"บทความ" จาก..หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่มพิเศษ (ตอนที่ 1)
puy - 8/11/10 at 16:19
ลูกศิษย์บันทึก เล่มพิเศษ
จัดพิมพ์โดย..คุณ อินทิรา สังขพิทักษ์ และคุณ มาลิดา ปานทวีเดช
( ลิขสิทธิ์เป็นของ "ทีมงานเว็บวัดท่าซุง" )
สารบัญ
1. ท่านอาจารย์สุรินทร์
2. ท่านจิตสีโล
3. พระมหาวิจุล ปิยภาณี
4. ท่านปรีชา ทรงธรรม
5. ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จ
6. หลวงพี่
7. คุณมหาวิจิตร
8. พระครูปัญญาโสภิต
9. คุณอาจินต์ และคณะธัมมวิโมกข์
10. คุณมหาถวัลย์ และญาติโยม
11. คณะคุณมหาถวัลย์ ,ลูกมหา และลูกๆทุกคน
12. ปรารภถึงท่านผู้มีความดี
13. ลูกตุ๋ย และอาทร
14. ลูกตุ๋ย
15. ลูกตุ๋ย (๒๗ กรกฎาคม ๒๕๑๑)
16. ลูกรักทั้งสอง
17. ลูกตุ๋ย(๒๖ ธันวาคม ๒๕๑๒)
18. ลูกทั้งสอง(๘ พฤศจิกายน ๒๕๑๔)
19. ลูกทั้งสอง หลาน และโยมหญิง(๒๑ มกราคม ๒๕๑๕)
20. ลูกทั้งสอง และโยมหญิง ตลอดจนหลานๆ ที่รัก(๑๓ พฤษภาคม ๒๕๑๕)
21. ลูกทั้งสอง(๑๔ สิงหาคม ๒๕๑๕)
22. ลูกตุ๋ยและอาทร(๑๐ พฤษภาคม ๒๕๑๖)
23. ลูกทั้งสอง(๒๓ กรกฎาคม ๒๕๑๖)
puy - 8/11/10 at 16:21
☺....ทางทีมงานฯ ขอเสนอข้อมูลที่นับวันจะหายาก นั่นก็คือ "จดหมายของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ" ที่ท่านได้ตอบกับบุคคลต่างๆ
ที่เคารพนับถือท่าน สมัยก่อนเทคโนโลยียังไม่เจริญ จำเป็นต้องอาศัยการโต้ตอบทางจดหมาย นับว่าดีที่สุดในสมัยนั้น ซึ่งจะเป็นการตอบด้วยตนเองของหลวงพ่อฯ
ต้นฉบับจะเป็นการพิมพ์ดีดของท่านเอง สมัยก่อนในห้องส่วนองค์ของท่านที่วัดท่าซุง จะมีเครื่องพิมพ์ดีดวางอยู่ นั่นคือเป็นแหล่งที่มาของหลักฐานต่างๆ เหล่านี้
......ด้วยเหตุนี้ ทางทีมงานฯ ขอขอบคุณและอนุโมทนาในความวิริยะอุตสาหะของ คุณ อินทิรา สังขพิทักษ์ และคุณ มาลิดา ปานทวีเดช
ที่ได้ใช้เวลาว่างจากงานประจำ แล้วช่วยพิมพ์ส่งมาให้ลงให้อ่านกันเป็นตอนๆ หวังว่าผู้ชมทางเว็บไซด์วัดท่าซุงทุกท่าน
คงจะได้ความรอบรู้และเข้าถึงลีลาการตอบจดหมายของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ได้เป็นอย่างดี จดหมายฉบับแรกท่านยังอยู่ที่วัดปากคลองฯ จ.ชัยนาท ตอบให้แก่
ท่านพระครูสุรินทร์ วัดสุขุมาราม อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร
1
ประมวลจดหมายจากหลวงพ่อฯ
วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท
๑๔ สิงหาคม ๒๕๐๙
เรียน ท่านอาจารย์สุรินทร์ ที่รัก
จดหมายของท่านอาจารย์ ลงวันที่ ๗ สิงหาฯ ผมได้รับแล้วตั้งแต่วันที่ ๑๓ สิงหาฯ รู้สึกว่าจดหมายที่มาหาผมนี้จะใจเย็นไปสักหน่อย ขอบใจที่กรุณาชมมา
แต่ต่อไปอย่าใช้คำชมเชยมาเลยครับ เพราะคำชมกับผมทำหนังสือหย่ากันเสียแล้ว
ทั้งนี้ เป็นเพราะคำชมหรือสรรเสริญนี้ มันเคยทรยศเอากับผมมาหลายพันชาติเต็มทีแล้ว ไปเอากับมันด้วยคราวใด มันเป็นดึงลงอบายภูมิทุกคราว
คิดไว้ว่าจะไม่ขอคบกับมัน แต่ถ้าใครชมหากผู้นั้นไม่ชอบพอรักใคร่กันจริงแล้ว ผมก็ยิ้มอย่างพยายามยิ้มให้ผู้ชมกันเก้อ
