพราะคนชอบเอาจิตตัวเองที่ตนชอบมาเป็นข้ออ้าง
เอาเป็นว่าควรยุ่ง ควรทำในเรื่องของตนเสียก่อนดีกว่า พรหมวิหารจึงจะมี อย่าวิพากษ์วิจารณ์ อย่าให้ร้ายคน ช่างเขา ช่างมัน ฟังอะไรก็ ช่างเขา
ถ้าจิตเป็นอกุศลจะทำให้ขาดพรหมวิหาร ไม่รู้อภัยคน จะคิดว่าคนนั้นคนนี้เลวไปหมด แล้วอะไรคือประภัสสรในใจเรา ถามจิตดูว่าใครเป็นใคร
คนที่ 2
☺ เอ็งไม่มีอะไร เป็นคนมีบุญนะ ภาระ พันธะน้อยกว่าชาวบ้าน อยู่ที่ใจ ตัดกังวลกับคิดหยุมหยิมออกไปแล้วจะปฏิบัติคล่องตัว พื้นฐานเต็มมากแล้ว
บางคนจิตภายในขุ่น ภายนอกใส บางคนภายในใสภายนอกขุ่น
☺ ภายในใสคือเอ็ง ภายนอกใสภายในขุ่น (คนที่ 1) ลักษณะการดูต่างกัน ทำบุญมากด้วยจิต จึงภายนอกใส ภายในยังมีความมานะทิฐิอยู่ ส่วนเอ็งจิตสะอาดภายใน
(คนที่ 2) ส่วนภายนอกเหมือนมีภาระ พันธะอยู่
☺ ถ้าถือเป็นชาติสุดท้าย ต้องใช้ความสงบ สงบคือเยือกเย็น สุขุม ไม่ใช้อารมณ์ ทำได้น่า
◄ll กลับสู่สารบัญ
webmaster - 23/2/11 at 13:43
87
คำเทศน์ของ เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (จบ)
16 พฤศจิกายน 2528
คนที่ 1
☺ เอ็งน่ะปฏิบัติยากเพราะถือว่ารู้แล้ว การรู้มีจิตจับอุปาทาน ยึดถือว่าตนนั้นทำได้จึงไม่ค่อยจะทำ เข้าใจไหม
การรู้มากทำให้อุปาทาน
คนที่ 2 (ได้รับคำสั่งให้ทำพิธี แล้วถามว่า 20 นาทีที่ภาวนาจะให้อธิษฐานอะไร)
☺ ไม่บอกเพราะว่าการสะเดาะเคราะห์ของคนไม่เหมือนกัน การอธิษฐานของแต่ละคนขึ้นอยู่กับกุศลผลบุญของคนนั้นๆ
21 ธันวาคม 2529
☺ เวลาเอ็งอธิษฐานอะไร ให้อ้างถึงบุญที่ทำมา อันมีวิหารทานก็ดี ธรรมทานก็ดี สังฆทานก็ดี บุญกุศลที่ช่วยให้คนพ้นทุกข์ก็ดี
จงเป็นปัจจัยให้คำอธิษฐานเหล่านี้สัมฤทธิ์ผล
19 กุมภาพันธ์ 2529
☺ การปกครองของคน ถ้ามีแต่พระเดชอย่างเดียวจะหาคนซื่อ (ด้วย) ไม่ได้ กูจะให้หลักในการทำงานไว้ 3 อย่าง
1. เก่งคิด
2. เก่งทำ
3. เก่งพูด
29 มีนาคม 2529
คนที่ 1 (ฟ้องว่ามีคนปล่อยผีมาทำร้าย)
☺ เอ็งทำความดีแล้วไม่ต้องห่วงอะไร กลัวมากๆ จิตจะตก ประสาทจะหลอน จงทำความดี (อะไร) ก็แพ้ทุกอย่าง
☻ (ถาม จะเอาหลานไปไว้บ้านอื่น)
☺ แล้วคนอีกร้อยล้านมิตายหมดรึ อย่านึกอะไรให้คนเขาคิดว่าปฏิบัติธรรมแล้ว มีความคิดความอ่านเหมือนกับเด็กอ่านนิยาย หลักธรรม กฎแห่งกรรมมี
☻ (ตอบ กลัวแทนหลาน)
☺ กลัวแล้วมาเกิดทำไม ไม่เข้าท่าเลย
คนที่ 2
☺ การสร้างพระ มีอานิสงส์ทราบแล้วใช่ไหมว่ามีมากแค่ไหน ส่วนการสร้างฐานพระยิ่งมีอานิสงส์เหมือนคนปิดทองหลังพระ
รองรับพระเป็นฐานของพระ ฉะนั้น อธิษฐานได้เลยว่าความมั่นคงต่างๆ ที่อธิษฐานปรารถนา จะสัมฤทธิ์ผล
21 พฤษภาคม 2529
☺ ขอให้มีเมตตาสูง คนที่มีเมตตาจะไม่มีอุปสรรค
☺ อีก 10 ปี เมืองหลวงจะย้ายไปทางนครนายก ฉะเชิงเทรา
☺ ศาลไหนที่ใหญ่ๆ พรหมทั้งนั้น เพราะเทวดาธรรมดาจะหาบารมีช่วยคนได้ลำบาก
23 สิงหาคม 2529
(ขอคำสอน)
☺ เอ็งชอบรู้มาก ชอนสอนคนอื่น
☺ อย่าหลอกตัวเองว่ารู้ อย่าหลอกตัวเองว่าตนดีแล้ว เห็นแล้ว ดีแล้ว จะทำให้เอ็งหลง แล้วทุกอย่างจะไม่สำเร็จ
☺ อย่าอ้างชื่อท่านเกินเหตุ เพื่อส่งเสริมคำพูด (ของเอ็ง) จริงไม่จริง (ก็อาจ) เป็น (การ) ปรามาส ต้องระวัง
ความดีไม่ใช่ทำวันเดียวแล้วขึ้นสวรรค์ ความชั่วมิใช่ทำวันเดียวแล้วตกนรก เข้าใจไหม
11 กุมภาพันธ์ 2530
☺ วันนี้คึกรึถึงได้เชิญ พวกเอ็ง (มัน) เจ้ากรรมนายเวรกูทั้งนั้น
☻ (ถาม วันไหนไม่สมควรเชิญ)
☺ วันพระ ถ้าวันโกน (ให้เชิญ) หลัง 3 ทุ่ม
คนที่ 1 (ขอให้ช่วย)
ข้อต้น ขอศีล
2. พอใจในสิ่งที่เป็น
3. พอใจในโชคที่มี
4. ภูมิใจในการทำดี
☺ นี่จะช่วยให้วิบาก (กรรม) (ที่) มาได้น้อยลง ทำบุญมากเท่าที่ทำได้ สำคัญคือกำลังใจ การทำบุญด้วยจิตบริสุทธิ์เป็นกุศลแรง
25 มีนาคม 2530
☺ กูจะบอกไว้อย่างหนึ่งนะ ท่านเสด็จมาโปรด (ก็) คือมาโปรด ไม่ใช่หมอดูนั่งทำนาย คำว่า มาโปรด คงเข้าใจ
☺ การเชิญกระดานที่ทำอยู่เพื่อเป็นการสงเคราะห์ให้หลุดพ้นทุกข์ ไม่ใช่เป็นการเชิญมาคุยหรือเย้าเล่นต้องตรองนะ
ไม่งั้นกูต้องยกเว้นการเชิญ กูว่าเชิญแล้วจักเป็นกุศลหรือจักทำให้ปรามาสได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นกูก็เป็นคนผิด
☺ พระทุกองค์มีคุณอนันต์ ถ้า (ทำ) ผิดพลาด (กับท่าน) ก็มีโทษ อันนี้ต้องรู้ เพราะพวกเอ็งได้รู้และฟังธรรมมาหลายปีแล้ว มากกว่า
10 ปี คงไม่ผิด
24 มิถุนายน 2530
☺ ปีนี้ปีสุดท้ายที่จะเชิญแล้วนะ กูต้องทำเพียร สมาบัติ
☻ (ถาม จะมีองค์อื่นแทนหรือไม่ ?)
☺ ไม่ สิ้นปี เดือนพฤศจิกา วันเพ็ญเดือน 12 เดือนตุลาจะทำพิธีใหญ่ให้
ที่ไหนมีทรง (กู) หมายถึงเป็นตัวแทน-ลูกน้อง เพราะต้องรักษากำลังใจไว้
29 กรกฎาคม 2530
กับคนหนึ่ง
☺ ทำไมชาตินี้ถึงผิวคล้ำ รู้ไหม เห็นเป็นเรื่องน่ารู้จึงเล่า (เพราะ) อารมณ์โกรธก่อนตาย โกรธนางเล็กๆ หยิบกระโถนให้ไม่ทัน
หมากอุดหลอดลม
☺ เป็นคนสวยมากๆ ผิวเนียนมากเลย เอ็งสวยจริงๆ สมัยพระเจ้าอู่ทอง เป็นคนไทยที่สูงโปร่ง หายาก ชื่อก็เพราะ วิลาศพรรณพิไล สมชื่อมากๆ
คนสวยมักคู่กับเจ้าอารมณ์ สังเกตดู (เถอะ) เขาให้รู้เท่านี้
18 กันยายน 2530
☺ การสร้างวัด คือการสร้างใจคน
☺ การสร้างโรงเรียน คือการสร้างจรรยาคน
15 ตุลาคม 2530
☺ ปีหนึ่งให้เชิญ 1 หน เสาร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือนไหนก็ได้
31 ตุลาคม 2530
☺ ขอบใจทุกคนที่ช่วยกูทำบุญมาตลอด 13 ปีนี้ กู (ก็) สอนพวกเอ็งแล้ว
คนที่ 1
☺ เธอต้องมีความมั่นคง มั่นใจ เมื่อมีสถานการณ์แล้วพิจารณาอะไรให้เกิดปัญญา ผู้มีปัญญาจะมีสุขใจ เพราะมั่นในใจ ลงไป (พูดเรื่อง)
ทุกข์ เมื่อมีทุกข์ก็จะเป็นแค่กระเทือน แต่ไม่หวั่นไหว
คนที่ 2
☺ อย่าเรื่อยเปื่อย อย่าวู่วาม อย่าสรุปผลเร็ว เหล่านี้จะเป็นหลักการในการทำงานและครองชีพ ให้ทำบุญระลึกถึง
☺ เอาละนะ ขอให้ทุกคนโมทนากุศลและมีค่า มีความสุขในธรรมะ ขอให้ทุกคนหมดภาระแห่งวัฏฏจักรทุกประการ
30 เมษายน 2531
☺ เจออะไรให้พิจารณาสบายๆ อย่าไปเครียดกับการพิจารณา พันธะก็ไม่มี
☻ (ถาม บุญมากที่สุดหมายถึงชนิดไหน ?)
☺ เจาะจงไม่ได้ว่าอะไรประเสริฐที่สุด แต่บอกได้ว่ามากที่สุดคือการทำบารมี 10 ประการ สมาธิเป็นการทำจิตบริสุทธิ์
ภาวนาเพิ่มขึ้นช่วยให้สมาธิมีที่เกาะ มีหลัก ฉะนั้นพระพุทธองค์ตรัสว่า การทำสมาธิ ช่วยให้มีจิตใจเป็นบุญ 1 คือให้ได้หยุด รักษาความดีแค่ใจ 1 ยากไหมการทำบุญ
? แต่คนก็คร้านที่จะทำ
21 มกราคม 2532
☺ ที่เก็บอัฐิถือเป็นกตัญญูบูชาครู ทำบุญนี้มารผจญยาก
☺ ทำบุญที่เผาศพ อายุยืนหมดเสนียดจัญไร ผู้ที่ถูกอาถรรพ์จะล้างอาถรรพ์ได้เพราะไฟ
10 มีนาคม 2533
☺ คำว่า พุทโธ ไม่ใช่นึกถึงพระพุทธเจ้าอย่างเดียว นึกถึงพระคุณด้วย ถ้าทำได้ นิพพานอยู่ใกล้แค่นี้
25 กรกฎาคม 2533
☺ คนเรามันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ ถ้าไม่เอาเปลือกของโลกีย์วิสัยมาห่อหุ้มสักกายทิฐิ ที่ทำให้ตัวเราหมองเศร้า เหล่านี้จะทำให้เรามีทุกข์และมีบาป
เป็นกรรมอย่างหนึ่ง การปลง ทุกคนพูดได้ว่าปลง แต่เป็นเพียงยอมรับนิดหน่อย สำคัญจริงๆ อยู่ที่ถามตัวเองว่าใจเราทำได้จริงไหม จะแก้ไขสักกายทิฐิ แก้ได้คืออภัยทาน เพราะอะไรรู้ไหม ? ความถือตัวหรือรักตัวจะแก้ได้ด้วยการให้ สละ ใช่ไหม ? พระท่านตรัสว่า ผู้ใดไม่ถือตัว
ไม่เห็นตน ผู้นั้นได้เข้าถึงทานบารมี
◄ll กลับสู่สารบัญ
88
คำเทศน์ของ ท่านพวงทิพย์
1 กันยายน 2516
เฉพาะคน
☺ ก่อนอื่น ป้าต้องขอบอกอย่างหนึ่งว่าเอ็งอายุ 21 แล้ว ตามกฎหมายบ้านเมือง ถือว่าบรรลุนิติภาวะ
ฉะนั้นเอ็งก็จงทำตนให้พอที่จะตัดสินใจเป็นตัวของตัวเองให้มั่นคงแน่วแน่และแน่นอน เพราะต่อไปภายภาคหน้าจะไม่มีใครเตือนเอ็ง เอ็งต้องรู้จักหน้าที่ของตน
ตอนนี้ ประการแรก คือเรียนเป็นที่ตั้ง การบำเพ็ญกุศลที่ทำอยู่ เป็นเรื่องเสียสละที่เอ็งจะทำ เพื่อผลบุญของตัวเอง
ความกตัญญูกตเวที เป็นเรื่องหนึ่ง พึงจำ แต่สำหรับตัวเอ็งป้าไม่เป็นห่วง
ในเรื่องมารยาท เอ็งก็มี ไม่ต้องพูดถึง เป็นห่วงอยู่อย่างเดียว คือความคิด
☺ เอ็งต้องรู้ว่าอะไรมาก่อนมาหลัง เหตุเป็นอย่างไร ผลที่เกิดเป็นอย่างไร แบ่งแยกว่าอะไรเป็นเรื่องสำคัญ อะไรเป็นเรื่องปลีกย่อย
เอ็งมักคิดเท่ากันหมดทุกเรื่อง ต้องพิจารณาดูให้แน่นอนก่อน
เอ็งมักเสียใจในเรื่องต่างๆ ไม่ควร ดูซิ เราเสียใจได้อะไรขึ้นมา ? มีแต่ทุกข์ใจ ทุกข์น่ะอยู่ที่ใจ ถ้าเราทำใจได้ก็สบาย
เอ็งหนักแน่นในการกระทำทั้งกาย วาจา ใจ ป้ารู้อยู่เสมอว่าเอ็งทำอะไรดีอะไรชั่ว ถ้าชั่วป้าก็เตือน แต่นี่ยังไม่มีอะไรเกิด
☺ ขอให้เอ็งรู้ และสบายใจในทุกๆ อย่าง คนเราเกิดมามีไม่เหมือนกัน อยู่ที่กรรม การกระทำ ป้ามาเทศน์ความดี เอ็งไม่ต้องพูดป้ารู้อยู่เต็มอก
ป้ารู้ว่าเอ็งนั้นทุกข์หนัก กรรมหนักอยู่ที่ความคิด เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ มันเป็นเรื่องของเวรกรรม เป็นแค่นี้ก็ดีถมไป
คนจนน่ะ เขาลำบากแต่กาย แต่คนที่ทุกข์ก็คือจิต จิตตัวเดียวลำบาก ให้แก้ด้วยตัวเอง วันนี้เท่านี้ พอใจชื้นดีแล้วป้าจะเทศน์ต่อ
8 ตุลาคม 2517
☺ มีจิตไม่ดีล่วงล้ำเข้ามาดูในห้องข้างล่าง
☻ (ถาม เรามีท่านทั้งหลายคุ้มครองอยู่มาก รวมทั้งพ่อปู่ พระภูมิ ทำไมจึงปล่อยเข้ามาได้?)
☺ ช่องว่างพอดี
☺ จะเล่าให้ฟังว่า พวกอสุรกาย เปรตก็ดี สัมภเวสีก็ดี ถ้ามายืนเรียกชื่อ หรือเคาะประตู หรือท้าทายก็ดี เราดันขานรับ
หรือเคาะประตูเราเชื้อเชิญ หรือท้าทายเรารับท้า เทวดาถือว่าตัวเธอยอม ฉะนั้น ก็เป็นอันเปิดโอกาสให้เข้ามาประชิดเราได้ ถือว่าอนุญาต
(หมายเหตุ:- พวกนี้มักจะมาตั้งแต่ยาม 1 ในวันพระหรือวันตัว)
9 เมษายน 2518
☺ ให้คิดอย่างนี้ว่า คนตายหมดแล้วทำไง ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเราเอง พระนิพพานก็เช่นเดียวกัน คือไม่มีใครช่วยใครได้
นอกจากเราที่จะช่วยตัวเราให้พ้นโลกนี้และโลกหน้า ใช่ไหม ตัวเราทั้งนั้น แต่อย่าหวัง ตัวเราไม่มีในเรา ของเรา
◄ll กลับสู่สารบัญ
89
คำเทศน์ของ ท่านพรทิพย์
4 มิถุนายน 2518
☺ การทำดี นี้เป็นคำกว้าง ดีรู้อยู่ว่าดี แต่ไม่รู้ ไม่เห็น หรือจับต้องได้ว่าดีนั้นเป็นอะไร อย่างไร
ดี เป็นนามธรรมในทางโลก แต่ในทางธรรม ดี เป็นรูปธรรม นึกออกไหม ?
☺ ดีในทางธรรม เราจับต้อง เห็นได้ด้วยธรรม เมื่อเราอยู่ในสภาวะพ้นโลก สู่ธรรม เราก็เห็นว่าดีคืออะไร
☺ ดีนั้นคือไม่เลว เพราะของสองสิ่งเป็นของหันหลังชนกัน ดีรูปธรรมเป็นของที่เห็นโดยทิพย์ของธรรม เธอจะเห็น จะรู้ในดีได้
ต้องเข้าใจธรรมเสียก่อน ธรรมนั้นเป็นของจริงที่สอนให้คน ซึ่งเป็นของกลางระหว่างโลกกับธรรมว่าจะให้เอนเอียงไปทางไหน ธรรมเป็นสิ่งหนึ่ง โลกเป็นสิ่งหนึ่ง
ฉะนั้น โลกกับธรรมมีภาวะเหมือนกัน แต่สภาพต่างกัน การปฏิบัติตรงข้ามกัน
☺ เมื่อคนเองไปถึงธรรม ขั้นต้น คือการปฏิบัติศีล การปฏิบัติศีลนั้น บ้างก็ทำเป็นความรู้ บ้างก็ทำตามคนอื่น บ้างก็ทำเพื่อเป็นความดี
☺ คนที่ทำเป็นความดี เพราะรู้อยู่ว่าดีนั้น คือผู้ที่ไม่ตายจากความสุข
☺ ของทุกอย่างมีคู่กัน ฉะนั้น คนที่เห็นว่าความสุขทางโลกและทางธรรมต่างกันไฉน ก็ย่อมเห็นความสุขในความดี คือในธรรม กับความสุขในทางไม่ดี
คือทางโลกนั้น กระจ่างชัดออกไป
☺ เมื่อเห็นในความสุขทั้งสองอย่างแตกต่างกันแล้ว ก็รู้อยู่ในจิตที่รับผิดชอบเป็นสำคัญว่าอันไหนคือทุกข์ อันไหนคือสุข เมื่อรู้อย่างบริสุทธิ์
ขาดข้อกังขาแล้ว ปัญหาที่ตามมาก็คืออะไรเป็นเหตุ
เหตุ คือ เหตุก่อให้เกิดสุข เกิดทุกข์
สุข คือ ดี ทุกข์ คือ เลว
☺ เมื่อค้นพบเหตุทั้งสองได้ก็สบาย เหตุนั้นก็ได้แก่ กิเลส ตัณหา อุปาทาน
☺ ต้นเหตุของสุขล่ะ ?
