"บทความ" จาก..หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม 4 (ตอน 1 )
puy - 15/9/10 at 10:19
ลูกศิษย์บันทึก เล่ม๔
...ในหนังสือเล่มนี้มีภาพเหตุการณ์หลังจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ มรณภาพได้เพียงวันเดียว คือหลวงพ่อมรณภาพเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม
2535 แล้วอัญเชิญจากโรงพยาบาลศิริราชมาที่วิหารแก้วร้อยเมตร
วันรุ่งขึ้นคือ วันที่ 31 ตุลาคม 2535 จึงได้จัดขบวนแห่เคลื่อนย้ายศพของท่านออกจากพระวิหารร้อยเมตร เพื่ออัญเชิญไปจัดงานพิธีสรงน้ำและบำเพ็ญกุศลที่ศาลา 12
ไร่ นับเป็นเวลา 100 วัน ซึ่งได้บันทึกเหตุการณ์ไว้อย่างละเอียด โดยท่าน ศ.ดร.ปริญญา นุตาลัย และคณะ พร้อมกับพิมพ์ภาพประกอบลงในหนังสือ
ซึ่งในขณะนั้นกำลังจัดพิมพ์หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๔ พอดี
ซึ่งพระมหาเถระหลายรูปที่เคยเดินทางไปในคราวนั้น ท่านได้มรณภาพไปแล้วหลายรูป เช่น หลวงปู่บุดดา ถาวโร เป็นต้น ท่านได้มาร่วมงานบำเพ็ญกุศลครบ 100
วันเท่านั้น
หลังจากนั้นท่านก็ได้อาพาธที่โรงพยาบาลศิริราชแล้วได้มรณภาพไปในที่สุด เหตุการณ์เหล่านี้เป็นความทรงจำที่ผ่านมานาน 18 ปีแล้ว
ทีมงานเวปวัดท่าซุงจึงได้นำมาย้อน เพื่อเป็นการรำลึกถึงท่านอีกครั้งหนึ่ง.
สารบัญ
01. ประมวลงานพิธีบำเพ็ญกุศลถวาย พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ มรณภาพ
02. การบำเพ็ญกุศล "สัตตมวาร" (ทำบุญครบ ๗ วัน)
03. การบำเพ็ญกุศล "ปัญญาสมวาร" (ทำบุญครบ ๕๐ วัน)
04. การบำเพ็ญกุศล "สตมวาร" (ทำบุญครบ ๑๐๐ วัน)
05. "ขบวนรถเที่ยวสุดท้าย" โดย..พระชัยวัฒน์ อชิโต
06. "ขบวนรถเที่ยวสุดท้าย (ตอนที่ 2 )" โดย..พระชัยวัฒน์ อชิโต
07. "ขบวนรถเที่ยวสุดท้าย (ตอนที่ 3 )" โดย..พระชัยวัฒน์ อชิโต
08. "พระพงษ์ศักดิ์ คัมภีรธัมโม"
09. "พระเกรียงศักดิ์ ปภากโร"
10. "พระชลอ โฆสธัมโม"
11. "แป้งร่ำ บัวเผือก"
12. "พวง เทียนน้อย"
13. "อัญเชิญ มณีจักร"
14. "นิภา คงสุข"
15. "มัชฌิมา เดชะวรรธนะ"
16. "อุบาสิกา ชาตรี ทาประสิทธิ์"
17. "อุบาสิกา สุรินทร์ สาระยิ่ง"
18. "วิมาลี ศิรประภาชัย"
19. "สมชาย (มานพ) แช่มเดช"
20. "วิวัฒน์ เดชสาหร่าย"
21. "พัฒน์ สันทัด"
22. "แพทย์หญิงวัชรี หิรัญยูปกรณ์"
23. "จ.ส.อ.ณรงค์ ระวีวรรณ"
24. "วัฒนา ชีรานนท์"
ประมวลภาพงานพิธีบำเพ็ญกุศล "สตมวาร" (ทำบุญ ๑๐๐ วัน)
ถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ณ ศาลา ๑๒ ไร่
วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖
เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ
วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖
เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุทธชินวงค์ วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม
มาเป็นองค์ประธานในพิธี และแสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์
หลวงปู่บุดดา ถาวโร มาร่วมพิธีและรับสังฆทานจากลูกหลาน นานนับชั่วโมง
วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖
เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา มาเป็นองค์ประธานในพิธี
เจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์มาร่วมงาน และแสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์
พระมหาเถรานุเถระนำขบวนแห่
วงโยธวาทิตจากคณะนักเรียน โรงเรียนพระสุธรรมฯ นำกระบวนแห่
กระบวนแห่ของศิษย์คณะแต่ละภาค
ขบวนศิษย์จากจังหวัดต่างๆ
มีทั้งภาคกลาง, ภาคเหนือ, ภาคใต้, ภาคอีสาน, ภาคตะวันออก, ภาคตะวันตก
puy - 15/9/10 at 10:24
ขบวนแต่งกายชุดนางฟ้า และเทวดา อัญเชิญเสลี่งพระพุทธรูป
พระธรรม พระสงฆ์ และรูปพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
ขบวนอัญเชิญตราตั้ง พัดยศ รถพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
และขบวนพระเถรานุเถระ นำโดยท่านเจ้าคุณพระธรรมราชานุวัตร
ขบวนพระเถรานุเถระ และท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี นายสุดจิต นิมิตกุล
นำขบวนข้าราชการของจังหวัด
กระบวนแห่เข้าสู่บริเวณมหาวิหาร ๑๐๐ เมตร
คณะศิษย์ยืนตั้งแถวรับกระบวนแห่
พิธีภายในมหาวิหารแก้ว ๑๐๐ เมตร
เจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์เทศน์หน้าศพ พระสงฆ์ ๑๐ รูป สวดรับเทศน์
ถวายจตุปัจจัยไทยทานและทอดผ้าบังสุกุล
ถวายธูปแพเทียนแพ ดอกบัวเงิน ดอกบัวทองบูชาพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
และถวายปัจจัยแด่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
บุษบกจัดทำโดยคณะศิษย์ เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
◄ll กลับสู่สารบัญ
1
ประมวลงานพิธีบำเพ็ญกุศล
ถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม 2535
เวลา 14.17 น. อัญเชิญศพพระเดชพระคุณหลวงพ่อจากมหาวิหาร 100 เมตร ไปยังศาลา 12 ไร่
โดยมีวงโยธวาทิตของโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยานำขบวน ตามด้วยคณะพระสงฆ์วัดท่าซุง
อัญเชิญพระพุทธรูป ตู้พระอภิธรรม รูปเหมือนพระเดชพระคุณหลวงพ่อ พร้อมด้วยพัดยศและตราตั้งของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ถัดจากนั้นจึงเป็นขบวนพระชักศพ
นำโดยท่านพระครูอุทัยคณาภิรักษ์ รองเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี และพระครูอุทัยธรรมโกศล เจ้าคณะอำเภอเมือง พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์วัดท่าซุง
ศพของหลวงพ่อได้อัญเชิญขึ้นรถฟอร์ดแวนสีน้ำเงิน ถวายโดย คุณสุภรณ์ ลีละยุทธโยธิน รถประดับตกแต่งด้วยดอกไม้อย่างสวยงาม ขบวนแห่ออกจากมหาวิหาร 100
เมตร เคลื่อนออกสู่ถนนใหญ่ (ถนนอุทัย-มโนรมย์) ผ่านโรงพยาบาลแม่และเด็กวัดท่าซุง ผ่านทางเข้าพระจุฬามณี ผ่านทางเข้าศาลา 2 ไร่, 3 ไร่
และเลี้ยวเข้าทางเข้าศาลา 12 ไร่ เมื่อหัวขบวนไปถึงอาสนสงฆ์หน้าพระประธาน รถที่อัญเชิญศพของพระเดชพระคุณหลวงพ่อจอดเทียบใกล้บันไดทางขึ้น
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่จัดสถานที่สำหรับสรงน้ำศพหลวงพ่อ จัดแท่นสำหรับศพพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ประดับดอกไม้สดอย่างวิจิตรงดงามอหลังจากนั้น
เจ้าหน้าที่ได้อัญเชิญศพพระเดชพระคุณหลวงพ่อขึ้นบนแท่นเรียบร้อย วันนี้ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ
จะมาเป็นประธานในพิธีสรงน้ำศพพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
ในช่วงเวลาที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ยังมาไม่ถึงนั้น คุณนภดล (เอี้ยง) ได้อาราธนานิมนต์พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ
เจ้าอาวาสวัดท่าซุง และ พระปลัดวิรัช โอภาโส ให้เล่าเรื่องและเหตุการณ์ต่าง ๆ
ตั้งแต่ก่อนหลวงพ่อเข้าโรงพยาบาลและจนหลวงพ่อมรณภาพ
ในวันเดียวกันนั้น เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา ได้โปรดเมตตาให้ ท่านเจ้าคุณโสภณศีลวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพลับพลาชัย มาช่วยตกแต่งสถานที่ ท่านกำชับว่าขอให้ตกแต่งให้สมเกียรติ
ซึ่งท่านเจ้าคุณพร้อมด้วยคณะของท่านได้ช่วยกันตกแต่งประดับประดาบริเวณพิธีทั้งหมดด้วยผ้าสีขาว-เหลือง ทั้งในศาลา 12 ไร่ และด้านหน้าศาลา 12 ไร่
อีกทั้งสองข้างทางถนนทางเข้าศาลา 12 ไร่ด้วย ทั้งกลางวันและกลางคืน และเจ้าประคุณสมเด็จฯ วัดสามพระยา ยังมีเถรบัญชาให้ท่านเจ้าคุณพระอุดรคณารักษ์ วัดพระเชตุพนฯ ติดต่อกับทางสำนักพระราชวังเรื่องน้ำสรงศพ
และวันเดียวกันนี้ พระเถารานุเถระจากกรุงเทพฯ เดินทางมาเคารพศพหลวงพ่อ มี ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม
ท่านเจ้าคุณพระธรรมราชานุวัตร เจ้าคณะภาค 3 วัดพระเชตุพนฯ หรือที่พวกเรารู้จักกันในนามว่า หลวงเตี่ย ท่านเจ้าคุณพระเทพมุนี รองเจ้าคณะภาค 3 วัดบพิตรพิมุข
ท่านเจ้าคุณพระราชปริยัติโมลี วัดชนะสงคราม พระครูวิมลจริยาภรณ์ พระเลขาของเจ้าคณะภาค 3 และหลวงพี่มหาดำ (พระมหาสันติ สันติญาโณ) วัดสุวรรณคีรี
พระครูพิศาลวุฒิธรรม วัดดาวดึงษาราม (หรือพระมหาเวก น้องชายของหลวงพ่อ)
เวลา 16.30 น . เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ เดินทางมาถึง
พระผู้ใหญ่และพระสงฆ์วัดท่าซุงยืนเข้าแถวต้อนรับ ท่านขึ้นไปกราบพระประธานและกราบศพหลวงพ่อ นั่งพิจารณาหลวงพ่ออยู่พักหนึ่ง สังเกตเห็นสีหน้าท่านเศร้าสลดมาก
สักครู่หนึ่งท่านลงมายังที่รับแขกและสนทนากับพระครูปลัดอนันต์ พระปลัดวิรัช และพระอาจินต์
ท่านแนะนำว่า งานบางอย่าง ที่หลวงพ่อเคยจัดทำมาก่อน ก็ควรจัดต่อไป เช่น งานประจำปี หลวงพ่อเคยจัดมาทุกปีอย่างไร
ก็ควรจัดอย่างนั้นต่อไปนะ พระครูปลัดอนันต์และพระปลัดวิรัชก็รับคำท่าน
เจ้าประคุณสมเด็จฯ พูดให้ฟังอีกว่า ผมกับหลวงพ่อมีความคุ้นเคยกันดี หลวงพ่อมีอะไรก็มักจะเล่าให้ผมฟัง
และผมรู้สึกคุ้นเคยกับพวกท่าน พวกท่านมีอะไรก็โทรไปปรึกษาผมได้โดยตรง ไม่ต้องเกรงใจนะ ท่านพระครูปลัดอนันต์ และพระปลัดวิรัชกราบขอบคุณท่าน
เมื่อสนทนากับเจ้าประคุณสมเด็จฯ อยู่สักพักหนึ่ง จึงอาราธนาท่านสรงน้ำศพหลวงพ่อ พระสมปอง สุธัมมสันตจิตโต น้อมถวายน้ำอบให้ท่าน สมเด็จ ฯ
รับน้ำอบมาแล้วอธิษฐานอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อย ๆ ราดลงไปร่างซึ่งต่อไปถึงมือของหลวงพ่อด้วยความนอบน้อม เสร็จแล้วท่านกลับมานั่งยังที่รับแขกอีกครั้ง
หลังจากนั้นก็เป็นวาระของพระสงฆ์ และฆราวาสที่จะได้มีโอกาสสรงน้ำหลวงพ่อต่อไป ซึ่งวันนี้มายืนเข้าแถวคอยสรงน้ำยาเหยียด ตั้งแต่ก่อนเจ้าประคุณสมเด็จฯ
จะเดินทางมาถึง สำหรับพระนั้นให้สรงก่อนฆราวาส
การสรงน้ำศพหลวงพ่อใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งจึงเสร็จ เวลา 18.00 น. เจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์
วัดสระเกศ เดินทางกลับ ท่านเจ้าคุณพระธรรมราชานุวัตร เจ้าคณะภาค 3 และ ท่านเจ้าคุณพระเทพมุนี ก็เดินทางกลับเช่นกัน
ตอนกลางคืน วันที่ 31 ตุลาคม 2535 เวลา 19.00 น. พระพิธีกรรม จากวัดสระเกศ 4 รูปขึ้นสวดพระอภิธรรมทำนองสรภัญญะ
สวดเสร็จแล้ว เจ้าภาพถวายจตุปัจจัยไทยทาน แล้วทอดผ้าบังสุกุล พระสงฆ์พิจารณาผ้าบังสุกุลเสร็จ แล้วทายกนำอุทิศส่วนกุศลถวายแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระสงฆ์ให้พรเป็นเสร็จพิธี
ต่อจากพระสวดพิธีธรรมแล้ว พระสงฆ์วัดท่าซุงทั้งวัดขึ้นสวดพระอภิธรรมเสร็จแล้ว บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททอดผ้าบังสุกุล ถวายสังฆทาน
แล้วอุทิศส่วนกุศลถวายแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระสงฆ์ให้พรเป็นเสร็จพิธีในวันนี้
วันอาทิตย์ที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๓๕
เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา เป็นองค์ประธานสรงน้ำหลวงพระราชทานศพพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
ก่อนที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ จะเดินทางมาถึงวัดท่าซุง มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดอุทัยธานีมาร่วมพิธีคือ นายสุดจิต นิมิตกุล
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี นายพจน์ ภู่อารีย์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี นายกำธร กิตติภูมิชัย ศึกษาธิการจังหวัดอุทัยธานี
และคณะของท่าน
สำหรับพระเถรานุเถระที่มาร่วมพิธีสรงน้ำศพพระราชทาน มี
๑. พระธรรมปัญญาบดี วัดปากน้ำภาษีเจริญ
๒. พระธรรมวิมลโมลี วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
๓. พระธรรมราชานุวัตร วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
๔. พระเทพมุนี วัดบพิตรพิมุข
๕. พระโสภณรัตนาภรณ์ วัดสังเวชวิศยาราม