หากท่านผู้ชมเป็นคนประเภทกันเองแล้ว ก็บอกตรงๆ ว่า ไม่ชอบให้ใครชม และก็ไม่นิยมนักติ เพราะทั้งสองประการนี้เป็นโลกธรรม
เป็นเชื้อสายของอบายภูมิทั้งนั้น เรื่องเอาบารมีไปเทียบกับ หลวงพ่อปาน ด้วยครับกรุณาอย่ากล่าวอีกเลย
เพราะท่านเป็นครูบาอาจารย์ อย่าให้ผมไปวัดรอยเท้าเลยจะหมดดีเสีย เพราะครูอาจารย์นั้นศิษย์ไม่มีอะไรจะเอาเข้าไปเปรียบเทียบได้เลย
ครูเป็นปุถุชน แต่ศิษย์เป็นพระอรหันต์ ก็ไม่มีศิษย์คนใดที่จะยอมให้ครูมาไหว้ตน มีแต่ตนเองเท่านั้นที่จะก้มหัวลงแทบเท้าท่านครู ถวายความเคารพ
ยกครูไว้เหนือเศียรเกล้า
เพราะระลึกอยู่ว่า ความดีที่ตนได้รับมานั้น เป็นความดีที่ครูท่านมอบหมายให้มา ยิ่ง หลวงพ่อปาน เป็นพุทธภูมิ เป็นพระทรงสมาบัติแปดด้วยแล้วผลที่ผมได้นี้
ไม่มีทางเปรียบเทียบได้เลย เพราะผมมีสมาบัติไม่ถึงแปด เรื่องการทรงใดๆ จึงแตกต่างกันอย่างเทียบกันไม่ติดเลย
พอขโมยท่านมาได้บ้างเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง เดี๋ยวนี้ผมก็ยังต้องอาศัยท่านอยู่เสมอ หากมีอะไรขัดข้องเมื่อไร ผมก็ต้องรบกวนท่านทันที
เป็นอันว่าผมเป็นศิษย์ที่ หลวงพ่อปาน ต้องตามพร่ำสอนอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ท่านมีชีวิตอยู่และตายไปแล้ว
ขอโปรดอย่านำเอาผมไปเปรียบกับหลวงพ่อต่อไปนะครับ ที่บอกมานี้ไม่ใช่โกรธ แต่บอกเพื่อกันไว้ระหว่างพวกสมณธรรมด้วยกัน
คำติคำชมเป็นของชาวโลกที่ต้องการวัฏฏะ พวกเราหนีวัฏฏะอย่าเอาของเขามาใช้เลย ไม่เข้าใจอะไรก็ถามมาตรงๆ ดีกว่า
ธรรมปฏิบัติของท่านพอจะได้เรื่องได้ราวบ้างแล้ว แต่อย่าเพิ่งคิดว่าดีเสียก็แล้วกัน คำว่าดีนั้น ถ้ายังไม่บรรลุอรหัตผลเพียงใดจงอย่าเข้าใจว่าตนดีแล้ว
พอแล้วเป็นอันขาด หากหลงผิดจะเป็นเหยื่ออบายภูมิ นินิตที่บอกมานั้น เป็นนิมิตที่เกิดจากอารมณ์สว่างชั่วขณะ ยังเอาเป็นเนติยังไม่ได้
อารมณ์ของคุณขณะนี้เป็นอารมณ์ที่เข้าถึง "ขณิกะ" ต่อ "อุปจารสมาธิ" แต่ "อุปจาระ" ยังไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะเรียกว่าใช้ได้
จงอย่าสำคัญผิดในเรื่องการเห็นนิมิตภายนอก จงยึดแต่นิมิตเดิมที่กำหนดไว้เท่านั้น อย่างอื่นแปลกปลอมเข้ามาจงละเสีย
นักเจริญสมาธิจงเข้าใจตนเองไว้ว่า เราปฏิบัติเพื่อจิตเป็นสมาธิ เราไม่ได้ปฏิบัติเพื่อการเห็นภาพ จงพยายามรักษาอารมณ์ที่กำหนดไว้เดิมให้คงที่
ระมัดระวังคาถาภาวนาไว้อย่าให้หลงพร้อมทั้งกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกไปพร้อมกัน
คือกำหนดเป็นสามฐาน หายใจเข้า ลมกระทบกระพุ้งจมูก อก และท้อง หายใจออก ลมกระทบท้อง อก และปลายจมูก พยายามกำหนดรู้ไว้ตลอดเวลา
มันจะหนีจะเผลอบ้างนั้นเป็นของธรรมดา เพราะจิตมันเคยท่องเที่ยว เมื่อเรารู้ตัวว่ามันเที่ยวก็จับมันมาใหม่
แล้วจงใคร่ครวญพิจารณาไปพร้อมๆ กับการกำหนดคำภาวนาและลมนั้น ให้รู้ว่าลมที่หายใจเข้าออกนั้นสั้นหรือยาว หยาบหรือละเอียด คาถาภาวนาเราว่าครบไหม
กำหนดรู้ดังนี้ตลอดไป หากกำหนดนิมิตด้วยก็ให้กำหนดไปพร้อมๆ กัน