ก็คือ ตัว ดับ คือจะเกิดสุขได้ ต้องแก้สิ่งที่ไม่สุขให้หายไป ได้แก่การเจริญศีลภาวนา ทำกรรมฐาน พิจารณากฎเกณฑ์ต่างๆ ด้วยปัญญา ดับ
โดยทำลายเสียด้วยพรหมวิหาร 4 ดับด้วยสังโยชน์ ดับด้วยพรหมวิหารก็สุขแค่พรหม ดับด้วยสังโยชน์ก็สุขด้วยอริยทรัพย์
เมื่อหา ดี ได้ หาเหตุได้ และรู้วิธีแก้ รู้วิธีขัด รู้สารพัดรู้ ก็ต้องทำ
ทำเท่านั้น ที่จะพาตัวไปหาดีได้ แล้วจะพบว่า ดี เป็นรูปธรรมจริงไหม
☺ อยากเห็นไหม ตามมา
การตาม คือการก้าวไปข้างหน้า เดินหรือวิ่งขึ้นอยู่กับกำลังกาย กำลังใจของเรา คลานก็ได้ กระเสือกไปก็ยังดีกว่าคนที่อยู่นิ่งๆ
หรือคอยแต่จะถอยหลัง
กล้าสู้ซิ ตามมาซิ เดินมาซิ ทำเข้าซิ ทางน่ะไม่ไกลเลย
☺ สุข อยู่ที่ใจหรือกาย ?
☺ เราปฏิบัติ อยู่ที่ใจหรือกาย ?
☺ เราตัดทุกข์ให้หลุด อยู่ที่ใจหรือกาย ?
☺ ฉะนั้น จงมั่นใจที่กล้าตัด ก็เป็นความสุข
ทุกๆ คน มีสิทธิ์หยิบของ ไม่เกี่ยงส่วนสูง เว้นแต่จะไม่หยิบ ของน่ะสูงกว่าหัวสามารถคว้าได้ แต่บางคนก็โง่ คือมองไม่เห็นของ มัวแต่มองพื้น
กล้า คือแรงดลใจ ใจนะจ๊ะ ใจคือจิต
เรายอมรับว่าการทำความสะอาดใจ คือการที่เรายอมรับความจริงในตัวเรา
ทุกคนติดอยู่ที่อารมณ์ทั้งนั้น ชอบเป็นอย่างยิ่งคือโกรธ ชอบเป็นอย่างยิ่งคือไม่พอใจ ไม่รู้จักคำว่า พอ เสียที
☺ เหตุโกรธ เพราะมอง เพราะเห็น เพราะได้ยิน และ เพราะ อย่างยิ่ง ก็คือเพราะคิด ไม่คิดเสียก็สบาย การคิดไม่เป็นอรรถรสอะไร
เรามองก็คิด เห็น-คิด ได้ยิน-คิด คิดทำไม ? รู้ว่าไม่ดี คิดทำไม ? คิดให้มันไม่ดีเปล่าๆ
คนที่เขาคิด มักคิดอยู่ 3 ประเภท คือ
☻ คิดช่วย
☻ คิดทับถม
☻ คิดยุ่ง ยุ่งชาวบ้าน
☺ คนคิดช่วย คือคนที่คิดทำ แต่ไม่ได้คิดให้ตัวเป็นทุกข์ คิดที่จะช่วย แต่ไม่เก็บมาแบกให้เป็นทุกข์ตน
☺ คนคิดทับถม คือคนอิจฉาริษยา อาฆาต พยาบาท เพราะคิดแค้นจึงทุกข์ เพราะเพลิงแค้น อยากให้สาแก่ใจ
☺ คนคิดยุ่ง คิดทุกๆ เรื่องของชาวบ้าน แต่ไม่ทำอะไร เลยพูดแต่เรื่องของชาวบ้าน
บุรุษที่ 1 คือคิด 1 กับ 3
บุรุษที่ 2 คิดหมด 1-2-3
ย้อนคิดมาหาตัว
☺ คนหวั่นไหวในชั่ว คือด่าไม่ได้ นินทาไม่ได้ เจอคนไม่ยกย่องไม่ได้ คนดูถูกไม่ได้ ผจญทุกข์ไม่ได้ ถือยศ
ใครถอดยศไม่ได้
☺ คนหวั่นไหวในสุข ชอบอยาก ชอบยศ ชอบอวดรวย ชอบยกแคร่
☺ สิ่งดีคือปักหลัก น้ำสาดรึ ? สบาย โคลนสาดรึ สบาย ฝนตกก็สบาย ร้อนก็สบาย สบายจริงๆ ทำได้ซิ เขาทำกันมาหลายชั่วอายุคน
นับเป็นกัป ทำไมเราจะทำไม่ได้ จะหอม จะเหม็น เฉย ขี้ก็กินได้ เค้กก็กินได้ ใจตัวเดียว
☺ ตัวเราต้องมั่นคง อย่าเอาสิ่งสะกิดเล็กๆ มาเป็นเหตุทุกข์ในใจเรา เราถือว่าใจเราเป็นพี่ใหญ่ที่จะชำระ จะนำเรา ถึงนึกไม่ได้
แสดงว่าตอนนั้นเธอเอาอารมณ์เป็นพี่
13 พฤศจิกายน 2519
สอนเฉพาะบุคคลเรื่องลูก
☺ ลูกเราน่ะ แม่น่ะมีโอกาสน้อย ต่อไปลูกโตขึ้นจะต้องสอนใหม่
เด็กทั้งปวงที่เกิดมากับเหล่ากอเรานั้น มักจะมีพื้นฐานมาดี จะไม่ต้องสั่งสอนมาก
การสอนไม่ควรใช้อารมณ์ ควรพูดแต่เหตุผล อย่าไปกักมาก ในเวลาโต สอนให้รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรเป็นสิ่งดี ไม่ดี สอนให้รู้จักก้าวเดิน
ไม่ใช่ว่ามีอะไรก็ดุท่าเดียว ถ้าคนเราโดนว่า โดนห้ามมากเกินไป จะทำให้เสียง่าย
☺ คิดถึงลูกโป่ง ถ้าเราบรรจุลมมากๆ ลูกโป่งจะพองมาก ถ้ามากเกินพอ ลูกโป่งจะแตก แตกแล้วปะใหม่ก็ไม่เหมือนเดิม หรือไม่ก็ปะไม่ได้ ต้องทิ้ง ฉะนั้น
ลูกต้องรู้จักสูบลมและปล่อยลม คนเราไม่มีใครหรอกที่ชอบการจุกจิกจู้จี้ เราต้องเลี้ยงลูกให้โต ไม่ใช่เลี้ยงลูกให้เป็นเด็ก สอนไปเมื่อโต
ไม่ใช่ตอนนี้ทุกคนน่ะ
◄ll กลับสู่สารบัญ
webmaster - 8/3/11 at 13:10
90
(Update 8-3-54)
คำเทศน์ของ ท่านพรสวรรค์
15 กุมภาพันธ์ 1517
สอนเด็กหนุ่ม
☺ ให้เดินสายกลาง ทำใจให้กล้าต่ออุปสรรคแล้วสติปัญญาจะเกิด สามารถแก้ปัญหาทั้งมวลได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว มันจะทำให้เป็นคนมีทุกข์
☺ เราต้องสู้กับโลกอีกนาน อุปสรรคยังมีมากมาย ต่อไปเราจะต้องปกครองคนนับพัน ควรหาคู่คิด แล้วจะสบายใจ ทำให้ใจผ่องใส
มีกำลังที่จะฝ่าฟันชีวิตต่อไปอีกข้างหน้า ขอให้คิดไว้เสมอ เอ็งมันจิตดี แต่จะทำอะไรก็ให้มีหนทางความคิดไว้ อย่าเห็นว่าคนเราเหมือนกันหมด
☺ คิดให้ตลอด คิดให้ดี คิดให้ซึ้ง จงอย่าหมกในความทุกข์ ขอให้เอ็งเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาโลก เพราะข้ารู้ว่าเอ็งต้องเจอมากกว่านี้
ตอนนี้เพิ่งเป็นขั้นต้นที่เอ็งต้องสอบให้ได้
☺ จำไว้ เคยบอกว่าโลกเหมือนโรงสอบ อุปสรรคเหมือนข้อสอบ เราเป็นผู้สอบ ความดีคือคะแนน กรรมคือครูผู้เขียนข้อสอบและผู้ให้คะแนน
เราเป็นผู้ภูมิใจเมื่อเราสอบผ่าน เวลาตายคือปริญญาที่จะได้ว่าขั้นไหน ความคิดคือตำราชี้ว่าท่องหรือเปล่า
☺ ที่ข้าสอน ขอให้ตรองดูให้ดี อย่าเพิ่งเชื่อ ถ้าจริงค่อยเชื่อ
ข้ารู้ว่าการคิดนั้นดี แต่ความคิดถ้าละเอียดมากก็เป็นมีด 2 คม คิดดีก็ดี คิดเลวก็เลว ตรงตามพระธรรมคำสั่งสอนขององค์บรมครู แล้วเอ็งจะรู้แจ้งเห็นจริง
สอนเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง
☺ ข้ารู้มาตลอด ข้าให้ได้แต่คำสอน อารมณ์นั้นสำคัญไม่น้อย อาจทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปก็ได้ ยึดหลักความจริงไว้บ้าง บางทีเราก็หลอกตัวเองไม่ได้
ต้องยอมรับความจริง ถ้าหลอกตัวเองแล้ว จะมีอะไรดีสำหรับตัวบ้าง นอกจากความฉิบหายมาหา แล้วเราจะเสียใจว่าตัวของเราน่ะแหละเป็นคนทำ
เอ็ง ตัวดี ฟังคำสอนไว้ คิดอย่างเอ็งข้าชอบ คิดให้มันลึกซึ้ง ใคร่ครวญดีๆ แต่ขอให้มีพรหมวิหาร 4 ก็แล้วกัน ต่อไปเอ็งจะต้องนำใครๆ ในทางที่ถูก
เอ็งจะต้องเป็นตัวอย่างของคนทั้งมวล
คิด แล้วอย่าลืมว่าตัวเองเป็นผู้ถืออนาคตตัวเองอยู่ ความคิดชั่ววูบอาจผิดทางก็ได้
17 กุมภาพันธ์ 2517
สอนเด็ก
☺ เรื่องอะไรที่ยังไม่เกิด อย่าเพิ่งคิดถึง เอาสิ่งที่ใกล้ก่อน เอ็งอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ เรื่องอันไกลค่อยๆ แก้ไปทีละน้อย
จะได้สอบไล่อุปสรรคชีวิตได้
ถ้าลองคิดรวบยอดทั้งหมด บ้าตายนะ คนฉลาดต้องใจเย็นๆ ทำไปทีละอย่าง แล้วผลสำเร็จจะตามมา
5 มีนาคม 2517
สอนเด็ก
☺ เอ็งจะทำอะไรก็ขอให้นึกถึงผู้บังเกิดเกล้าบ้าง เราเกิดมาก็มีหน้าที่สนองคุณท่าน อย่าทำให้ท่านผิดหวัง
☺ เราทำอะไรไม่ต้องปิดบัง พยายามหน่อยนะ เอ็งก็เหมือนกัน สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุดคือการอวดดี เอ็งทั้งสามท่อง (หนังสือ) ให้มากๆ
อย่านึกทะนงตัวว่ามีเทพโน่นนี่มาช่วย การอะไรๆ ให้เหมือนมนุษย์มนาเสียบ้าง
เตือนอีกคน
☺ พูดถึงเงิน ทั้งสามคนยังหาเองไม่ได้ ยังกินแรงพ่อแม่อยู่ ข้าว่าควรรู้จักใช้บ้าง ถ้าเอ็งเกิดเป็นลูกคนจนแล้วเอ็งจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่นี่
พวกเอ็งมันสบายเกินไป ไว้เวลาเอ็งทำงานจะรู้ว่ามันได้มาจากน้ำอดน้ำทน
☺ อยู่กับโลก ก็อยู่ให้เป็นสุข สนุก เอ็งคงรู้นะว่าเช่นไร แบ่งให้เป็น ไม่ใช่เอาปนกัน เดี๋ยวจะแย่
เราหาความสบายก็ให้ถูกเรื่อง ไม่ใช่ตามใจตัวในสิ่งไม่ควร
ข้าอยากคุยกับพวกเอ็งนานๆ ความทุกข์ของเทวดา คือห่วงลูกหลาน
14 มีนาคม 2518
สอนเด็ก
☺ เรานะ อยู่ในที่ดีแล้ว อย่าทำตัวให้ตกต่ำลงไปนะ รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร โตแล้วควรตัดสินได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด อย่าใช้แต่อารมณ์
มันช่วยอะไรเราไม่ได้เลย ยิ่งเราเป็นลูกคนโตด้วยแล้ว ต้องเป็นหลักให้แก่น้องๆ ทำอะไรก็ให้นึกคิด อย่างน้อยก็ชื่อเสียงวงศ์ตระกูล
เรื่องของทางโลก เป็นเรื่องธรรมดา ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ก็ต้องสนใจมันบ้าง แต่ก็ต้องยึดหลักคำสอน
คือยึดหลักของพระองค์ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณไว้เป็นพื้นฐาน เป็นหลักประจำใจอยู่เสมอ
(ปรารภเรื่องการโต้เถียงกับพ่อเสมอๆ)
☺ การยับยั้งนั้น ก็เป็นสิ่งที่สมควร โดยคิดถึงคุณความดีของท่าน ว่าท่านให้เราเกิดมา แล้วท่านก็เลี้ยงเรามา ให้การศึกษาที่ดี มีความรู้ ความสุข
จนเราโตมาถึงเพียงนี้
สอนเด็กทุกคน
☺ เอานะ ฟัง ไอ้ลิงทั้งหลาย
☺ พิจารณาตามให้ดี ว่าเรานั้นมีอะไรที่สวยสดงดงามบ้าง ตั้งแต่เกิด เริ่มแรกการปฏิสนธิก็ด้วยของสกปรก เกิดมาในที่โสโครก
ต่อไปเกิดออกมาแล้วก็ไม่มีความรับผิดชอบ จะขี้จะเยี่ยวก็ไม่มีการยับยั้ง
พอโตขึ้นมาจึงค่อยมีการอับอายในสิ่งต่างๆ ไปจนถึงหนุ่มสาวเราก็ติดในเรื่องสวยงาม หลงระเริงไปจนกลางคน พอแก่ ร่างกายก็เหี่ยวย่น
เริ่มกลายเป็นทารกใหญ่ให้เขาเลี้ยง ป้อนน้ำ ป้อนยาไปจนตาย ร่างเราก็เน่าเหม็นเฟอะ น่าเกลียด หรือว่าพวกเอ็งชอบ ?
คิดตามตั้งแต่เกิดจนตาย ว่าตัวเรา ตัวเขา มีอะไรที่สวยงามบ้าง ที่ข้าสอนก็สอนให้คนฟัง ไม่ใช่สอนผีสาง ใครที่คิดว่าเป็นคนก็ฟัง
คำว่าคน เขาพูดทีเดียวรู้เรื่อง
จำไว้นะ ว่าเราสนุกทางโลกได้ แต่ไม่ให้ติด หลงงมงาย โดยเฉพาะหนุ่มๆ ทั้งหลาย
☻ (ถามปัญหาตัดสินใจบางอย่าง)
☺ เอ็งโตแล้ว ตัดสินใจเอง ทุกคนนั่นแหละ ฟังคำปรึกษาได้ แต่การตัดสินใจขอให้เป็นของคนนั้น
พวกเอ็งทั้งหลาย ทำอะไรต้องหนักแน่น จะเป็นเจ้าคนนายคนก็ต้องเป็นผู้นำที่ดี ไม่ใช่ตามคนอื่น ยังไงก็ช่วยกันดูไปก็แล้วกัน ใครมีอะไรก็พูดกันด้วยเหตุผล
7 เมษายน 2517
☺ อย่าวิจารณ์ พูดในสิ่งที่ควรพูด สิ่งที่ล่วงมาแล้วอย่าไปสนใจมัน อนาคต เราทำในทางดีก็ประเสริฐแล้ว การดูอนาคตก็เช่นเดียวกัน
ไม่ควรเอามาเป็นเครื่องทำนายให้เสียเวลา ดูหลายก็มากหมอมากความ เอาว่าเราทำให้ดีที่สุดของเราก็แล้วกัน เราทำ เราประพฤติ เรารู้อยู่แก่ใจ
☻ (ถามปัญหาภายหน้า)
☺ อนาคตนั้น ตอบยาก มีก็แต่สมเด็จเท่านั้นที่จะไม่พลาด ฉันเองก็บอกไม่ได้
15 เมษายน 2517
☺ เวลาเจอทุกข์ก็พึงคิดว่า ไอ้ที่เราเกิดมานี่มันทุกข์ลำบากแค่ไหน หาความสบายไม่ได้ แล้วชาติหน้าก็ต้องเจอเช่นนี้อีก แล้วยังจะอยากเกิดอีกหรือ ?