๖. พระสุนทรมุนี วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม
๗. พระศรีวิสุทธิดิลก วัดประยุรวงศาวาส
๘. พระศรีวิสุทธิโมลี วัดราชบูรณะ
๙. พระศรีปริยัติบดี วัดสามพระยา
๑๐. พระสุธีปริยัตยาภรณ์ วัดปทุมคงคา
๑๑. พระครูสาราณียคุณ วัดประยุรวงศาวาส
๑๒. พระครูอุทัยคณาภิรักษ์ วัดพิชัยปุรณาราม
๑๓. พระครูวิมลจริยาภรณ์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
๑๔. พระครูวิบูลกิจจาทร วัดประยุรวงศาวาส
๑๕. พระครูอุทัยธรรมโกศล วัดสังกัสรัตนคีรี
๑๖. พระครูอุเทศสาธุกิจ วัดอุโปสถาราม
๑๗. พระครูอุทัยธรรมสาร วัดธรรมโฆษก
๑๘. พระปลัดจรูญ วัดใหม่จันทาราม
๑๙. พระครูวิจารณ์วิหารกิจ วัดสุขุมาราม
๒๐. พระครูปิยรัตนภรณ์ วัดโขงขาว
๒๑. พระครูวรวงศ์มนูญ วัดสามพระยา
๒๒. พระมหาบุญมา อาคมปัญญา วัดประยุรวงศาวาส
๒๓. พระมหาสันติ สันติญาโณ วัดสุวรรณคีรี
๒๔. พระมหานิพนธ์ สุภธัมโม วัดธรรมโสภิต
เวลา ๑๕.๔๕ น. เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเดินทางมาถึง อัญเชิญพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ลงจากรถพร้อมด้วยน้ำสรงศพพระราชทาน
นำขึ้นไปประดิษฐาน ณ โต๊ะหมู่บูชาบนอาสนสงฆ์ หน้าพระประธานองค์ใหญ่
เวลา ๑๖.๐๐ น. เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา เดินทางมาถึงวัดท่าซุง
พระผู้ใหญ่จากกรุงเทพฯ และในจังหวัดอุทัยธานี และพระสงฆ์วัดท่าซุงทุกรูปยืนเรียงแถวต้อนรับ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ขึ้นกราบพระที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา
เสร็จแล้วไปนั่งที่อาสนะที่จัดเตรียมไว้ข้างแท่นที่เคยทำพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร
เวลา ๑๖.๑๐ น. เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ถวายน้ำหลวงแก่เจ้าประคุณสมเด็จฯ เจ้าประคุณสมเด็จฯ
ค่อยๆ รดน้ำหลวงพระราชทานลงตรงกลางองค์หลวงพ่อเสร็จแล้วยืนสงบครู่หนึ่งจึงเดินกลับมายังอาสนะ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ของพระราชวัง ก็อัญเชิญศพของหลวงพ่อลงในโลงแก้วที่จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว และยกหีบศพขึ้นประดิษฐานบนแท่น
เวลา ๑๖.๒๐ น. นายสุดจิต นิมิตกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี
อัญเชิญพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไปวาง ณ ที่วางพวงมาลา อักษร ภปร. และ
สก. เด่นเป็นสง่าอยู่กลางพื้นผ้ารูปไข่สีเหลืองและสีน้ำเงิน และมีดอกไม้ประดับรอบด้านล่าง
เป็นที่ปลื้มปีติแก่ศิษยานุศิษย์และลูกหลานของหลวงพ่อเป็นอย่างมาก ในพระมหากรุณาธิคุณของล้นเกล้าฯ ทั้งสองพระองค์
เวลา ๑๖.๒๕ น. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป ขึ้นบนอาสนสงฆ์ เพื่อสวดพระพุทธมนต์ มีรายนามดังนี้
๑. พระเทพมุนี วัดบพิตรพิมุข
๒. พระอุดรคณารักษ์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
๓. พระสุนทรมุนี วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม
๔. พระศรีปริยัติบดี วัดสามพระยา
๕. พระสุธีปริยัตยาภรณ์ วัดปทุมคงคา
๖. พระครูวิบูลกิจจาทร วัดประยุรวงศาวาส
๗. พระครูวิมลจริยาภรณ์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
๘. พระมหาบุญมา อมตัมปัญโญ วัดประยุรวงศาวาสฃ
๙. พระมหาสันติ สันติญาโณ วัดสุวรรณคีรี
๑๐. พระครูประทีปกิจจาทร วัดสุทัศน์เทพวราราม
เมื่อพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป นั่งเรียบร้อยแล้ว นายสุดจิต นิมิตกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
เสร็จแล้วทายกนำกราบพระ และอาราธนาศีล ต่อจากนั้นพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป เจริญพระพุทธมนต์
พุทธบริษัทและลูกศิษย์ลูกหลานของหลวงพ่อตั้งใจฟังด้วยความสงบ
เสร็จจากการสวดพระพุทธมนต์แล้ว พระสงฆ์ ๔ รูป จากวัดสุทัศน์เทพวราราม ขึ้นพิจารณาผ้ามหาบังสุกุลปิดศพ พิธีเสร็จสิ้นเวลา ๑๖.๕๕
น.
เสร็จพิธีแล้ว เจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ให้ท่านเจ้าคุณโสภณศีลวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพลับพลาชัย และท่านเจ้าคุณพระอุดรคณารักษ์ วัดพระเชตุพนฯ เข้าพบ
สนทนาครู่หนึ่งจึงขอลากลับ หลังจากนั้นพระผู้ใหญ่จากกรุงเทพฯ ทยอยกลับ
เวลา ๑๙.๐๐ น. พระพิธีธรรมจากวัดสระเกศ ๔ รูป ขึ้นสวดพระอภิธรรม ทำนองสรภัญญะ
เสร็จแล้วเจ้าภาพถวายจตุปัจจัยไทยทานและทอดผ้าบังสุกุล หลังจากพระพิธีธรรมชักผ้าบังสุกุลแล้ว ทายกนำอุทิศส่วนกุศลแล้วรับพรพระ
หลังจากนั้นก็เป็นการสวดอภิธรรมของพระสงฆ์วัดท่าซุงทั้งวัด เสร็จแล้วบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททอดผ้าบังสุกุลและถวายสังฆทาน
หลังจากนั้นก็อุทิศส่วนกุศลถวายแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระสงฆ์ให้พรเป็นเสร็จพิธี (เวลา ๒๐.๐๐ น. พอดี)
วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๓๕
ตอนเช้าถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์วัดท่าซุง จำนวน ๔๔ รูป โดยคณะเจ้าหน้าที่จากร้านอาหารกองทุนฯ เป็นผู้จัดเลี้ยง ตอนเพลก็เช่นเดียวกัน
ในช่วงเวลาบำเพ็ญกุศลถวายทั้ง ๑๐๐ วันนี้ พระสงฆ์วัดท่าซุงงดบิณฑบาต เจ้าหน้าที่กองทุนได้จัดอาหารและน้ำต่างๆ ถวายพระทุกมื้อ ยกเว้นมื้อที่มีเจ้าภาพ
เวลา ๑๒.๔๕ น. หลวงปู่บุดดา ถาวโร แห่งวัดกลางชูศรีเจริญสุข อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี
พร้อมด้วยคณะศิษย์เดินทางมาเคารพศพพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ลูกศิษย์ลูกหลานของหลวงพ่อเห็นหลวงปู่มารู้สึกปลาบปลื้มใจ เข้าไปกราบและร่วมทำบุญ
บางท่านก็ถวายสังฆทาน นับเป็นความเมตตาของหลวงปู่ต่อลูกศิษย์ลูกหลานของหลวงพ่อเป็นอย่างยิ่ง
พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ ได้กราบเรียนถึงอาการของหลวงพ่อว่า
หลังจากมรณภาพแล้วหมอก็ไม่ได้มาฉีดยา แต่ว่าร่างกายไม่มีกลิ่นเหม็น เนื้อตัวก็ยังนิ่ม ข้อมือและนิ้วก็ยังงอได้ เล็บที่ตัดก็ยาวขึ้น ผมก็งอกยาวขึ้น
ก่อนตายหลวงพ่อเคยพูดว่า ถ้าฉันตายให้สังเกตดูให้ดี ใน ๓ วัน ๗ วัน ๑๕ วัน หลวงพ่อพูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไรครับ
หลวงปู่บุดดามองไปที่ศพหลวงพ่อ แล้วหลับตานิ่งอยู่พักหนึ่ง แล้วก็หัวเราะ หึๆ หึๆ แต่ไม่พูดอะไร
พระครูปลัดอนันต์จึงไม่เข้าใจว่าหลวงปู่ได้คุยกับหลวงพ่ออย่างไรบ้าง หลวงปู่นั่งอยู่สัก ๑ ชั่วโมงจึงกลับ (หลวงปู่พูดพร้อมกับมองไปทางหลวงพ่อว่า
"อ้าว..ทำไมมานอนเสียแล้วละ ไม่ลุกมาคุยกันก่อนหรือไง" - ทีมงานฯ)
วันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๓๕
วันนี้พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมราชานุวัตร เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เจ้าคณะภาค ๓ เป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม
แต่ท่านไม่ว่างจึงมาไม่ได้ แต่มอบให้ท่านเจ้าคุณพระสุนทรมุนี เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานีมาเป็นประธานแทน เริ่มสวดพระอภิธรรมเวลา
๑๓.๐๐ น. โดยพระวัดท่าซุง ๔ รูป มีพระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ เจ้าอาวาสวัดท่าซุงเป็นหัวหน้านำสวด เสร็จแล้ว
ท่านเจ้าคณะจังหวัดให้พระครูอุทัยคณาภิรักษ์ รองเจ้าคณะจังหวัด, พระครูอุทัยธรรมโกศล เจ้าคณะอำเภอเมืองเป็นผู้ถวายเครื่องไทยทานและทอดผ้าบังสุกุล
พระสงฆ์พิจารณาและให้พร หลังจากนั้นพระสงฆ์วัดท่าซุง จำนวน ๔๓ รูป ขึ้นสวดมาติกา เมื่อสวดเสร็จแล้วพระครูวิมลจริยาภรณ์ เลขาเจ้าคณะภาค ๓
ได้นำปัจจัยและผ้าบังสุกุลถวายแด่พระสงฆ์ทุกรูป เสร็จแล้วพระให้พร เป็นเสร็จพิธี
ตอนกลางคืน เวลา ๑๘.๓๐ น. หลวงปู่บุดดา ถาวโร เดินทางมาวัดท่าซุงอีกครั้งหนึ่ง
เป็นเจ้าภาพในการสวดพระอภิธรรมในคืนนี้ มีพระสงฆ์จากวัดต่างๆ มาฟังสวดพระอภิธรรมในคืนนี้ จำนวน ๔๙ รูป ฆราวาสก็มากันมาก
เวลา ๑๙.๐๐ น. พระพิธีธรรมจากวัดสระเกศ ๔ รูป เริ่มสวดพระอภิธรรม เสร็จแล้วพระมหาทอง
ลูกศิษย์ของหลวงปู่บุดดาขึ้นทอดผ้าบังสุกุล พระสงฆ์พิจารณาแล้วให้พร เป็นเสร็จพิธี
เวลา ๒๐.๐๐ น. พระสงฆ์วัดท่าซุงทั้งวัด สวดพระอภิธรรมอีกรอบหนึ่ง
เสร็จแล้วผู้ที่มาร่วมฟังสวดพระอภิธรรมในวันนี้ถวายผ้าบังสุกุลและถวายสังฆทาน เสร็จเรียบร้อยแล้วอุทิศส่วนกุศลให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อและให้พร
เป็นเสร็จพิธี
◄ll กลับสู่สารบัญ
puy - 21/9/10 at 13:27
02
(update 21-09-2553)
การบำเพ็ญกุศล "สัตตมวาร" (ทำบุญครบ ๗ วัน)
ถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
วันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๕
วันนี้เป็นวันบำเพ็ญกุศล "สัตตมวาร" (อ่าน สัตตะมะวาร) ถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา เป็นประธาน
เวลา ๑๐.๓๐ น. พระสงฆ์ในจังหวัดอุทัยธานี จำนวน ๑๐ รูป ขึ้นสวดมาติกา มีรายชื่อดังนี้
๑. พระครูอุทัยคณาภิรักษ์ วัดพิชัยปุรณาราม
๒. พระครูอุทัยธรรมโกศล วัดสังกัสรัตนคีรี
๓. พระครูแทศสาธุกิจ วัดอุโปสถาราม
๔. พระครูอุทัยธรรมสาร วัดธรรมโฆษก
๕. พระครูอุทิตศุภการ วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม
๖. พระปลัดจรูญ ฐานสุโภ วัดใหม่จันทราราม
๗. พระมหานิพนธ์ สุภธัมโม วัดธรรมโสภิต
๘. พระปลัดสำราญ กาญจโน วัดพิชัยปุรณาราม
๙. พระมหาชะลอ อัคคปญโญ วัดพิชัยปุรณาราม
๑๐. พระสมพงษ์ ปสันนจิตโต วัดพิชัยปุรณาราม
เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ทั้งหมด จำนวน ๖๐ รูป
เวลา ๑๒.๓๐ น. ถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์ที่สวดมาติกา ๑๐ รูป ผู้แทนคณะศิษย์ที่ถวายสังฆทานคือ พล.ต.ท.นายแพทย์สมศักดิ์
สืบสงวน, คุณสานิตย์ อุชชิน, คุณนิพัทธา อมาตยกุล, คุณอัญชัญ ศุทธรัตน์, คุณวัฒนา ไชยเสนะ, คุณแสงเดือน พร้อมพันธุ์, คุณเยาวลักษณ์ (ขวัญ) มิตรศรัทธา,
คุณวิมาลี ศิรประภาชัย, คุณพรนุช คืนคงดี, คุณพิมพา วงศ์งามนิจ เมื่อถวายสังฆทานเสร็จแล้ว อุทิศส่วนกุศลถวายแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นเสร็จพิธี
ในตอนบ่าย ๔ โมง พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป จากกรุงเทพฯ มาสวดพระพุทธมนต์ และพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ วัดสุวรรณาราม แสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์
๑. พระเทพวิสุทธิโสภณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
๒. พระเทพมุนี วัดบพิตรพิมุข
๓. พระเทพวรเวที วัดแก้วแจ่มฟ้า
๔. พระราชปริยัติโมลี วัดชนะสงคราม
๕. พระราชสิทธิมงคล วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
๖. พระสุนทรมุนี วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม
๗. พระโสภณรัตนาภรณ์ วัดสังเวชวิศยาราม
๘. พระวิมลปัญญาภรณ์ วัดสุวรรณาราม
๙. พระโสภณศีลวงศ์ วัดพลับพลาชัย
๑๐. พระมหาสันติ สันติญาโณ วัดสุวรรณคีรี
เวลา ๑๖.๑๗ น. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป ขึ้นบนอาสนะสงฆ์ เพื่อสวดพระพุทธมนต์
เนื่องจากท่านเจ้าคุณพระวิมลปัญญาภรณ์ยังเดินทางมาไม่ถึง จึงได้อาราธนาพระครูวิมลจริยาภรณ์ เลขาเจ้าคณะภาค ๓
ขึ้นสวดพระพุทธมนต์แทน หลังจากพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป สวดพระพุทธมนต์เสร็จแล้ว ผู้แทนคณะศิษย์ขึ้นถวายเครื่องไทยทาน พระสงฆ์ให้พรเป็นเสร็จพิธี
เวลา ๑๗.๐๐ น. พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ เดินทางมาถึงวัดท่าซุง
วันนี้ท่านมาแสดงพระธรรมเทศนาแทนเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ การแสดงพระธรรมเทศนาเริ่มเวลา ๑๗.๒๐ น. และเลิกเวลา ๑๘.๑๙ น.