เมื่อกำหนดรู้ลมสามฐานเมื่อไร จงรู้ตนเองว่า เรามีอารมณ์ใกล้จะถึงปฐมฌาน แล้ว ต่อไปลมหายใจจะค่อยๆ ละเอียดลง จะเกิดขนพองสยองเกล้าคือขนลุกซู่ซ่า
มีกายโยกโคลง บางรายมีน้ำตาไหล มีใจอิ่มเอิบชื่นบาน ไม่อิ่มไม่เบื่อในการปฏิบัติ มีอารมณ์แนบแน่ชื่นชุ่มอยู่ตลอดเวลา
ไม่อยากจะเลิกในการปฏิบัติ อย่างนี้เรียกว่าปีติ เป็นการที่อารมณ์จิตเริ่มเข้าอุปจารฌาน จะเห็นภาพแปลกๆ และชัดเจนขึ้น จงอย่าคิดว่าดี ยังไม่ดี
ต่อไปก็จะมีความสุขสดชื่น ไม่ปวดเมื่อย สุขหรรษาอย่างหาอะไรเปรียบเทียบมิได้เลย
อารมณ์ก็มีการกำหนดฐานลมหายใจเข้าออกได้ตลอดเวลาทั้งสามฐาน หากมีนิมิต ๆ ก็แจ่มใสคงที่จะให้สูงต่ำเล็ก..ใหญ่
ก็เป็นไปได้ตามความต้องการ ไม่รำคาญในเสียงที่เข้ามารบกวน มีอารมณ์ทรงอยู่ได้นานกว่าปกติ คือ ๕ หรือ ๑๐ นาที แล้วอารมณ์ก็จะเคลื่อนเข้าสู่อารมณ์เดิม
คือคิดเรื่องภายนอก ท่านเรียกว่า ตกภวังค์ อย่างนี้ท่านเรียกว่าปฐมฌาน
แต่ตอนก่อนที่จะถึงระดับนี้ จิตจะมีอารมณ์อย่างนี้ก่อน คือ เมื่อภาวนากำหนดอารมณ์ดังกล่าว พอมีอารมณ์คล้อยจะเผลอไป ก็เกิดเห็นภาพ
ต่อมาเมื่อภาวนากำหนดอารมณ์เพลินอยู่นั้น มีอารมณ์คงที่สบายเพียงขณะเดียว ก็จะเกิดอาการหวิวคล้ายพลัดตกจากที่สูง
แล้วอารมณ์ก็เข้าภาวะเดิม ที่ท่านเรียกว่า "ตกภวังค์" คำว่า ภวังค์ มีนักปฏิบัติคิดว่าเป็นอารมณ์แน่นนั้นไม่ถูก "ภวังค์" เป็นอาการที่จิตพลัดจากอารมณ์ฌานเข้ามาสู่อารมณ์ปกติตามเดิม คือ จิตกลับที่เดิมนั่นเองเรียกว่า "ภวังค์" คือเป็นที่อยู่
"ภวังค์" หรือภาพมันก็อย่างเดียวกัน
ภพแปลว่าที่อยู่ ศัพท์เดิมเขาแปลว่า ความมีหรือความเป็น ก็เพราะมันมีอยู่ มันเป็นอยู่ในที่นั้น จะเรียกว่าที่อยู่จะผิดได้อย่างไร
อาการที่จิตทรงอยู่นั้นเป็นเพราะจิตเข้าสู่อารมณ์ฌาน แต่ทว่ากำลังสมาธิที่จะทรงตัวไว้ได้นั้นมีกำลังอ่อนมาก จึงทรงอยู่ในระดับฌานไม่ได้นาน
เพียงขณะเดียวก็พลัดจากฌาน อาการอย่างนี้
นักปฏิบัติใหม่ถ้าพบเข้า เมื่ออารมณ์พลัดแล้ว จะทำจิตให้มีอารมณ์แนบสนิทอย่างนั้นอีกไม่ได้ อารมณ์จะไม่ยอมเป็นอย่างนั้น แต่พอรักษาใจให้สบายได้อยู่
ในระยะต้นๆ นี้จงรักษาไว้ตามแต่กำลังสมาธิ เมื่อได้แล้วก็ค่อยๆ ทำไปอย่าให้ขาด
จงหลีกให้พ้นสังคมจัญไร คือพวกเดียรถีย์ พวกชอบชวนพูดนอกรีตนอกรอย พยายามรักษาอารมณ์ตามที่เคยปฏิบัติมาอย่าให้ขาด
พร้อมกันนั้นก็พยายามแผ่เมตตาพรหมวิหารตลอดวัน เพื่อรักษากำลังจิตให้ชุ่มชื่น ต่อไปฌานนี้ก็จะมั่นคง
ฉบับนี้ขอแนะนำมาเท่านั้น เพราะเห็นว่าเมื่ออารมณ์จิตเข้าถึงระดับนั้นแล้ว หากทำถูกก็ไม่ช้า ปฐมฌาน ก็จะมาถึง พวกที่ ปฐมฌาน มาไม่ถึงเพราะติดภาพระหว่างทาง ท่านว่าท่านจะพากันมานั้น ผมยินดีต้อนรับ
การมาหาผมไม่ต้องมีพิธีรีตองเพราะพิธีนั้นเป็นเรื่องของวัฏฏะเขา เราเป็นพระมาอย่างไรก็ได้ ขอให้มาอย่างพระหรือพุทธศาสนิกก็แล้วกัน
ถ้ามาแบบอื่นรับรองไม่ถูก
แต่การมานั้นจำเป็นจะต้องกำหนดเวลาเสียแล้วครับ ผมเมื่อบวชหลวงพ่อท่าจะใส่ปรอทมากไปหรืออย่างไรไม่รู้ มันช่างหาเวลาว่างไม่ใคร่ได้จริงๆ ทั้งๆ