28 เมษายน 2517
คำสอนสำหรับคนใกล้หมดอายุขัย
☺ ให้ทำใจ พิจารณาความไม่ยั่งยืนของสิ่งต่างๆ เช่นว่าการงานทุกอย่าง เราจะทำตลอดไปไม่ได้ ต้องมีคำทำแทน แม้แต่ลูกของเราก็ยังไม่อยู่กับเราตลอดไป
ต่อไปเมื่อเขาต่างมีครัวเรือน ก็ต้องแยกไปเป็นธรรมดา ขอให้ท่านทำใจให้สบายในเรื่องต่างๆ
คำสอนเฉพาะบุคคล
☺ การงานต่างๆ ต้องมีอุปสรรคขัดขวางคู่กันเสมอ เราคิดอย่างเดียวคือทำเช่นไรถึงจะฝ่าฟันสิ่งนั้นไปได้ แล้วสติก็จะเกิด และงานการก็จะสำเร็จ
2 พฤษภาคม 2517
ประทับทรง
☺ มีอะไรคุยไหม ? ฉันน่ะ พรสวรรค์ยังไง อยากมาคุยเรื่องการเข้าทรง อยากคุยให้เจ้าตัวฟังด้วยว่ามีผลดี คือ
1. รักษาใจ รักษาอารมณ์ให้ละเอียด
2. เป็นการสงเคราะห์แก่คนทั้งหลาย
แล้วอีกอย่าง ก็เป็นการเพิ่มการทำบุญของคนนั้นเอง
☺ การที่บางคนก็ประทับทรงได้นั้น เป็นส่วนลึกของจิตอันดีที่เทพชั้นสูงจะประทับได้ ไม่ใช่ผี ถ้ามาทรงก็จะเป็นการทรง
1. เรื่องทุกข์ร้อน เรื่องสำคัญ
2. เรื่องของทุกข์ เรื่องของสุข
3. เมื่อมีเรื่องด่วน กะทันหัน
☺ เมื่อไหร่ที่เขาบวช ต่อจากนั้น ไม่มีการประทับทรงแล้ว
☺ การประทับนี้ เป็นครั้งคราว ที่องค์พระมงกุฏประทับก็เพราะเหตุที่ทราบกันแล้ว ใครเข้ามาแล้วในทางนี้เทพก็เป็นห่วง เกรงจะออกนอกทาง
การทำดีนั้นทำไมจะไม่ได้ดี
☺ ในการทำดี จิตที่ทำครั้งแรกอย่าหวังผลเต็มที่ ผลความดีตอบแทนเป็นธรรมดา ไม่ช้าก็เร็ว ขอให้เข้าใจ
☺ บางคนฉันรำคาญ อยากพูดมานาน เขาอ้างว่าได้ทำดีมานาน เข้ามาทางธรรมก็ยังมีมารผจญ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า คนใดเห็นความทุกข์คนนั้นเห็นธรรม
รู้ว่านี่หนอทุกข์ ทำอย่างไรทุกข์จะดับได้ ไม่ใช่ไม่รู้ สามารถรู้ทุกข์ รู้ที่มาของทุกข์ รู้ทางดับทุกข์ ผู้ใดเห็นผู้นั้นจะเจริญทางธรรม
☺ ทุกคนคงทราบดีแล้ว สิ่งใดได้สอนบอกเตือนแล้ว จะว่าฉันจู้จี้ก็จริงอยู่ เพราะเป็นทางดำเนินชีวิต คนเราไม่เริ่มต้นทางดี จะไปเริ่มเมื่อใดกัน
☺ ทำดีนั้นง่ายมาก แต่ไม่ทำกัน
☺ ทุกคนที่มาสอนนั้น เพราะชีวิตที่แล้วมาไม่ทุกข์หรืออย่างไร ที่สอน ที่บ่น ก็เพราะต้องการให้ชีวิตภายหน้าเป็นสุข แต่ก็มีคนรำคาญในคำสอน ฉันไม่ว่า
แต่อยากให้ปฏิบัติเพื่ออนาคตอันสดใส เขาจะได้สุขสบาย ไม่ลำเค็ญ ทุกท่านคงเข้าใจเจตนาแล้ว
☺ ฉันน่ะ เป็นห่วงทุกคน ทุกข์ของเทพยดา แม้พระพุทธเจ้า ก็คือห่วงชาวโลกว่าจะทำถูก ทำควร ทำดีหรือไม่ ถึงได้พยายามสั่งสอนต่างๆ
นานา
จะชี้ทางสุข สงบ แท้จริงแล้วลองเปรียบเทียบดูว่าเช่นใด
☺ สุขที่นับเป็นชั่วโมง เช่นในการดูหนัง ดูละคร ดื่มสุราก็สุขแค่นั้น แล้วก็ทุกข์ใหม่
☺ สุขในวันนี้อาจจะใหม่ ชื่นชม สุขอยู่เป็นวันหรือเป็นอาทิตย์ ไปเที่ยวกลับมาก็รำพึง สุขหนอ เล่ากันไม่จบ
☺ สุขเป็นเดือน เช่นอยู่กับครอบครัว กับหน้าที่ เป็นเดือนเป็นปี
แต่ความสุขตลอดชีวิต คืออะไร
☺ จงหาความสุขแท้จริงเถิด อันนี้เป็นหลัก ค้นให้พบเองแจ้งเอง ปฏิบัติเถอะ ทำดีไว้ ขอให้ทุกคนสุขกาย สุขใจ เจริญทางโลกและทางธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปเถิด
☻ (ถาม ในพระไตรปิฏก ไม่กล่าวถึงการเห็นพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้วเลย มีแต่เทวดาบอก)
☺ อันนี้ สมเด็จพระพุทธองค์ตรัสว่า สิ่งที่วิจารณ์นั้นไม่ถูก เรามีหลักเช่นใด จงยึดมั่นเช่นนั้น อย่าแคลงใจ ทำไปเถิด
จงมั่นใจในพระนิพพาน
28 กรกฎาคม 2517
สอนผู้มีปัญหาเรื่องลูก
☺ เรื่องเด็กนี่นะ ไม่ใช่ว่าผมจะเก่ง แต่ผมเลี้ยงมา ผมรู้
จำไว้อย่างหนึ่งว่า ดีเป็นดี เลวเป็นเลว ไม่ใช่เลวชมว่าดี อธิบายให้กระจ่างก็คือเมื่อเด็กทำดี เราให้ความชื่นชม แต่ถ้าผิด
ประการสำคัญคือสอนให้เข้าใจ ไม่ใช่เกรงใจลูก
☺ เด็กทุกคนในที่นี้ก็เป็นลูกหลานทั้งนั้น ไม่ต้องห่วงเกรงใจ แยแสว่าจะโกรธเกลียด เราสอนให้ดี ไม่ใช่สอนให้ชั่ว ใครไม่มาทำหรือบิดเบือน
ก็ให้รู้ว่าคนๆ นั้นไม่รู้จักอาวุโส ความดี ความเป็นเด็ก ความเป็นผู้ใหญ่ ฉะนั้น ลูกเราอยากให้ดี ก็อย่าให้เป็นลูกบังเกิดเกล้า
☻ ควรหลบนะ หลบดีกับหลบไปสู่ดีต่างกันไหม
☺ หลบดี คือความเลว
☺ หลบไปสู่ดี คือหลบความเลว ทำความดี
เด็กทุกคนต้องการเพื่อน ต้องการสนุก แต่ก็ให้ถูกเวลา และอย่าให้บุพการีหนักใจนะลูก
5 สิงหาคม 2517
ประทับทรง
☺ เทวดาท่านไม่ทำร้ายใครหรอก จำข้อนี้ไว้ พูดตามจริงนะ ไม่ได้เข้าใครออกใคร
☺ วิธีที่แม่จะสอนลูกให้ดีนั้น ไม่ใช่ทำให้ลูกเสียทุกอย่าง นั่นเป็นการฆ่าลูกทางอ้อม ต้องสอนให้ลูกก้าวไปโดยไม่หกล้ม
เมื่อใดที่ต้องบอกลูกทุกอย่างก็เป็นการฆ่าลูกทางอ้อม
☺ ความไม่เห็นแก่ตัวคือ เราต้องมุ่งเอาวิชาความรู้ ประสบการณ์เพื่อเอามาทำคุณแก่ประเทศชาติ
สำหรับบิดามารดา การสำเร็จการศึกษาก็คือความชื่นใจสุดยอดของความโสมนัสปิติในเรื่องนี้เป็นหลักใหญ่ กีฬาเป็นส่วนหนึ่งที่นำชื่อเสียงมาสู่เราและสถาบัน
แต่การกีฬาช่วยเหลือประเทศให้ยั่งยืนได้หรือไม่ การที่อยากเล่นกีฬาเพราะอยากไปสนุก ทุกคนย่อมอยากสนุก แต่ให้เห็นความสำคัญว่าอะไรมาก่อนมาหลัง
ต้องรู้เหตุผลว่าอะไรมาก่อนมาหลัง
เล่าประวัติบางตอน
สมัยที่พระองค์ท่านทรงเป็นคชสาร พวกเธอก็เป็นเหล่ากอของพระองค์ท่านองค์พระสมณโคดมทั้งโขลง หรือไม่รู้ ? พวกเธอเป็นข้าบาทพระองค์ท่าน เพราะฉะนั้น
เป็นธรรมดาที่พระองค์ท่านจะต้องสนใจพวกเธอเป็นพิเศษ ทุกคนเป็นเหมือนพุทธบุตร มีสิ่งใดที่พอจะทำได้เพื่อลูกก็ทำทุกอย่าง แต่ลูกซิ
ไม่ค่อยซาบซึ้งในพุทธวาจาของพระองค์ท่าน กลับกล่าวหาดูหมิ่นพระองค์ท่าน นี่แหละอเวจีถึงได้เปิด
ตรงเมืองอุดร เมื่อก่อนเป็นเมืองเก่าชื่อ นครปัญจราช เจ้าเมืองเป็นเชื้อสายพระเจ้าสุริยวรมัน ชื่อพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
ครองอยู่ นางปัญจสิงขร เป็นหลานอาของชัยวรมันที่ 7
พ่อขุนผาเมืองท่านก่อตั้งแผ่นดินนี้มาด้วยเลือดเนื้อ ลักษณะภายนอกพ่อขุนผาเมืองก็มีเรื่องปีนเกลียวกับขุนบาลเมือง
ออกรบด้วยกันก็เพื่อให้การงานบรรลุถึงที่สุด ความผิดใจก็ย่อมมีเป็นธรรมดา การปีนเกลียวก็ย่อมเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ขุนผาเมืองรุ่นพ่อ
เมื่อขุนบาลเมืองสิ้น ทางพวกนี้ก็ว่าปัญจสิงขรทำโดยที่พ่อขุนผาเมืองรู้ แล้วยกพ่อขุนรามคำแหงขึ้น แทนที่พ่อศรีสุธรรมจะได้ขึ้น ตามปกติเจ้าแผ่นดิน
ลูกต้องสืบต่อแต่นี่น้องขึ้นแทน นี่ก็เป็นเรื่องของบุญบารมีสร้างสมกันมา แข่งอะไรแข่งได้ อย่าแข่งบุญวาสนาบารมี แข่งกันไม่ได้ แข่งกันมากๆ
ตัวก็บรรลัย
สอนต่อ
☺ อีกนัยหนึ่ง คนเรา คนรักเท่าฝืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ คนเรามันปากหวาน น้าอยากให้ดูคนให้เป็น สัตว์นรกมีมาก ดูคนไม่ให้ดูด้วยหางตา ดูให้เห็นตาดำ
ถ้าเอ็งดูด้วยหางตาเอ็งจะแย่ เพราะอะไร เพราะคนปอกลอกในชีวิตมีมาก
☺ จำคำน้าให้ดี น้าจะลงมาสั่งสอนถึงตอนเขาบวชเท่านั้น เขาบวชแล้วน้าไม่สั่งสอน สิ่งใดน้าเตือนอยู่ขอให้จำ เมื่อไรพ้นเบญจเพสก็แยกกันไปทำหน้าที่
เพราะคนทุกคนก็เป็นผู้ใหญ่ จะไม่มีใครเตือนใครได้ คิดว่าท่านจะมาสอนไม่มีอีกแล้ว อย่าคิดว่าท่านจะมาทำให้เสมอไป
☺ เทวดาท่านรักทุกคน แต่ท่านไม่ปัดกวาดถูกพื้นให้คนเดินไปโดยสะดวก ขืนถูพื้นให้มันลื่นมันก็ล้มปากแตก มันก็ไม่มีอะไรที่รู้จักจะข้ามจะหลีกมันบ้าง
(พูดถึงสมัยสุโขทัย)
เอ็งอย่าลืม ความสำคัญของคนสมัยนั้น (สุโขทัย) มีอยู่มาก ลักษณะเด่นของชาวสุโขทัย คือการสร้างพระพุทธรูปปางลีลา
สุโขทัยจะต้องก้าวหน้าเรื่อยๆ ไป ไม่มีการนั่งพัก การนอน
เห็นไหม สมัยอยุธยาสร้างกันแต่พระนั่ง สมัยนี้นอนไปเลย ขี้เกียจ
สมัยสุโขทัย เลือกรักชาติเข้มข้น สิ่งไรที่เป็นระเบียบประเพณี ใครอย่าได้ทำผิดลู่ผิดทาง ผิดเป็นผิด ตัดหัวได้ ถือว่าคนนั้นนอกคอก
ไม่สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง อีกอย่างหนึ่งเลือดสุโขทัย ใครมาลบหลู่ไม่ได้ เลือดสุโขทัยแท้ ห่วงลูกหลานสัมพันธ์กันยิ่งกว่าแห
7 สิงหาคม 2517
สอนเด็กเฉพาะคน
☺ ทุกอย่างภายในตัวเรา เราต้องรู้ว่ามีดีแค่ไหน เลวแค่ไหน อย่าโอหังอวดดีว่าตัวเรานี้ดีวิเศษ
เราต้องใจกว้างยอมรับความเป็นจริงว่าทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ คือมีพลาดพลั้งได้ทุกโอกาส
คนใดคิดว่าตัวดี คือคนยังไม่ดี คนใดคิดว่าตัวยังไม่ดี คนนั้นคือคนดี
☺ สมาธิ ไม่ใช่ของเสีย แต่ช่วยให้ดับกิเลส เอ็งไม่ไว้ใจน้า ก็จงไว้ใจในสมเด็จฯ เพราะก่อนทำสมาธิทุกที เอ็งก็ขอบารมีท่าน
ท่านทรงดูแลพสกนิกรชาวพุทธ
27 เมษายน 2518
☺ ศาสนาเราสอนให้คนรู้จักใช้เหตุผล สติปัญญา พินิจพิเคราะห์ดูว่าอะไรเป็นสิ่งที่ควรเชื่อ ไม่ควรเชื่อ สิ่งใดที่ปฏิบัติดีได้ก็ควรทำ
ไม่ใช่ทำเป็นนกแก้วนกขุนทอง ใครให้ทำอะไรก็ทำไปโดยไม่รู้เหตุผล ไม่ได้สอนให้คนงมงายในเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ให้เพ่งถึงประโยชน์ที่จะมีมา
ใครฉลาดก็คว้าเอาไป ใครโง่ก็คงโง่ต่อไป อย่าลืมว่าเราเป็นมนุษย์ ต้องรู้จักคิดค้น คำว่า เราเป็นนักศึกษา นักปฏิบัติ นั้น ต้องเป็นไปจนสิ้นขันธ์ 5
(ตอบปัญหาเฉพาะตัว)
การทำบุญ ทรัพย์ใดก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าศรัทธาบุญ
☺ วิปัสสนานั้น ไม่ใช่พิจารณาเพียงทุ่ม - 2 ทุ่ม แต่ต้องขยันทำทุกขณะจิต ไม่ใช่ต้องมานั่งเคร่งชั่วขณะ ปัญญาก็ใช่ไตร่ตรองไปทุกๆ เรื่อง
☺ คำพูดของเทพท่านทุกคำ ให้ตีความโดยเคร่งครัด ไม่ใช่ตีความโดยมักง่าย
ฉันเก่ง ทุกคน เป็นบุรุษที่ 1 บุรุษที่ 2 คือผู้ให้ความคิด บุรุษที่ 3 คือผู้นินทาหรือวิจารณ์ ตัว 3 นี้เป็นตัวร้าย ฉะนั้น จงมีปัญญา สติ
ไตร่ตรองเป็นของตัวเอง ถ้ามีเรื่องกันจงพูดให้เข้าใจกันเลย อย่าให้มี 2 และ 3 เราเป็นคน พูดเป็นนัยก็รู้ภาษาคน
16 กรกฎาคม 2518
สอนเด็ก
☺ ร่างกายคนน่ะ มันก็มีอยู่ 2 มือ 2 เท้า 2 ตา 2 หู 2 รูจมูก จะเอาอะไรให้มันมาก คนเรามีสมองรู้จักคิดแต่ในเรื่องที่เราจะต้องทำ
และเรื่องที่สำคัญพึงกระทำ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นของไร้สาระ
☺ สติของเรา ใช้มากพอแก่การก็เป็นคุณ ใช้มากเกินการก็ให้โทษ ฉะนั้น รู้จักใช้ รู้จักบอก รู้จักประมาณการต่างๆ หัวคนเราก็มีอยู่เท่านี้
☺ คนเรา ต้องมีสติเสียก่อนถึงจะเป็นคน ความดีของคนอยู่ที่การกระทำ อยู่ที่ความรู้จักหน้าที่ ไม่ใช่อยู่ที่อารมณ์หรือความพอใจ
☺ เอ็งเป็นผ้าดี เนื้อดี มียี่ห้อดี หมายถึงเอ็งเป็นผู้มีผิวพรรณ รูปร่างดี หมายถึงบุญสร้างดี เนื้อดี หมายถึงเป็นผู้ได้รับการอบรมดี มียี่ห้อดี
หมายถึงเป็นผู้มีสกุลรุนชาติดี ช่างที่ได้ไปตัดสำคัญก็ต้องเป็น ใช้ผ้านั้นให้เป็น ใช้อย่างไรล่ะ ? ถ้าช่างดี เอาผ้านั้นไปตัดอาภรณ์ได้สวย ไม่เก่าล้าสมัย
ไม่เชย ถ้าช่างนั้นเป็นคนชุ่ย ก็จะนำผ้านั้นไปตัดให้เสียทรง
☺ หมายถึงว่าตัวเรานั้นเป็นช่าง เรามีผ้าเป็นเครื่องประกอบ เรามีอาภรณ์คือบารมีดี อบรมดี สกุลดี เป็นของประกอบ เราเป็นคนใช้ก็ใช้ให้เป็น
25 กุมภาพันธ์ 2518
☺ กรรมของใคร คนนั้นต้องเป็นคนรับ แต่กุศลที่ทำมาดี กรรมนั้นก็จะสนองกรรมดีขึ้น บางสิ่งบางอย่างก็ไม่มีทางเลือก
เรามิได้มานั่งเล่นขายของที่จะต่อรองกันได้
☺ ฉันจะสอนไว้ว่า คนหนึ่งที่เรียนหนังสือไม่เก่ง แต่เชื่อมั่นในพระ เจ้า แล้วเอาแต่บนบานศาลกล่าวโดยไม่เรียนหนังสือแล้ว
ต่อให้พระอรหันต์เจ้าก็ช่วยไม่สำเร็จ ในเมื่อตนเองไม่รู้สภาพของตนเอง
☺ สิ่งที่จะทำให้รู้ได้ คือการปฏิบัติ และเห็นผล
สติ กับ สมาธิ ตัดความยาก ตัดอารมณ์ แล้วจะตัดตัวทุกข์ คนที่เอาเรื่องไม่เป็นเรื่องแก่ตนเองมาคิดแล้วทำให้ตัวทุกข์นั้น
คนเหล่านั้นโง่
☺ เรามาฝึกสมาธิกัน ฉะนั้น จงใช้สมาธิในการที่เราทำได้นั้น ไตร่ตรองเหตุผลที่เป็นอุปสรรคต่อเราให้เกิดความทุกข์ใจ พยายามไตร่ตรองเป็นข้อๆ
แล้วจะแก้ปัญหาได้
16 สิงหาคม 2521
คนที่ 1
☺ จงรู้ตัวว่าตัวเราควรทำอะไรโดยไม่ต้องนั่งสอนกัน น้ารู้อยู่ว่ายังขัดข้อง ยังติดขัด แต่ควรรู้ด้วยว่าการแก้จะต้องแก้ด้วยการถ่อม
ไม่ใช่ด้วยความทะยาน เข้าใจไหม
คนที่ 2
☺ อันที่จริง อาหารจะอร่อยก็อยู่ที่ลิ้น จะดีก็อยู่ที่ความรู้สึกหรือแพง แต่ทั้งนี้กินแล้วก็ถ่าย เช่นเดียวกันกับความสบาย
จะนอนอยู่ต่างแดนมันก็นอนอย่างเดียวกัน อยู่ที่ขันธ์ทั้ง 5 มันเป็นอุปาทาน มันเป็นแค่ความรู้สึก เมื่อเราทำใจไม่ให้ติดอุปาทาน ติดความรู้สึก มันก็เหมือนกัน
จะไปอยู่ที่แห่งใดก็หาความสุขได้ทุกที่ แล้วจึงขอให้กำลังทางใจว่าใจเรานี่แหละที่สบาย ถ้าเราไม่ต้องการอะไร ให้หมั่นละอุปาทานให้มาก
เป็นหรือตายก็เท่ากัน เพราะทุกคนต้องตาย ใช่ไหม ?