หลังจากเทศน์จบแล้ว พระสงฆ์วัดสระเกศ ๔ รูป สวดรับเทศน์เป็นการสวดทำนองสรภัญญะ จบแล้วตัวแทนคณะศิษย์ถวายเครื่องกัณฑ์เทศน์และถวายเครื่องไทยทาน พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ ถวายผ้าบังสุกุล เสร็จแล้วอุทิศส่วนกุศลแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระสงฆ์ให้พรเป็นเสร็จพิธี
ตอนกลางคืน เวลา ๑๙.๐๐ น. พระพิธีธรรมจากวัดราชสิทธาราม ๔ รูป ขึ้นสวดพระอภิธรรม จบแล้วผู้แทนคณะศิษย์ ๔ คน
ขึ้นถวายมหาบังสุกุล คือคุณแสงเดือน พร้อมพันธุ์, อาจารย์บุปผาชาติ พงษ์ประดิษฐ์, คุณสุมิตร มหันตคุณ, และคุณโศภิษฐ์ สดสี
เสร็จแล้วกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล พระสงฆ์ให้พรเป็นเสร็จพิธี
หลังจากนั้นเป็นการสวดพระอภิธรรมของพระสงฆ์วัดท่าซุงทั้งหมด เสร็จแล้วญาติโยมพุทธบริษัทที่มาในงาน ถวายผ้าบังสุกุลและถวายสังฆทานอีกเช่นเคย
วันนี้คนมามากกว่าทุกวัน เพราะเป็นวันทำบุญครบ ๗ วัน
วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๓๕
เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา เดินทางมาถึงวัดท่าซุง
เวลา ๙.๓๐ น. พระเถรานุเถระทั้งในกรุงเทพฯ และในจังหวัดอุทัยธานี และพระสงฆ์วัดท่าซุงยืนเข้าแถวต้อนรับสองข้าง
ขณะที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เดินผ่านแถวพระต้อนรับ ท่านพนมมือรับไหว้ไปตลอด
พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ และพระปลัดวิรัช โอภาโส และพระศักดิ์พิยาชัย ธัมมวโร พระติดตามเจ้าประคุณสมเด็จฯ
เดินตามอย่างใกล้ชิด และพระผู้ใหญ่อีกหลายองค์เดินตามหลังไปช้าๆ จนถึงอาสนสงฆ์หน้าพระประธาน เจ้าประคุณสมเด็จฯ ขึ้นไปกราบพระที่โต๊ะหมู่บูชา
แล้วลุกไปดูหลวงพ่อภายในโลงแก้วด้วยความสงบครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินกลับมานั่งบนอาสนะที่จัดไว้ ข้างแท่นเป่ายันต์เกราะเพชร
การที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ เดินทางมาวันนี้เพราะท่านถือว่าเป็นวันชัยของหลวงพ่อ พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป รวมทั้งพระสงฆ์ในจังหวัดอุทัยธานีที่นิมนต์ไว้
๗ วัด รวม ๗๖ รูป ก็เดินทางมาถึง
เวลา ๑๐.๓๐ น. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป ขึ้นนั่งบนอาสนสงฆ์เรียบร้อยแล้ว เจ้าประคุณสมเด็จฯ
ลุกขึ้นไปจุดธูปเทียนที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ทายกนำญาติโยมพุทธบริษัทกราบพระและอาราธนาศีล ๖ ประธานสงฆ์ที่นำสวดพระพุทธมนต์ในวันนี้คือ ท่านเจ้าคุณพระเทพวิสุทธิโสภณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม สำหรับพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์อีก ๙ รูป คือ
๑. พระเทพมุนี วัดบพิตรพิมุข
๒. พระราชปริยัติโมลี วัดชนะสงคราม
๓. พระราชสิทธิมงคล วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
๔. พระสุนทรมุนี วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม
๕. พระโสภณรัตนาภรณ์ วัดสังเวชวิศยาราม
๖. พระวิมลปัญญาภรณ์ วัดสุวรรณาราม
๗. พระโสภณศีลวงศ์ วัดพลับพลาชัย
๘. พระครูวิมลจริยภรณ์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
๙. พระมหาสันติ สันติญาโณ วัดสุวรรณคีรี
เมื่อพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์เสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ยกสำรับภัตตาหารโตกมุกเข้าไปถวายเจ้าประคุณสมเด็จฯ และถวายพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์จนครบ ๑๐ องค์
สำหรับพระสงฆ์ที่นิมนต์มาจากวัดในจังหวัดอุทัยธานี พระอาคันตุกะ และพระวัดท่าซุง ฉันภัตตาหารเพลที่โต๊ะม้าหิน
โดยแผนกจัดอาหารเป็นคณะแม่ครัวของวัดท่าซุง เป็นที่น่าปลื้มใจมากที่ได้มีโอกาสถวายอาหารพระจำนวนถึง ๑๕๐ รูปในวันนี้
หลังจากพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป ฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว ผู้แทนของพระสงฆ์วัดท่าซุง ๑๑ รูป นำโดย พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ
ขึ้นถวายปัจจัยและเครื่องไทยทานและถวายผ้าบังสุกุล นอกจากนี้ท่านเจ้าคุณราชปริยัติโมลี ได้นำหนังสือของสถาบันบาลีศึกษาพุทธโฆสะ
และหนังสือคัมภีร์มูลกัจจายน์ ทั้งพากย์บาลีและพากย์แปลมอบให้ทางวัดท่าซุง ถวายแด่พระเถรานุเถระที่มาสวดมนต์ทั้ง ๓ งานด้วย
เมื่อถวายเครื่องไทยทาน และผ้าบังสุกุลเสร็จแล้ว พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูปพิจารณาผ้าบังสุกุล เสร็จแล้วให้พร
หลังจากนั้นพระเถระในจังหวัดอุทัยธานี ๑๐ รูป มีพระครูอุทัยธรรมโกศล เจ้าคณะอำเภอเมือง เป็นหัวหน้า ขึ้นอาสนสงฆ์
เพื่อสวดมาติกา เมื่อสวดจบแล้ว ผู้แทนคณะศิษย์ฝ่ายฆราวาส ๑๐ คน มี พล ต.ท.นายแพทย์ สมศักดิ์ สืบสงวน เป็นหัวหน้า ขึ้นถวายปัจจัยและทอดผ้าบังสุกุล
พระสงฆ์พิจารณาผ้าแล้วให้พร
ต่อจากนั้น พระในจังหวัดอุทัยธานีที่นิมนต์มา ขึ้นบนอาสนสงฆ์ ชุดละ ๑๐ รูป รวม ๗ ชุดด้วยกัน และชุดที่ ๘ เป็นพระอาคันตุกะที่มาช่วยงานอีก ๖ รูป
รวมทั้งหมด ๗๖ รูป ขึ้นรับปัจจัยและพิจารณาผ้าบังสุกุล ผู้แทนคณะศิษย์ฝ่ายฆราวาสขึ้นไปถวายปัจจัยและถวายผ้าบังสุกุล รวม ๘ ชุด ๗๖ คน เช่นกัน
เมื่อถวายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าประคุณสมเด็จฯ ยังเมตตาอยู่รับสังฆทานจากพุทธบริษัทและลูกศิษย์ลูกหลานของหลวงพ่อ ที่รอถวายสังฆทานกับเจ้าประคุณสมเด็จฯ
เป็นจำนวนมาก โดยเข้าแถวยาวเหยียด เจ้าหน้าที่จัดเป็นแถวเรียงหนึ่ง ค่อยๆ เดินขึ้นไปถวายบนอาสนสงฆ์ วางที่โต๊ะที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ นั่งอยู่
เจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านก็ใจดี นั่งเคี้ยวหมากและยิ้มตลอดเวลา หลวงพี่มหาดำ (มหาสันติ สันติญาโณ) บอกว่า
การที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ นั่งนานๆ เพื่อรับสังฆทานอย่างนี้ไม่ค่อยมีที่ไหน เคยเห็นที่วัดพลับพลาชัยที่นั่นก็นั่งนาน อย่างนี้แสดงให้เห็นชัดว่า
เจ้าประคุณสมเด็จฯ โปรดเมตตาต่อพุทธบริษัทและลูกศิษย์ลูกหลานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นอย่างมาก ทำให้มีความรู้สึกว่า ถึงแม้หลวงพ่อไม่อยู่
ก็ยังมีเจ้าประคุณสมเด็จฯ อีกองค์หนึ่งที่เป็นที่พึ่งแก่ลูกศิษย์ลูกหลานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้
เจ้าประคุณสมเด็จฯ มาถึงวันนี้ ได้พูดให้ฟังว่า
หลวงพ่อบอกว่า ท่านมีที่อยู่แล้วนะ
และได้ขอประทานกราบเรียนปรึกษาเกี่ยวกับการจัดงานครบรอบ ๕๐ วัน และ ๑๐๐ วัน เจ้าประคุณสมเด็จฯ บอกว่า พระที่มีความสำคัญให้จัดงาน
๒ วัน คือ สวดพระพุทธมนต์ตอนเย็น แล้วฉันเพลในวันรุ่งขึ้น การถวายสังฆทานเสร็จสิ้น เวลา ๑๓.๓๐ น.
ก่อนที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ จะกลับ พระครูปลัดอนันต์, พระครูสมุห์พิชิต, และพระอาจินต์ ขึ้นไปกราบลาท่าน
ท่านบอกว่า หลวงพ่อก็ไม่อยู่แล้วนะ ขอให้ช่วยกันดูแลวัดให้ดีนะ
ท่านลุกจากอาสนะแล้วก็ไปกราบพระที่โต๊ะหมู่บูชา แล้วลุกไปยืนพิจารณาดูหลวงพ่อก่อนกลับอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงลงบันไดไปที่รถ
ขณะที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ เดินไปที่รถ พระผู้ใหญ่ทั้งในกรุงเทพฯ และในจังหวัดอุทัยธานี และพระสงฆ์วัดท่าซุงเข้าแถวสองแถว ยืนรอส่งเจ้าประคุณสมเด็จฯ
ลูกศิษย์ลูกหลานของหลวงพ่อฝ่ายฆราวาส ก็นั่งเข้าแถวรอส่งด้วยเช่นกัน และเตรียมปัจจัยใส่ย่ามเจ้าประคุณสมเด็จฯ ด้วย เหมือนอย่างที่เคยทำกับหลวงพ่อ
เจ้าประคุณสมเด็จฯ ขึ้นรถเป็นที่เรียบร้อย พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ และพระปลัดวิรัช โอภาโส
เข้าไปกราบขอบพระคุณอย่างสุดซึ้งในเมตตาที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้โปรดเดินทางมาทำบุญถวายหลวงพ่อในวันนี้ สำหรับเงินที่ญาติโยมใส่ย่ามถวายเจ้าประคุณสมเด็จฯ
ท่านมอบให้กับพระครูปลัดอนันต์ทั้งหมด เพื่อช่วยงานศพหลวงพ่อ
หลังจากนี้แล้วพระผู้ใหญ่ทั้งหลาย อาทิเช่น พระเดชพระคุณพระธรรมราชานุวัตร และพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป ก็ทยอยเดินทางกลับ
วันที่ ๗ พฤศจิกายน วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๓๕
ศิษยานุศิษย์และญาติโยมหลายร้อยคณะฯ ทยอยกันมาทำบุญถวายสังฆทาน ถวายผ้าบังสุกุล และเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อทุกวัน วันละหลายๆ
รอบในตอนกลางวัน บางวันโดยเฉพาะวันสุดสัปดาห์ มีเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมมากถึง ๓๐ กว่ารอบ ส่วนในตอนค่ำพระสงฆ์วัดท่าซุงทั้งหมดสวดมาติกา ๑ จบ
แล้วญาติโยมทอดผ้าบังสุกุล และถวายสังฆทานทุกคืน.