ที่เป็นเวลาเข้าพรรษาก็ต้องจรจัดเสมอ ที่ไปก็เพราะเป็นเขตแดนศิษย์เก่าของหลวงพ่อปาน ต้องทำงานแทนท่านตามที่รับปากไว้
แต่สมัยนี้เอาแผนกเดียว คือสอนสมณธรรมเท่านั้น คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า ผมก็อุปโลกน์ให้บำเพ็ญเป็นฌานหมด
เพราะเห็นว่าได้ประโยชน์มากกว่าการสงเคราะห์ด้วยวัตถุ พ.ศ. หน้า ทาง วัดสะพาน ที่ตัวเมืองชัยนาท ท่านจะตั้ง สำนักสมณธรรม
จะให้ผมไปคุมอยู่ที่นั่น
ก็เลยต้องเขียนแบบปฏิบัติ เขียนก็ไม่ใครจบ เพราะมันยุ่งอย่างนี้ กลางวันก็มีแขก วันไหนว่างก็เขียนได้มากหน่อย วันไหนแขกมากก็เอามาเขียนกลางคืน
เมื่อถึงเวลาสอนสมณะรรมก็ต้องละการเขียนไปสอนสมณธรรม เกิดเป็นคนที่มันยุ่งจริง เบื่อเต็มทีแล้ว
เรื่องการมาของคณะของท่าน ผมว่าถ้ามาภายในเดือน ๙ จะพบกว่า เพราะเดือน ๑๐ ผมต้องจรสายใต้ เกือบไม่มีเวลา บอกคุณวิเชียร
และคณะด้วยนะครับว่า หากจะมาให้สะดวกควรมาภายในเดือน ๙ จะพบได้สะดวก เดือนสิบถ้าบังเอิญตรงกับวันอยู่ก็จะได้พบ
ขอความสุขสมหวังจงมีแต่ท่านตลอดกาลทุกเมื่อเถิด
พระมหาวีระ ถาวโร
◄ll กลับสู่สารบัญ
2
ศูนย์ศิษย์หลวงพ่อปาน อ.เมือง จ.อุทัยธานี
วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๕
ท่านจิตสีโล
ขอบคุณ ท่านจิตสีโล ที่เมตตาจดหมายมาแสดงความรู้สึกขอบใจ ทำให้ผมมีความอบอุ่นใจขึ้นบ้าง ที่ยังมีผู้ทรงศีลเมตตา
เรื่องด่าว่านินทานั้นผมเห็นเป็นความปกติเสียแล้ว ยังน้อยไปกว่าที่เขาแจ้งต่อผู้มีอำนาจว่า ผมเป็นคอมมิวนิสต์
ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เขาผู้หลังทำลายชาติและศาสนานั่นเอง ดีแต่ท่านผู้ทรงอำนาจท่านมีความเป็นธรรมอยู่ มิฉะนั้นผมอาจจะไปนอนตายในเรือนจำแล้ว
เป็นอันว่าโลกนี้ไม่น่าอยู่นะครับ เราพยายามหนีโลกอุบาทว์นี้โดยธรรมดีกว่าที่จะอยู่ต่อไปให้สะเทือนซาง ธรรมของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
ที่จะทำให้พวกเราพ้นโลกอุบาทว์นี้ได้
ขอบใจครับที่เมตตา
พระมหาวีระ ถาวโร
◄ll กลับสู่สารบัญ
3
ตอบ พระมหาวิจุล ปิยภาณี
เจ้าอาวาส วัดบ้านสีดา ต.สีดา อ.บัวใหญ่ จ. นครราชสีมา
จดหมายของพระคุณเจ้าผมได้รับแล้ว ๒ ฉบับ ขอโมทนาด้วยครับที่มีมหาเจตนาตั้งสำนักปฏิบัติธรรมขึ้นที่วัด จนมีผู้ได้รับผลหมดความสงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้า
ปฏิปทานี้ทำยากนะครับ ยากทั้งการปฏิบัติให้เข้าถึง และยากทั้งมีศัตรูมิจฉาทิฏฐิรบกวน ยิ่งปัจจุบันยิ่งมีมาก
เพราะผู้มุ่งร้ายหมายทำลายชาติและศาสนามีอยู่มาก จะเห็นได้ว่า เรื่องของพระศาสนามีความรุ่งเรืองที่ไหน
เป็นต้องมีผู้เข้าทำลายที่นั่น พระคุณท่านมีเมตตาและวิริยะเป็นเลิศที่ช่วยสงเคราะห์ผู้หวังดีเข้ารับการปฏิบัติ อุปสรรคย่อมมีเป็นธรรมดา
แต่ขอให้คิดว่าเราจะตายกับความดีเท่านั้นพอ
พระมหาวีระ ถาวโร
๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๕
◄ll กลับสู่สารบัญ
puy - 10/11/10 at 15:30
4
วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๒๙ ตุลาคม ๒๕๒๗
เจริญพร ท่านปรีชา ทรงธรรม ที่นับถือ