27 ธันวาคม 2521
คนที่ 1 (มีบางคนเขาว่าการเดินกระดานนี้เฝือ)
☺ ฉันไม่ขอตอบ เพราะตอบมามากแล้ว ที่จริงเรื่องนี้ไม่ยากเลย จริงไหม ตัดสินง่ายๆ ถ้าไม่ดีก็เลิกไป ไม่มีใครเดือดร้อน เทพหรือเทวดาท่านยิ่งสบาย
ขอให้เอาประโยชน์ ใช้ปัญญาให้มาก พูดให้น้อยในสาระ อย่าไปเอาแต่น้ำ เพราะการพูดนั้น บางคนฟังเหมือนๆ กัน ยังเข้าใจต่างกันใช่ไหม?
คนที่ 2 (การขึ้นไปข้างบนไม่สงสัย แต่สงสัยสมาธิของตนเอง)
☺ คนเราถ้ายังหาความมั่นใจ ก็ยากที่จะเข้าใจ คนทุกคนมีเผด็จการอยู่ในตัวเอง (เช่น) ต้องเชื่อฉัน ฉันถูก ฉันดี ฯลฯ นี่แหละ
สักกายทิฐิ ไม่รู้จักพรหมวิหาร 4 อ่อนโยนแล้ววางเฉย ทำใจให้กล้า กล้าที่ปัญญาพิจารณา แจ้งนะ
21 กุมภาพันธ์ 2522
คนที่ 1
☺ (ไป) ปล่อยปลา (เสีย) 23 ตัว เมื่อเด็กๆ ตกปลาบ่อย ตอนนี้เจ้ากรรมนายเวรเป็นปลากับไส้เดือน จึงต้องรับกรรมเกี่ยวกับท้อง เหงือก จมูก
พลัดพรากสัตว์
☺ จำเอาไว้นะ ถ้ามีลูกหลาน จงสอนลูกหลานไว้ อย่าคะนอง สอนให้รู้ว่าสัตว์ต่างๆ ในภายหน้าก็จะเป็นมนุษย์และเทวดาตลอดจนถึงพระพุทธเจ้าได้ และมนุษย์
เทวดาก็มาจากสัตว์เหล่านี้ ใจใครก็ต้องรู้จักคิดถึงใจผู้อื่นเขาบ้าง โลกจะได้หยุดการเบียดเบียนน้อยลงกว่านี้
☻ (ถาม สัตว์เล็กที่สุดที่มีจิต ถือแค่ไหน ?)
☺ เล็น
☻ (ถาม เชื้อโรคไม่มีจิตหรือ ?)
☺ บางตัว
คนที่ 2 (ถามเรื่องการฝึกมโนมยิทธิ)
ฉันจะสอนให้ฟังนะ
☺ วิชาที่ท่านให้ปฏิบัตินี้เป็นวิชาผสม ลัด คือมีแต่เนื้อโดยย่อ ฉะนั้น วิชานี้จะต้องใช้สมาธิพอสมควร
แค่อุปจารสมาธิก็ทำได้แล้ว แต่วิชานี้ไม่มั่นคง อาจจะเสื่อมลงได้ เขวได้ หลงทางได้ เพราะเรามีพื้นฐานสมาธิไม่แน่น ไม่แน่
☺ ฉะนั้น การที่ท่านทรงให้วิชานี้มาก็เพื่อเฉพาะอย่างจริงจังโดยตรง คือการเข้าสู่พระนิพพาน และได้เฝ้าพระพุทธองค์เป็นสำคัญ
ถึงแม้ว่าจะมีสัญญาบ้างก็เพียงเล็กน้อย แต่จิตส่วนใหญ่ท่านต้องการให้สัมผัสกับพระพุทธองค์
☺ ที่ท่านให้ฝึกวันละหลายๆ หนนั้น เพื่อที่จะให้จิตทรงตัว ทรงอารมณ์อยู่ในแดนพระนิพพาน อยู่ที่สมเด็จพระพุทธครู
แล้วแต่แบบที่ใช้ แบบทางอภิญญาสมาบัติก็ดี แบบอย่างของวิชชาสามก็ดี ล้วนเป็นวิชาที่ต้องฝึก
และมีพื้นฐานแน่นเต็มที่ฝึกกันทั้งวัน บางทีกว่าจะได้เป็นอาทิตย์ เป็นเดือน ที่ว่าเป็นอาทิตย์เป็นเดือนนั้น ต้องเข้าใจว่าในแต่ละวันเขาฝึกกันจริงๆ
จังๆ ลองทบทวนดูปฏิปทาของท่านพ่อดูซิว่า เวลาที่ท่านฝึกน่ะ ใช้เวลาเท่าไหร่กว่าท่านจะสำเร็จ
ฉะนั้น สรุป 2 หัวข้อได้ว่า วิชาผสมมโนมยิทธินี้ คือวิชชา 3 กับอภิญญา 6 รวมกัน เป็นฉบับเนื้อแต่ย่อ การไปด้วยอุปจารสมาธินั้น
จะต้องพยายามฝึกเรื่องสมาธิกันให้มากๆ หน่อย
☺ เข้าใจคำว่าสมาธิไหม ? สมาธิคือความสงบนิ่ง นิ่งคือเฉย การที่จะให้นิ่ง เฉย นั้นจะต้องเกิดจากอนุสติต่างๆ อนุสติคือสติน้อยๆ ที่ให้มีสติน้อยๆ
ก็เพื่อเป็นตัวล่อให้จับเหตุอย่างเดียว
คงจะเข้าใจแล้วว่า ใจนั้นเปรียบเหมือนลิง ชอบคิดอะไรหลายเรื่องในเวลาเดียวกัน จึงต้องให้จิตจับอนุสติไว้ ต้องฝีกให้มากๆ เที่ยวให้น้อยๆ
เพราะเราอย่าลืมว่าเป็นบุคคลปุถุชนนี่ยังมีเคราะห์กรรมอยู่ เราเป็นผู้มาละกิเลส แต่ไม่ใช่ผู้หมดกิเลสแล้ว ความผิดพลาดอาจจะต้องมีขึ้น
ถ้ามีโดยไม่ถูกทางแล้วจะเลอะเทอะ
ทางที่ดี พวกเราทั้งหลายที่เป็นลูกหลานของท่านพ่อ ควรจะฝึกโดยตรงถึงเรื่องการตัด สละ ละ ขันธ์ 5 ธาตุ 4
และกองกิเลสโดยตรงจะดีที่สุด
☻ (ถามถึงสิ่งที่เห็นในสมาธิ)
☺ เอาอย่างนี้ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ยากแก่การเข้าใจ ในจักรวาลนี้ยังมีสิ่งต่างๆ ที่พวกเธอรู้ไม่ถึง สลับซับซ้อนอยู่อีกมโหฬาร อย่าเป็นคนอยากรู้
อยากเห็นในเรื่องเหล่านี้เลย ยอมเป็นคนรู้น้อยแต่ไปนิพพานโดยตรงดีกว่า บางทีคนก็รู้มากเกินไป จะกลายเป็นศาสดาองค์ใหม่ไปก็ได้นะ มีมาแล้ว
เที่ยวสั่งสอนธรรมะฉบับแต่งเอง เอาพระพุทธเจ้ามาอ้าง นี่แหละคน คนกันจริง เบื่อไหม
7 มีนาคม 2522
คนที่ 1 (ทำไมจึงเห็นมัวๆ)
☺ เกี่ยวกับสมาธิ ที่จริงสมาธิกับวิปัสสนาญาณต้องคู่กัน ถ้าสมาธิดีก็จะเห็นภาพชัดแต่สัมผัสทางจิตอ่อน เพราะบางทีจิตเรามัว
อาจจะมีความโกรธบ้าง เกลียดบ้าง เรียกง่ายๆ ว่าจิตติดอวิชชา ถ้ามีวิปัสสนาญาณด้วยจะช่วยล้างมากทีเดียว ยิ่งบริสุทธิ์มากเท่าใด ทิพย์จะมากเท่านั้น
☺ อย่าลืมว่าการไปพระนิพพานนั้น อยู่ที่ว่าปักใจไหม กำลังบารมีอยู่ที่ตัววิปัสสนามาก เทียบกับสุกขวิปัสสโก
ส่วนใหญ่เขาจะใช้กำลังของวิปัสสนาเป็นส่วนใหญ่
คนที่ 2 (ต้องปรับปรุงอะไร ?)
☺ ขอให้เข้มงวดกับพรหมวิหาร ไล่ดูทุกวัน
กล้า กล้าที่จะรู้ว่าเราต้องตาย ต้องเจ็บ กล้าที่จะเผชิญว่าเราจะต้องสูญเสีย เหล่านี้เป็นความจริงที่จะต้องเกิดขึ้น แต่ไม่รู้กำหนดเวลาว่าช้าหรือเร็ว
สู้ไหมล่ะ ?
คนที่ 3
☺ เรื่องเคราะห์กรรมนี่แหละ ลองสังเกตดูดีๆ จะเห็นว่าใครชะตาราศีไม่ดี กรรมชั่วสนอง เจ้ากรรมนายเวรทวงนั้น
มักจะมีเรื่องไม่หยุด บางทีเราไม่รับผิดยังโดนคนด่า แล้วแถมหมายังไล่เห่า ทำอะไรก็มีอุปสรรคเสมอ
☺ เหล่านี้ แก้ด้วยตัวเอง คือพยายามตั้งสติปัญญาให้มั่นคง ยึดบุญสร้างกุศลให้บ่อยๆ และที่สำคัญคือเรื่องสมาธิและศีล
ต้องบริสุทธิ์
2 พฤษภาคม 2522
คนที่ 1
☺ คำว่า มุ่งตรงสู่พระนิพพาน นั้น ต้องตั้งใจและทำตามคำนั้น อย่าได้ไปสนใจและแวะเวียนอย่างอื่น
คนที่ 2
☺ ให้ถือหลักพิจารณาอริยสัจ 4 เมื่อมีเหตุการณ์ ให้ตั้งจิตพิจารณา หมั่นทรงอารมณ์ในพรหมวิหาร 4
คนที่ 3 (ทำมโนยิทธิแล้ว ยังไม่เห็นภาพ)
☺ สติกับสมาธิต้องคู่กัน คนที่มีสติ คือคนที่รู้อยู่ว่าทำอะไร เป็นอะไร เมื่อมีสติ สมาธิก็เกิด สมาธิคือความนิ่งของจิต
☺ จิตของเธอตอนเป็นสมาธิ ถ้าขณะนั้นพบรูปพระ หรือภาพปรากฏเป็นลักษณะใดในสมาธิ ก็ให้จับภาพนั้นในเวลานั้น เพราะภาพที่ปรากฏขณะสมาธิโดยมิได้ตั้งใจ
แสดงว่าท่านที่เมตตามาสงเคราะห์ต้องการให้เห็นภาพอย่างนั้น เพื่อทดสอบจิตอย่างหนึ่งว่า จะใช้สัญญาหรือไม่
เพื่อทดสอบว่าจิตนั้นยังใสพอหรือไม่อย่างหนึ่ง
☻ (ถาม เห็นภาพในอดีต ไม่แน่ใจ แต่ความรู้สึกบอกว่าถูกต้องแล้ว)
☺ งั้นก็กลับไปสิ่งที่ควร คือภาพที่เห็นนั้นถูก แต่เรื่องในอดีตนั้นช่างมัน อดีตคืออดีต เราอยู่กับปัจจุบัน
สนใจแต่ว่าเราทำอย่างไรถึงจะได้วิมุตติสุข ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน
☺ เวลาของทุกคนมีไม่มาก เห็นไหมว่าชั่วเวลาหนึ่งก็หลายวัน จะเข้าวิสาขะ เป็นปีที่องค์พระศาสดาได้เสด็จดับขันธ์สู่พระปรินิพพานครบ 2522
ปีแล้ว
คนที่ 4 (การตัดนั้น ตัดที่ตรงใจหรือ ?)
☺ ใช่ แต่ต้องเข้าใจในเรื่องของจิตด้วยนะ ที่ว่าทุกอย่างสำคัญที่จิตเป็นตัวบุญเป็นตัวเจตนานั้น จิตที่เรามีอยู่เหมือนมีจิต 2
อย่างอยู่ในเรา คือจิตที่เป็นกุศล และจิตที่เป็นอกุศล เมื่อเราวุ่นวายใจขึ้นมานั้น จิตเราจะเถียงกันเอง สู้รบกันเอง
เราจะต้องรู้จิตของเราดีว่าฝ่ายใดมากน้อยกว่ากัน
คนที่ 5
☻ คนถือศีล จะให้คนนั้นลาศีล บาปไหม ?
☺ คนเขาถือศีลอยู่ แล้วมีคนอีกคนมาให้ลาศีล แล้วคนที่ถือศีลยอมลาด้วย ใครบาป ?
☻ (ตอบ คนที่มาบอกบาป)
☺ ถูก แล้วคนที่ลาศีลล่ะ ?
☻ (ตอบ บาปเบา)
☺ ยังไม่ถือว่าบาป แต่เป็นผู้ละทิ้งความดี
☻ คนต้องการพ้นทุกข์โดยการตัดขันธ์ 5 แล้วมีคนมาเพิ่มทุกข์ คนนั้นบาปไหม ?
☺ (ตอบ บาป)
คือคนนั้นตัดขันธ์ 5 ไม่ได้
☺ จำไว้นะ จะมีคนมาให้สอบ ลองทบทวนดู คนทำความดี ควรส่งเสริมให้เขาไปดียิ่งขึ้น ไม่ใช่ส่งให้เขาต่ำลง
ถ้าอยากต่ำลงก็ควรเป็นตัวของเขาเองที่ทำ
นำไปสอนนะ แสดงให้เขาเห็นว่าคนเรานั้น ถึงอย่างไรก็ยังเห็นแต่ตนด้วยความโลภอยู่
☻ (ถาม ถ้าสอนแล้วเขาไม่เชื่อ ?)
☺ ช่วยเท่าที่ทำได้ บุญ บาป มีประจำทุกคน (อาจฝืนไม่ได้)
คนที่ 6
☺ ตั้งปรารถนาไว้ ทำให้ได้นะ ความปรารถนาจะสมหวังด้วยการปฏิบัติอย่างจริงๆ ถ้าเราปรารถนาสิ่งใดแล้วเราไม่ทำ มันก็เป็นอยู่แค่ปรารถนา
มอง รู้ ให้ซึ้งถึงธรรมะ ธรรมะนั้นอยู่ที่เราจะพิจารณานำมาใช้
ยังจะต้องเจออุปสรรคไปอีกนาน จงดู จะเห็นอุปสรรคนั้นเป็นของปกติ แล้วจะแก้ไขได้
คนที่ 7
☺ พยายามเอาชนะใจตนเองให้ได้ และมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งที่ดีให้เกิดผล ตั้งใจที่จะต้องทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จ
อย่าเห็นแก่ความสบายที่เป็นโลกียวิสัย คนที่หนีทุกข์ก็อย่าได้หวงทุกข์เก็บไว้
คนที่ 8
☺ คนที่รู้มากแต่ไม่ปฏิบัติ หรือละเมิดการปฏิบัตินั้น ก็เหมือนกับคนที่ไม่รู้
คนที่ 9
☺ เราปรารถนาอะไร
☻ (ตอบ ปรารถนาพระนิพพาน)
☺ ปรารถนาพระนิพพาน ไปได้ไม่ยาก สำคัญที่จะสละ-ละจากกิเลสได้หรือไม่ ทำในธรรมะ
กับทุกคน
☺ เอาละ ทุกคนขอให้ทำโดยมั่นคง พึงสละขันธ์ 5 ธาตุ 4 และโลกสมบัติทั้งปวงอย่างจริงจัง อย่าหลอกตัวเองว่าทำแค่นั้นแค่นี่ดีแล้ว จงมุ่งรู้จักพอ
มุ่งละทิ้งความอยาก โทษในกิเลส โทษในอารมณ์ (ซึ่ง) มีแต่จะทำให้ต่ำลงๆ
☺ ผู้ใดปฏิบัติธรรมได้แจ่มแจ้ง ย่อมแจ้งแก่ผู้นั้น ฉะนั้น ขอให้ทุกคนจงมุ่งถึงการดับทุกข์สู่พระนิพพาน
((( โปรดติดตามตอนต่อไป )))
◄ll กลับสู่สารบัญ
webmaster - 26/3/11 at 13:08
91
(Update 26-3-54)
คำเทศน์ของ ท่านพรสวรรค์ ตอน 2
23 พฤษภาคม 2522
คนที่ 1 (ถามเรื่องเคราะห์ร้ายที่ผ่านไป)
☺ สิ่งนี้ คือความจริงที่ต้องเจอ ฉันว่าเก่งนะ ถ้าเป็นบางคนอาจจะคลั่ง ใช่ไหม ?
☻ (ถาม เป็นการถูกทดสอบหรือ ?)
☺ เออ อารมณ์จิตพุ่งสูงมาก บางอย่างฉันบอกไม่ให้เป็นก็ไม่ได้ มันก็เป็นไปตามขั้นตอน เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องประจำโลก
☺ คนเรา ถ้าหวังอะไรมากเกินไป ถ้าพลาดก็จะผิดหวังมาก จงเดินสายกลาง สิ่งใดถ้ามันจะเป็นก็เป็น ถ้ามันไม่เป็นก็ไม่เป็น ถ้ามันจะใช่ก็ใช่
อย่าไปสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยหลอกตัวเองว่าใช่ แล้วสิ่งที่เราสร้างมานั้นจะเป็นดาบ 2 คม คนที่จะเจ็บคือตัวเรา
คนที่ 2 (เมื่อใดจะหมดเคราะห์ ?)
☺ เรื่องนี้เราอย่าร้อนใจ เพราะมันเป็นธรรมดาของโลก อยู่ที่ใจเรา
15 มิถุนายน 2522
☻ (ถามถึงการปฏิบัติในการพิจารณา)
☺ (ขึ้นกับ) กำลังใจทั้งหมดนะ อย่าท้อมาก อย่าเสียใจมาก จะทำให้เราไม่กล้าที่จะเลือกทางพิจารณา
ให้ยึดหลักว่า วันใดเราพบทุกข์ พบปัญหา นำเหตุนั้นเข้าพิจารณา อย่างนี้จะลึกซึ้งกว่าไม่มีเหตุพิจารณา
☻ (ถาม บางทีลังเลว่าไม่ควรทำอย่างนี้ แต่อีกใจหนึ่งจะทำ)
☺ นี่ไงล่ะ ที่ว่าไม่หนักแน่นพอ ใคร่ครวญนะว่าอะไรเป็นธรรมที่แท้ อะไรเป็นธรรมที่หลอก อะไรเป็นเสมือนธรรม
ดูเหมือนธรรมแต่ไม่ใช่ เพราะเข้าข้างตัวเอง
คำว่า ไม่เป็นไร ไม่ควรใช้ เพราะบางทีพลาดไปนิดหนึ่ง เราก็มักจะคิดเข้าข้างตัวเองว่า นิดหนึ่งไม่เป็นไร
29 สิงหาคม 2522
คนที่ 1
☺ นินทา คือโลกธรรม ถ้านินทาหมายแปลว่าการวิจารณ์ที่ไม่ดี ถ้าวิจารณ์ความไม่ดี ความเลวของคนอื่น แล้วคนๆ
นั้นเป็นจริงอย่างที่วิจารณ์ควรรับฟังไหม ?