◄ll กลับสู่สารบัญ
03
การบำเพ็ญกุศล "ปัญญาสมวาร" (ทำบุญครบ ๕๐ วัน)
ถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๓๕
งานนี้เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา เป็นองค์ประธาน คณะพุทธบริษัท,
ศิษยานุศิษย์และลูกหลานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ต่างช่วยกันเตรียมงานอย่างเต็มความสามารถ งานนี้ท่านเจ้าคุณโสภณศีลวงศ์
มาช่วยเป็นเจ้าพิธีอีกเช่นเคย พร้อมด้วยคณะศิษย์ของท่าน โดยเดินทางมาตั้งแต่วันที่ ๑๗ ธันวาคม มาช่วยจัดดอกไม้
และอาสนะสำหรับพระสงฆ์และเจ้าประคุณสมเด็จฯ
เวลา ๑๕.๐๐ น. เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ เดินทางมาถึง ท่านมาที่ศาลา ๑๒ ไร่
แล้วไปพักที่ตึกอินทราพงษ์
เวลา ๑๖.๐๐ น. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป ขึ้นบนอาสนะเพื่อเจริญพระพุทธมนต์
รายนามพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป มีดังนี้
๑. พระธรรมปัญญาบดี วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
๒. พระธรรมวิสุทธาจารย์ วัดประยุรวงศาวาส
๓. พระธรรมกิตติวงศ์ วัดราชโอรสาราม
๔. พระราชปริยัติโมลี วัดชนะสงคราม
๕. พระสุนทรมุนี วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม
๖. พระอุดรคณารักษ์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
๗. พระสุธีปริยัตยาภรณ์ วัดปทุมคงคา
๘. พระครูพิศาลญาณวงศ์ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
๙. พระครูอุทัยคณาภิรักษ์ วัดพิชัยปุรณาราม
๑๐. พระครูอุทัยธรรมโกศล วัดสังกัสรัตนคีรี
หลังจากที่พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูปเจริญพระพุทธมนต์เสร็จแล้ว พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ และพระปลัดวิรัช โอภาโส
ขึ้นถวายเครื่องไทยทาน
เวลา ๑๖.๒๙ น. เจ้าประคุณสมเด็จฯ ขึ้นบนธรรมาสน์ เพื่อแสดงพระธรรมเทศนา พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ ขึ้นจุดธูปเทียนที่เครื่องทองน้อย เมื่อเทศน์จบ พระสงฆ์ ๔ รูป สวดรับเทศน์ เมื่อพระสงฆ์สวดจบ พล
อ.อ.อาทร โรจนวิภาพ, พล ต.ท. นายแพทย์ สมศักดิ์ สืบสงวน, คุณอัญเชิญ มณีจักร, คุณเดือนฉาย คอมันตร์ เป็นผู้แทนคณะศิษย์ขึ้นทอดผ้าบังสุกุล
เวลา ๑๗.๕๗ น. เจ้าประคุณสมเด็จฯ เดินทางกลับกรุงเทพฯ พระเถระและพระสงฆ์วัดท่าซุงทุกรูป เข้าแถวรอส่งเจ้าประคุณสมเด็จฯ
กลับ พร้อมทั้งคณะลูกหลานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ขณะที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ เดินจะไปขึ้นรถ คณะลูกหลานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อก็เอาปัจจัยใส่ย่าม
เหมือนกับที่เคยใส่ย่ามพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
เจ้าประคุณสมเด็จฯ ก็รับด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายไปตลอด ก่อนจะขึ้นรถเจ้าประคุณสมเด็จฯ หันมาทางพระที่เดินตามมาส่ง ยกมือและกล่าวขอบคุณ
ท่านบอกว่า วันทำบุญ ๑๐๐ วัน จะมาร่วมงานอีก แล้วท่านก็ขึ้นรถเดินทางกลับวัด
เวลา ๑๘.๐๗ น. หลังจากเจ้าประคุณสมเด็จฯ เดินทางกลับแล้ว หลวงปู่บุดดา ถาวโร
เดินทางมาถึงวัดท่าซุง พระสงฆ์วัดท่าซุงยืนเข้าแถวต้อนรับ คณะศิษย์ยกเก้าอี้มารอรับหลวงปู่
เมื่อหลวงปู่นั่งเรียบร้อยแล้ว บรรดาพุทธบริษัทและลูกศิษย์ลูกหลานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อเข้าแถวยาวเหยียด
เพื่อถวายสังฆทานกับหลวงปู่ หลวงปู่นั่งเฉยไม่พูดอะไรมีแต่รอยยิ้ม และดวงตาที่บ่งบอกถึงความสุขใจ
เวลา ๑๙.๐๐ น. พระพิธีธรรมจากวัดประยุรวงศาวาส ๔ รูป มีพระครูวิบูลกิจจาทรเป็นหัวหน้าขึ้นสวดพระอภิธรรม
เวลา ๑๙.๔๗ น. สวดพระอภิธรรมจบ ผู้แทนคณะศิษย์ ๔ คน ขึ้นทอดผ้าบังสุกุล พระสงฆ์ ๔ รูปให้พรเป็นเสร็จพิธี
เวลา ๒๐.๐๐ น. พระสงฆ์วัดท่าซุงทุกรูปขึ้นสวดพระอภิธรรม จบแล้วญาติโยมพุทธบริษัททอดผ้าบังสุกุลและถวายสังฆทาน
อุทิศส่วนกุศลแล้วพระสงฆ์ให้พรเป็นเสร็จพิธี
วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๓๕
วันนี้เป็นวันทำบุญครบ ๕๐ วัน ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน อีกวันหนึ่ง
เวลา ๑๐.๐๕ น . เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา เดินทางมาถึงวัดท่าซุง
พระเถระทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยพระสงฆ์วัดท่าซุง ยืนเข้าแถวต้อนรับ
เจ้าประคุณสมเด็จฯ เดินขึ้นบนอาสนสงฆ์ แล้วเดินไปที่โลงแก้วหลวงพ่อ ยืนนิ่งดูหลวงพ่ออยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินมาที่โต๊ะบูชากราบพระ
หลังจากนั้นเจ้าประคุณสมเด็จฯ นั่งบนอาสนะที่จัดไว้ เมื่อเจ้าประคุณสมเด็จฯ นั่งเรียบร้อยแล้ว พระเถรานุเถระพร้อมด้วยพระสงฆ์วัดท่าซุง
เข้ามากราบเจ้าประคุณสมเด็จฯ โดยพร้อมเพรียงกัน
เวลา ๑๐.๑๕ น. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป ขึ้นบนอาสนสงฆ์เพื่อสวดถวายพรพระ
ก่อนที่จะเริ่มสวดได้มีพิธีมอบใบแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดท่าซุงองค์ใหม่ให้พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ
ในพิธีนี้พระสงฆ์วัดท่าซุงทุกรูปขึ้นบนอาสนสงฆ์ เมื่อกราบเจ้าประคุณสมเด็จฯ และนั่งเรียบร้อยแล้ว
พระมหาสันติ สันติญาโณ อ่านประกาศแต่งตั้งเจ้าอาวาส อ่านจบแล้วถวายเจ้าประคุณสมเด็จฯ
เพื่อมอบให้กับพระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ เจ้าอาวาสองค์ใหม่น้อมรับใบแต่งตั้ง พระสงฆ์ทุกรูปสวดชยันโตโดยพร้อมเพรียงกัน
เสร็จแล้วกราบเจ้าประคุณฯ
เวลา ๑๐.๒๕ น. เจ้าประคุณสมเด็จฯ ลุกจากอาสนะเดิมไปที่โต๊ะบูชาเพื่อจุดธูปเทียน และพระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ จุดธูปเทียนที่เครื่องทองน้อยหน้าโลงแก้ว หลังจากนั้นทายกนำกราบพระและอาราธนาศีล
พระเถระที่เป็นหัวหน้าสวดในวันนี้คือ พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมญาณมุนี วัดเศวตฉัตร พระเถระอีก ๙ รูป
มีรายนามดังนี้
๑. พระวิสุทธาจารย์ วัดประยุรวงศาวาส
๒. พระราชปริยัติโมลี วัดชนะสงคราม
๓. พระสุนทรมุนี วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม
๔. พระอุดรคณารักษ์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
๕. พระสุธีปริยัตยาภรณ์ วัดปทุมคงคา
๖. พระครูอุทัยคณาภิรักษ์ วัดพิชัยปุรณาราม
๗. พระครูอุทัยธรรมโกศล วัดสังกัสรัตนคีรี
๘. พระอุทัยธรรมสาร วัดธรรมโฆษก
๙. พระมหาสันติ สันติญาโณ วัดสุวรรณคีรี
เมื่อพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป ถวายพระพระจบแล้ว เจ้าหน้าที่นำภัตตาหารเช้าไปถวาย สำหรับพระสงฆ์ที่นิมนต์มาจากวัดในจังหวัดอุทัยธานี ๗ วัด ๗๐ องค์
ฉันภัตตาหารที่โต๊ะหิน ผู้ที่ทำหน้าที่เลี้ยงพระในวันนี้ก็ได้แก่ คณะลูกหลานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ มีคุณวัฒนา ไชยเสนะ และคุณแสงเดือน พร้อมพันธุ์
เป็นต้น
เมื่อเจ้าประคุณสมเด็จฯ และพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป ฉันภัตตาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระคณะกรรมการสงฆ์วัดท่าซุง ๑๐ รูป
ขึ้นไปถวายเครื่องไทยทานและทอดผ้าบังสุกุล พระสงฆ์พิจารณาผ้าบังสุกุลแล้วให้พร เสร็จแล้วลงจากอาสนสงฆ์ หันมากราบเจ้าประคุณสมเด็จฯ
ก่อนจะลงไปนั่งยังที่พัก
เวลา ๑๑.๔๒ น. พระสงฆ์จากจังหวัดอุทัยธานี ๑๐ รูป มีพระครูอุเทศสาธุกิจเป็นหัวหน้าขึ้นบนอาสนสงฆ์เพื่อสวดมาติกา เมื่อสวดเสร็จแล้ว ผู้แทนคณะศิษย์ฝ่ายฆราวาส ๑๐ คน มี ดร.ปริญญา
นุตาลัย เป็นหัวหน้า ถวายเครื่องไทยทานและทอดผ้าบังสุกุล แล้วให้พรเป็นเสร็จพิธี
หลังจากเสร็จงานทำบุญครบ ๕๐ วันแล้ว เจ้าประคุณสมเด็จฯ ยังไม่กลับ ได้ทราบว่าเจ้าประคุณสมเด็จฯ จะเดินทางต่อไปจังหวัดลพบุรี
ไปงานศพเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ในช่วงที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ยังไม่กลับนี้ นาคที่จะบวชพระในวันที่ ๒๐ จำนวน ๑๘๐ คน และบวชสามเณร ๑๒ คน มี ดร.ปริญญา นุตาลัย
เป็นหัวหน้า ขึ้นมากราบเจ้าประคุณสมเด็จฯ ดร.ปริญญา นำธูปเทียนแพไปถวาย เจ้าประคุณสมเด็จฯ รับแล้ว
ก็โปรดเมตตาให้โอวาทแก่นาคที่จะบวชถวายกุศลแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ใจความโดยย่อมีว่า
ขออนุโมทนายินดีแก่นาคทั้งหลาย ที่ตั้งใจบวชถวายกุศลแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ เพื่อตอบแทนพระคุณความดีแก่หลวงพ่อ
ความตั้งใจและทำอย่างนี้ ความเจริญรุ่งเรืองและความยั่งยืนจะปรากฏแก่เราตลอดไป...
หลังจากนั้นพวกเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ พร้อมทั้งพระสงฆ์วัดท่าซุงและฆราวาสเตรียมส่งเจ้าประคุณสมเด็จฯ นึกว่าเจ้าประคุณสมเด็จฯ จะกลับ แต่ว่าคาดการณ์ผิด
เจ้าประคุณสมเด็จฯ อยู่ต่ออีก เพราะได้ทราบรายงานจากพระครูปลัดอนันต์ว่า ญาติโยมเขาอยากถวายสังฆทานกับเจ้าประคุณสมเด็จฯ
แต่กระผมสั่งยับยั้งไว้ เพราะทราบว่าเจ้าประคุณสมเด็จฯ จะเดินทางไปจังหวัดลพบุรี
รายงานเพียงเท่านี้ เจ้าประคุณสมเด็จฯ บอกว่า จะไปยับยั้งเขาทำไมล่ะ เอาละ ฉันจะอยู่ต่ออีก ๑ ชั่วโมง
แล้วท่านก็ลุกจากอาสนะ เดินมาที่นั่งอาสนะสำหรับรับสังฆทาน ซึ่งอยู่ข้างแทนเป่ายันต์เกราะเพชรด้านทิศเหนือนั่นเอง
ญาติโยมรู้ข่าวว่า เจ้าประคุณสมเด็จฯ อยู่ต่อ ก็เลยผาติกรรมสังฆทานถวายกันใหญ่ เรียกว่า เจ้าหน้าที่จำหน่ายแทบไม่ทัน
ในขณะที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ รับสังฆทานก็ยิ้มตลอดเวลา จึงเป็นที่ปลื้มอกปลื้มใจแก่ญาติโยมพุทธบริษัท
และลูกศิษย์ลูกหลานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นอย่างมาก
เวลาบ่าย ๒ โมงแล้ว เจ้าประคุณสมเด็จฯ ก็ยังไม่กลับ ท่านเห็นคนมาถวายสังฆทานกันเรื่อยๆ จึงอยู่ต่ออีกหนึ่งชั่วโมง
ก่อนที่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์จะเดินทางกลับ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชผาติการาม กรุงเทพฯ ก็เดินทางมาวัดท่าซุงอีกองค์หนึ่ง
เป็นที่ปลื้มปิติยินดีแก่พระสงฆ์วัดท่าซุงและลูศิษย์ลูกหลานเป็นอันมาก
ปกติได้ทราบข่าวว่าท่านไม่ค่อยสบาย เท้าบวม เดินไม่ได้ แต่วันนี้ท่านมาได้ ฉะนั้นเมื่อท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯนั่งบนอาสนะที่จัดไว้เรียบร้อยแล้ว
พุทธบริษัทและลูกหลานของหลวงพ่อก็ผาติกรรมสังฆทานมาถวายเจ้าประคุณสมเด็จฯ อีกองค์หนึ่ง นึกว่าท่านจะเหนื่อย
แต่ท่านก็ดีใจที่ได้เห็นพุทธบริษัทและลูกหลานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อทำบุญกันแข็งขัน
เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ อยู่รับสังฆทานชั่วโมงเศษ ท่านจึงขอลากลับ พระครูปลัดอนันต์
เจ้าอาวาสองค์ใหม่และพระสงฆ์วัดท่าซุงไปส่งท่านที่รถ
วันที่ ๒๐ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๓๕
คณะศิษยานุศิษย์ได้พร้อมใจกันบวชพระ ๑๘๐ องค์ บวชเณร ๑๒ องค์ และบวชชีกรรมบถอีก ๑๐๐ คนเศษ เพื่อน้อมถวายกุศลทั้งหมดแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ
ผู้มีพระคุณยิ่ง หลังจากบวชแล้ว พระนวกะทั้งหมดได้ร่วมกันสวดพระอภิธรรมถวายหลวงพ่อทุกๆ คืน
ในคืนต่อๆ มา ชีกรรมบถได้ร่วมสวดพระอภิธรรมด้วย ความสุขใจและความอบอุ่นใจอันเกิดจากความสามัคคีของหมู่คณะนี้ ให้ผลเป็นที่ประจักษ์ทันตาเห็นทีเดียว
วันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๓๕ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖
ศิษยานุศิษย์, ญาติโยม, และท่านที่เคารพนับถือในพระเดชพระคุณหลวงพ่อหลายร้อยคณะฯ มาทำบุญถวายสังฆทาน ถวายผ้าบังสุกุล
และเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อทุกวัน วันละหลายๆ รอบในตอนกลางวัน ส่วนในตอนค่ำพระสงฆ์วัดท่าซุงทั้งหมดสวดมาติกา ๑ จบ
แล้วญาติโยมทอดผ้าสุกุลและถวายสังฆทานทุกคืน
◄ll กลับสู่สารบัญ
puy - 22/9/10 at 14:02
04
(update 22-09-2553)