ท่านฯ ได้มีส่วนช่วยเหลือกิจการต่างๆ ที่อาตมาทำอยู่ทุกอย่าง ทำให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยดี
และมีผลสมบูรณ์ตามความมุ่งหมายตลอดมา
บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนที่ไปให้การสงเคราะห์หรือทำบุญ มีส่วนใหญ่ที่ท่านฯ ได้ช่วยให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นเข้าใจในงานที่อาตมากระทำอยู่
ต่างก็เมตตาสงเคราะห์จนผลงานลุล่วงไปด้วยดี ตามวัตถุประสงค์
มีเรื่องหนึ่งที่อาตมาจะรายงานให้ทราบ เรื่องนั้นก็คือ การชำระหนี้สิน ทั้งนี้เพราะงานที่ทำตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๗ เป็นต้นมา
เป็นงานที่ต้องใช้จ่ายเงินมากเกินกว่าที่อาตมาจะหาได้แต่ผู้เดียวท่านฯ ได้ช่วยจัดการหาอีกแรงหนึ่งและก็มีผลมหาศาล
ตลอดจนคำพยากรณ์ของท่านฯ ที่พยากรณ์เนื่องในการทำงานไว้ ถูกต้องทุกประการ จัดว่าท่านฯ มีส่วนช่วยงานอย่างพรรณนาได้ยาก
ขอรายงานเรื่องหนี้สินที่มีอยู่ดังนี้
รายรับ-จ่าย เงินสงฆ์
ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๗ รายจ่ายเงินสงฆ์ทั้งสิ้น เป็นเงิน ๑๓๖,๐๔๔,๙๔๐.๒๙ บาท (หนึ่งร้อยสามสิบหกล้านสี่หมื่นสี่พันเก้าร้อยสี่สิบบาทยี่สิบเก้าสตางค์)
รายรับเงินสงฆ์ทั้งสิ้น ๙๐,๑๗๒,๐๖๔.๓๗ บาท (สี่สิบห้าล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นสองพันแปดร้อยเจ็ดสิบห้าบาทเก้าสิบสองสตางค์)
คำว่าเงินสงฆ์ หมายถึงเงินที่ญาติโยมสงเคราะห์เนื่องในการก่อสร้างสังฆทาน ธรรมทาน ชำระหนี้สงฆ์
ทั้งหมดนี้จัดเป็นเงินสงฆ์
เงินอีกประเภทหนึ่ง ที่ผู้ถวายมุ่งถวายเป็นส่วนตัว แต่อาตมาคิดว่าเป็นเงินทำบุญ
มีสิทธิ์ใช้เป็นค่าอาหาร ค่ายารักษาโรค ค่าเครื่องนุ่งห่มของพระ ค่ากระแสไฟฟ้า ค่าเดินทางไปในกิจเจริญศรัทธา ไม่คิดว่าเป็นเงินส่วนตัว ตามที่คิดกัน
เงินประเภทนี้แยกบัญชีไว้อีกประเภทหนึ่ง เพื่อเอาไว้ช่วยชำระหนี้ของสงฆ์เมื่อถึงวาระ
เงินอีกประเภทหนึ่ง ก็คือเงินค่าวัตถุมงคลและเงินค่าหนังสือ
เงินประเภทนี้มีส่วนเกินเพราะค่าใช้จ่ายน้อย หรือที่เรียกทั่วไปว่าเงินกำไร
จะเห็นได้ว่า แหนบทองแดงชุบทอง ท่านทั้งหลายโดยทั่วไป ท่านให้บูชาเกินกว่า ๓๐ บาท บางแห่งเกือบ ๑๐๐ บาท แต่ที่วัดนี้ให้บูชา ๑๐ บาท
แหนบทองแจกฟรีเป็นปกติ ส่วนที่เกินจากเหรียญชุบทองก็เอามาช่วยแหนบทองที่แจกฟรี คงไม่มีทุนเหลือ ของอย่างอื่นก็เช่นเดียวกัน
แต่ทว่า มาระยะหลังนี้ มีท่านผู้มีจิตศรัทธาสร้างวัตถุมงคลมาถวาย เช่น แก้ว พระ และผ้ายันต์ ผ้ายันต์นี่ชัดมาก เพราะ คุณประชา-อรุณ สิกวานิช เจ้าของโรงงานพลาสติกได้ออกทุนทำถวายคราวละหนึ่งแสนเศษทุกคราว
และไม่รับทุนคืนเลย ถวายทั้งหมด และรายเดียวกันนี้ ได้ทำ บาตรวิระทะโย ถวายไม่คิดเงินเลย เป็นเหตุให้วัดมีรายได้เพิ่มขึ้น
เดือนละเป็นแสนบาท (เงิน วิระทะโย เป็นเงินสังฆทาน และวิหารทาน)
ฉะนั้น รายได้ที่ท่านผู้มีจิตเมตตาจัดมาถวาย จึงเป็นรายได้ที่เป็นทุนในการชำระหนี้ในการก่อสร้างที่คั่งค้าง