ที่จริงการนินทานั้น มีประโยชน์ต่อคนที่ถูกนินทา เพราะถ้าเป็นเรื่องไม่จริง ก็จะกลายเป็นครูทดสอบจิตเราว่าเราติดในโลกธรรมหรือไม่ ถ้าจริงตามที่เขานินทา
เราควรจะยอมรับพิจารณาตัวเองอย่างยิ่งว่า เรานั้นได้มีกระจงส่องตน
ฉันว่านินทาเป็นของดีกว่าสรรเสริญ สรรเสริญทำให้คนฟังลืมตน แต่การถูกนินทามันทำให้เรารู้สภาพ สภาวะที่การกระทำของเราได้ทำลงไปเป็นฉันใด
คงกระจ่างนะ สำหรับคนที่ยังขุ่นมัวอยู่ ทุกอย่างมีสิ่งดีและไม่ดี แต่ภายในสิ่งที่ไม่ดีนั้น เราอาจหาประโยชน์ได้มากทีเดียว ควรรับฟังนะเวลาเขานินทา
แต่อย่าไปร่วมนินทา
คนที่ 2
☺ ความสุขหรือความทุกข์นั้นอยู่ที่ตัวเรา ความล้มเหลวหรือความสำเร็จอยู่ที่ตัวเราเช่นกัน ถ้าเราทำอะไรผิดพลาดไป นั่นแหละ อย่าไปโทษสิ่งอื่นๆ
อยู่ที่ตัวเรา จงโทษตัวเรา เพราะเราเป็นผู้วางทางเดินสำหรับตัวเรา คนที่อยู่รอบข้างเป็นตัวประกอบเท่านั้น
เวลาเราทุกข์คนที่อยู่ใกล้เราจะทุกข์กับเราก็แสดงได้เพียงการร้องไห้
☺ จะพูด จะทำอะไร ตัดสินใจอะไร จงคิดไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อนแล้วจึงทำ การทำอะไรโดยใจอ่อนนั้นไม่มีผลดี
คนที่ 3 (จะสอนให้ตัดความโลภ ทำยังไง ?)
☺ เราจะสอนท่านเรื่องโลภนั้น คือความต้องการ อยากได้ ไม่เพียงพอ ใช่ไหม ?
แม้กระทั่งรักตัวเอง เราต้องพิจารณาให้เห็นว่าสิ่งที่เรารัก ยึดถือ นั้นถาวรไหม คงรูปไหม อยู่ได้ดีตลอดไปไหม
☺ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นเพราะสิ่งนั้นๆ มีกฎเกณฑ์ตามธรรมชาติ แม้แต่ตัวเราก็หนีทุกข์ไม่พ้น ต้องเกิด แก่ เก่า เจ็บ ชำรุด
และตายสลายพังไป
☺ เมื่อถึงตอนนี้ ย้อนดูว่าสิ่งนั้น อาจจะมีอายุมากกว่าเรา แต่เราจะมีสิทธิ์และครองสิทธิ์นั้น อย่างเก่งมากที่สุดก็ชั่วอายุคน
เราจะเห็นว่าเมื่อพลัดพรากจากสิ่งรักก็เป็นทุกข์ เมื่อพบประสบกับสิ่งรักก็เป็นทุกข์ ทุกข์ตรงไหน ทุกข์เพราะว่าเราพกและครอบครองอยู่เพราะรัก
ยึดไว้ก็กลัวว่าสิ่งนั้นจะเสียบ้าง จะหายบ้าง จะเสื่อมสภาพบ้าง จะมีใครมาแย่งชิงบ้าง ทุกข์ไหม เราล่ะทุกข์ไหม
☺ อย่าไปเหนื่อย ที่พูดว่าหน้าที่นะถูกแล้ว ทุกคนที่เกิดมาต้องมีหน้าที่ และทำหน้าที่ของแต่ละคน คนที่ไม่รู้จักหน้าที่ ไม่ทำหน้าที่
พวกนี้ถือว่าเกเร ต้องลงโทษ หน้าที่นั้นมีมาก อาทิเช่น หน้าที่บุตรต่อบุพการี เป็นต้น
12 ธันวาคม 2522
คนที่ 1 (ตอนนี้ปฏิบัติดีหรือยัง)
☺ การปฏิบัติ ต้องนำใจไปไว้ที่ใจ อย่าเอาใจไปผูกไว้กับเหตุอื่นๆ ที่ไม่แน่นอน อย่างสุภาษิตแนะไว้ว่า เรียนผูกต้องเรียนแก้ให้เป็น
☻ (ถาม ใช้ในกรณีไหน ?)
☺ ใช้ในเรื่องการพิจารณา คนจะมีอารมณ์ต่างๆ ทุกวันไม่เหมือนกัน บางวันอารมณ์หงุดหงิดโดยไม่มีสาเหตุ บางวันอารมณ์ดี เย็น เฉย
แล้วแต่กรณี ทุกคนเป็นเช่นนี้เพราะเราไม่ได้ใช้สติคุมอารมณ์ สติคุมอารมณ์ คือปล่อยอารมณ์ให้สบาย เฉย แล้วจะรู้ผ่อน รู้คลายในอารมณ์
การปรับตัวเป็นสิ่งสำคัญ
☺ การฝึก อย่าให้เครียด ให้หนักไปในด้านปัญญา ฉันว่าปัญญาตัวนี้แหละ จะทำให้พวกเราได้ถึงพระนิพพาน อย่าติดในฤทธิ์ อย่าติดในปาฏิหาริย์
อย่าติดในเทวดา
คนที่ 2 (ฝึกมโนมยิทธิ จะขึ้นพระนิพพานก็ไม่แน่ใจ)
☺ กำลังใจอ่อนไป รวมตัวยังไม่พอ พวกที่ฝึกไปได้แล้วบางคนมั่นใจน้อย ก็จะทำให้กำลังอ่อน ภาพที่ปรากฏก็จะไม่แจ่มใสชัดเจน
เหมือนเด็กนักเรียนที่เรียนธรรมดา แต่บังเอิญพยายามมาก เกิดสอบได้ที่ 1 แต่ตนนึกว่าเป็นโชคมากกว่า ไม่นึกถึงว่าเป็นความสามารถที่ตัวเองทำได้
☺ การฝึกมโนมยิทธินี้ไม่ใช้เวลานาน บางครั้งฝึกนานไปอารมณ์เครียดกลับจะไม่ได้เรื่อง อยู่ที่
1. ความบริสุทธิ์ของศีล 5
2. อารมณ์สบายๆ เท่านั้นสำหรับขั้นพระจุฬามุนี ถ้าถึงพระนิพพานต้องตัดโลภ โกรธ หลง ลงไป ความจริงการตั้งอารมณ์ไม่หนักหนาอะไรเลย
แค่อุปจารสมาธิก็ใช้ได้แล้ว
☻ (ถาม เกรงจะเครียด เลยฝึกให้น้อยลง ทำให้กำลังอ่อนใช่ไหม ?)
☺ อ่อนน่ะไม่เป็นไร นึกถึงการปรุงอาหารดูซิ อ่อนไปเราเติมได้ รสไม่จัดโทษก็น้อย รสแก่ไปซิแก้ยาก โทษก็มาก
คนที่ 3 (ฝึกธรรมไม่ได้ดี)
☺ มันเครียดไป ธรรมปฏิบัติถ้าจะให้มีผลต้องใจสบาย การปฏิบัติธรรมนี่นะ ปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ ไม่ให้ทุกข์ จิตก็สบาย แต่เธอปฏิบัติแล้วเป็นวิตก
แสดงว่าเธอปฏิบัติแล้วเป็นทุกข์
☺ อย่าเครียด จงดูพระพุทธประวัติ พระบรมศาสดาทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณตอนไหน ทรงอารมณ์อย่างไร ฉันภัตตาหารอีก ประทับบนกองฟาง สบายพอสมควร
จิตแจ่มใส ปัญญาดี นี่แหละ ท่านทรงเป็นครูในทุกด้าน หยิบมาพิจารณาเทียบดูซิ
☺ ของทุกอย่างมียืดหยุ่น ผ่อนตามกาลเวลาและโอกาส ดังที่ฉันเคยบอกไว้ในเรื่องการควร ไม่ควร คนถือศีล 8 ถ้าทำงาน แต่เขาให้หยุดกินอาหารตอนเที่ยง
เราไม่กินตอนนั้นก็ไม่บาป ที่พระองค์กำหนดไว้ให้กินก่อนชาวบ้าน ก็เพราะพระองค์เกรงว่าชาวบ้านเขาศรัทธา กรุณา มีเมตตานำอาหารมาเลี้ยง
แล้วยังทรมานให้เขานั่งปรนนิบัติจนท้องหิวนั้น ไม่สมควร และอีกประการหนึ่งคือ พระฉันใน 2 เวลา จะต้องฉันเช้าก่อนเพลาหนึ่ง ฉันเพลอีกที ช่วงจังหวะพอดี
ไม่เหมือนฆราวาส กินอาหารเช้าสายกว่าพระ เวลาก็ต้องคล้อยถัดไป
☻ (ถาม ตอนนี้ฝึกไม่ดี)
☺ กำลังใจอ่อน ใจมีกังวล บางครั้งเราปฏิบัติได้ดีเพราะนิวรณ์ต่างๆ กัน ทำเพราะหน้าที่โดยไม่มีใจนำพา การปฏิบัตินั้นก็ออกจะจืดๆ
☻ (ถาม บางทีก็เบื่อ)
☺ อย่าลืมว่าเธอยังเป็นคนอยู่นะ ความเบื่อต้องมีเป็นธรรมดา ร่างกายย่อมไม่ปกติเป็นธรรมดา
การปฏิบัติ การเหมือนอย่างเช่นเราเดินทางจากที่นี่ไปวัดท่าซุง ถ้าเราออกจากที่นี่หลายคน ต่างคนต่างเดินทางกันไป
ย่อมจะมีใจแข่งขันกันว่าถึงวัดใครจะได้กราบหลวงพ่อก่อน ในช่วงของการแข่งขันทางใจนี้ รู้ไหมว่ามีอะไรบ้าง วิตกเกิด วิจารเกิด กังวล เกิดกลัวต่างๆ โลภต่างๆ
เกิด แต่ถ้ามีชุดอื่นออกจากนี่ไปตามสบาย เขาก็ถึงวัดเหมือนกัน ใช่ไหม
กับทุกคน
☺ องค์สมเด็จพระประทีปแก้วเสด็จมาตรัสว่าพวกเธอในที่นี้ ไม่ต้องห่วงเรื่องพระนิพพาน จิตใจผูกพันกับธรรมะแล้วไปได้แน่นอน อย่าวิตกกังวล
ทรงประทานให้ฉันว่าการแทน จะให้ว่าอะไรก็บอกมานะ เรื่องการสอน
เอาของง่ายๆ หากินคล่องๆ ดีกว่า พรหมวิหารที่ฟังกันบ่อยมากนี่แหละ จะสอนในส่วนของฆราวาส
☺ ถ้าพูดถึงน้ำใจก็ต้องคิดถึงเมตตา ทุกคนในเบื้องแรกจะต้องมีใจอ่อนโยนถึงจะกลัวบาปรักบุญ เมื่อใจอ่อนโยนโอบอ้อมอารี ก็จะต้องเรียกว่ามีน้ำใจ
น้ำใจเป็นสิ่งประเสริฐ หายากสำหรับคนยุคนี้
เมื่อมีน้ำใจก็ต้องการแสดงน้ำใจ คือความกรุณาช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
ในส่วนของคนส่วนใหญ่จะแสดงน้ำใจก็ต่อเมื่อตนต้องขอสิ่งตอบหรือหวังอะไรสักอย่าง สิ่งนี้เป็นสิ่งยากที่จะสอนกัน แต่ต้องรู้ไว้อย่างหนึ่ง
คือคนใดมีน้ำใจต่อเราแล้ว อย่าทะนงว่าเขาเป็นเบี้ยล่าง ถือโอกาสใช้เขา นี่แหละ จะทำให้คุณค่าความดีในตัวเราถอยไป
☺ ทั้งเมตตาและกรุณานี้ เป็นส่วนใหญ่ๆ ของหลักอภัยทาน ใช่ไหม มีใครจะค้าน ?
จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะชำระใจเธอให้อ่อน หายกระด้างต่อความดี ที่สำคัญจริงๆ เป็นเรื่องของการอภัย
ต่อมาเป็นเรื่องของผลที่ได้ในการมีเมตตาและกรุณา คือการวางใจ 2 ประการ คือมุทิตาและอุเบกขา
มุทิตาเป็นการทรงอารมณ์ให้ใจเราไม่โลภ ไม่อิจฉาริษยาใคร ไม่ซ่อนความโกรธไว้ในใจโดยไม่รู้ตัว
อุเบกขา คือการวางใจให้ทรงอารมณ์รู้ รู้ในเหตุผล มีปัญญาไตร่ตรอง รู้ควรไม่ควรคือสติ ไม่ต้องบอกกันมาก เพราะพวกเราฟังมาชินหูทั้งนั้น ถ้าทรงอารมณ์ 2
อย่างหลังนี้ได้ ใจจะตัดความทุกข์ทั้งความเบื่อออก ใจจะทรงสติ มีสมาธิ มีปัญญา ผงไม่เข้าตา
ถ้าทำถึงแค่นี้แล้ว สักกายทิฐิตัดไป มานะล้างเสียอีกนิดหน่อยก็สบายเลย ฟังดูง่ายๆ นะ
☺ ขอเน้นเรื่อง น้ำใจ สิ่งใดที่เราจะช่วยใครได้ก็ควรทำ สิ่งไรที่เราจะสนองตอบใครได้ก็ควรทำ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม แต่มันมีค่ายิ่ง
เพราะว่าทุกคนที่เป็นคนมักจะดื้อ ขี้เกียจ ที่แนะให้ทำก็เพราะจะดับนิสัยไม่รู้จักการละ รู้จักการสละ รู้จักละโลภ ไม่เห็นแก่ตัว
การเห็นแก่ตัวเป็นทางตรงข้ามของการเห็นความตาย จริงไหม ? จุดนิดเดียวแต่มีค่าหลายอย่าง ทำให้ได้นะ
เพราะในชั้นนี้แล้วควรวางใจเข้าสู่จุดละเอียดในการปฏิบัติ
☺ ต่อไปนี้ เป็นการไล่ช้อนตะกอนออก
อีกประการนะ สิ่งใดที่เตือนเป็นรายบุคคลก็ดี ที่แล้วๆ มาก็ดี ท่านองค์อื่นๆ ได้สงเคราะห์ก็ดี ขอจงใช้ปัญญาพิจารณาให้รอบคอบ
เพื่อตัวผู้ที่ได้รับสงเคราะห์เอง อย่าใช้ทิฐิมานะ อย่าใช้ความดื้อ อย่าใช้ความคร้าน เหล่านี้จะทำตัวเธอให้ต่ำลง จงใช้สติ จงใช้ปัญญา
ถ้าไม่ใช้แสดงว่าไม่มีความเพียร สิ่งไรที่ท่านทั้งปวงได้กรุณามีเพียง 3 ครั้งเท่านั้น ถ้าทำไม่ได้ ถือว่า ใช้คำง่ายๆ นะ ซวยไป
คนเตือนเขาสบายไม่เดือดร้อน
ตัวดื้อ ตัวทิฐินี่ร้ายนัก ตัดช่องทางคนได้หลายคนแล้ว เวลาท่านสงเคราะห์จงคิดให้กว้างๆ คิดให้รอบคอบว่าที่ท่านพูดมานั้นหมายความว่าอย่างไร
เพราะสำนวนของทิพย์นั้นพูดสั้นๆ ตรงตัว ตามความหมายเท่านั้น
19 ธันวาคม 2522
คนที่ 1 (เรื่องการทำงาน)
☺ อย่าท้อถอยไปเลย งานทุกอย่างมีอุปสรรค งานทุกอย่างเหนื่อย นี่แหละทุกข์
แต่เราก็ต้องยินดีรับทุกข์เพราะเป็นหน้าที่ของคนที่จะต้องทำงาน ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องเกิด (อย่าเกิดซิ) จงควรสนุกกับงาน และมองเห็นเป็นธรรมดา
คนที่ 2 (การปฏิบัติธรรม)
☺ การที่จะปฏิบัติธรรม แล้วจะให้ละ สละต่ออุปสรรคทั้งปวงย่อมทำไม่ได้ในทันที เพราะแต่ละคนมีร่างกาย ขันธ์ 5 ธาตุ 4
กันต่างๆ อยู่
เรื่องของร่างกายนั้น พิจารณาละได้โดยให้รู้จักใช้ปัญญาข่มจิตใจ อารมณ์ ในด้านของขันธ์ 5 นั้น ต้องระลึกในสติอยู่ รู้ตัวในรูป สัญญา สังขาร วิญญาณ
ในเรื่องตัวของเรานี้ ถ้ามันเจ็บมันปวด พระพุทธองค์ตรัสไว้ในการปฏิบัติว่าให้ดำเนินสายกลาง คือ ต้องดูแลรักษาให้หาย จริงไหม เพื่ออะไร ?