การบำเพ็ญกุศลสตมวาร (๑๐๐ วัน)
ถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖
เวลา ๑๕.๑๐ น. เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ เดินทางมาถึงศาลา ๑๒ ไร่ วัดท่าซุง
หลังจากท่านสนทนากับพระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ เจ้าอาวาสสักครูหนึ่ง
ก็โปรดเมตตาให้ญาติโยมพุทธบริษัทและลูกศิษย์ลูกหลานหลวงพ่อถวายสังฆทาน โดยเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นผู้รับ
เมื่อทุกคนได้ทราบข่าวนี้ต่างก็ผาติกรรมสังฆทานมาถวายกับเจ้าประคุณสมเด็จฯ เข้าแถวยาวเหยียดเช่นเคย
เมื่อญาติโยมถวายสังฆทานเสร็จแล้ว พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ กราบอาราธนาเจ้าประคุณสมเด็จฯ
ขึ้นบนอาสนสงฆ์เพื่อทอดผ้ามหาบังสุกุล เมื่อเจ้าประคุณสมเด็จฯพิจารณาผ้ามหาบังสุกุลแล้ว กล่าวโมทนากถาประมาณ ๑๐ นาที เสร็จแล้วให้พร
เจ้าประคุณสมเด็จฯ ลงจากอาสนสงฆ์ แล้วลงบันได เดินอ้อมขึ้นบันไดอีกด้านหนึ่งทางปลายเท้าศพหลวงพ่อ
ขึ้นไปกราบศพหลวงพ่อด้วยกริยาอันอ่อนน้อมงดงาม เสร็จแล้วสนทนากับพระอยู่ครู่หนึ่งก็ขอไปชมที่วิหาร ๑๐๐ เมตร โดยขอขึ้นรถรางไปเพื่อชมวัดโดยทั่วถึง
ระหว่างที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ เดินไปขึ้นรถ ญาติโยมพุทธบริษัทต่างถวายปัจจัยใส่ย่ามเจ้าประคุณสมเด็จฯ กันอีกเช่นเคย
ท่านก็ยิ้มรับด้วยความเมตตาอย่างสูง เสร็จแล้วเจ้าประคุณสมเด็จฯ ขึ้นรถรางเดินทางไปวิหาร ๑๐๐ เมตร เมื่อรถผ่านวิหารสมเด็จองค์ปฐม
ท่านขอลงและขึ้นไปกราบสมเด็จองค์ปฐม
เมื่อไปถึงวิหาร ๑๐๐ เมตรแล้ว เจ้าประคุณสมเด็จฯ ไปกราบรูปหล่อหลวงพ่อที่ข้างบุษบกและทอดผ้าไตร
เสร็จแล้วท่านมายืนที่ด้านหน้าบุษบก มองดูพระที่ประดิษฐานบนบุษบก พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ
กราบถวายรายงานการสร้างบุษบกให้เจ้าประคุณสมเด็จฯ ทราบ ครู่หนึ่งเจ้าประคุณสมเด็จฯ จึงเดินทางกลับ
วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖
วันนี้เป็นวันทำบุญครบ ๑๐๐ วัน ถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน มี เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา
เป็นองค์ประธาน ตอนเพล ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์วัดท่าซุง พระในจังหวัดอุทัยธานี และพระอาคันตุกะที่มาร่วมงาน
เวลา ๑๖.๐๐ น. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป สวดพระพุทธมนต์
เวลา ๑๘.๐๐ น. มีพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์ โดย เจ้าประคุรสมเด็จพระพุทธชินวงศ์
วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เป็นองค์แสดง พระสงฆ์ ๔ รูป สวดรับเทศน์
เวลา ๑๙.๐๐ น. พระพิธีธรรม ๔ รูป สวดพระอภิธรรม
งานนี้คณะศิษยานุศิษย์เตรียมงานใหญ่เป็นกรณีพิเศษ เพราะในวันพรุ่งนี้ต้องอัญเชิญศพพระเดชพระคุณหลวงพ่อไปประดิษฐานที่มหาวิหาร
๑๐๐ เมตรด้วย ฉะนั้นที่มหาวิหาร ๑๐๐ เมตร จึงได้ตกแต่งเป็นพิเศษ เริ่มตั้งแต่บุษบกซึ่งเป็นที่ประดิษฐานศพของหลวงพ่อ
โดยมี ดร.ปริญญา นุตาลัย เป็นผู้ออกต้นแบบถวายให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อดู ท่านบอกว่า ตามใจเถอะ อย่าถามคนตายเลย แต่ท่านก็ชี้มาที่บุษบก ๓ องค์ว่า
ให้ไว้พระพุทธรูปตรงกลาง และพระโมคคัลลาน์ และพระสารีบุตรสองข้าง หลังจากนั้นหลวงพี่สามารถ
ฐานิสฺสโร เป็นผู้ถอยแบบ, เก็บรายละเอียด, ปั้นหุ่น และควบคุมการก่อสร้าง
(หมายเหตุ: "โลงแก้ว" และดอกไม้แก้ว พร้อมด้วย "ผ้าห่มทองคำ" คุณอภิชาต สุขุม และ คุณแสงเดือน พร้อมพันธุ์
พร้อมด้วยคณะ เป็นผู้ประสานในการจัดสร้างอีกด้วย - เพิ่มเติมโดย..ทีมงานเวปวัดท่าซุง)
ส่วนห้องกระจกล้อมรอบบุษบกมี คุณอภิชาต สุขุม เป็นผู้ริเริ่มและควบคุมงานนี้ หาช่างมาจัดทำเอง เสร็จเรียบร้อยเมื่อวันที่
๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖ ใช้เวลาทำเพียง ๓ วันเทานั้น พรมที่ปูในวิหารนั้นได้ คุณธเรศ สดสี น้องชายคุณโศภิษฐ์ สดสี มาปูให้ ที่จะขาดไม่ได้ก็คือ
การตกแต่งด้วยดอกไม้ มีคุณดาว ธรรมวรมล และคณะคุณศุภาพร ปุศยนาวิน และลูกหลานหลวงพ่อช่วยกันจัดทำ
สำหรับโต๊ะหมู่ตั้งดอกไม้และเครื่องบูชา และการผูกผ้าระบายภายในวิหารและนอกวิหาร ตกแต่งโดยเจ้าหน้าที่ของ ท่านเจ้าคุณโสภณศีลวงศ์
วัดพลับพลาชัย
สิ่งที่ทำให้บุษบกมีความสวยงามยิ่งขึ้นคือ โคมไฟรูปกลม ประดับแก้วเจียระไนขนาดใหญ่แขวนในบุษบก โคมไฟแก้วนี้ คุณมาลินี โชติเลขา
และลูกชาย (คุณจิรเดช โชติเลขา) เป็นผู้ถวาย
อีกอย่างหนึ่งก็คือรถอัญเชิญศพหลวงพ่อจาก ๑๒ ไร่ ไปมหาวิหาร ๑๐๐ เมตร ควบคุมการก่อสร้างโดย พระสามารถ ฐานิสฺสโร
เวลา ๑๕.๕๘ น. พระทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รุป เดินทางมาถึงวัดท่าซุง พร้อมแล้วก็ขึ้นบนอาสนสงฆ์เพื่อสวดพระพุทธมนต์
มีรายนามดังนี้
๑. พระธรรมกิตติโสภณ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
๒. พระเทพวรเวที วัดแก้วแจ่มฟ้า
๓. พระราชสุธี วัดอนงคาราม
๔. พระราชสิทธิมงคล วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
๕. พระศรีปริยัติบดี วัดสามพระยา
๖. พระศรีวิสุทธโมลี วัดชนะสงคราม
๗. พระครูอุทัยธรรมโกศล วัดสังกัสรัตนคีรี
๘. พระเมธีธรรมานันท์ วัดไร่ขิง
๙. พระวิสุทธิรังสี วัดท่ามะขาม
๑๐. พระครูอุทัยธรรมสาร วัดธรรมโฆษก
เมื่อพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป นั่งเรียบร้อยแล้ว พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ ขึ้นจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
และจุดธูปเทียนที่เครื่องทองน้อยหน้าศพหลวงพ่อ สาธุชนทุกท่านพนมมือ เสร็จแล้ว ดร.ปริญญา นุตาลัย ทายกในวันนี้นำกราบพระและอาราธนาศีล ๕
เมื่อพระอาราธนาให้ศีลจบแล้ว ทายกอาราธนาพระปริตร ต่อจากนั้นพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป สวดพระพุทธมนต์ หลังจากสวดพระพุทธมนต์แล้ว พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ ขึ้นถวายไทยทาน
เวลา ๑๖.๓๐ น . ท่านเจ้าคุณพระธรรมราชานุวัตร เจ้าคณะภาค ๓ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
เดินทางมาถึงวัดท่าซุง
เวลา ๑๖.๔๔ น. เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
ออกจากห้องพักที่ศาลา ๑๒ ไร่ เดินลงมาเพื่อแสดงพระธรรมเทศนา เจ้าประคุณสมเด็จฯ นั่งที่โต๊ะรับแขกสนทนากับพระเถรานุเถระ ในเวลาเดียวกันนี้ ดร.ปริญญา นุตาลัย
ได้ประกาศให้ญาติโยมร่วมทำบุญติดกัณฑ์เทศน์ ซึ่งเป็นแถวคอยคิวยาวเหยียดอีกเช่นเคย
เวลา ๑๖.๕๒ น. ทายกกราบอาราธนานิมนต์เจ้าประคุณสมเด็จฯ ขึ้นบนธรรมาสน์เพื่อแสดงพระธรรมเทศนา พระสงฆ์วัดอนงคาราม ๔ รูป
ขึ้นนั่งบนอาสนะเพื่อสวดรับเทศน์ เจ้าประคุณสมเด็จฯ นั่งบนธรรมาสน์เรียบร้อยแล้ว พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ ถวายน้ำดื่ม
ทายกกราบเรียนเชิญ คุณสุดจิต นิมิตกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีจุดธูปเทียน
ท่านผู้ว่า ฯ จุดธูปเทียนที่โต๊ะหมู่บูชา แล้วก็มาจุดธูปเทียนที่หน้าอาสนสงฆ์ และจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยหน้าศพหลวงพ่อ เมื่อท่านผู้ว่าฯ
จุดธูปเทียนและลงมานั่งเรียบร้อยแล้ว ทายกอาราธนาศีล ๕ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ให้ศีล
เมื่อเจ้าประคุณสมเด็จฯ ให้ศีลจบแล้ว ทายกได้กราบเรียนเชิญท่านผู้ว่าฯ จุดเทียนที่เครื่องทองน้อย เจ้าหน้าที่นำไปตั้งที่บนธรรมาสน์
หลังจากนั้นทายกอาราธนาธรรม พระธรรมเทศนาที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ แสดงวันนี้เป็นเรื่องพรหมวิหาร ๔
เมื่อเจ้าประคุณสมเด็จฯ แสดงพระธรรมเทศนาจบแล้ว ลงจากธรรมาสน์และมานั่งเป็นประธานบนอาสนะที่เดียวกับพระสงฆ์สวดรับเทศน์
เมื่อพระสงฆ์สวดรับเทศน์จบแล้ว ทายกได้อาราธนานิมนต์ พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ ถวายเครื่องกัณฑ์เทศน์แด่เจ้าประคุณสมเด็จฯ และฆราวาส ๔ ท่าน
ถวายเครื่องไทยทานแด่พระสงฆ์ สวดรับเทศน์ มี
- คุณสุดจิต นิมิตกุล
- พ.อ.(พิเศษ) สถาพร พงษ์พิทักษ์
- คุณธวัช สวนศิลป์พงศ์
- นายแพทย์วิสุทธิ์ หิรัญยูปกรณ์
เมื่อถวายเครื่องไทยทานเสร็จแล้วก็ถวายผ้ามหาบังสุกุล พระสงฆ์พิจารณาผ้ามหาบังสุกุลแล้วให้พร
วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖
วันนี้เป็นวันทำบุญครบ ๑๐๐ วันถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานอีกวันหนึ่ง เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
วัดสามพระยา เป็นองค์ประธาน
เวลา ๙.๔๙ น. เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา เดินทางมาถึงวัดท่าซุง
พระเถรานุเถระทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดอุทัยธานี และพระสงฆ์วัดท่าซุงยืนเข้าแถวต้อนรับ
เมื่อเจ้าประคุณสมเด็จฯ เดินขึ้นบนอาสนสงฆ์ แล้วกราบพระที่โต๊ะหมู่บูชา แล้วนั่งบนอาสนะที่จัดไว้ข้างแท่นพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร พระมหาเถระมี ท่านเจ้าคุณพระธรรมราชานุวัตร เจ้าคณะภาค ๓ ท่านเจ้คุณพระราชปริยัติโมลี วัดชนะสงคราม พระมหาสันติ สันติญาโณ พร้อมด้วยพระสงฆ์วัดท่าซุง
และพระอาคันตุกะเข้าไปกราบเจ้าประคุณสมเด็จฯ
เวลา ๑๐.๓๓ น. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป ขึ้นบนอาสนสงฆ์เพื่อสวดพระพุทธมนต์ มีรายนามดังนี้
๑. พระวิสุทธิวงศาจารย์ วัดเทพธิดาราม
๒. พระธรรมวโรดม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
๓. พระธรรมกิตติโสภณ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
๔. พระเทพวรเวที วัดแก้วแจ่มฟ้า
๕. พระราชสุธี วัดอนงคาราม
๖. พระศรีวิสุทธิโมลี วัดราชบูรณะ
๗. พระโสภณธรรมวงศ์ วัดอินทรวิหาร
๘. พระครูอุทัยธรรมโกศล วัดสังกัสรัตนคีรี
๙. พระอุเทศสาธุกิจ วัดอุโปสถาราม
๑๐. พระครูอุทัยธรรมสาร วัดธรรมโฆษก
เมื่อพระสงฆ์นั่งเรียบร้อยแล้ว ทายกคือ ดร.ปริญญา นุตาลัย นำญาติโยมพุทธบริษัทกราบพระและอาราธนาศีล ประธานสงฆ์ให้ศีลจบแล้วก็สวดถวายพรพระ
จบแล้วเจ้าหน้าที่นำภัตตาหารเข้าไปถวาย มีพระเถรานุเถระที่นิมนต์มาฉันเพลและรับถวายไทยทานอีก ๑ ชุด พระสงฆ์ที่นิมนต์มาจากกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
ที่นิมนต์มาร่วมงาน ๑๐๐ วันและฉันเพลและรับไทยทาน
๑. พระเทพมุนี วัดบพิตรพิมุข
๒. พระราชปริยัติโมลี วัดชนะสงคราม
๓. พระสุนทรมุนี วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม
๔. พระอุดรคณารักษ์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
๕. พระครูอุทัยคณาภิรักษ์ วัดพิชัยปุรณาราม
๖. พระโสภณศีลวงศ์ วัดพลับพลาชัย
๗. พระครูประทีปกิจจาทร วัดสุทัศน์เทพวราราม
๘. พระครูวิมลจริยาภรณ์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
๙. พระมหาสันติ สันติญาโณ วัดสุวรรณคีรี
๑๐. พระมหาเกรียงไกร เศรษฐกิตติ วัดบพิตรพิมุข
๑๑. พระศักดิ์พิตชัย ธัมมวโร วัดสามพระยา
สำหรับเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา และเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์
วัดชนะสงคราม นั่งบนอาสนะพิเศษข้างแท่นเป่ายันต์เกราะเพชร
หลังจากฉันภัตตาหารเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่นำเครื่องไทยทานเพื่อเตรียมถวาย พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ
เป็นผู้แทนฝ่ายคณะสงฆ์ถวายเครื่องไทยทาน และถวายผ้ามหาบังสุกุลแด่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
และเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์
ผู้แทนฝ่ายฆราวาส ถวายเครื่องไทยทานและผ้ามหาบังสุกุลมี
๑. พล ร.อ.จิตต์ สังขดุลย์
๒. พล อ.อ.อาทร โรจนวิภาต
๓. พล อ.ท. ม.ร.ว.เสริม ศุขสวัสดิ์
๔. พล ต.ท. นายแพทย์สมศักดิ์ สืบสงวน
๕. พล อ.ต.มนูญ ชมพูทีป
๖. คุณสุดจิต นิมิตกุล
๗. พล ต.ต.วิฑูรย์ ศิริพาภ
๘. พ.อ.(พิเศษ) สถาพร พงษ์พิทักษ์
๙. น.ต.ประชา สิกวานิช ร.น.