ในระยะสามปีที่ผ่านมานี้ มีท่านที่เมตตาถวายเป็นส่วนตัวเป็นประจำทุกเดือน หนึ่งหมื่นบาทบ้าง หกพันบาทบ้าง ถึงสี่พัน สามพันบาทอย่างน้อย
มากรายด้วยกัน
และมากท่านที่ถวายเป็นส่วนตัวตามกำลังทรัพย์ที่จะสงเคราะห์ได้ บางเดือนก็ได้รับหลายแสนบาท แต่ก็เกินกว่าสี่แสนบาททุกเดือน
ในที่สุดเมื่อจะถึงวันถวายกฐิน ได้สำรวจจำนวนเงินที่เหลือจากการช่วยสงฆ์ชำระหนี้เป็นประจำเดือนแล้ว
เห็นว่าเงินที่ญาติโยมถวายมาเป็นส่วนตัว และเงินวัตถุมงคล เงินหนังสือ มีพอที่จะชำระหนี้ตัดให้หมดไปได้ จึงได้ตัดชำระหนี้ไป
ขาดอีกล้านเศษๆ พอดีวันรับเงินกฐิน ได้รับเพิ่มเติมอีกล้านเศษๆ จึงละชำระหนี้หมดไปคราวหนึ่ง โล่งอกไปได้หนึ่งวันเพราะปลอดหนี้
แต่พอรุ่งขึ้น ก็เริ่มคิดถึงหนี้ใหม่ต่อไป เรื่องหนี้ใหม่ตัดไว้ก่อน ขอขอบคุณบรรดาท่านพุทธบริษัทของพระพุทธเจ้า ที่เมตตาสงเคราะห์ อนุเคราะห์
ขอทุกท่านโปรดทราบว่า เงินของทุกท่านที่ถวายมาเป็นส่วนตัว ๙๙ เปอร์เซ็นต์เศษ อาตมานำไปเป็นเงินสังฆทาน ถวายอาหารพระ ชำระค่าไฟฟ้า
ซื้อยารักษาโรค เพื่อพระเป็นต้น
เหลือจากนั้น ก็เอาไปช่วยงานก่อสร้าง เป็นวิหารทาน ถ้าฝ่ายธรรมบกพร่องก็เอาไปช่วยธรรมทาน ตนเองพยายามใช้น้อยที่สุด
เพราะปกติเมื่อเป็นฆราวาสก็เป็นคนไม่ชอบใช้เงินเปลืองอยู่แล้ว มาเป็นพระธุระใช้น้อย ถ้าใช้ไปในทางที่มีอานิสงส์น้อย ก็เสียดายเงินของท่าน
พยายามใช้ในทางที่มีอานิสงส์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉะนั้นจึงใช้เงินของทุกท่านที่ให้มาอย่างมากไม่เกินเดือนละ ๓๐๐ บาท
เท่านี้พอแล้ว เพราะของจำเป็นส่วนใหญ่ท่านสาธุชนให้พอใช้แล้ว ลีลาการใช้เงินส่วนตัวของอาตมาเป็นอย่างนี้
จึงมีเงินตัดหนี้ของสงฆ์ได้ในที่สุด ที่พยายามใช้แบบนี้ก็เพราะว่า ทราบว่าไม่ช้าก็ตาย เก็บเงินไว้จะเป็นสนิมใจของท่านเจ้าของ
จึงพยายามใช้ในทางที่มีประโยชน์ใหญ่ตามที่พอจะมีปัญญาทำได้
การชำระหนี้
ตามรายงานของฝ่ายบัญชีนั้นที่รายงานมาว่า เงินไม่พอเท่านั้นเท่านี้ เขารายงานตามบัญชีสงฆ์ไม่ผิด เขารายงานถูกต้องทุกประการ
แต่เงินที่ชำระปกติเดือนต่อเดือน เงินสงฆ์ขาดดุลเสมอบางเดือนจะพอใช้จ่ายอาตมาก็เอาเงินที่ท่านถวายมาเป็นส่วนตัวช่วยสงฆ์
ในระยะหลังนี้พอช่วยได้เกือบทุกเดือน เพราะค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง เดือนหนึ่งใช้เงินเกินสามล้านบาท เงินสงฆ์ที่ได้รับไม่พอ
เงินที่ถวายเป็นส่วนตัวถ้าเอาไปผสมแล้วพอ ก็ผสมใช้หนี้ไปเลย
ฝ่ายบัญชีเขาทราบตามบัญชีสงฆ์ เรื่องเงินส่วนตัวมีบัญชีอีกส่วนหนึ่งต่างหาก แต่ทว่าปีต้นๆ ถอยหลังเข้าไปขาดดุลมากตลอดมา จึงต้องรอสะสม
พอมีครบก็ละทั้งเงินส่วนตัวและเงินวัตถุมงคล เงินหนังสือ จึงโล่งใจไปได้วันหนึ่ง วันต่อไปก็เริ่มเป็นหนี้ใหม่
แต่คราวต่อไปนี้ คิดว่า การมีหนี้ ถ้ามีญาติโยมยังสงเคราะห์เรื่อยๆ อยู่ ก็จะเป็นหนี้ไม่จำกัด ถ้าญาติโยมหยุดการสงเคราะห์เมื่อไร ก็หยุดงานก่อสร้าง
เมื่อมีหนี้ประมาณสองล้านบาท ถ้าหาเงินจากการบำเพ็ญกุศลไม่ได้ ก็จะขายทรัพย์สินที่ได้รับจากความเมตตาของท่านผู้มีคุณ