เพื่อรักษาสติให้ครบ เมื่อสติครบ ความเวทนาต่างๆ จะค่อยบรรเทา
สัญญา เราทั้งหลายพยายามจะล้างออกไปโดยวิปัสสนา เจ็บต้องรักษา รักษาโดยหมอ ถ้าจะสร้างบ้านก็ต้องหาคนชำนาญ มีความรู้ในเรื่องนี้ นี่ก็เช่นกัน
การทำงานก็ดี การควบคุมในสภาวธรรมก็ดี จะต้องดูให้ถูกเรื่อง ให้เข้าเรื่องกัน
มาถึงเรื่องกรรม กรรมคือการกระทำที่ต่อเนื่องสัมพันธ์ ฉะนั้น จะว่าในเรื่องนี้แล้ว ยากที่จะรู้ละเอียด นอกจากทิพย์ (ทิพยจักขุญาณ)
ส่วนใดส่วนหนึ่งของผู้นั้นจะแจ่มใสกระจ่าง การที่พูดหรือทำกันอยู่บ่อยๆ ในเรื่องแก้กรรมนั้น ฉันยอมรับว่าชาติแต่ละชาติยังไม่มีผู้ใดแก้กรรมได้หมด
แต่วิธีที่ทำๆ กันอยู่เป็นการเลี่ยง เป็นการเห ทุกๆ อย่างมีอิทธิพลต่อเราทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราจะเลือกเอาอิทธิพลฝ่ายใด
เรื่องการดูดวงชะตาก็เหมือนกัน ถึงแม้จะไปสู่ที่ๆ ไม่มีดวงชะตาแล้วก็ตาม แต่สำหรับชุมชนทั้งปวงมีสิ่งนี้เป็นเกณฑ์ แต่ไม่ใช่บังคับ
☻ (ถาม เรื่องงานขัดกัน)
1. รอบคอบ
2. อย่าชุ่ย
3. สังเกต
4. อย่าลืมเลือน
5. สุขุมเวลาพูด
6. คิดก่อนทำ
7. อย่าทำโดยตัดสินใจคนเดียว
8. นึกถึงว่าเพื่อพระศาสนา
9. นำใจเขาใส่ใจเรา
☺ เท่านี้ เหตุปัจจัยมีอยู่เท่านี้
16 มกราคม 2523
☺ เรื่องกตัญญูกตเวทีนี้ สำคัญที่สุด นะ ไม่ใช่สำคัญมากเฉยๆ สิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อผู้มีกรุณาทั้งหลาย ควรทำอย่าให้ขาด ชั่วชีวิตของคนนั้นไม่ยาวเลย
ลองพิจารณาว่าวันแต่ละวันเราได้ทำอะไรที่เป็นบุญเป็นความดีและเป็นประโยชน์บ้าง วันๆ หนึ่งนั้นเร็วเหลือเกิน เวลากินชีวิตคน จำไว้ทุกคนนะ
19 มีนาคม 2523
คนที่ 1 (การปฏิบัติไม่ก้าวหน้า)
☺ สำคัญที่ใจนะ ทำใจให้อยู่ให้ครบในศีล 5 พรหมวิหาร 4 นี่จะทำให้สมาธิจิตเกิด เพียงเท่านั้นก็จะทำให้วิปัสสนาในเหตุการณ์ทุกอย่างมีได้
การฝึกไม่จำเป็นต้องหลับตาท่าเดียว ทุกลมหายใจเข้าออกของคนเรานั้นล้วนมีกรรมฐานทุกกองผสมอยู่ด้วยทั้งสิ้น
เมื่อสมาธิจิตดีแล้ว นิ่งแล้ว จะคิดใคร่ครวญหาเหตุผลต่างๆ ได้ตลอดทะลุปรุโปร่ง การฝึกไปพระนิพพานทางมโนมยิทธินี้ ให้ฝึกเพื่อให้จิตเกาะ ทำให้จิตมีกุศล
นึกถึงเวลาของการจะเข้าสู่ภาวะนั้น
คนที่ 2
☺ พิจารณาไว้เสมอนะ ว่าเรานั้นมีพระนิพพานเป็นที่ไป และจะต้องปฏิบัติธรรมให้ถึงซึ่งอรหัตผล และให้พระปัญญาบารมีที่มีมา
เป็นปัจจัยให้เธอได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานโดยปราศจากความทุกข์ อุปสรรคทั้งปวง
☻ (ถาม เรื่องการทำงานการกุศลที่ทำอยู่)
☺ แนวทางความตั้งใจจริงที่จะทำของพวกเธอนั้นเป็นสิ่งดีอย่างยิ่ง แต่ให้หลักสังเกตเป็นอนุสติสักนิดหนึ่งว่า
การทำงานนั้นจะต้องรอบคอบ จะต้องคิดเสียก่อนที่จะดำเนินงานหรือตัดสินใจอะไรลงไปว่าถูกหรือผิด อย่าลืมว่าทุกคนที่ยังเป็นคนอยู่นั้น ย่อมมีบุพกรรมมาเป็นนิสัย
ย่อมมีความบกพร่องของชีวิตเป็นลักษณะ
และประการหนึ่ง คือทุกคนที่เข้ามาฟังธรรมปฏิบัติธรรมนั้น เพื่อความหลุดพ้น ฉะนั้นแต่ละคนยังมีกิเลส ตัณหา อุปาทานอยู่ เข้ามาเพื่อล้างกิเลส
ไม่ใช่หมดกิเลสแล้วถึงมา ทั้งหมดนี้ควรอยู่ในดุลยพินิจ ในเรื่องของอภัยทาน ถ้าคนรู้จักการอภัย หรือมีทานด้วยน้ำใจแล้ว ทิฐิมานะจะน้อย
ทางที่จะตัดหรือสละละทิ้งในนิสัยโลกีย์ จะง่ายขึ้นมากสำหรับการปฏิบัติ จริงไหม
คนที่ 3 (จิตยังไม่ดีขึ้น)
จิตมันกร้าน รับเรื่องเข้ามาหลายเรื่อง จิตเลยแข็ง อารมณ์จะเฉยๆ เฉื่อยๆ อารมณ์ยังปิดอยู่ อยู่ที่ระยะเวลา
คน เวลามีเรื่องกังวลมาสู่ มักจะหวั่นไหวในระยะแรกๆ แต่พอเรื่องแต่ละเรื่องทยอยหรือประดังกันเข้ามาจะทำให้จิตนั้นชา เฉย อยากอยู่นิ่งๆ อยากอยู่เงียบๆ
คนเดียว นั่นเป็นอารมณ์ในระยะกลาง พอจิตหายชาหายกร้านแล้ว เรื่องทั้งหลายที่เป็นตะกอนในจิตอยู่จะแสดงผลด้วยความผิดหวัง ช่วงหลังนี้ต้องระวัง
เพราะอารมณ์จะหลุด กระทบง่าย ควรดับด้วยวิปัสสนา
คนที่ 4 (จิตมันแย่)
คนที่รู้ว่าจิตแกว่งไม่ดี คือคนมีสติ คนที่คิดว่าจิตดีนั่นแหละน่ากลัว ทุกคนควรทำใจให้ทรงพรหมวิหาร ควรอภัยในสิ่งที่ควรอภัย
ในเมื่อโกรธ เกลียด ไปแล้วไม่ก่อประโยชน์อันใดขึ้น ก็ควรเมตตา กรุณาช่วยเหลือ แนะนำในสิ่งที่ควรทำคือพูดเตือน หรือช่วยเหลือเท่าที่เราจะไม่เสียหาย
และทำไปแล้วต้องมีขอบเขต หนหนึ่ง หนสอง หนสาม ไม่มีสี่หรือห้า มุทิตา อันนี้ต้องระวังในเรื่องของทิฐิมานะ ในเรื่องของการพูด ต่อไปก็ในเรื่องของอุเบกขา
ควรทำใจให้สบาย วางอารมณ์ให้ปกติ ไม่รุ่มร้อนโดยตัวเองสุมไฟ
20 สิงหาคม 2523
☺ การปฏิบัติของพวกเรานะ ตอนหลังๆ นี้ชักเนือยๆ ท่านเทศน์ให้หลักไว้หลายประการ ก็ควรนำมาปฏิบัติได้ ทุกวันข้อสอบจิตมีอยู่มากมาย
บางคนในชั่วเพียงครึ่งวันที่ทรงกายอยู่ ยังไม่อาจรักษาสติให้ดีอยู่ได้ มีแต่เรื่องร้อนซึ่งเป็นเรื่องที่ห่วง หวงสังขารตนเองอยู่ ถ้ายังห่วง
หวงสังขารอยู่เช่นนี้แล้ว เมื่อใดล่ะที่จะสละได้ ยังรักตัวกลัวพรากอยู่เช่นนี้แหละ
☺ ทุกข์ก็รู้อยู่หมดสิ้นแล้ว เหตุของทุกข์ก็รู้อยู่หมดสิ้นแล้ว วิธีดับทุกข์ก็รู้อยู่ ไฉนจึงเป็นเยี่ยงนกแก้วนกขุนทอง ตั้งใจและเพียร
ขอให้ใจตัดจริงๆ
☺ รู้อยู่ว่าร่างต้องแก่ สภาพสังขารย่อมเป็นโรคภัยไข้เจ็บ ไม่แข็งแรง ร่างกายเป็นรังของโรคก็รู้อยู่ ความพลัดพรากเป็นธรรมดาก็รู้อยู่
ร่างกายไม่ใช่ของเราก็รู้อยู่ ในเมื่อของนี้ไม่ใช่ของเราแล้ว ร่างกายคนอื่น ทรัพย์สมบัติก็ไม่ใช่ของเรา รู้ทั้งนั้น เข้าใจทั้งนั้น แต่ก็ยังยึดอยู่
ไขว่คว้าอยู่ แล้วเลยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเดินทางไปไหน รู้อย่างทำอีกอย่าง จะเอาอะไรกันจ๊ะ หรือว่าจะคอยท่านปู่เลี้ยงพระ
(หมายเหตุ:- ท่านปู่พระอินทร์จะไปเกิดเพื่อเลี้ยงพระในสมัยพระศรีอาริยเมตไตรย์) ใครทำใครได้นะ จะมานั่งเสียใจ น้อยใจ
สร้างมานะอยู่ล่ะก็ ผลได้แก่ตัวเอง
☺ นี่ฟังมาจากสมเด็จปู่ใหญ่ ท่านให้มาเตือน การดู (หมายเหตุ:- ขึ้นไปดูข้างบน) นั้นควรดูให้เกิดประโยชน์
เมื่อรู้ถึงกรรมแล้วก็ให้อยู่แค่รู้ จงรู้เหตุ ข้อบกพร่องด้วย อย่าดูเฉยๆ ใช้ให้เป็น ไม่ใช่เป็นนักเรียนสอบบวกเลขได้แล้วนำมาประกอบอาชีพไม่เป็น
อารมณ์นั้นตัดไม่ยาก ถ้าจะตัดกันจริงๆ ก็ทำๆ กันอยู่ประเภทรักพี่เสียดายน้อง ทำกันให้ได้นะจ๊ะ อายุที่เข้า 50 ปีมีเวลาทำไม่ถึง 20 ปี
อายุที่ใกล้เข้ามายิ่งน้อยลงไปใหญ่ เวลามีน้อย ตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้
☺ จะคุยอะไรไหม ?
อย่างที่ว่าไว้ล่ะนะ บรรดาพี่ๆ น้องๆ หลานๆ ลูกๆ ถ้าคิดปรารถนาใช้กรรมในชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายล่ะก็ ก็จงพยายามทำความเพียรของจิตให้เข้มแข็ง
คนที่มีจิตร่าเริง จะเป็นผู้ที่หันมาทรงสมาธิปัญญาดีกว่าคนที่มีจิตเศร้าหมอง ฉะนั้น จิต ถ้าร้อนรุ่มกลุ้มใจ ให้คิดเป็นปกติในเรื่องของธรรมดาๆ โลกมนุษย์
และขอติงไว้ว่าคนทุกคนไม่มีใครดีที่สุด อย่าหวังอะไรกับคนให้มาก และส่วนดีของคนนั้นมีไม่เหมือนกัน เช่นส่วนดีของบางคนคือซื่อสัตย์สุจริต
แต่อาจจะปัญญาน้อย บางคนส่วนดีคือฉลาดเฉลียว แต่มักเอาเปรียบเป็นต้น ทุกคนมีจุดบกพร่องทั้งนั้น จงมองส่วนที่ว่าเขามีดีหรือเลวมากกว่ากัน
การเอาแต่ใจตัวนะ ระวังจะนำจิตตอนที่กายเรามาฝึกเพื่อจิตออกจากกาย พ้นกาย กลับกลายเป็นตรงกันข้าม
24 สิงหาคม 2523
☺ ฟังเทศน์ ฟังธรรมะกันหลายวาระจิตยังชิน ขอให้ตั้งใจแน่วแน่ที่จะเอาชนะกิเลสมาร ตั้งใจมั่นในธรรมะ
รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของปกติธรรมดาที่ทรงขันธ์อยู่ ขอให้ทำหน้าที่เป็นหน้าที่ (คือ) หน้าที่ของมนุษย์ที่มีต่อไป อย่าไปกังวลใจในเรื่องว่าจะขัดกับธรรมะ
กายสังขารนั้นเป็นอย่างหนึ่ง จิตเป็นอีกอย่างหนึ่ง แยกแยะออกมาให้กระจ่าง ตั้งตนให้พ้นจากทิฐิที่ครองใจอยู่นั้น คือตัวมานะที่ยังยึดอยู่
☺ ที่ท่านสอนไป อย่าได้ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา เห็นไหมว่าการมีกำลังใจที่เข้มแข็งนี้สำคัญทีเดียว ตัวอย่างมีมาก็พอสมควร ดูอย่างท่านหญิงวิภาวดี
การที่ถูกยิงนั้นเจ็บแค่ไหน กำลังใจเด็ดขาดอย่างไร นึกเอา ท่านพี่อ๋อย ท่านเป็นโรคที่ทรมานแค่ไหน ใช้กำลังใจอย่างไร ดูเอา แล้วพวกเราล่ะ
ไม่ใช่มีทุกข์นิดมีทุกข์หน่อยก็ร้องโอดโอย นี่เป็นความจริงที่ต้องเจอ อย่าได้หนีความจริง
อารมณ์ก็เช่นกัน อารมณ์เสียใจอาจจะหายเร็ว แต่อารมณ์น้อยใจจะหายช้า เพราะอารมณ์นั้นเป็นอารมณ์ที่ผูกตัวเองให้เกิดมานะ พยายามรู้กับอารมณ์ต่างๆ ด้วยสติ
การที่ฝึกให้รู้จักสำรวมมีประโยชน์กับจิตมาก คือจะช่วยให้คิดก่อนพูด คิดก่อนโวยวาย จงตั้งใจให้อยู่ในพรหมวิหาร 4 แล้วทุกอย่างจะง่ายเข้า
จุดมีอยู่อย่างเดียว คืออย่ายึด ถ้ายังยึดในตัวอยู่ ความรักตัวห่วงตัวกลัวลำบากกลัวตาย จะทำให้การปฏิบัติไม่ดีขึ้น
ถ้าพวกพี่ๆ น้องๆ ลูกๆ หลานๆ จะตั้งใจปฏิบัติให้มั่นๆ ก็นึกถึงพระราชประวัติขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว พระองค์ทรงผ่านชีวิตมานานัปการ
จงดำเนินรอยตามพระยุคลบาท
22 ตุลาคม 2523
(ปรารภ ไม่มีกำลังใจในการเรียน)
☺ ให้คิดไว้เสมอว่า เราเกิดมาเป็นคนต้องมีหน้าที่ ที่เป็นลูก เป็นลูกศิษย์ เป็นผู้ศึกษาหน้าที่ที่ต้องดูแลกรรม
ฐานะแห่งตน คือการประกอบการงาน หน้าที่ที่เรามีต่อส่วนรวม วงศาคณาญาติ หน้าที่ของครอบครัว เหล่านี้เป็นหน้าที่ของคนทุกคนผู้ที่ได้ปฏิบัติธรรมะ
พิจารณาในเรื่องสัจธรรม 4 คือ เกิด แก่ เจ็บ ตายก็ดี จะเป็นหน้าที่เหล่านี้ซ้ำซากจำเจ น่าเบื่อ ความเบื่อต่อหน้าที่ในปัจจุบันและอนาคตก็มีขึ้น
จะทำให้ไม่อยากไปเสียหมด จะทำเหมือนคนขี้เกียจแล้ว อย่างนี้
ลองพิจารณาทบทวนอีก ที่ว่าเรานั้นใช่คนรึ ถ้าเกียจคร้านเบื่อหน่ายในหน้าที่ เห็นกรรมว่าเป็นคนได้เกิดมาแล้วก็จงยอมรับกรรมนั้น
ที่ได้ร่วมเกิดมาโดยความเต็มใจและด้วยกำลังความสามารถเท่าที่อำนวย นี่แหละจึงเรียกได้ว่าธรรมะช่วยให้เราทำหน้าที่ที่ต้องเกิดมาเป็นคน
5 พฤศจิกายน 2523
คนที่ 1 (เจ็บป่วย พร้อมที่จะตาย)
☺ ถ้าคิดว่าจะตายก็ไม่ตายหรอก อย่าไปเวทนาตัวเองมาก ถ้าจิตคอยแต่จะเวทนา คอยแต่จะห่วงการเวทนานั้นอยู่
แสดงว่าจิตยังวนอยู่ที่ขันธ์ การอยากจากร่าง คือ เบื่อ ตัวนี้ ยังไม่ใช่อาการเบื่อของการไปพระนิพพาน แต่เป็นการเบื่อเพื่อหนีทุกขเวทนา
☻ (ปรารภ ช่วยตัวเองไม่ได้ก็รำคาญ)
☺ รำคาญทำไม ถ้ารำคาญมากๆ ความกลัว ความเวทนาจะกินใจ ให้จับอานาปาฯ เดินลม นึกเฝ้าพระพุทธครู หรือนำพระรูปใสที่เคยทำ
เข้าบรรจุในร่าง ใจ เมื่อตัดการพะวงเวทนาแล้วจะหาย และจะเป็นวิธีแยกจิต
คนที่ 2 (ถามเรื่องการปรารถนาพุทธภูมิ)
☺ ตามแต่ใจปรารถนา การปรารถนาพุทธภูมินั้น จะต้องมีความอดทนสูง เมตตาสูง อภัยสูง การจะดำเนินทางพุทธภูมินั้น
จะต้องรู้ว่าเราจะเป็นครูเขา จะต้องรู้ในชีวิตทุกอย่างให้คล่องจนที่สุด
กับทุกคน
☺ เทศน์ที่ท่านได้มาสอนไว้มีมากพอแล้ว พวกเราจะใคร่ครวญในคำสอนเหล่านั้น ต่อแต่นี้ไป การสอนจะน้อยลงเพราะถือว่าตำรามีอยู่ ใครรัก อยากได้ดี
ก็จงไขว่คว้ากันไป ถ้าไม่งั้นจะสอนกันไปก็ปาวๆ
☺ มีอยู่ระดับหนึ่งที่พวกเรายังปรับระดับจิตให้ง่ายเข้าไม่ได้ นั่นคือความรู้จักพอ อย่าใช้ฐานะที่ด้อยไปพึ่งพาฐานะที่ดีกว่า เกินคำว่า พอ
อย่าใช้วัยที่ด้อยไปพึ่งพาวัยที่มากกว่า เกินพอ อย่า เหล่านี้ ควรจะจำกัดในตัวเราเพื่อกันการเอาเปรียบ ซึ่งตัวนี้จะทำให้เราไม่รู้จักพอ จงใช้พุทธพจน์ว่า
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน มากที่สุด เราเกิดมาก็มีของที่เรามี เราเป็นอยู่แค่ตัวเรา อย่าไปเป็นบ่วงและเป็นห่วงล่ามเอาสิ่งต่างๆ เข้ามา
☺ ความจำเป็นในการดำรงชีวิต มีสิ่งที่จะต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน แต่คำนี้ก็จงใช้ให้พอดี ไม่ใช่อะไรๆ ก็เอาแต่ฐานะเข้าขู่
ไม่ใช่อะไรก็เอาวัยเข้าบังคับ ดำเนินทางธรรมนั้น ต้องใช้พิจารณาของจิตให้เกิดปัญญา อันนี้นะจะเป็นพื้นฐานของจิตให้จิตทรงอยู่ในมัชฌิมาปฏิปทา
แล้วการตัดหรือการสละ ละ สิ่งทั้งปวงจะกระทำได้ง่ายขึ้น ภาวะนี้นะ ขอให้พวกเราอย่าฟุ่มเฟือย ความขาดแคลนจะมีมา และอย่าเบียดเบียนกันเอง
☺ ท่านปู่กำชับมาว่า ขอให้ทุกคนทำตัวเป็นกลาง ปฏิบัติธรรมไป อย่าได้นำใจส่งไปให้เกิดความไม่สามัคคี นำใจส่งไป หมายความถึงว่าปากเป็นเหตุ (จง)
เอาปากไว้ที่ใจ อย่าเอาใจไว้ที่ปาก
25 มกราคม 2523
(เรื่องคนไข้มะเร็ง)
☺ ☺ การปฏิบัติธรรมะนั้น ย่อมมีผลกับผู้ปฏิบัติทุกคน ในเมื่อ (มุ่ง) พระนิพพานเป็นที่สุดแล้ว
จงทำจิตให้ผ่องแผ้วเพื่อทางที่ดีกว่านั้น สิ่งที่เป็น เป็นเรื่องของการรับสภาพกรรม
☺ ☺ ประการที่ 2 คือการได้ฝึกจิตเห็นสภาพทุกข์ และเวทนาที่ติดอยู่ในตน การจะทิ้งขันธ์ 5 นั้น เป็นเส้นผมบังภูเขา ถึงเวลาจริงๆ
ที่ได้รับทุกข์ใจ (ก็) ยังไม่วางเฉย เหล่านี้ ถือให้เป็นครูสอนใจ
☺ ☺ ธรรมะที่ปฏิบัติกันนั้น ก็รู้ว่าร่างกายเป็นยังไง ก็รู้อยู่ ฉะนั้นสิ่งที่เธอทั้งหลายได้ฟังได้ฝึก ได้เห็น ได้สัมผัส
ก็จงนำมาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด คนทุกคนจะมีจิตที่รักตนมากที่สุด จงมองตัวนี้ให้มากแล้วจะแยกแยะอะไรต่างๆ ในธรรมะได้
ขอให้ตั้งใจไว้เสมอว่าในตัวเราและตัวเขาไม่มีอะไรที่ถาวร เพราะสภาพเกิด ดับมีขึ้นตลอดเวลา
☺ ☺ ถึงอย่างไร ธรรมะที่มุ่งทางไว้ของผู้ปฏิบัติทุกคน ก็จักสัมฤทธิ์ผลในปัจจุบันสมัย
ดูซิว่าฉันใคร ?...... กุกุกสันโธ
18 พฤศจิกายน 2524
คนที่ 1 (เกิดอารมณ์เบื่อถึงที่สุด)
☺ นี่จะเป็นอารมณ์ที่ทนไม่ได้ ฉะนั้นต้องพักระยะให้อารมณ์ขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง
คือเมื่อมีอารมณ์เบื่อจนทนไม่ไหวแล้วจะทำให้สุดกลั้น จะขาดสติ จะต้องสร้างสติรองรับขึ้นมาว่า การเบื่อเช่นนี้ก็คือธรรมดาของคน เมื่อเป็นธรรมดาของคน
คนก็มีทุกข์อยู่เช่นนี้ ฉันก็ไม่ต้องรู้สึกเบื่อ อันนี้คือการสร้างอารมณ์อุเบกขา
☺ เมื่ออารมณ์อุเบกขาเข้ามาทรงใจให้รู้สึกเบาจากเครียด อารมณ์ที่คิดห่วงทั้งปวงจะหมดไป แล้วเราจะมีอารมณ์เบากว่าเก่าขึ้นนิดหนึ่ง
จงถอนหายใจให้ยาวที่สุดเหมือนการยกภาระออกไป อารมณ์ติดจะหมด อารมณ์เศร้าหรือหมดอาลัยตายอยากจะหาย คราวนี้เราก็จะไม่ห่วงในเรา
นี่คืออารมณ์ที่เสวยพระอรหัตภูมิ
☺ จุดมีอยู่นิดเดียว คือทุกคนจะมุ่งความเครียด คือเบื่อจนอยากหนี อยากตาย แต่นั่นไม่ช่วยอะไร ถ้าขืนตายตอนนั้นจริงๆ อารมณ์นี้เป็นอารมณ์ของทุกข์
จะยิ่งไปกันใหญ่ จำไว้เลยนะ ทุกคน
☻ (ถาม ค้นแล้วไม่พบว่าอารมณ์นี้เกิดจากอะไร)
☺ เบื่อ ให้อยู่ที่รู้ อย่าให้เบื่อกินใจ จิตของพระอรหันต์นั้น จำไว้เสมอว่าจิตทรงสมาธิอยู่ตลอดเวลาลมหายใจเข้าออก ฉะนั้น
แสดงว่าท่านต้องทรงสติตลอด สติของสมาธิคืออารมณ์อุเบกขา
☺ การมีอารมณ์อุเบกขาได้ ก็ต้องมีใจเป็นพรหมวิหาร 4 สมาธินี่สำคัญมากนะ ใช้เสมอ ไม่มีที่สิ้นสุด
☻ (ถาม วิธีกดอารมณ์โกรธ)
☺ อย่ากด ปล่อยไป แต่ปล่อยด้วยพิจารณา ปล่อยด้วยสติ ปล่อยโดยธรรม คิดว่า
1. ได้อะไร
2. ไม่แน่นอนสำหรับคน
3. เป็นปกติของคน
คนที่ 2
☺ เกิดเป็นคนยุ่งไหม ? ยุ่งนะ รอบตัวเราน่ะยุ่งไหม ? ยุ่งนะ ฉะนั้นก็อย่าไปยุ่งกับมัน
คนที่ 3
☺ การแต่งงานไม่ถือเป็นกิเลส กิเลสนั้นอยู่ที่ใจ การแต่งงานถือเป็นตัณหา ตัณหาอย่าแปลหยาบ ตัณหามี 2 อย่าง ภวตัณหา กับ
วิภวตัณหา รู้กันแล้วนี่ ไม่ต้องบอก
คนที่ 4
☺ กิเลสมีกี่อย่าง บวชภาษาอะไร เก็บลงหีบแล้วเรอะ กิเลส ตัณหา อุปาทาน เรียกว่าอะไร
☻ (ตอบ อวิชชา)
☺ เออ คนก็มีสามข้อนี่แหละ คือ อวิชชา อยู่ในโลภ โกรธ หลง อยู่ในกิเลส ตัณหา บอกแล้ว อุปาทานคือตัวแต่ง จะเกิดจากโลกธรรม 8
ราคะเล่า อยู่ในอะไร ? เป็นจริต ไม่มีราคะจริต คือจริตหมดราคะ
ฉันทะ คือความพอใจ ไม่มีฉันทะ คือ อะไรๆ ก็ได้
คนที่ 5
☺ ตั้งใจทำจิตให้นิ่งนานที่สุด ไม่ว่าเวลานั้นจะมีอะไร เมื่อไร
ใจนิ่งแล้วจงดูที่กาย มองให้เห็นเนื้อคือเนื้อ เห็นเนื้อคือซาก มองให้เห็นน้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง มองจนเห็นซากกระดูก แล้วเวลาใจจะมี (อาการ) เครียด
เพราะเกิดอาการอนาถ เมื่อนั้นให้รู้ว่านี้คือปกติของคน เป็นธรรมดาใจจะเบาขึ้น เมื่อเบาขึ้นให้รู้ว่าเราไม่ใช่เรา ภาวะจะสบาย เมื่อสบายแล้วให้หยุด
ทรงอารมณ์สมาธิเช่นนั้นให้นานที่สุด
ทำใจให้นิ่งนะ ใจนิ่งคล้ายคนหลับลึก แต่หูได้ยิน ทำให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ จับเวลาไว้ บางวันอาจจะ 5 นาที บางวันอาจจะครึ่งชั่วโมง
ถ้าวันใดทำแล้วใจนิ่งได้พักเดียวก็ให้เลิก อย่าฝืนเป็นอันขาด ถ้าฝืนจะไม่ดี ควรทำให้นานถึงชั่วโมงนะ
คนที่ 6 (พูดถึงพระพุทธเจ้า)
☺ คนเรานี่นะ พระพุทธเจ้าที่เคยพบ (มา) เคยถวายของพระองค์ท่านไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ แต่หาเข็ดในคนไม่ (คือการเกิดเป็นคน) หาดีได้ยากจริง
ถ้าหาดีก็อย่ามีข้อแม้ ทำดีไปเถอะ ทำดีแล้วอย่าวิตกวิจารณ์ พวกทำดีแล้วมาวิตกวิจารณ์ เขาเรียกว่าดีดิบ บุญจะได้ไหม ?
อยากจะเตือนพวกเราไว้สักหน่อย ไอ้เรื่องทิฐิมานะจงคลายลงเสียบ้างนะ อย่าได้ตั้งกำแพงกับตัวเองให้มาก ระวังกำแพงจะทับตัวตาย
20 พฤศจิกายน 2525
สอนเฉพาะคน
☺ อะไรไม่สำคัญเท่าใจ ถ้าจิตเราเป็นกุศลบริสุทธิ์แล้ว ลมปากก็คือลมที่พัดไปมา ทำอะไรเราไม่ได้
การปฏิบัติดีอยู่ เพียงที่ได้รู้มาเธอทำได้ถูกต้อง เว้นแต่ยังล้างกังวลไม่พอ ตัวนี้จะทำให้จิตขุ่นหมอง แคลงใจ ถ้าล้างตัวนี้ได้จะมีความกล้า
เมื่อกล้าจิตจะรู้เหตุผล รู้จักปัญญา ในที่สุดจิตจะรู้จักวางอารมณ์ และจิตจะมีความสงบ จุดนี้จุดเดียว ทำได้ง่ายมาก
◄ll กลับสู่สารบัญ
webmaster - 20/4/11 at 13:59
92
(Update 20-4-54)
คำเทศน์ของ ท่านเกศแก้วมณี
หมายเหตุ: - ท่านเกศแก้วมณี เป็นน้องท่านพรสวรรค์
ประทับทรงสอนเด็ก
☺ เราทำสิ่งใด ใคร่ครวญ รู้ในเหตุในผลสิ่งนั้น และเราจะรู้ผลสนองมีมาเมื่อไร นั่นแหละ คือกรรมสนองเรามา
ของทุกอย่างต้องมีเหตุ เหตุมาก่อน ผลจึงตามมาทีหลัง
เจ้าน่ะปรับปรุงตัวเสียใหม่ เราเป็นเช่นนี้ เรารู้ว่าความสุขความสบายเราไม่มี เราจะต้องปรับปรุง บังคับตัวเองให้ได้พ้นสิ่งที่เราเป็นทุกข์อยู่นี้
อย่าให้มันเกิดกับเราอีกในวันข้างหน้า เช่น เรามีทุกข์ในการวางตน การบังคับจิตใจ การบังคับกิริยามารยาท
ต่อไปเราจะเป็นผู้ใหญ่ เราจะต้องทำให้ถูกแบบ ถูกกาลถูกเทศะ ไม่ใช่ว่าเราเป็นอยู่เช่นนี้แล้วจะแก้ไขอะไรไม่ได้ การกระทำของเรา
ถ้าทำด้วยความเคยชินมันจะเป็นกิจประจำวันติดตัว และเราก็จะปฏิเสธว่าได้ละเลยต่อสิ่งนี้ไม่ได้เป็นอันขาด หรืออยากประสบเช่นนี้ตลอดไป
☺ ถ้าเราทำแต่สิ่งที่ถูก เราจะได้มีทางที่ดี มีอนาคตที่ดีกว่านี้ ถ้าเจ้าไม่อยากอยู่เช่นนี้ตลอดไป เราทุกคนอยู่ในธรรมะ
ก็เอาธรรมะนั้นเป็นหลักชัย ไม่ใช่ว่าเอาธรรมนั้นไว้ฟังพอมีเสียงเสนาะๆ ให้เอาธรรมนั้นครุ่นคิดในการตัดสินใจ ธรรมนั้นไม่เก่าไม่เชยเลย
ธรรมนั้นทันสมัยอยู่ทุกเวลาทุกกาล เป็นหลักประจำวัน และประจำของการเป็นมนุษย์
☺ สิ่งทั้งหลาย ควรฟัง ฟังแล้วไตร่ตรองว่านี่น่ะควรเชื่อหรือไม่ นี่น่ะจริงไหม นั่นน่ะปฏิบัติตามแล้วจะเจริญไหม ไม่ใช่ว่าฟังแล้วทำไปโดยไม่ไตร่ตรอง
ผู้นั้นแหละโง่ จำไว้
26 มีนาคม 2518
วันนี้ ฉันจะมาพูดเรื่องพุทธบริษัทของท่านพ่อ
☺ ตอนนี้ ระยะนี้ และอนาคต จะมีจำนวนร้อย เพราะฉะนั้นแต่ละคนที่เข้ามาก็ต่างจิตต่างใจ การอบรมจริตจะก้านไม่เหมือนกัน อาจมาแสวงบุญหรือตามเขามา
มาหาของดี หรือมาหาวัตถุก็แล้วแต่ใจ พวกบริษัทที่ใกล้ชิดแต่กาลก่อน ย่อมเป็นที่เพ่งเล็งของคนใหม่เป็นธรรมดา
ระยะนี้ หมู่นี้ ก็เดือดร้อนเรื่อยๆ บางเรื่องก็เสื่อมเสีย แล้วเสียไปถึงพระอริยเจ้า เพราะฉะนั้น วันนี้จะพูดหลายอย่าง
พวกที่ใกล้ชิด ควรวางเนื้อวางตัวให้เหมาะสม ใช้สติสัมปชัญญะพิจารณาอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ อะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด ต้องใช้ปัญญา
บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น อย่าลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ด้วยตัวเอง ดู ว่าสิ่งนั้นจริงไหม ใช่อย่างที่เขาว่าไหม
☺ เรื่องภายใน การทรงกระดานและการประทับทรง ก็พูดกันหนักแล้ว สิ่งใดภูมิใจ เป็นประโยชน์ก็อย่าหวั่นไหว
อย่าปิติจนออกนอกหน้านัก เก็บไว้ ไตร่ตรอง ไม่เอาไปพูดให้เป็นที่ติฉินนินทา
☺ จำไว้นะ ว่าคนมาหาท่านมีทุกประเภท ฉันไม่กลัวท่านจะเสีย แต่สงสารกลัวเขาเหล่านั้นจะกินถ่านแดงเข้า (หมายเหตุ:- กินถ่านแดงคือลงนรก)
☺ คนเราทุกคน ความดีมุ่งไปเถอะ คนที่มีใจละเอียดอ่อน ใจดี มีกุศล สุภาพ อ่อนไหว ใคร่ครวญ อย่านำไปสู่คนหยาบ กระด้าง เละเทะ
เพราะมันดึงกันไปหาเลวได้ง่าย คนดีจะดึงคนเลวเข้ามาหานั้นยาก คนมีระเบียบดึงไปหาความไม่มีระเบียบ ดึงง่าย คนไม่มีระเบียบดึงให้มีระเบียบ ดึงยาก
(ถาม ปฏิบัติ อุเบกขา ไม่ได้)
☺ คนเรา ถ้าไม่ลองพยายามที่จะทำ เท่าไหร่ๆ ก็ทำไม่เป็น คนเราที่ว่าสันดานอย่างนั้นอย่างนี้ตัดไม่ได้น่ะไม่จริงหรอก
ไม่ใช่สันดาน ความจริงมันไม่ทำ สันดานจริงๆ คือความดี ความไม่ดี มีเมตตาไหม มีกรุณาไหม โหดร้ายไหม นั่นสันดาน แต่ความเรียบร้อย ความหยาบคายนั้นไม่ใช่สันดาน
อย่าใช้คำว่า สันดาน พร่ำเพรื่อ อย่าขี้เกียจไม่ทำ การวางอุเบกขาคือ การไม่ยินดีในความสุข ไม่ยินดีในความทุกข์ ฯลฯ
16 กุมภาพันธ์ 2520
(ปรารภเรื่องมีคนตาย ทำให้ร้อนใจกันไปบ้าง)
☺ ร้อนกาย ร้อนใจ เอาน้ำธรรมเข้าลูบซิ
☺ ปัญญา เพียร ประดุจแสงธรรมที่กระจ่างแจ้งในจิต
☺ ความเพียรและวิริยะ ต้องมีคู่กับปัญญา จะเป็นน้ำทิพย์คอบประพรมความร้อน
☺ รู้จัดแจ้งก็เพียรพยายาม ทำให้สม่ำเสมอ
จิตของเธอทั้งหลาย ก็ประดุจถ่านที่มีสีแดงเพียงเรื่อๆ เท่านั้น กิเลสของเธอจะลุกขึ้นได้ด้วย 2 อย่าง
1. เชื้อ
2. ลม
แสดงว่าเบาแล้ว ไม่ใช่มีเชื้ออย่างเดียวลุกได้เลย
☺ เชื้อ คือมานะที่ยังตกค้าง
☺ ลม คือโลกธรรม
กองกิเลสทั้งปวงประดุจเสือ วิธีล่อหรือให้อาหารเสือ ประดุจสมาธิ กรงคือศีล เมื่อจับเสือเข้ากรงได้ เสียยังไม่สิ้นฤทธิ์ ทำไงจะฆ่าเสือได้ ?
☺ ปัญญา ปัญญาเท่านั้น ที่จะฆ่าเสือได้
ปัญญาตัวเดียว คำเดียวคงไม่กินความลึกซึ้ง
ปัญญาประกอบด้วยสติ รู้รับผิดชอบ รู้ภาวะ ยึดในความจริง และยึดในความเป็นธรรมดา ธรรมดาที่ต้องมีชุดของทุกข์ที่เป็นความจริง คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
อันเป็นของแน่นอนสำหรับเรา แต่ความเป็นมนุษย์ เป็นคนนี้ไม่แน่นอนสำหรับเรา
ของเหล่านี้เป็นสิ่งล่อลวง หลอกลวง หลอกหลอนใจให้กำเริบเสิบสาน มุ่งมั่นที่จะเอาชนะธรรมดา
หมั่นนะ หมั่นตรวจชำระล้างอุปาทาน ยึดถือ ถือมั่น มานะ ศักดิ์ มานะทิฐิออกให้หมด แล้วจะรู้สำนึกในหน้าที่ที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ปุถุชน
เกศ
ประทับทรงต่อ
☺ คนเราทุกคนนะ ร่างกายจิตใจแต่ละคนก็เป็นคนดีทั้งสิ้น เรื่องทุกข์โศกเป็นธรรมดา การอยู่เป็นคน
ชีวิตแต่ละคนเหมือนนิยายละคร ที่เกิดมาแล้วก็มีความทุกข์ ความเจ็บ พลัดพราก มีความรัก ความชอบ ความโกรธ และความเกลียด จนจบเรื่องมันก็ตาย
ฉะนั้นชีวิตแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน เพราะแต่ละคนเป็นผู้เขียน คือเราเป็นผู้สร้างกรรมดีและเลวขึ้นมา กรรมดี เลว จึงเป็นเนื้อเรื่องที่เราต้องแสดง
ซึ่งมีทั้งทุกข์ สุข
☺ บางคนก็ทุกข์จนตาย บางคนก็สุขจนตาย บางคนทุกข์และสุขปนกันไป แต่ละคนก็มีสมหวัง ไม่สมหวัง ดังนั้น เราเป็นผู้เขียน ก็ควรเขียนให้พบความสุข
ความสบายใจสบายกาย เพราะฉะนั้น กรรมที่ทำควรเป็นกรรมดี อย่าเดือดร้อน ร้องไห้เสียใจเมื่อเจอความทุกข์ เพราะความทุกข์เป็นธรรมดาของคน
☺ จงตั้งสติปัญญา สมาธิ ปฏิภาณไว้ต่อสู่กับความทุกข์ ประกอบด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหลักใหญ่ที่จะทำให้ประสบความสุขในเบื้องหน้า อย่าเอากิเลส
โลภะ โทสะ โมหะ มาก่อสุมเพลิงให้เกิดขึ้นในใจ เอาศีลเป็นผู้ปฏิบัติ สมาธิเป็นผู้วางแผน ปัญญาเป็นผู้ประคองให้เป็นเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงให้ชุ่มเย็น
☺ ชีวิตของคนก็มีอยู่เท่านี้ ไม่มากมายกว่านี้ เกิดมาก็มีเท่านี้ แล้วตายไป ไม่รู้กี่แสนปี กี่แสนชาติ จงเลือกทางเดินที่ถูก เราเป็นเด็ก
ยังมีทางมาก มีอุปสรรคมากทุกข์มากนัก จงเตรียมตัวเตรียมใจสู้ อย่ายอมแพ้ ยอมเสียน้ำตา
☺ ใครตั้งจุดไปทางไหนก็ให้แน่วแน่ อย่าแวะเวียน อย่าสองใจ ผิดมนุษย์นะมี 2 ใจ
คนเรา มันไม่ยอมรับความคิดของคนเสมอกัน ถ้าทำใจยอมรับได้ โดยเฉพาะจากผู้ใกล้ชิดเสมอเราทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิด้วย ผู้ใหญ่นั้น ถ้าจะให้เด็กตักเตือน
ก็มักเห็นว่าเป็นรุ่นน้อง ถ้าคนคราวเดียวกันเตือน ก็หาว่าเป็นการอวดตัวว่าเก่งกว่า คนเราเกิดมาเท่ากันก็ต้องรู้อะไรเท่าๆ กัน อย่างนี้
เมื่อไรจะได้ดีล่ะ
☺ ฉันชอบนะ ใครมานั่งตำหนิติเตียน ฉันชอบ แต่ไม่ใช่ติเตียนชาวบ้าน ติฉัน ฉันชอบ ชมฉัน ฉันจะเตะเอา อย่างน้อยสตางค์ในกระเป๋าก็จะหมดเอา
ฉีกบทให้ขาด อย่าให้เป็นบทหนังควาย ฉีกไม่ขาด
☺ คนเรา ก็เหมือนหุ่นกระบอก แขนขาเราใครสร้าง ? ก็พ่อแม่ แล้วตัวเรามาจากไหน ? ก็มาจากดิน น้ำ ลม ไฟ คนเรา ขันธ์ 5 ก็เหมือนหุ่น
เหมือนตัวละครตัวหนึ่ง จิตข้างใจเหมือนอทิสมานกาย อทิสมานกายเหมือนผู้แต่งบทละคร บทละครที่แต่งก็คือกรรมที่ทำมา
ผลที่ได้รับ ก่อนอื่น เกิดจากพ่อแม่ ถ้าเกิดมารูปชั่วตัวดำก็แสดงว่ากรรมไม่ดี เพราะทุกคนอยากเกิดมาหล่อ ตาไม่เหล่ ฟันไม่หลอ
แต่ทุกคนไม่ได้เช่นนั้นก็เพราะกรรม
☺ อทิสมานกายเขียนบทก็ซ้ำซาก ตาย แล้วเกิด แล้วตาย ชาติหนึ่งจะเกิดเป็นลูกเศรษฐีอินเดีย มีรถคันยาว นั่งสง่า มีคนขับ
อีกชาติเอาให้มันสมบุกสมบัน พ่อโดนฆ่าตาย พอไม่มีกินฆ่าแม่อีกคน ก็ไม่พ้นเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่รู้จักพอ
แถมมีรักอีก ริรักก็เสร็จ! รักก็ไม่รู้จักพอ เมื่อไม่รู้จักพอ ก็มีรัก รักเด่น รักเก่ง รักหญิง รักเงิน รักยศ ฯลฯ ตัวนี้แหละเป็นตัวจัญไรล่ะ
ทำไม่ถูกใจ เพราะรักมันจึงกลุ้ม ไม่มีเงิน กลุ้มเพราะรักเงิน พอรักแล้วไม่รู้พอ ได้ก็ทิ้ง ทิ้งแล้วก็เอาใหม่ ไม่รู้จักพอ
☺ คนเรา พอรวยเป็นอัครมหาเศรษฐีไม่พอ จะเป็นจักรพรรดิครองโลกอีก มีบ้านหลายหลังหลายฤดู เมื่อออกมาเป็นขอทาน ขี้ข้า เป็นบ้า บ้าก็ยังไม่พอ
ดูแล้วหนังเรื่องนี้ไม่น่าให้ตุ๊กตาทอง มันไม่มีบทประทับใจนะ ชอบเหรอ ได้บทจักรพรรดินี่
เห็นไหม ฉันบอกไว้วันนั้นแล้ว อยากเป็นเจ้าชายสวยๆ มีเจ้าหญิงผมทองมาติด ว่าไว้แต่วันนั้น เอาจริงนะ กลัวไม่ได้ตุ๊กตาทอง
☺ ด้วยอำนาจพระพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ และอานิสงส์ความดีทั้งหลายนี้
ขอจงประสิทธิ์ประสาทพระให้เธอทุกคนที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ บูชาพระรัตนตรัย ผู้มีคุณทั้งหลาย ความกตัญญูในพระพุทธเจ้า
ขอจงประสิทธิ์ประสาทให้เธอทั้งหลายเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย มีกำลังกายกำลังใจ มีความเจริญเป็นสุขในโลก และสุขในนิพพานเป็นที่สุด
29 มีนาคม 2522
☺ รูปกาย อายุคนเรานั้นไม่สำคัญสำหรับคุณความสามารถ หรือวัดสติปัญญาของคนเราได้ สิ่งที่วัดความสามารถของคนเรานั้น
อยู่ที่การปฏิบัติ ปฏิบัติต่อส่วนคน ส่วนงาน นั่นคือการกระทำ
บางคนอายุมาก ไม่รู้จริง ใช้ปัญญาน้อย ทำอะไรอย่างคนด้อยสติปัญญา จะว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้ เด็กนั้นไม่ใช่เด็กอยู่ที่อายุรูปกาย
บ้างมีปัญญาใช้สติ นั่นก็หมายถึงเด็กที่รู้รับผิดชอบในความผิด
☺ อันที่จะกล่าวมาว่าการใดเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ตามความหมายของผู้ใหญ่ คือการรู้ คิดบนสิ่งที่ควรกระทำ หรืองดเว้นการกระทำ ใช้ปัญญาให้มาก
นั่นแหละที่จะเรียกว่าผู้ใหญ่อย่างจริง ส่วนที่เรียกว่าเด็กนั้น หมายถึงเด็กเป็นผู้ใช้ปัญญาน้อย ไม่มีสติไตร่ตรองคิด พิจารณาว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ
จงนำข้อเหล่านี้ทบทวนดู
☺ สำหรับเธอ ผู้จะเป็นผู้ใหญ่ มีอายุ รูปกายแก่ขึ้นทุกวันๆ พวกเด็กนะ คนที่จะทำงานในวันข้างหน้าได้สำเร็จผลงานในชีวิต
ต้องเป็นผู้ที่รู้จักอะไรควร ไม่ควร รู้จักที่จะห้ามใจให้คิด ไม่ให้คิดในเรื่องไม่มีแก่นสาร รู้จักบังคับตนเองให้รู้ว่าอะไรควรเล่น ควรทำ
พระนั้น ท่านสอนแค่ 2 หน ท่านพูดสอนมามากแล้ว ไม่เชื่อถือ ก็ถือว่าเป็นพวกปทปรมะ พวกที่สอนไปแล้วไร้ประโยชน์จะสอนทำไม สู้เอาไปสอนในที่ๆ สาม
ไปสอนพวกบังพ้นน้ำยังจะมีอานิสงส์มหาศาลมากกว่า
15 มิถุนายน 2522
(มีคนปรารภว่าไม่อยากทำอะไรๆ แต่ต้องฝืนทำต่อไป)
☺ หน้าที่เกิดมาเป็นคน เราก็ต้องทำประโยชน์ ทำกิจการเพื่อเลี้ยงอัตภาพให้อยู่คงรูป มีความดี สะสมบุญ
นั่นแหละที่เราจะต้องยอมรับสภาพของคน ในเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไรได้ ตีโพยตีพายไปก็เท่านั้น ส่วนใจนั้นอย่าไปครองวิสัยโลก จงครองวิสัยธรรม
☺ ทุกๆ คนที่ยังไม่บรรลุสำเร็จเป็นพระอรหันต์เจ้านั้น ทุกคนไม่มีใครดี มีความเลวติดตัวทุกคน แล้วแต่ว่าคนใดเลวมากเลวน้อย เลวอย่างไม่มีกาลเทศะ
หรือว่าเลวเป็นครั้งๆ อันนี้แหละจงจำไว้ว่าอย่ามองอะไรข้ามตัวเราไป และสิ่งที่วัดตัวเราและคนทั่วๆ ไปนั้น คือความดี
ความดีที่ประจักษ์ชัดนี่แหละจะเห็นว่าเป็นคนดี-ไม่ดี วัดโดยเอาความดีกับความชั่ว มาประมาณดูว่าอะไรมากกว่ากัน แล้วจะทำให้เรารู้จักคน รู้จักวางตนมีเมตตา
☻ (ถาม หลวงพ่อเคยเตือนเรื่องระวังจะถูกหลอก)
☺เรารักอะไรมาก สิ่งนั้นจะบังตาให้เราไม่เห็นจุดบอด เรื่องรักนี่สำคัญนะ ท่านถึงมาเทศน์กันบ่อยๆ เพราะเรื่องนี้
บางทีรักมากทำให้ขาดสติ อาจจะเป็นรักตัวเองก็ได้
เรื่องของคนนี้ เกิดมาจนตายก็ศึกษาไม่จบ ฉะนั้น จงอย่าไปยุ่งกับเรื่องของคนของชาวบ้านเขามาก
◄ll กลับสู่สารบัญ
93
คำเทศน์ของ ท่านสังฆมุนี
(ท่านสังฆมุนี คือเทพที่ทรงรับการบูชาที่คนบูชาต่อพระพิฆเณศร์ ท่านผู้รู้อธิบายว่า เรื่องของพระพิฆเณศร์นั้นเป็นนิยาย
เพราะเทวดาเป็นทิพย์จะตัดหัวกันอย่างไรอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งบนสวรรค์ไม่มีสัตว์ มีแต่เทวดา จะเอาหัวช้างที่ไหนมาต่อ ท่านเป็นฝ่ายปัญญามาก
ใครมาบูชาหวังปัญญาท่านก็มาโปรดแทน)
23 กันยายน 2519
☺ปัญญาที่แหลมคม จะเกิดเมื่อมีสติและสมองปลอดโปร่งแจ่มใส
◄ll กลับสู่สารบัญ
94
คำเทศน์ของ ท่านวิสาขา
14 เมษายน 2515
ในโอกาสนี้ ขอเสริมส่งบุญกุศลอันประเสริฐสุด ที่ได้บำเพ็ญเพียร เพื่อวิริยะบารมีอันแรงกล้า
จงส่งผลบุญให้เธอทั้งปวงอยู่เป็นสุขกายใจ เย็นทั้งนอกทั้งใจ ไม่มีทุกข์มีแต่สุข พิบูลย์มงคล อุดมด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ทุกทิวาราตรี
มีแต่สามัคคีกันไม่มีภัยทั้งผองมารบกวน ทำสิ่งใดก็ประสบความสำเร็จโดยพลัน
◄ll กลับสู่สารบัญ
95
คำเทศน์ของ เจ้าพ่อหลักเมือง
5 มกราคม 2520
☺ ยุครัชกาลที่ 2 ถือว่าเป็นยุคที่ร่มเย็นเป็นสุข ไม่มีใครมากวนใจเท่าไร
เป็นยุคที่อารยธรรมเจริญทั้งศิลปะและศาสนาเฟื่องฟูยิ่งนัก เรากำลังจะสู่ยุคนี้แล้ว
พระบรมรูป อนุญาตให้คนบนปิดทองได้ทุกๆ พระองค์เกี่ยวกับชาติบ้านเมือง เช่น งานไหนที่จะทำเพื่อชาติ ศาสนา กษัตริย์ และยังติดขัดอยู่ หรือมีอุปสรรค
ก็ขอบนท่านได้ หรือผู้ที่ประสงค์จะรับราชการเพื่อความเจริญก้าวหน้า เพื่อช่วยชาติโดยธรรมก็บนได้
◄ll กลับสู่สารบัญ
96
คำเทศน์ของ ท่านหิรัญฮู
สอนเด็กหนุ่ม
☺ พวกเอ็งน่ะ ดีๆ ทั้งนั้น เมื่อก่อนอยู่โรงเรียน (วชิราวุธ) ทำเลวไว้มากไม่เกรงใจกูบ้างเลย ทำอย่างเลอะเทอะ
โดยเฉพาะสองสามตัวนี่นะ ลบหลู่สถานศึกษาเหมือนกับพวกเอ็งยืนอยู่บนกระบาลกู
สถานที่เรียน ต้องให้ความเคารพ ไม่ใช่มานั่งสูบบุหรี่ กินเหล้า เมายาเหมือนหนึ่งว่าเป็นที่ต่ำช้าเสียเหลือเกิน
ท่านสั่งข้ามาบอกให้ว่าพวกเอ็ง ถ้าไม่ใช่ลูกท่านหลานเธอ ข้าว่าไม่เจริญเท่านี้หรอก
แต่นี่กรรมดีมีมาช่วยส่ง ที่มาบอกนี้ไม่ใช่ว่ามาทวงบุญคุณใคร แต่ให้รู้สึกสำนึกตัวบ้างว่า เรานั้นไม่ใช่จะขออะไรให้ได้ดังใจง่ายๆ เป็น (เจ็บขา)
แค่นี้ก็บุญโข
ให้สำนึกไว้บ้างว่า กรรมเลว เราทำอะไรไว้บ้าง กรรมดีไม่ต้องบอกเอ็งก็จำได้
แล้วก็ชอบบ่นว่า ทำดีไม่เห็นกรรมดีบ้างเลย แต่เอ็งคงลืมนึกถึงความเลวที่ทำมาสิ สำนึกไว้เสียบ้าง ฟังก็ใส่ใจไว้เสมอ
27 ตุลาคม 2518
ประทับทรง
☺เมื่อคนเราเจอความทุกข์เท่ากับเจอธรรมะ มีสตินึกถึงที่ทำมา ถูกหรือผิดอย่างไรคิดขึ้นได้ ตัดสินใจได้ คิดว่าถ้าไม่มีการเริ่ม ก็ไม่มีสิ้นสุด
☺เมื่ออยู่โรงเรียนสมัยที่เป็นนักเรียนในการดูแลของใครๆ เธอเป็นนักเรียนเต็มที่หรือเปล่า ไม่เป็นใช่ไหม นั่น เธอฆ่าตัวเอง
ได้วิชาความรู้จากโรงเรียนหรือ ?
☻ (ตอบ ไม่ได้)
☺เพราะอะไร เพราะหวังให้คนอื่นช่วย เท่ากับฆ่าตัวเองทางอ้อม เมื่อสอบแข่งขันจึงสำนึกวิชาเราไม่มี เราฆ่าตัวมาเกือบตลอด
10 ปี เรียนก็ไม่เก่ง สอบก็ให้คนอื่นช่วย ทำการบ้านเพื่อนเราเก่ง สิ่งนั้นเป็นฆาตกรรม ขณะที่ทำไม่รู้ คิดได้เมื่อสาย
เธอจำความผิดของเธอไว้เป็นบทเรียนหรือเปล่า
เข็ดในความผิดเสียใจที่กระทำมา ละทิ้งเสีย อย่าไปทำ ตั้งต้นใหม่ในสิ่งดี ไม่มีใครช่วยได้ในเวลาที่สอบ นอกจากตัวเอง ตั้งหน้าบากบั่นขยันทำงาน
จำอุทาหรณ์ที่เกิดกับเธอเองไว้เป็นครูสอน ให้เธอได้เข็ดในสิ่งที่ผ่านมา เธอยังต้องฝ่าฟันอีกมาก ชินชาต่อมัน มีสติตั้งมั่น
สมัยเธอเป็นหัวหน้า (นักเรียน) ได้ทำตัวสมคำว่าหัวหน้าหรือ สมกับที่ปฏิญาณไว้ต่อหน้าพระพุทธรูป พระบรมรูปเป็นสำคัญหรือ ? พวกเธอทั้งหลายทำได้งาม!
ฉันนอนอยู่นั่นกระโดดไปเหยียบหยามฉัน เจ้าหิรัญฮูไม่เป็นประโยชน์ อยากทำอะไร ทำไปตามอำเภอใจ ฉันไม่ว่า แต่ทำแล้วสบายใจดีรึ ?
ไม่สุขกายสบายใจ ตั้งตัวใหม่ รู้โทษ รู้สำนึก ขอโทษ ขอขมากรรมที่เราทำมาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขออโหสิกรรม กรรมดีที่เราได้ทำมาแต่อดีต
ประโยชน์ที่มีแก่เราเท่าไร ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่ท่านทั้งหลาย ขอให้ท่านทั้งหลายอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วย ทำอย่างนี้ทุกคืน
เพราะที่นั่นเป็นที่ควรแก่การเคารพ โดยเฉพาะ ร.6 และองค์พระมนู และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเป็นบริวาร
เธอก็รู้แล้วว่าฉันอยู่กับเธอ ตั้งใจให้มั่น ความผิดที่แล้วๆ มาให้เอาเป็นครู อย่าให้ผิดอีก คนเราดี ต้องดีด้วยกาย วาจา ใจ ทำอะไรต้องทำด้วยความเคารพ
อย่าแสดงท่าเบื่อหน่าย ไม่งั้นท่านที่มาก็เผ่นเหมือนกัน เผ่นเพราะกลัวเรา กลัวว่าเดี๋ยวนายบัญชีท่านจะมาจด จะเป็นบาปกับเราเอง
16 กรกฎาคม 2518
สอนเด็กหนุ่มคนเดียวกัน
☺ ข้าอยากสอนเอ็งเป็นบางเรื่อง
☺ตราบเท่าทุกวันนี้ เอ็งกูมุ่งมั่นในส่วนดีอยู่หรอก วันบางวันอาจจะมีศรัทธา กุศลแรง บางวันศรัทธามีน้อยตามอารมณ์ ฉะนั้น เอ็งทำอะไรก็ควรมีความคิด
เช่น การฟังครั้งนี้ก็ขอให้ฟังให้ได้ประโยชน์ อย่าให้เสียเปล่า คนอื่นๆ ซึ่งเป็นคนนอก อย่าให้เขาเสื่อมศรัทธาได้
คนเราถ้าเข้ามาทางดีแล้วยังไม่คงไว้ในความดี นับวันมีแต่จะปรามาส ด่าทอด้วยความเสียใจแล้ว ก็ขึ้นชื่อว่าผู้นั้นเอาดีไว้ไม่ได้
เข้าหาธรรม ก็ให้รู้ว่าความดี คนดี คืออะไร คนไม่ใช่คนอ่อนแอ ข้าไม่ไล่จับเอ็งหรอกนะ ถ้ามาหาดีแล้วเอาดีไม่ได้ก็ให้มันเสียชาติเกิด
ถ้าคิดว่าการทำบุญเป็นสิ่งเสียเวลาเปล่า อย่าทำให้เสียดายเงินเลย
ประการหนึ่ง ข้าอยากให้เอ็งแบ่งว่าอะไรเป็นอะไร อะไรเป็นส่วนดีของเอ็ง อะไรเป็นส่วนเสีย อะไรเป็นเรื่องควรทำ
อะไรเป็นเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง
◄ll กลับสู่สารบัญ
webmaster - 1/5/11 at 13:31
97
คำเทศน์ของ ท่านพ่อหมอ
(ท่านพ่อหมอมีพระนามว่า ท่านโกระภัจจ์ เป็นลูกของท่านโกมารภัจจ์ ท่านได้มาสอนวิธีรักษาโดยทางจิตให้แก่เด็กหนุ่มของเราคนหนึ่ง)
12 ตุลาคม 2518
อยากให้อธิษฐานพระ คนเราน่ะ เรื่องเวรกรรม การจองกันถ้าอโหสิกรรมให้กันและกันแล้ว ความสะดวกในเรื่องการทำบุญจะดียิ่งขึ้น
ถ้าคากันไปผลัดไปก่อน ก็เป็นอุปสรรคอยู่ตลอดไป