๑๐. ดร.สุวรรณ วีระผล
เมื่อทอดผ้ามหาบังสุกุลเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป ให้พร เจ้าประคุณสมเด็จฯ และผู้แทนฝ่ายฆราวาส ๑๐ ท่าน กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล
ทายกนำกราบพระ เสร็จแล้วพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป ลงจากอาสนสงฆ์ ต่อจากนั้นพระสงฆ์จากจังหวัดอุทัยธานี ๑๐ รูป ขึ้นบนอาสนสงฆ์เพื่อสวดมาติกา
มีรายนามดังนี้
๑. พระครูอุเทศพัฒนโกศล วัดกลางเขา
๒. พระมหานิพนธ์ สุภธัมโม วัดธรรมโสภิต
๓. พระมหาสมคิด โชติโก วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม
๔. พระครูอุทิตศุภการ วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม
๕. พระครูอุทัยกาญจนคุณ วัดพิชัยปุรณาราม
๖. พระธรรมธรสมจิต ธัมมทินโน วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม
๗. พระปลัดจรูญ ฐานสุโภ วัดใหม่จันทราราม
๘. พระปลัดสุราษฎ์ ธัมมิโก วัดสังกัสรัตนคีรี
๙. พระสมพงษ์ ปสันจิตโต วัดพิชัยปุรณาราม
๑๐. พระมหาชลอ อคัคปัญโญ วัดพิชัยปุรณาราม
เมื่อพระสงฆ์ ๑๐ รูป สวดมาติกาจบแล้ว ตัวแทนฝ่ายฆราวาส ๑๐ ท่าน ขึ้นทอดผ้าบังสุกุล มีรายนามดังนี้
๑. คุณนวลน้อย โลห์พันธ์ศรี
๒. คุณนิพัทธา อมาตยกุล
๓. พ.อ.(พิเศษ) แพทย์หญิงวีวรรณ คำนวณกิจ
๔. พ.ต.อ.(พิเศษ) แพทย์หญิงวิรัตนา เจริญพงศ์
๕. น.ต.อรุณ สิกวานิช ร.น.
๖. คุณอุ้มพร ประมุขสวรรค์
๗. ม.ล.เอื้อมสุขย์ กิติยากร
๘. คุณเดือนฉาย คอมันตร์
๙. ม.ล.จีรศักดิ์ ศุขสวัสดิ์
๑๐. (ไม่ทราบชื่อ)
เมื่อพระสงฆ์พิจารณาผ้าบังสุกุลแล้ว ให้พรเป็นเสร็จพิธี
พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ ได้อาราธนานิมนต์เจ้าประคุณสมเด็จฯ ไปพักที่มหาวิหาร ๑๐๐ เมตร โดยมีพระปลัดวิรัช โอภาโส และพระอาจินต์ ธัมมจิตโต ตามไปคอยปรนนิบัติรับใช้
เมื่อเจ้าประคุณสมเด็จฯ ไปแล้ว ทางด้านศาลา ๑๒ ไร่ ก็เตรียมจัดกระบวน เพื่อที่จะแห่อัญเชิญศพหลวงพ่อออกจากศาลา ๑๒ ไร่ ทางประตูด้านทิศเหนือ
เลี้ยวขวาออกสู่ถนนหน้าศาลา ๑๒ ไร่ เลี้ยวซ้ายออกถนนอุทัย มโนรมย์ รูปกระบวนจัดเป็นดังนี้
ชุดที่ ๑ วงโยธวาทิตของนักเรียนโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา
ชุดที่ ๒ ขบวนอัญเชิญธงชาติและธงธรรมจักร
ชุดที่ ๓ คณะศิษย์แต่ละจังหวัดแต่ละคณะที่มาในงาน รวมทั้งศูนย์ฯ และสาขาของหลวงพ่อด้วย
ถือป้ายชื่อของแต่ละจังหวัดแต่ละคณะ ถือธงชาติ และธงธรรมจักรนำขวนแต่ละชุด
รายชื่อคณะศิษย์ชุดต่างๆ มีดังนี้
1.คณะศิษย์ภาคเหนือ
2.คณะศิษย์ภาคอีสาน
3.คณะศิษย์ภาคตะวันออก
4.คณะศิษย์ภาคใต้
5.คณะศิษย์สายลม (ภาคกลาง)
6.คณะศิษย์กาญจนบุรี
7.คณะศิษย์ฉะเชิงเทรา
8.คณะศิษย์ตาก
9.คณะศิษย์นครราชสีมา
10.คณะศิษย์ประจวบคีรีขันธ์
11.คณะศิษย์พิษณุโลก
12.คณะศิษย์ราชบุรี
13.คณะศิษย์สมุทรปราการ
14.คณะศิษย์สุราษฎร์ธานี
15.คณะศิษย์ค่ายธนะรัชต์
16.คณะศิษย์ท่าชัย
17.คณะศิษย์ท่าลาน
18.คณะศิษย์บ้านฉาง
19.คณะศิษย์ปลาร้าโคราช
20.คณะศิษย์วัดพระแก้ว
21.คณะศิษย์หัวหิน
ชุดที่ ๔ ขบวนชุดไทยโบราณ ถือดอกบัวเงิน ดอกบัวทอง
ชุดที่ ๕ ขบวนชุดเทวดา นางฟ้า พรหม ถือธูปแพ เทียนแพ
ทั้งสองชุดนี้เป็นนักเรียนของโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา จำนวน ๔๐ คน
ชุดที่ ๖ ชุดอัญเชิญพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม ประดิษฐานบนเสลี่ยง มีคนหาม ๔ คน ถือสัปทน ๑
คน
ชุดที่ ๗ ชุดพระนำศพ มีพระธรรมวโรดม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม โปรดเมตตาทำหน้าที่นี้
ท่านนั่งบนเสี่ยง มีคนหาม ๘ คน ถือสัปทน ๑ คน และมี น.พ.วิสุทธิ์ หิรัญยูปกรณ์ เป็นผู้อัญเชิญพระ
ชุดที่ ๘ ชุดอัญเชิญพวงมาลาพระราชทาน มี
๑. พล ต.ศรีพันธ์ วิชชุพันธ์
๒. พ.อ.(พิเศษ) สถาพร พงศ์พิทักษ์ เป็นผู้อัญเชิญ
ชุดที่ ๙ ชุดอัญเชิญรูปหลวงพ่อ มีคุณรัฐฎา บุนนาค และม.ล.จีรเศรษฐ์ ศุขสวัสดิ์
ชุดที่ ๑๐ ชุดอัญเชิญตราตั้ง พัดยศ และบริขารของหลวงพ่อ มี
- พล อ.ต.มนูญ ชมพูทีป อัญเชิญตราตั้ง
- พล อ.อ.อาทร โรจนวิภาต อัญเชิญพัดยศ
- พล ต.ท. นายแพทย์สมศักดิ์ สืบสงวน อัญเชิญผ้าไตรบนพานแว่นฟ้า
- น.ต.ประชา สิกวานิช ร.น. อัญเชิญบาตร
- ดร.สุรรณ วีระผล อัญเชิญเครื่องทองน้อย
ชุดที่ ๑๑ ขบวนรถศพหลวงพ่อ โดยอัญเชิญโลงแก้วหลวงพ่อประดิษฐานบนรถที่ตกแต่งสวยงาม มีคณะนายทหารจูงเชือกหน้ารถศพหลวงพ่อ
พ.ต.ท.อรรณพ กอวัฒนา เป็นพลขับบังคับเลี้ยว มีคณะศิษย์หลวงพ่อที่เคยปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อใกล้ชิด นำโดย พล อ.ท. ม.ร.ว.เสริม ศุขสวัสดิ์
เดินขนาบข้างซ้ายข้างขวา มีสารวัตรทหารคุ้มกันทั้งสองข้าง และด้านหลังมีลูกศิษย์หลวงพ่อผู้ชายแต่งชุดขาวถือเชือกรั้งหลัง
ชุดที่ ๑๒ ขบวนพระเถระนุเถระ, พระสงฆ์ วัดท่าซุง พระอาคันตุกะ โดยมีพระเดชพระคุณพระธรรมราชานุวัตร
เจ้าคณะภาค ๓ และพระเดชพระคุณพระราชปริยัติโมลี ถือธูปเทียนแพเป็นผู้นำขบวน
ชุดที่ ๑๓ ขบวนข้าราชการในจังหวัดอุทัยธานี มีคุณสุดจิต นิมิตกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีเป็นผู้นำขบวน
ชุดที่ ๑๔ขบวนแขกผู้ใหญ่, แขกรับเชิญ, แขกทั่วไปแต่งชุดขาว ถือธูปเทียนแพ มีคุณเดือนฉาย คอมันตร์
ถือเครื่องทองน้อยนำขบวน
ชุดที่ ๑๕ คณะพุทธบริษัท ศิษยานุศิษย์ เดินตามขบวน
ขบวนอัญเชิญศพหลวงพ่อ เคลื่อนไปอย่างช้าๆ วงโยธวาทิตเดินแบบสโลว์มาร์ช หัวขบวนถึงโรงพยาบาลแล้ว แต่ท้ายขบวนเพิ่งออกจากประตูศาลา
๑๒ ไร่ ขบวนยาวมาก ในขณะที่เคลื่อนขบวนอัญเชิญศพหลวงพ่อ มีรุ้งปรากฏบนท้องฟ้า ทอดข้ามจากฝั่งแม่น้ำสะแกรัง ด้านตรงข้ามวัด ครอบคลุมมาถึงมหาวิหาร ๑๐๐ เมตร
เป็นที่อัศจรรย์มาก
วงโยธวาทิตผ่านโรงพยาบาลแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางเข้ามหาวิหาร ๑๐๐ เมตร แล้วมาหยุดอยู่ที่ข้างบันไดหน้ามหาวิหาร ๑๐๐ เมตร ยังบรรเลงเพลงตลอดไป
ขบวนธงชาติ ธงธรรมจักร แยกออกสองข้างรอรับศพหลวงพ่อ
ขบวนชุดไทยโบราณ เทวดา นางฟ้า พรหม มาถึงหน้าบันไดแล้ว แยกออกสองข้างยืนหันหน้าเข้าหากัน ถือดอกบัวพนมมือ และถือธูปเทียนแพคอยรับรถศพหลวงพ่อเช่นกัน
ขบวนอัญเชิญพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมมาถึงหน้าบันไดแล้ว ลดคานหามเสลี่ยงลง นายแพทย์วิสุทธิ์ หิรัญยูปกรณ์ อัญเชิญพระสมเด็จองค์ปฐมเข้าไปในมหาวิหาร ๑๐๐
เมตร ประดิษฐานไว้บนโต๊ะหมู่บูชา
ท่านเจ้าคุณพระธรรมวโรดม ลงจากเสลี่ยงแล้ว เดินเข้าไปพักภายในมหาวิหาร ๑๐๐ เมตร พระปลัดวิรัช โอภาโส ให้การต้อนรับและอยู่สนทนากับท่าน
ชุดอัญเชิญพวงมาลาพระราชทาน ได้อัญเชิญพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ขึ้นวางที่ที่ตั้งด้านหน้าบุษบก
ชุดอัญเชิญรูปหลวงพ่อ นำรูปไปตั้งไว้ด้านข้างของบุษบก
ชุดอัญเชิญตราตั้ง พัดยศ เครื่องอัฏฐบริขาร นำเข้าไปไว้ในห้องกระจกด้านฐานของบุษบก
เมื่อรถศพหลวงพ่อมาถึงหน้าบันไดแล้ว เจ้าหน้าที่ได้อัญเชิญหีบศพเข้าภายในมหาวิหาร ๑๐๐ เมตร และอัญเชิญขึ้นบนบุษบก
เจ้าหน้าที่ปิดม่าน เมื่อประดิษฐานศพหลวงพ่อบนบุษบกเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่เปิดม่าน
ตอนนี้เองใครเห็นก็ต้องตะลึง เพราะบุษบกทำอย่างวิจิตรบรรจง สีทองประดับเพชรสุกปลั่ง มีโคมไฟช่อใหญ่แขวนอยู่เหนือโลงแก้วของหลวงพ่อ
และมีพระพุทธรูปอยู่ในบุษบกกลาง เหนือโลงแก้วของหลวงพ่อ มีพระอัครสาวกเบื้องซ้าย เบื้องขวาอยู่ในบุษบก
ข้างซ้ายและข้างขวาของบุษบกพระพุทธรูปมีห้องกระจกล้อมรอบบุษบกอีกชั้นหนึ่ง
เมื่อพระสงฆ์และฆราวาสนั่งในมหาวิหาร, ที่ระเบียงพระปัจเจกพุทธเจ้าและตามเต็นท์ต่างๆ เรียบร้อยแล้ว เวลา ๑๔.๐๕ น. เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เดินออกมาจากห้องพัก พระเถรานุเถระแสดงความเคารพ เมื่อเจ้าประคุณสมเด็จฯ นั่งเรียบร้อยแล้ว
ท่านจ้องมองดูแต่ที่บุษบกหลวงพ่อ
เวลา ๑๔.๑๐ น. เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เดินออกมาจากห้องพัก
ท่านนั่งพักที่โต๊ะรับแขกครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นเดินไปที่ธรรมาสน์ เพื่อแสดงพระธรรมเทศนา พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป มีพระเดชพระคุณพระธรรมราชานุวัตร เป็นหัวหน้าขึ้นนั่งบนอาสนสงฆ์ อีก ๙ รูปมีรายนามดังนี้
๑. พระราชปริยัติโมลี วัดชนะสงคราม
๒. พระราชสุธี วัดอนงคาราม
๓. พระศรีวิสุทธิโมลี วัดราชบูรณะ
๔. พระมหาสันติ สันติญาโณ วัดสุวรรณคีรี
๕. พระประจวบ สันติปัภสโส วัดโพธิ์สุทธาวาส
๖. พระหย่งศรี ฐิตวีโร สำนักสงฆ์เขาพวงทอง
๗. พระบุญเริ่ม ธัมมกาโม วัดสุขุมาราม
๘. พระบรรพต ฐิตปัญโญ วัดโพธิ์สุทธาวาส
๙. พระทองหล่อ สุจิณณธัมโม วัดสุขุมาราม
เมื่อเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ และพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูปนั่งเรียบร้อยแล้ว
เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ลุกจากอาสนะ เดินไปจุดธูปเทียนที่โต๊ะหมู่บูชา ทุกคนในที่ประชุมพนมมือ เสร็จแล้วเจ้าประคุณสมเด็จกราบพระ
แล้วมานั่งยังที่รับรองอีกครั้ง
ทายกคือ ดร.ปริญญา นุตาลัย นำกราบพระและอาราธนาศีล เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ให้ศีล จบแล้วทายกอาราธนาธรรม
ต่อจากนั้นก็เป็นการเทศน์ของเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เป็นการเทศน์ปิดศพ (คือปิดการบำเพ็ญกุศลครบ ๑๐๐ วัน)
เวลา ๑๔.๔๘ น. เทศน์จบ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์
ลงจากธรรมาสน์มานั่งหัวแถวที่อาสนะที่พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป นั่งอยู่ก่อนแล้ว
ต่อจากนั้นเป็นการสวดรับเทศน์ โดยใช้บทสวดคาถาศราทธพรต จบแล้วพระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ
เป็นผู้ถวายเครื่องกัณฑ์เทศน์แด่เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ มีธูปเทียนแพและบายศรีด้วย
ผู้ถวายฝ่ายฆราวาสถวายเครื่องไทยทานแด่พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ มีรายนามดังนี้
๑. พล ร.อ.จิตต์ สังขดุลย์
๒. พล อ.อ.อาทร โรจนวิภาต
๓. พล อ.ท. ม.ร.ว.เสริม ศุขสวัสดิ์
๔. พล ต.ท.นายแพทย์สมศักดิ์ สืบสงวน
๕. พล อ.ต.มนูญ ชมพูทีป
๖. คุณสุดจิต นิมิตกุล (ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี)
๗. พล ต.ต.วิฑูรย์ ศิริพาภ
๘. พ.อ.(พิเศษ) สถาพร พงษ์พิทักษ์
๙. น.ต.ประชา สิกวานิช ร.น.