ขายเอาเงินมาใช้หนี้
ทรัพย์สินส่วนนี้เป็นทรัพย์สินจากมรดกพิเศษของท่านผู้มีเมตตาสมัยเป็นฆราวาส จำหน่ายช่วยสร้างวัดไปมากแล้ว เหลืออยู่อีกประมาณ ๑ ใน ๑๐
ของจำนวนทรัพย์สินที่ได้รับเก็บเอาไว้เป็นทุนสำรองในการก่อสร้างเพียงเล็กน้อย
ถ้าไม่มีโอกาสใช้ ก็เป็นสมบัติของมูลนิธิฯ เมื่ออาตมาตายไปแล้วไม่มีใครจะมาอ้างรับมรดกได้ เพราะทำเป็นบัญชีของมูลนิธิไปแล้ว
งานใหม่ที่กำลังทำ และจะทำต่อไป
ตามความประสงค์ของสมเด็จฯ ท่านมีความต้องการดังนี้
1. เมื่อ วันเป่ายันต์เกราะเพชร สถานที่สำหรับรับประทานอาหารไม่พอ ท่านให้เร่งสร้างพื้นที่เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
ในป่าไผ่ติดกับครัว ๓ ไร่ มีเนื้อที่ ๖ ไร่เศษ ให้เป็นที่รับประทานอาหาร มีห้องส้วมห้องน้ำที่นั่น ๖๐ ห้อง มีห้องจ่ายอาหาร ๑๐ จุด เป็นป่าร่มสวยงาม
และสบายใจมาก ใช้เงินหลายล้านบาท
2. ให้ทำที่จอดรถในที่ที่ซื้อไว้แต่ยังไม่ได้ทำอะไร ๑๐๐ ไร่เศษ ทำเป็นถนนลูกรัง เพื่อพักรถ รถจะพักได้สำหรับรถโดยสารเกือบ ๑,๐๐๐ คัน
และถมดินลูกรังที่ของวัดที่มีญาติโยมถวายไว้นานแล้วอีก ๘ ไร่ อยู่ชายน้ำหน้าตึกอำนวยการ เพื่อเป็นที่พักรถ จะบรรเทารถได้อีกหลายสิบคัน
ทั้งสองรายการนี้จะต้องใช้เงินประมาณ ๕ ล้านบาท
สำหรับป่าที่ทำถนนนั้น ท่านให้ทำกำแพงและทำเป็นชานเดินรอบ ไม่ทราบใช้เงินเท่าไหร่แน่ ตามความประสงค์ของสมเด็จฯ ท่านก็คือ เมื่อสร้างเสร็จครบแล้วจะ
ทำเป็นที่รวมบำเพ็ญกุศล มีทั้งวัด มีทั้งป่า ฝึกพระที่ประสงค์จะฝึกธุดงค์ หรืออาจจะอยู่ธุดงค์เลยก็ได้
ฝึกฆราวาสผู้ประสงค์จะบำเพ็ญธรรมเป็นคราวๆ ไม่เกินหนึ่งเดือนหรือสามเดือน ตามแต่ศรัทธาไม่เก็บค่าอาหารให้จัดหาบริโภคเอง หรือซื้อร้านค้ากินเอง
ค่าที่พัก ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า จะช่วยเท่าไหร่ก็ได้ตามแต่ฐานะ ไม่บังคับให้ช่วย แต่ขอใช้ทุกอย่างตามความจำเป็นที่ตนต้องการต้องหามาเอง
และอยู่ภายใต้ระเบียบของวัด
อีกจุดหนึ่งท่านให้สร้างห้องพักนักปฏิบัติอีก ๓๐๐ ห้อง สร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอก เป็นพระชำระหนี้สงฆ์อีก ๒๐๐ องค์ รวมทั้งสร้างอาคารด้วย
ทุกอย่างท่านให้สร้างให้ทันงานฉลองวัดในวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๓๐ ไม่ทราบว่าจะทำทันหรือไม่ และจะมีทุนทำหรือไม่
เป็นอันว่ามีเงินก็มีงาน หมดเงินก็หยุดงาน จะสบายใจกว่า ไม่มีอะไรน่าวิตกกังวล ท่านสั่งมาก็รับ แต่ไม่มีเงินก็หยุดก็หมดเรื่องกัน
1. เวลานี้กำลังสร้างอาคารเนื้อที่ ๓ ไร่ กับ ๑ งาน เฉพาะพื้นที่ของอาคารชั้นล่างเป็นที่ปรุง เก็บอาหารและอุปกรณ์ครัว
และมีห้องพัก ๑๒๐ ห้อง
2. ชั้นกลาง เป็นที่เจริญกรรมฐาน มีพระพุทธรูปประธาน ๒ องค์ เป็นแก้วทั้งพระและห้อง คล้ายในนิพพาน
3.ชั้นต่อไปเก็บพระพุทธรูปและของที่จำเป็น ใช้เงินหลายล้านบาท
จ.ส.ต.เพราะ วงศ์เวช ถวายที่ดินกว้าง ๑๒ ม. ยาวจากถนนใหญ่เข้าไปถึงที่จอดรถบริเวณ ๑๐๐ ไร่เศษ เพื่อทำถนนลูกรังให้เป็นทางรถเข้าออก