๑๐. ดร.สุวรรณ วีระผล
เมื่อถวายเครื่องไทยทานและผ้าบังสุกุลแล้วพระสงฆ์ให้พร ผู้แทนฝ่ายฆราวาส ๑๐ ท่าน กรวดน้ำอุทิศกุศลถวายแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ เวลา ๑๕.๐๑ น. พระสงฆ์ให้พรจบ
หลังจากนั้นจึงเปิดโอกาสให้บรรดาพุทธบริษัท และลูกศิษย์ลูกหลานของหลวงพ่อทำบุญกับเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ โดยจัดเข้าแถวเรียงหนึ่ง
ผู้ที่ทำบุญได้รับแจกพระรุ่นพิเศษคนละ ๑ องค์
เวลา ๑๖.๐๐ น. เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เดินทางกลับ พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ
พระปลัดวิรัช โอภาโส พระอาจินต์ ธัมมจิตโต ไปส่งที่รถ หลังจากเจ้าประคุณสมเด็จฯ กลับแล้ว พระเถรานุเถระต่างทยอยกลับ
นับได้ว่าคณะศิษยานุศิษย์และลูกหลานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
ได้ทำหน้าที่ในฐานะผู้มีกตัญญูกตเวทีต่อองค์ท่านผู้เป็นบุพการีได้สำเร็จลุล่วงไปส่วนหนึ่งแล้ว
จบประมวลงานพิธีบำเพ็ญกุศลครบ ๗ วัน, ๕๐ วัน, ๑๐๐ วัน
ถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ณ ศาลา ๑๒ ไร่
◄ll กลับสู่สารบัญ
puy - 6/10/10 at 15:36
05
(update 6-10-2553)
ขบวนรถเที่ยวสุดท้าย
พระชัยวัฒน์ อชิโต
ณ สถานีรถไฟแห่งหนึ่ง
ภายในบริเวณ เนืองแน่นไปด้วยผู้คน ต่างก็ทยอยกันมาเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปกับขบวนรถ ซึ่งจอดเทียบชานชาลาสถานีอยู่
เพื่อรอเวลาที่จะเคลื่อนขบวนออกจากสถานี ไปยังจุดหมายปลายทางตามที่ตนต้องการ
ผู้โดยสารชายหญิง ต่างพากันเข้าแถวเพื่อรอซื้อตั๋วโดยสาร ผู้ที่มีตั๋วแล้วได้พากันไปขึ้นขบวนรถ เพื่อจับจองหาที่นั่งของตนให้เป็นที่เรียบร้อย
โดยเฉพาะขบวนรถนี้ เป็นขบวนรถเที่ยวสุดท้ายจำเป็นต้องพ่วงตู้โบกี้ไว้หลายตู้ด้วยกัน จึงเป็นภาระหนักของผู้นำขบวนรถนี้
แต่ผู้โดยสารที่ร่วมเดินทางไปกับขบวนรถเที่ยวนี้ ต่างก็มีจุดหมายปลายทางไม่เหมือนกัน ทั้งนี้แล้วแต่ทุนรอนของแต่ละคนว่าจะมีพอไปได้แค่ไหน
บางคนก็ไปได้ถึงจุดหมายปลายทาง บางคนต้องลงพักระหว่างทาง เพื่อสะสมทุนไว้รอรถขบวนเที่ยวต่อไป
ขณะที่ยังไม่ถึงเวลานั้น ทุกคนต่างก็นั่งรอด้วยใจจดใจจ่อ มองเห็นผู้ที่มาภายหลังก็กำลังยืนรอซื้อตั๋วอยู่
สังเกตได้ว่ามีผู้คนทยอยเข้ามาภายในสถานีแห่งนี้ มีจำนวนเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ จนภายในสถานีแทบจะไม่มีที่จะเดิน ชานชาลาแออัดไปด้วยฝูงชน
เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังเซ็งแซ่ไปหมด...
ขออภัย...! ระหว่างรอเวลาอย่าเพิ่งนั่งหลับเพลิน ที่อารัมภบทมาเสียยืดยาวนี้ ผู้อ่านทุกท่านคงจะพอเดาได้
ผู้นำขบวนรถที่จะนำผู้โดยสารไปกับท่านนี้มิใช่ใครอื่น ต้องเป็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อของพวกเรา ตู้โบกี้ของท่านที่พ่วงไปจึงมีหลายตู้
เพราะผู้โดยสารมีหลายประเภทด้วยกัน
โดยเฉพาะขบวนรถเที่ยวสุดท้ายของท่านนี้ นอกจาก
คณะของท่านเองแล้ว
ยังต้องมีภาระคณะของท่านปู่พระอินทร์
คณะของหลวงปู่ปาน
คณะของสมเด็จองค์ปัจจุบัน
และในเวลานี้จะมีภาระคณะของพระศรีอาริยเมตไตรย
นับเป็นแสนคนอีกด้วย จึงนับว่าเป็นขบวนรถที่ยาวไม่ใช่น้อย...
คุณประโยชน์ของหนังสือ ลูกศิษย์บันทึก
เรื่องนี้ทำให้นึกถึงวันที่ ท่านศาสตราจารย์ ดร.ปริญญา นุตาลัย ซึ่งเป็นผู้ริเริ่ม พร้อมทั้งผู้ร่วมงานหลายท่าน เช่น คุณโศภิษฐ์ สดสี (เหมี่ยว) เป็นต้น ได้นำหนังสือ ลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๓
ไปถวายหลวงพ่อดูเป็นตัวอย่างที่บ้านสายลม ในโอกาสที่หนังสือเพิ่งจะพิมพ์เสร็จ
หลวงพ่อท่านได้กล่าวกับท่าน ดร.ปริญญา ว่า
หนังสือเล่มนี้ จะช่วยให้คน ๗๐๐,๐๐๐ คน ไปนิพพานได้ง่ายขึ้น...
จึงเป็นอันว่า การระดมนักเขียน (จำเป็นทั้งหลาย) เพื่อร่วมกันเปิดเผยความประทับใจในคุณวิเศษของพระเดชพระคุณหลวงพ่อของเรา นับว่ามีผลอย่างมหาศาล
จัดว่าเป็น ธรรมทาน อันยิ่งใหญ่ ในการช่วยกระตุ้นกำลังใจ ให้เกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น
อีกทั้งเป็นการแลกเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อกัน ช่วยสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ในคณะศิษยานุศิษย์
ทำให้เกิดความรู้สึกผูกพันกว่าพวกเราทุกคนต่างก็เป็นศิษย์ร่วมสำนักครูบาอาจารย์เดียวกัน เหมือนกับว่าทุกคนได้เคยเดินทางร่วมกันไปกับขบวนรถเดียวกันฉะนั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูกศิษย์ของหลวงพ่อมีมากเหลือเกิน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ตลอดทั่วทุกภาคของประเทศไทย บางคนอยู่ไกลไปถึงต่างประเทศ
ทำให้ไม่สามารถจะรู้จักกันได้อย่างทั่วถึง บางท่านก็เพียงรู้จักหน้าตากันเท่านั้น
แต่เพราะอาศัย หนังสือลูกศิษย์บันทึก เป็นสื่อสัมพันธ์ จึงทำให้ได้รู้จักกันโดยปริยาย ทำให้ทราบประวัติความเป็นมา
ก่อนที่จะได้มาเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน แต่บางท่านเห็นรูปถ่ายในหนังสือแล้ว ต้องนั่งนึกภาพอยู่นานจึงจะถึงบางอ้อ...! เพราะรูปถ่ายนี้คงจะถ่ายไว้เมื่อ ๒๐
๓๐ ปีก่อนเห็นจะได้...
จึงนับว่าหนังสือเล่มนี้มีคุณประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง จะบรรยายความจริงไปก็คงจะไม่หมด จึงขอลงเอาดื้อๆ ว่า
... ขอโมทนากับทุกท่านก็แล้วกันนะ ทั้งท่านที่เป็นผู้ริเริ่มจัดทำ และท่านผู้เขียนที่ส่งมาร่วมกัน
มีบางท่านก็ถวายทุนทรัพย์มาช่วยจัดพิมพ์ด้วย
แต่ความจริงหลวงพ่อเป็นองค์อุปถัมภ์อยู่แล้ว ท่านจึงสั่งพิมพ์ไว้ให้มากๆ เพื่อให้เหลือไว้เป็นประวัติของวัดต่อไป
จึงนับว่าเป็นสารประโยชน์ ทั้งในปัจจุบันและอนาคตเป็นอย่างดี
ด้วยเหตุนี้เอง ผู้เขียน ซึ่งได้ทำหน้าที่ไว้ในเล่มแรกมาบ้างแล้ว ต่อมาในเล่มที่ ๒ และเล่มที่ ๓
ได้ทำหน้าที่เป็นแต่เพียง ผู้อ่าน เท่านั้น จำเป็นต้องจับปากกาขึ้นมาเขียนอีก
ทั้งนี้ เนื่องจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระราชพรหมยาน ถึงแก่กาลมรณภาพไปตามอายุสังขาร
ผู้เขียนจึงถือโอกาสนี้เขียนขึ้นเพื่อน้อมถวายกุศล แทนเครื่องสักการบูชาอีกครั้งหนึ่ง จึงขอเริ่มเรื่องกันเลยดังนี้...
ช่างไฟจำเป็น
ตามปกติผู้เขียนไม่เคยมีความรู้ในทางช่างไฟฟ้ามาก่อน แต่สาเหตุที่จะต้องมาเป็น ช่างไฟจำเป็น นั้น ก็เพราะการตายของ
เจ๊จันทนา เป็นเหตุ (ต้องขออภัยที่เรียก เจ๊ เพราะเขานิยมเรียกกันอย่างนั้น)
โดยในปลายเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๒ หลังจากทราบข่าวเสียชีวิตแล้ว มีผู้มาเล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อได้บอกไว้ที่บ้านสายลมว่า
เจ๊จันทนาสามารถไปนิพพานได้ ขณะที่จิตออกไปจากร่างกายนั้น มีรัศมีกายสวยสว่างมาก ด้วยอานิสงส์ทีได้ถวายโคมไฟระย้าไว้ภายในวิหาร ๑๐๐
เมตรนั่นเอง
เรื่องนี้ทุกคนคงจะทราบดี บางคนที่ได้มโนยิทธิก็ยืนยันว่าเป็นจริงตามนั้น ส่วนพระบางองค์ท่านปรารภว่า เราเป็นพระคงจะไม่มีทุนพอที่จะทำให้เหมือนเขาได้ ถึงกับคิดกันว่า การที่โคมไฟระย้าจะสว่างขึ้นได้นั้น จะต้องอาศัยเครื่องปั่นไฟฟ้า
บางองค์ท่านก็บอกว่า เครื่องปั่นไฟฟ้าถ้าไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิง ก็ไม่สามารถทำงานได้
รวมความว่าต่างองค์ต่างหาวิธีตามที่กล่าวมานี้
ส่วนผู้เขียนก็ได้ร่วมทำบุญทุกอย่างเหมือนกัน แต่ยังไม่จุใจ จึงคิดในใจว่า ถ้าเราได้มีโอกาสทำด้วยแรงกาย เช่นเดินสายไฟด้วยก็จะดี
จะได้มีอานิสงส์ในด้านแสงสว่างยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่ได้หวังอะไร จึงมิได้คุยให้ใครฟังเลย
เพราะว่าในขณะนั้น ทางวัดได้ว่าจ้างช่างไฟฟ้าไว้ประจำ และทำกันมานานนับสิบปีแล้ว เราคงจะไม่มีโอกาสเสียแล้ว หลังจากที่คิดไว้ในใจอยู่ไม่นาน
วันหนึ่งผู้เขียนก็ได้ทราบข่าวจาก หลวงพี่พระใบฎีกาประทีปมาบอกว่า
หลวงพ่อให้พระเดินสายไฟ...
ผู้เขียนได้ยินเช่นนั้นจึงรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสตามที่คิดไว้ ทั้งที่ไม่นึกว่าจะเป็นไปได้
ตามเหตุผลที่กล่าวมาแล้ว และรู้สึกฉงนใจเป็นอย่างมาก ที่เรื่องนี้เราคิดไว้แต่เพียงในใจเท่านั้น ไม่เคยปรารภกับใครในเรื่องนี้เลย
ดังนั้น เมื่อท่านเปิดโอกาสให้เช่นนี้ ผู้เขียนจึงได้ถือโอกาสนี้ไปหัดเดินสายไฟรอบทางเดินวิหาร ๑๐๐ เมตร และที่อาคาร ๒๕ ไร่ โดยเริ่มงานในพรรษาปี ๒๕๓๒
หลังจากนั้นทางวัดก็มิได้จ้างช่างไฟฟ้าไว้เลย โดยให้พระภายในวัดทำแทนตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา...
ถวายสังฆทานเพราะนางฟ้า
เหตุเกิดต้นเดือนกันยายน ปี พ.ศ.๒๕๓๓ เมื่อผู้เขียนได้มีโอกาสเดินทางไปที่บ้านสายลม หลังจากหลวงพ่อสอนกรรมฐานประจำเดือนแล้ว
ในตอนเช้าของวันอังคารที่จะเดินทางกลับวัด ขณะที่พระกำลังนั่งฉันภัตตาหารเช้าอยู่ภายในบ้านท่านเจ้ากรมเสริม
คุณโยมปรุง ตุงคะเศรณี ได้ลงมาจากห้องของหลวงพ่อ ซึ่งเป็นเวลาที่ท่านฉันเสร็จแล้ว
ได้มาเล่าให้พระที่กำลังนั่งฉันฟังว่า
ในตอนกลางคืนของวันจันทร์ หลังจากหลวงพ่อสอนกรรมฐานเสร็จแล้ว ก็มีการถวายสังฆทาน ก่อนที่จะมีการถามตอบปัญหาธรรมต่อไป
ปรากฏว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งใส่ชุดขาว หิ้วของสังฆทานเข้ามาถวายหลวงพ่อ
หลวงพ่อท่านได้เล่าให้ฟังว่า ในขณะนั้นท่านมองเห็นผู้หญิงคนนี้เดินเข้ามาแต่ไกล ก็มีความสงสัย จึงคิดว่าเป็นท่านแม่ศรี
หรือเป็นเจ๊จันทนา (เวลานั้นเจ๊จันทนาเสียชีวิตแล้ว) แต่ทว่าท่านแม่ศรีและเจ๊จันทนาก็ยังอยู่ข้างๆ ท่าน
ในเวลานั้นใกล้ที่จะถามปัญหากันแล้ว คนที่ถวายสังฆทานยังเดินมาเรื่อยๆ แต่ไม่มาก ในขณะที่หลวงพ่อนั่งก้มหน้ารับสังฆทาน
ผู้หญิงคนนั้นก็เดินเข้ามาถวาย เมื่อเธอถวายแล้วก็หมุนตัวเดินตามคนอื่นออกไป หลวงพ่อแหงนหน้าขึ้นมาจะมอง ปรากฏว่าไม่เห็นตัวเสียแล้ว
รุ่งขึ้นเช้าของวันอังคาร หลวงพ่อกำลังจะเข้าห้องน้ำ ท่านย่ามาถามหลวงพ่อว่า
รู้ไหมว่าคนเมื่อคืนนี้เป็นใคร?
เมื่อหลวงพ่อตอบว่าไม่รู้
ท่านย่าจึงบอกว่า เธอเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ กำลังจะตัดไปนิพพานเลย แต่ขาด ทานบารมี อยู่นิดหน่อย
จึงได้ลงมาถวายสังฆทานกับท่าน...
เรื่องนี้ผู้เขียนก็ได้สอบถามท่านอาจินต์ ซึ่งในเวลานั้นนั่งอยู่ข้างหลวงพ่อ ท่านอาจินต์บอกว่าเห็นเหมือนกัน เป็นผู้หญิงหน้าตาดีใส่ชุดขาว
โยมปรุงเป็นผู้เล่าถึงกับบอกว่า ต่อไปถ้าผมมาบ้านสายลมทุกเดือน ผมจะต้องถวายสังฆทานทุกครั้ง หลังจากหลวงพ่ออกจากสมาบัติแล้ว ซึ่งรวมทั้งผู้เขียนเองด้วย
บางทีก็ฝากเขาเข้าไปด้วยคิดว่า
นางฟ้าท่านมีใจเป็นทิพย์ ท่านต้องรู้วาระดีว่า เวลาไหนควรจะทำบุญแล้วได้อานิสงส์มาก ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ของมาก
จะเป็นของน้อยหรือของมากไม่สำคัญ ขอให้ทำบ่อยๆ ให้ถูกกาลเวลา ก็จะได้อานิสงส์มาก เช่นเดียวกับท่านเป็นตัวอย่าง
ผู้เขียนถือเรื่องนี้เป็นเครื่องเตือนใจ โดยคิดว่า ท่านเป็นนางฟ้ายังอุตส่าห์ย่องมาทำบุญได้ เราเป็นคนทั้งทียังมีชีวิตอยู่
ยังมีโอกาสสร้างความดี บางทีอาจจะมีมากกว่าท่านก็ได้ ทำไมถึงจะต้องปล่อยโอกาสให้พลาดไปเช่นนี้ ใช่ไหมล่ะ...ท่านผู้อ่าน!
หลวงพ่อสงเคราะห์ผู้ที่จะลงข้างล่าง
อีกประการหนึ่ง ในเรื่องการสงเคราะห์ของหลวงพ่อ ท่านมิใช่จะสงเคราะห์เฉพาะเพียงแค่นี้ แม้แต่ผีที่ตายไปแล้ว ที่ได้รับความทุกข์ยากลำบาก
ท่านก็มีส่วนช่วยอนุเคราะห์ด้วย ยกตัวอย่างเช่น
ในวันทำบุญออกพรรษาเมื่อปี ๒๕๓๓ ขณะที่ท่านเทศน์บนธรรมาสน์ให้ญาติโยมทั้งหลายฟังที่ศาลาพระพินิจอยู่นั้น ท่านได้เล่าให้ฟังว่า
ในเวลานี้มีผีมาขอส่วนบุญจำนวน ๗๐๐,๐๐๐ คนเศษ
หลวงพ่อจึงได้ถามหัวหน้าที่มาว่า วันนี้ตามวัดต่างๆ เขาก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตาย ทำไมไม่ไปที่อื่นกันล่ะ?
ผู้เป็นหัวหน้าตอบว่า กลุ่มอื่นที่เขาแยกไปก็มีบ้าง ไปตามแต่ละสายของเขา แต่ส่วนใหญ่พวกผมตั้งใจมาที่นี่โดยเฉพาะครับ
เมื่อพวกเขาเหล่านั้นอนุโมทนาส่วนกุศล ที่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายอุทิศให้แล้ว หลวงพ่อจึงได้บอกว่า จำนวนทั้งหมดที่มานี้ ๑
ใน ๔ ส่วนไปอยู่ชั้นยามา ส่วนที่เหลือทั้งหมดไปชั้นดาวดึงส์
ต่อมาได้มีการบำเพ็ญกุศลเนื่องใน วันมาฆบูชา ซึ่งตรงกับวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๔ ในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน อันเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
หลวงพ่อบอกว่า วันนี้พระยายมไม่ทำงาน ได้ปล่อยบรรดาพวกที่ตายไปแล้ว ที่รอการสอบสวนมาคอยรับการโมทนา ประมาณล้านคนเศษ
เมื่อทุกคนที่บำเพ็ญกุศลแล้ว ได้อุทิศส่วนกุศลนั้นให้ทันที หลวงพ่อจึงได้บอกว่า ๓ ใน ๔ ส่วนนี้ เป็นเทวดาและนางฟ้าทั้งหมด
แต่มีอีก ๓ คน มีกรรมหนักเพราะฆ่าควายไว้ หลวงพ่อต้องแผ่บุญพระกรรมฐานให้ จึงพอจะช่วยได้ (ข้อมูลเหล่านี้บันทึกไว้โดย พระใบฎีกาเล็ก)
จึงจะเห็นได้ว่า หลวงพ่อมีความเมตตาอนุเคราะห์ ไม่ว่าผีหรือคน หรือแม้กระทั่งสัตว์เดรัจฉาน อย่างน้อยก็สงเคราะห์ให้ไปเกิดบนสวรรค์ได้
ในวัดนี้ท่านจึงสั่งให้พระเลี้ยงสุนัข ท่านบอกว่า มันเป็นด่านป้องกันเราไม่ให้ลงนรกได้...
หลวงพ่อสงเคราะห์ผู้ที่มาจากข้างบน
ส่วนอีกกรณีหนึ่ง คือผู้ที่มาจากสวรรค์หรือพรหมอีกล่ะ ท่านมีส่วนช่วยสงเคราะห์ด้วยหรือไม่...ท่านผู้อ่านคงจะคิดว่า พวกที่มาเกิดเป็นคนใช่ไหมล่ะ....
เรื่องมาเกิดเป็นคนนั้นไม่มีปัญหา แต่มาเกิดเป็น หมา หรือสุนัขนี่ซิ...ที่มีปัญหา
เพราะอะไรล่ะ.. เพราะเหตุว่าท่านมิได้มองแต่กายภายนอกของมันเท่านั้น แต่ท่านมองเข้าไปถึงใจ โดยย้อนกลับไปถึงในอดีต
ถ้าท่านผู้อ่านได้อ่านบันทึกในตอนนี้แล้ว ท่านจะเข้าใจยิ่งขึ้นว่า ทำไมหลวงพ่อจึงให้ความอนุเคราะห์เป็นอย่างดี ทั้งที่อยู่หลับนอน
ถึงกับตั้งกองทุนไว้สำหรับเป็นค่าอาหารสุนัข โดยแยกบัญชีไว้ต่างหาก...?
ก่อนที่จะอ่านบันทึกของท่านนั้น จะขอเริ่มแนะนำดารา ๒ ท่านแรกเสียก่อน มีชื่อว่า เจ้านาก และ
เจ้านิล เจ้านากเป็นสุนัขเพศเมียมีลักษณะสีแดง ส่วนเจ้านิลเป็นสุนัขเพศผู้มีลักษณะสีดำ
ทั้งสองได้ให้กำเนิดลูกเป็นครอกแรก นับตั้งแต่มาอยู่กับหลวงพ่อที่ตึกกลางน้ำ เป็นจำนวน ๖ ตัว อันมีรายละเอียดที่ท่านบันทึกไว้ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน
๒๕๒๗ ดังนี้
ประวัติยามรักษาการณ์
เจ้ายามต้นทั้งสอง คือ เจ้านาก และ เจ้านิล และยามต้นที่มาภายหลังอีก ๖ ทั้งหมดเคยเป็นทั้งลูกและพาหนะในการรบ จึงสามารถสู้ศึกสงครามได้
เพราะเธอจะไม่กลัวตายเมื่อเข้าทำการรบ ทั้งนี้เพราะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข
แต่นิสัยมันไม่เหมือนกัน เจ้านากมันเจ้าอารมณ์ เจ้านิลเป็นคนมีนิสัยเป็นนักพรต แต่ทว่ายามทั้งสองตัวนี้ฉลาดในการดูคน
ดังนั้นพวกเราควรระมัดระวังเรื่องอาการทางกายและวาจาของเรา เพราะเธอรู้ภาษาคนทุกถ้อยคำ
ขอให้ทุกคนจงสนใจเอาใจใส่ อย่าให้เธออดอยากและลำบากใจ ด้วยการทำทางกายและการกล่าวทางวาจา ด้วยทั้งหมดละที่อยู่อาศัยอันแสนสุขลงมาช่วยงานสงฆ์
เธอจะทำได้ตามความสามารถของเธอ ให้มีความรู้สึกว่าเป็นพี่น้องกันมาทั้งหมด
ความสัมพันธ์กันจริงๆ นั้น หลายแสนชาติ เอาชาติที่ใกล้ที่สุดก็คือ ชาติเชียงลาว และเชียงแสน
เชียงลาวนั้น ลาว แปลว่า มหาอำนาจ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเชียงใหม่ บริเวณกองพันสัตว์ ต่างเป็นที่พระราชฐาน
เรามาครองก่อนครองเชียงแสน เธอทั้ง ๖ มาเป็นลูกในวงศ์ของพ่อเดียวกันกับพวกเธอ จึงควรนับทั้งหมดกับเธอเป็นพี่น้องพ่อเดียวกัน
ให้ถนอมน้ำใจกันเหมือนพี่น้องที่รักกัน
ที่มาของยามต้นทั้ง ๖ ที่มาภายหลังคือ
๑. แก้วสีเทา สีขาวปน มาจากพรหมชั้นที่ ๔
๒. พลอยสีเทา มาจากพรหมชั้นที่ ๔
(ทั้งสองนี้เดิมอยู่ชั้นยามา บำเพ็ญเพียรจนไปอยู่ชั้นพรหม เธอรับอาสา ท่านปู่โกสีห์ มาช่วยอารักขา)
๓. กาญจน์สีแดง มาจากพรหมชั้นที่ ๗
๔. มณีสีดำสนิท เป็นตัวเอก มาจากพรหมชั้นที่ ๗
(ทั้งสองนี้ขึ้นไปพรหมด้วยกำลังฌานตั้งแต่เริ่มต้นไป)
๕. เงินสีขาวดอก เดิมอยู่เวชยันตวิมาน เธอไปบำเพ็ญเพียรจนไปอยู่ชั้นยามา
๖. แหวนสีขาว เธออยู่ชั้นยามาโดยตรง
(ทั้งสองนี้รับอาสาท่านปู่ยามา มารักษาของสงฆ์)
๓๐ ไมล์สวรรค์
๓๐ ไมล์สวรรค์ หมายถึงชั่วโมง (แม่ว่ามาอย่างนี้ พ่อเขียนตามคำบอก ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน) ๓๐ ไมล์สวรรค์แกน่ะแหละ.
สำหรับบริวารก็มาเกิดกันมาก ภายในวัดมีหลายครอก แต่บางตัวก็แซมมาจากพันธุ์อื่นบ้าง ควรให้ความเมตตาปรานีเสมอกัน
อย่าคิดว่า...เธอเป็นหมา...!
จงคิดว่าเธอเป็นยามรักษาความปลอดภัย ควรหาของที่ชอบใจให้รางวัลเสมอ จะมีประโยชน์ทั้งมีชีวิตอยู่และตายไปแล้ว ตายจากโลกนี้เมื่อไร
จะรู้ว่าการสงเคราะห์เธอเหล่านั้นเรามีกำไรมหาศาล
เจ้าเจ๊ กับ เจ้าม่วย เจ้าสองตัวนี้มาจากดาวดึงส์ทั้งคู่ ปกติมันช่างพูด
แต่เจ้าม่วยจะช่างพูดมากกว่า เจ้าเจ๊อารมณ์เข้มข้น อย่าให้มันโกรธ มันเอาจริงจัง