กวนเวลาท่านนานเกินไป อาตมาก็ป่วยไข้ไม่สบายเป็นปกติ วันนี้ทนนั่งทรมานเขียนถึงท่านฯ เพราะท่านฯ มีอุปการคุณมาก เพื่อให้ท่านฯ ทราบว่า
หนี้เก่าหมดไปได้ด้วยวิธีใด หนี้ใหม่จะมากน้อยเท่าไร ท่านฯจะเมตตาด้วยประการใดก็สุดแล้วแต่ท่านฯจะพิจารณา
เจริญพร
(พระมหาวีระ ถาวโร)
◄ll กลับสู่สารบัญ
puy - 1/12/10 at 12:57
5
(Update 1-12- 53)
วัดจันทาราม(ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๒๔ ธันวาคม ๒๕๒๗
นมัสการ กราบเรียน ท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ที่เคารพอย่างสูง
จดหมายแสดงมุทิตาจิต และคำอวยพรของพระเดชพระคุณ เจ้าพระคุณสมเด็จเกล้ากระผมได้รับแล้วด้วยความขอบพระคุณอย่างยิ่ง
การที่เจ้าพระคุณป่วยมาแรมเดือนและเกือบจะถึงปี ความจริงเกล้ากระผมก็ทราบ
แต่เวลาที่จะไปเยี่ยมไม่มี ทั้งนี้ไม่ใช่ไม่มีเวลา ความจริงเวลานั้นมี แต่อาการป่วยของเกล้าฯ ไม่คลายตัว เกล้าฯ อยู่วัดก็เหมือนอยู่โรงพยาบาล
เพราะต้องอยู่ในอาณัติของหมออยู่ตลอดเวลา น้ำเกลือ ยาเข้าเส้น ยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อ มีเป็นปกติ น้ำเกลือนั้น ไม่แน่นักว่าจะห่างกันถึงหนึ่งอาทิตย์
ยาเข้าเส้น ต้องให้ทุกๆ ๔ วัน ยาเข้ากล้ามเนื้อไม่แน่ปกติเกือบจะทุกวัน อาการที่เป็นก็คือ ทางท้องอย่างเดียว นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ๒๕๒๕ เป็นต้นมา
มันรุกรานหนัก มีเสมหะมาก พอถึงเวลา ๑๖ นาฬิกาเป็นต้นไป เสมหะจะทำพิษ ต้องบ้วนและขากตลอดเวลา จนไม่อยากจะไปไหน
อาหารก็เอาแน่นอนไม่ได้ ต้องซื้ออาหารเสริมจากอเมริกา มาฉันโดยคณะศิษย์ที่อยู่ที่อเมริกาจัดส่งมาให้ มันเป็นโรคเวรโรคกรรมจริงๆ
แต่ก็ทราบต้นสายปลายเหตุของมันแล้วตัดสินใจว่า ชำระมันเสียให้หมดชาตินี้ ชาติต่อไปที่จะต้องชำระหนี้อย่างนี้ ไม่อยากให้มีอีก
เรื่องการงานก็มีมาก การออกรับแขกก็เต็มใจรับ แต่มากวันที่เกล้าฯ จำใจ ต้องออกไปรับแขก ทั้งนี้ อาการทางกายมันทั้งมืดทั้งมัว
เดินก็เซซวนชวนล้มแต่ทว่าผู้ที่มาหา เขามากันระยะทางเลยร้อยกิโลฯ ก็เห็นใจและเต็มใจออกรับ แต่ต้องจำใจเดินออกไปรับ
ทราบข่าวอาการป่วยไข้ ของเจ้าพระคุณสมเด็จ ก็อยากจะมาเยี่ยม แต่ไม่ไว้ใจตัวเองเพราะเวลานี้ ถ้าเดินไปทางไหนก็มีคนคอยเดินขนาบข้าง ๓-๔ คนเสมอ
เขาเกรงว่าจะล้มไป เพราะทำท่าจะล้มหลายครั้ง
เกล้าฯ ต้องขอประทานอภัย ที่เจ้าพระคุณสมเด็จมีเมตตาอุตส่าห์ให้พระเขียนหนังสือแทนตามที่เจ้าพระคุณสั่ง รู้สึกว่าเป็นพระเมตตาอย่างสูง และเป็นคุณมหาศาล
เป็นกำลังใจอย่างมหันต์ พรใดที่เจ้าพระคุณสมเด็จให้มา เกล้าขอน้อบรับด้วยความเคารพ
และขออานุภาพของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตลอดจนคุณความดีที่พระเดชพระคุณเจ้าพระคุณสมเด็จสั่งสมมา
จงดลบันดาลให้พระเดชพระคุณเจ้าพระคุณสมเด็จจงหายจากโรคาพาธ ปราศจากอันตรายโดยฉับพลันเถิด
นมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
(พระสุธรรมยานเถระ)
◄ll กลับสู่สารบัญ
6
วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี