กระทู้ถามในเว็บ pantip "ขอถามเกี่ยวกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ?"
kitti - 11/10/13 at 10:41

กระทู้ถามในเว็บ pantip.com/topic/30617519


โพสโดย.. Arrow frog 17 มิถุนายน เวลา 20:16 น.

ขอถามเกี่ยวกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำหน่อยครับ ไม่ทราบว่าท่านเป็นพระเช่นใดครับ ?

......เพราะได้อ่านคำสอนและประวัติของท่าน ใจหนึ่งรู้สึกเลื่อมใส อีกใจรู้สึกแปลกๆเพราะท่านเล่าเรื่องอภินิหารมากมาย ชนิดที่ว่าเหลือเชื่อจริงๆ เลยอยากถามความเห็นในห้องนี้ครับ ว่าท่านเป็นพระที่ดี อยู่ในศีลในธรรม น่ากราบไหว้บูชามั๊ยครับ ขอบพระคุณมากครับ




ความคิดเห็นที่ 32 - สมาชิกหมายเลข 867569 19 มิถุนายน เวลา 13:08 น.

....พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ เป็นพระภิกษุในพุทธศาสนานิกายเถรวาท ฝ่ายมหานิกาย เจ้าอาวาสวัดท่าซุง (วัดจันทาราม) จังหวัดอุทัยธานี มีชื่อเสียงในด้านการบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานจนได้วิชามโนยิทธิ (ฤทธิ์ทางใจ) หลังการมรณภาพ สังขารร่างกายของท่านมิได้เน่าเปื่อยอย่างศพของคนทั่วไป และได้มีการเก็บรักษาไว้ที่วัดท่าซุงจนถึงปัจจุบันนี้

อุปสมบท
พ.ศ. 2479 อายุ 20 ปี
อุปสมบทเป็นภิกษุเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม
พ.ศ. 2479 เวลา 13.00 นาฬิกา
ที่วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีพระครูรัตนาภิรมย์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูวิหารกิจจานุการ (ปาน โสนันโท) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์เล็ก เกสโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์

คำสั่งพระอุปัชฌาย์
ขณะเข้าบวช หลวงพ่อปาน ท่านบอกท่านอุปัชฌาย์ว่า เจ้านี่หัวแข็งมาก ต้องเสกด้วยตะพดหนักหน่อย ท่านอุปัชฌาย์ท่านเป็นพระทรงธรรมเหมือนหลวงพ่อ (ปาน) หลวงพ่อเล็กก็เหมือนกัน ท่านอุปัชฌาย์ท่านยิ้มแล้วท่านพูดว่า "3 องค์นี้ไม่สึก อีกองค์ต้องสึกเพราะมีลูก เมื่อจะสึกไม่ต้องเสียดายนะลูก เกษียณแล้วบวชใหม่มีผลสมบูรณ์เหมือนกัน

2 องค์นี้พอครบ 10 พรรษาต้องเข้าป่า เมื่อเข้าป่าแล้วห้ามออกมายุ่งกับชาวบ้านจนกว่าจะตาย จะพาพระและชาวบ้านที่อวดรู้ตกนรก จงไปตามทางของเธอ ท่านปานช่วยสอนวิชาเข้าป่าให้หนักหน่อย ท่านองค์นี้ (หมายถึงฉัน) จงเข้าป่าไปกับเขา แต่ห้ามอยู่ในป่าเป็นวัตร เพราะเธอมีบริวารมาก ต้องอยู่สอนบริวารจนตาย พอครบ 20 พรรษาจงออกจากสำนักเดิม เธอจะได้ดี จงไปตามทางของเธอ ฉันบวชพระมามากแล้วไม่อิ่มใจเท่าบวชพวกเธอ"


การแสวงหาและการปฏิบัติธรรม
พ.ศ. 2480 อายุ 21 ปี สอบได้ นักธรรมตรี
พ.ศ. 2481 อายุ 22 ปี สอบได้ นักธรรมโท
พ.ศ. 2482 อายุ 23 ปี สอบได้ นักธรรมเอก

ระหว่างพรรษาที่ 1 - 4
- เรียนอภิญญา - ธุดงค์ป่าช้า, ป่าศรีประจันต์, พระพุทธบาท, พระพุทธฉาย, เขาวงพระจันทร์ , เขาชอนเดื่อ, ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์, ดงพระยาเย็น, ภูกระดึง, พระแท่นดงรัง ฯลฯ
- ศึกษาวิปัสสนา

ระหว่างปี พ.ศ. 2480-2483 ได้ศึกษาพระกรรมฐาน จากครูบาอาจารย์หลายท่าน อาทิเช่นหลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค, หลวงพ่อจง พุทธสโร วัดหน้าต่างนอก, พระอาจารย์เล็ก เกสโร วัดบางนมโค, พระครูรัตนาภิรมย์ วัดบ้านแพน,
พระครูอุดมสมาจารย์ วัดน้ำเต้า, หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ, หลวงพ่อเนียม วัดน้อย, หลวงพ่อโหน่ง วัดอัมพวัน (วัดคลองมะดัน) และหลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พิณสุวรรณ

พ.ศ. 2483 อายุ 24 ปี เข้ามาจำพรรษาที่วัดช่างเหล็ก อำเภอตลิ่งชัน ธนบุรี เพื่อเรียนบาลี

จากนั้นย้ายมาอยู่ที่วัดอนงคารามในช่วงออกพรรษาในสมัยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม) อยู่วัดช่างเหล็กในช่วงเข้าพรรษา ระหว่างนี้ได้ศึกษาเพิ่มเติมกรรมฐานกับหลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ และพบพระสุปฏิปันโนอีกมาก เช่น สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทัย) เป็นต้น

พ.ศ. 2486 อายุ 27 ปี สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค เปลี่ยนชื่อเป็น "พระมหาวีระ" เพื่อไม่ให้คล้ายกับ พระมหาสำเนียง ที่อยู่วัดช่างเหล็ก ที่เดียวกัน

พ.ศ. 2488 อายุ 29 ปี สอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค ย้ายมาอยู่วัดประยูรวงศาวาส ได้เป็นรองเจ้าคณะ 4 วัดประยูรวงศาวาส และฝึกหัดการเป็นนักเทศน์

พ.ศ. 2492 อายุ 33 ปี จำพรรษาที่วัดลาวทอง จังหวัดสุพรรณบุรี

พ.ศ. 2494 อายุ 35 ปี จึงกลับไปอยู่วัดบางนมโค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นเจ้าอาวาสวัดบางนมโค

พ.ศ. 2500 อายุ 41 ปี อาพาธหนักเข้าโรงพยาบาลกรมแพทย์ทหารเรือ

พ.ศ. 2502 อายุ 43 ปี พักฟื้นที่วัดชิโนรสาราม กรุงเทพมหานคร จากนั้นจึงได้ย้ายไปอยู่วัดโพธิ์ภาวนาราม อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท ซึ่งขณะนั้นยังเป็นสำนักสงฆ์ ได้ลูกศิษย์รุ่นแรก 6 คน

พ.ศ. 2505 อายุ 46 ปี ไปจำพรรษาที่วัดพรวน อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาทเป็นเวลา 1 พรรษา

พ.ศ. 2506 อายุ 47 ปี กลับมาจำพรรษาที่วัดโพธิ์ภาวนาราม พอกลางเดือนมิถุนายน ก็ได้ลาพุทธภูมิ

พ.ศ. 2508 อายุ 49 ปี จำพรรษาที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ตำบลมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท แล้วเริ่มไป - กลับวัดสะพาน อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท เพื่อสอนพระกรรมฐาน

พ.ศ. 2510 อายุ 51 ปี ได้สอนวิชามโนมยิทธิ แล้วจึงจำพรรษาที่วัดสะพาน อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท

เป็นเจ้าอาวาสวัดท่าซุง
พ.ศ. 2511 อายุ 52 ปี ในวันที่ 11 มีนาคม
จึงมาอยู่วัดจันทาราม (ท่าซุง) ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ได้ทำบูรณะ สร้างและขยายวัด จากเดิมมีพื้นที่ 6 ไร่ 2 งาน 07 2/10 ตารางวา จนกระทั่งเป็นวัดที่มีบริเวณพื้นที่ประมาณ 289 ไร่ 1 งาน 40 ตารางวา มีอาคารและถาวรวัตถุต่าง ๆ จำนวน 144 รายการในวัด สิ้นค่าก่อสร้างทั้งสิ้น 611,949,193 บาท

สิ่งก่อสร้างทั้งในวัดและนอกวัด อาทิเช่น หอสวดมนต์, พระพุทธรูป, อาคารปฏิบัติกรรมฐาน, ศาลาการเปรียญ, วิหาร 100 เมตร, โบสถ์ใหม่, บูรณะโบสถ์เก่า, ศาลา 2 ไร่, 3 ไร่, 4 ไร่ และ 12 ไร่, หอไตร, โรงพยาบาลศูนย์แม่และเด็ก ชนบทที่ 61, พระจุฬามณี, มณฑปท้าวมหาราชทั้ง 4, พระบรมราชานุสาวรีย์ 6 พระองค์, พระชำระหนี้สงฆ์, โรงไฟฟ้า, โรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา, ศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในแดนทุรกันดารตามพระราชประสงค์ เป็นต้น ทั้งยังได้ช่วยการก่อสร้างที่วัดอื่น ๆ ในประเทศไทยอีกมากมาย

พ.ศ. 2520 อายุ 61 ปี ตั้งศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในแดนทุรกันดารตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม

พ.ศ. 2526 อายุ 67 ปี สร้างโรงพยาบาลแม่และเด็กชนบทที่ 61 และมอบให้กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

พ.ศ. 2527 อายุ 68 ปี ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญเปรียญวิ. (ป.ธ.4 น.ธ.เอก) ที่ "พระสุธรรมยานเถร"

พ.ศ. 2528 อายุ 69 ปี สร้างโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา

พ.ศ. 2532 อายุ 73 ปี ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ "พระราชพรหมยาน ไพศาลภาวนานุสิฐ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี"

พ.ศ. 2535 อายุ 76 ปี ได้อาพาธด้วยโรคปอดบวมอย่างแรง และติดเชื้อในกระแสโลหิต เข้ารักษาที่โรงพยาบาลศิริราช และมรณภาพที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2535 เวลา 16.10 น.

ปัจจุบันศพของหลวงพ่อได้บรรจุไว้ในโลงแก้วบนบุษบกทองคำที่ประดับด้วยอัญมณีอันวิจิตรงดงาม ณ วัดจันทาราม ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี

สมณศักดิ์
พ.ศ. 2527 - พระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนาม "พระสุธรรมยานเถร"

พ.ศ. 2532 - พระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนาม "พระราชพรหมยาน ไพศาลภาวนานุสิฐ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี"

ผลงาน
ตลอดระยะเวลาที่อุปสมบทอยู่ หลวงพ่อพระราชพรหมยานได้ทำหน้าที่ของพระสงฆ์ ในพระพุทธศาสนาอย่างสมบูรณ์ กล่าวคือ

ทางด้านชาติ ได้สร้างโรงพยาบาล, สร้างโรงเรียน, จัดตั้งธนาคารข้าว, ออกเยี่ยมเยียน ทหารหาญของชาติและตำรวจตระเวณชายแดนตามหน่วยต่าง ๆ เพื่อ ปลุกปลอบขวัญและกำลังใจ และ แจกอาหาร, ยา, อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และวัตถุมงคลทั่วประเทศ

ทางด้านพระศาสนา ได้สั่งสอนพุทธบริษัทศิษยานุศิษย์ให้มุ่งพระนิพพานเป็นหลัก โดยให้ประพฤติปฏิบัติสำรวมกาย, วาจา, ใจ, มุ่งในทาน, ศีล, สมาธิ และปัญญา ทั้งในทางกรรมฐาน 40 และมหาสติปัฏฐานสูตร ได้พิมพ์หนังสือคำสอนจำนวนมากและบันทึกเทปคำสอนกว่า 1,000 ม้วน นอกจากนี้ยังได้แสดงธรรมเทศนาทางสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์เป็นครั้งคราว นอกจากนี้ ยังเดินทางไปสงเคราะห์คณะศิษย์ในต่างจังหวัดและต่างประเทศทุก ๆ ปี

ทางด้านวัตถุ ท่านได้ช่วยสร้างพระพุทธรูปและถาวรวัตถุไว้ในพระพุทธศาสนามากกว่า 30 วัด รวมทั้งการบูรณะฟื้นฟูวัดท่าซุงด้วยเงินกว่า 600 ล้านบาท ได้สร้างพระไตรปิฎก และถวายผ้าไตรแก่วัดต่างๆ ปีละไม่ต่ำกว่า 200 ไตร

ทางด้านพระมหากษัตริย์ท่านได้สนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยการจัดตั้งศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดารตามพระราชประสงค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งศูนย์ฯ นี้ได้ดำเนินการสงเคราะห์ราษฎรในถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 ทั้งการแจกเสื้อผ้า, อาหาร และยารักษาโรคแก่ราษฎรผู้ยากจน, การช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยทางธรรมชาติ, การจัดแพทย์เคลื่อนที่ออกรักษาพยาบาลราษฎรผู้เจ็บป่วย, การให้ทุน นักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจน, การบริจาคทุนทรัพย์ให้แก่มูลนิธิและโรงพยาบาลต่าง ๆ ฯลฯ

นับได้ว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานเป็นปูชนียบุคคลผู้อยู่ด้วยความกรุณา เป็นปกติ พร่ำสอนธรรมะและสิ่งทีเป็นประโยชน์และสงเคราะห์เกื้อกูลมหาชนด้วยเมตตามหาศาลสมกับเป็น ศากยบุตรพุทธชิโนรสแท้องค์หนึ่ง


คุณวิเศษส่วนองค์และต่อส่วนรวม

1. เป็นผู้ได้บำเพ็ญบารมีมามาก
2. ทรงอภิญญาสมาบัติและปฏิสัมภิทาญาณ
3. ทรงเถรธรรม ประกอบด้วย รัตตัญญู (รู้ราตรีนาน), สีลวา (มีศีล), พหุสสุตะ (ทรงความรู้ได้ฟังมาก), สวาคตะปาฏิโมกขะ (วินิจฉัยพระวินัยได้ดี), อธิกรณสมุปปาทวูปสมกุสละ (ฉลาดในการระงับอธิกรณ์ที่เกิดขึ้น), ธัมมกามะ (ใคร่ในธรรม), สันตุฏฐะ (สันโดษ), ปาสาทิกะ (น่าเลื่อมใส), ฌานลาภี (คล่องในฌาน) และ อนาสวเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ (บรรลุเจโตวิมุติ และปัญญาวิมุติ สิ้นอาสวกิเลส
4. รู้แจ้งในไตรภูมิ
5. เป็นที่รักของพระ พรหม เทพยดาและมนุษย์ทั้งปวง

6. สอนคนให้เข้าใจถึงพระนิพพานได้จริง ตามมาตรฐานการปฏิบัติธรรมแห่งพระพุทธศาสนาครบถ้วนทั้ง 4 หมวด อันได้แก่ 6.1) สุกขวิปัสสโก ปฏิบัติธรรมแบบเรียบ ๆ มีมรรคมีผล แต่ไม่มีความรู้พิเศษ 6.2) เตวิชโช หรือเรียกว่า วิชชา 3 มีมรรคมีผล และมีความรู้พิเศษคือ ทิพจักขุญาณ รู้ว่าคนเกิดมาจากไหน ตายไปไหน เป็นต้น มีญาณ 8 ประการ 6.3) ฉฬภิญโญ หรือเรียกว่า อภิญญา 6 มีมรรคมีผล และมีความรู้พิเศษคือแสดงฤทธิ์ได้ 5 อย่าง หากหมดกิเลสด้วยจะเรียกว่าได้อภิญญา 6 6.4) ปฏิสัมภิทัปปัตโต หรือเรียกว่า ปฏิสัมภิทาญาณ มีมรรคมีผล และมีความรู้พิเศษครอบคลุมทั้ง 3 หมวดแรก ปฏิสัมภิทาญาณนั้นคือ ทรงพระ
ไตรปิฎก (แตกฉานในเหตุและผล), รู้ภาษาคนทุกภาษาและภาษาสัตว์ทุกชนิด และคล่องแคล่วในการสอนธรรม (ขยายความให้เข้าใจก็ได้ ย่อความให้เข้าใจก็ได้)

คำกล่าวที่จารึกในแผ่นทองซึ่งบรรจุใต้แท่นพระประธาน เมื่อพ.ศ. 2519 ในแผ่นทองได้จารึกไว้ดังนี้ เราพระมหาวีระ มีพระราชานามว่า ภูมิพล เป็นผู้อุปถัมถ์ ร่วมด้วยพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ สร้างวัดนี้เป็นพุทธบูชา เมื่อศักราชล่วงไปแล้ว 2700 ปีปลาย จะมีพระเจ้าธรรมิกราช นามว่า ศิริธรรมราชา สืบเชื้อสายมาจากเชียงแสนและสุโขทัย ร่วมกับพระอรหันต์ จะมาบูรณะวัดนี้ สืบพระศาสนาต่อไป คณะของเราขอโมทนา แต่อยู่ช่วยไม่ได้ เพราะไปพระนิพพานหมดแล้ว

อีกทั้งท่านยังได้ตั้งสัตยาธิษฐานฝากลูกหลานของท่านไว้ดังนี้ ฉันขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุข พร้อมด้วยพระอริยสงฆ์ทั้งหมดและพระพรหม และเทพเจ้าทั้งหมด ขอทุกท่านจงกำหนดจิต จดจำลูกหลานของฉันไว้ ว่า

......"บุคคลใดก็ตาม เมื่อเวลาจะตายขอให้สติสัมปัชัญญะสมบูรณ์ มีจิตน้อมไปในกุศลกรรม และขอให้ได้รับผลที่ฉันได้ทำไปแล้วทุกประการแก่ลูกหลานของฉันทุกคน เวลานี้ฉันมองดูแล้วนะ ตรวจดูแล้ว สิ่งที่ฉันต้องการมันสมใจนึกแล้ว ฉันมีความอิ่มใจบอกไม่ถูก ปลื้มใจที่ความปรารถนาสมหวัง ที่ฉันตั้งใจไว้นาน ปรารถนาไว้นานคิดว่าจะทำไม่ได้ แต่เวลานี้ทำได้แล้ว ลูกหลานของฉันทุกคน มีศรัทธาเป็นอจลศรัทธาแล้ว มีความมั่นคงในพระพุทธศาสนาแล้ว มีความดีพอสมควรแล้ว"

อุโบสถหลังใหม่นี้ มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในพระเกศมาลาของสมเด็จพระ พุทธพรมงคล พระประธานในพระอุโบสถ, เททองหล่อรูปหลวงพ่อปาน และทรงตัดลูกนิมิตด้วย ในช่วงพ.ศ. 2518 - 2520

จาก : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี



ความคิดเห็นที่ 13 - solo 356 17 มิถุนายน เวลา 22:45 น.

ผมหันมารักษาศีลห้าตลอดชีวิต
เพราะคำของหลวงพ่อฤาษีลิงดำครับ ^_^



ความคิดเห็นที่ 3 - kokotan 17 มิถุนายน เวลา 20:42 น.

เอ่อ..เอาตามจริงใช่ไหมคะ กล้าพูดจะกล้าเชื่อไหม กราบไหว้ท่านได้ค่ะ เป็นพระแท้ นะคะ แต่หลายอย่างที่ทำเพราะ เป็นความประสงค์ที่จะให้เป็นเช่นนั้น เรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฐิหาริย์ ดิฉันก็ไม่ถนัด แต่ก็เคบประสบกับตัวเอง เรื่องแรก คุยกับเพื่อนตอนกลางวันเรื่องธรรมะ ตอนกลางคืนท่านมาเข้าฝัน บอกเรื่องที่เราสงสัย ที่คุยกับเพื่อนไว้ตอนกลางวัน

อีกเรื่องท่านมาเข้าฝันพี่ชาย บอกว่าให้ไปเอาพระที่บ้านน้องชาย องค์นั้นๆ พี่ชายก็ให้น้องชายเอาพระมาให้ เปิดออกมา พระธาตุเกาะเต็ม ทั้ง 2 องค์ ท่านบอกว่าจะให้พระธาตุ 2 องค์ แบ่งกันคนละองค์ พี่กับน้อง ขนลุกเลยค่ะ



ความคิดเห็นที่ 2 สมาชิกหมายเลข 721172 17 มิถุนายน เวลา 20:29 น.

ใครจะกล้าวิจารณ์ครับ



ความคิดเห็นที่ 4 - สมาชิกหมายเลข 713013

ไหว้ได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ



ความคิดเห็นที่ 5 - cantona_z 17 มิถุนายน เวลา 20:47 น.

เป็นพระที่ดีที่สุดรูปหนึ่งครับ



ความคิดเห็นที่ 6 - Psychodigy 17 มิถุนายน เวลา 20:48 น.

เรื่องบางอย่างที่ จขกท ว่ามันเป็นอภินิหารเหลือเชื่อนั่นมันเป็นของธรรมดาถ้าผู้ที่ฝึกอภิญญา เค้าทำได้กันครับ ผมไปวัดนี้มาตั้งแต่อายุ 12 จนตอนนี้ 40 กว่าๆแล้ว ขอรับรองว่าหลวงพ่อท่านเป็นพระที่กราบได้สนิทใจครับ ส่วนพวกข่าวลือต่างๆ นาๆ ผมว่าถ้าท่านศึกษาธรรมะ(แบบที่ถูกต้อง) มาพอสมควรปัญญาของตัวท่านเองจะแยกแยะได้ว่าสิ่งไหน มันจริง เท็จ ดี หรือไม่ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ 17 มิถุนายน เวลา 20:49 น.



ความคิดเห็นที่ 7 - รู้คุณ 17 มิถุนายน เวลา 21:11 น.

ท่านเป็นพระแท้...



ความคิดเห็นที่ 8 - nuch_tre 17 มิถุนายน เวลา 21:19 น.

เป็นพระอริยะสงฆ์ เป็นพระปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ ปฎิปทาท่านเคร่งครัดนัก เป็นสงฆ์แท้ไม่มีมลทิล



ความคิดเห็นที่ 9 - ไม่ได้กางหลาง 17 มิถุนายน เวลา 21:25 น.

เรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฐิหาริย์ เป็นเรื่องปกติธรรมดามาก สำหรับผู้บรรลุธรรมหรือปฏิบัติธรรมได้ขั้นสูง
แต่เป็นเรื่องไม่ธรรมดา เป็นเรื่องวิเศษ สำหรับปุถุชนทั่วไป



ความคิดเห็นที่ 10 - ทำไมต้องเป็นผม 17 มิถุนายน เวลา 21:38 น.

นานมากแล้วผมลืมสนิท 6 ธค. ของทุกปี จะมีงานบวชธุดงค์ ผมจะไปร่วมทุกปี ผมฝันว่าท่านฯมาเอามือ ลูบศรีษะผม 3 ครั้ง ตื่นขึ้นมานึกไงไม่ทราบ ผมขับรถไปที่วัดฯท่าน มันคือวันที่ 6 ธค. งานบวชธุดงค์ ผมลืมได้ไงละนี่



ความคิดเห็นที่ 11 - สมาชิกหมายเลข 721172 17 มิถุนายน เวลา 22:06 น.

ท่านเป็นพระสงฆ์ที่น่าเคารพศรัทธาและหาบุคคลเช่นท่านยากมากนะครับ จัดได้ว่าเป็นอะเสขะบุคคลเลยทีเดียว( ค้นหาคำแปลเอาหน่อยนะ )

ท่านช่ำช่องในเจโตวิมุตติในเบื้องต้น ยังชำนาญในปัญญาวิมุตติด้วย เช่นนี้จึงจัดว่าเป็นสงฆ์ประเภท อุภภะโตภาควิมุตติ คือหายากมาก และมีคำกล่าวว่าใครที่ได้อาจารย์เช่นนี้ ถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐเลยทีเดียว ผมเองเมื่อครั้งที่ยังโง่ๆอยู่ เคยกล่าวคำสบประมาทท่านไว้มากเช่นกัน เพราะเห็นว่าท่านคุยแต่เรื่องฤทธิ์เรื่องสวรรค์ มากเกินไปไม่ชอบ จึงปิดกั้นตัวเองไม่ยอมรับที่จะปฏิบัติธรรมใดใดที่ท่านสอนไว้ จนกระทั่งท่องเทียวปฏิบัติไปเรื่อยๆปัญญาก็ดี มรรคผลบางอย่างเริ่มปรากฏบ้าง เห็นผลบ้าง แทบจะกระโดดเอาหัวโหม่งกำแพงตาย

เพราะความโง่เง่าเบาปัญญาของตนเอง เป็นบทเรียนสอนใจว่า สิ่งใดที่เรายังไม่รู้ ไม่เห็นจริง ก็อย่าพึงไปปฏิเสธหรือตอบรับ แต่ให้ฟังดูไว้เป็นกลางๆ แล้วนำมาทดลองประพฤติปฏิบัติดูก่อน จริงหรือไม่จริงถ้าปัญญาเราถึง เราเองจะรู้และเป็นพยานในผลแห่งการที่ได้รู้ได้เห็นได้ดีที่สุด อ้อ..ลืมบอกไป ผมไปกราบขอสมาท่านในความโง่เหง้าเบาปัญญา รู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตนเองมาแล้วนะครับ



ความคิดเห็นที่ 12 - Arrow frog

ขอบพระคุณทุกท่านมากครับ



ความคิดเห็นที่ 13 - solo 356

ผมหันมารักษาศีลห้าตลอดชีวิต
เพราะคำของหลวงพ่อฤาษีลิงดำครับ ^_^



ความคิดเห็นที่ 14 - HeavenMoon 17 มิถุนายน เวลา 22:52 น.

เพิ่งมา(เกิด)ยังดีที่มีสื่อ ใครไม่ทันก็รอโน่น พระศรีอาริย์ฯ



ความคิดเห็นที่ 15 - ไฟไฟ 17 มิถุนายน เวลา 23:59 น.

ปกติปฏิบัติแนวนี้ไม่ได้เพราะนิมิตหายหมด เคยนึกถึงท่าน ตอนนอนฝันเลยว่า มีคนหน้าลิงมาต่อแถวเพียบแต่ต่อเป็นคิวท้าย ๆ จะไปนิพพานกัน ในวัดแห่งหนึ่ง
ผมเคารพท่านครับ การที่จะเกิดนิมิตก็ต้องมีสมาธิระดับหนึ่งเลยนะ ไม่ใช่ง่าย ๆ ถ้าบารมีไม่ตรงกัน (แต่ต้องเป็นระดับละเอียดสว่าง สวยงาม วิจิตรนะ)



ความคิดเห็นที่ 16 - การซักผ้า 18 มิถุนายน เวลา 00:12 น.

กราบได้อย่างสนิทใจ ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ



ความคิดเห็นที่ 17 - สมาชิกหมายเลข 702589 18 มิถุนายน เวลา 00:22 น.

ท่านบอกว่า เมืองไทยมีน้ำมันมากมายน่ะ มีอีกหลายเรื่องที่ผิด (ถ้าไม่หลอกตัวเองนะ)
อ่านดูได้ (หนังสือท่านผมมีเยอะ)
แต่ก็อยากรู้เรื่อง พระลิงขาว เหมือนกันนะ



ความคิดเห็นที่ 18 - Mateo2000 18 มิถุนายน เวลา 00:23 น.

ชอบฟังธรรมะของท่าน ท่านปฏิบัติดีเคารพท่านมาก



ความคิดเห็นที่ 19 - สมาชิกหมายเลข 725609

ผมเลิกทุกอย่าง เพราะหลวงพ่อครับ



ความคิดเห็นที่ 20 - แจกันดอง 18 มิถุนายน เวลา 08:16 น

นอกจากเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์แล้วท่านยังสามารถแสดงธรรมได้อย่างลึกซึ้ง เข้าใจง่ายด้วยครับ ขอกราบหลวงพ่อครับ...



ความคิดเห็นที่ 21 - bbiggy 18 มิถุนายน เวลา 08:39 น.

ถ้าคนที่ไม่เชื่อเรื่อง สมาธิเห็นนั่นนี่ คิดว่าเป็นนิมิตอะไรนั่น

ท่านก็สอนการทำสมาธิแบบ ไม่ต้องเห็นอะไรก็ได้ แต่สามารถปฏิบัติเพื่อให้จิตใจสงบเหมือนกัน
ลองหาหนังสือหรือไปซื้อ mp3 ของวัดมาฟังดูก่อน
แต่ที่เด็กๆน่าจะชอบ ก็ที่ท่านเล่าเรื่องชาดกต่างๆนี่ เพลิน ฟังแล้วติดหนึบเอาง่ายๆ



ความคิดเห็นที่ 22 - ยังค้นหาตัวเองไม่เจอ 18 มิถุนายน เวลา 09:44 น

ไม่ต้องไปหาซื้อแผ่นก็ได้ครับถ้าอยากฟังท่านเทศก์ ตามเนตมีให้ฟังเยอะ
ถ้าไม่ชอบเรื่องเหลือเชื่อมากๆ ให้หาฟังหมวด สุขวิปัสโก



ความคิดเห็นที่ 23 - จองนรกไว้ แต่กำลัง cancel 18 มิถุนายน เวลา 09:55 น.

ส่วนตัว ของจริงชัวร์
ส่วนเรื่องที่ท่านเล่าพิสดาร ก็ฝากคำถามกับเจ้าของกระทู้ว่า ลองพิสูจน์ด้วยตนเองรึยัง หัวเราะ



ความคิดเห็นที่ 24 - สมาชิกหมายเลข 748157 18 มิถุนายน เวลา 09:57 น.

บอกตามตรงอ่านประวัติท่านครั้งแรก ศรัทธาและชอบใจมาก โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับปาฏิหาริย์ (ตั้งแต่เด็ก อายุ 13-14 ประมาณปี 2532-33) แต่หลังๆเริ่มไม่ลงใจหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่อง พิธีกรรมไสยสาตร์อย่างพวกเป่ายันต์เกาะเพชร เรื่องคำทำนายที่ไม่ตรง เกี่ยวกับประเทศไทยจะค้นพบทองคำ พบวัตถุที่มีค่ามหาศาล จะเป็นมหาอำนาจโลก และเรื่องอื่นๆที่ผมรู้สึกว่ามันนอกรู้นอกทางศาสนาพุทธอีกเยอะ



ความคิดเห็นที่ 25 - ไม่คิดมาก 18 มิถุนายน เวลา 10:04 น.

เออ......เห็นมีคนบอก ว่าที่ท่านทำนายว่า จะพบวัตถุมีค่ามหาศาลทำให้ไทยเป็นมหาอำนาจโลก จริงนะ ตอนนี้มีอยู่แล้ว แต่ยังไม่รู้คุณค่ากันเอง คงต้องรอฟ้าดินเปิดทางเสียก่อน ..........ฟังไว้เล่นๆ เขาว่ามา เราว่าไป อย่าเพิ่งเชื่อ กาลเวลาจะพิสูจน์เอง.....555555



ความคิดเห็นที่ 26 - สมาชิกหมายเลข 725609 18 มิถุนายน เวลา 14:19 น.

ทองคำก็มีคนพบแล้ว แต่......เอาเป็นว่า
เรื่องใหนที่เราจะได้รู้เดี๋ยวเราก็ได้รู้เองแหละครับ



ความคิดเห็นที่ 27 - Brugada 18 มิถุนายน เวลา 14:44 น

ถ้าผมจำไม่ผิด (ถ้าจำผิดต้องขออภัยด้วยครับ)
หลวงปู่บุดดาเคยกล่าวว่า ตัวท่านเปรียบเหมือนแสงหิ่งห้อย หลวงพ่อฤาษีเปรียบเหมือนแสงอาทิตย์
ส่วนเรื่องการฝึกมโนยิทธิแบบที่วัดก็ต้องระวังหน่อยนะครับ เพราะเท่าที่ผมศึกษา รู้สึกว่าขึ้นกับครูผู้ฝึกเป็นสำคัญ และสามารถถุกล่อลวงได้ง่ายมากๆ ดังเช่น อ. สอนฟิสิกส์ ชื่อดัง ที่เป็นข่าวใหญ่โตเมื่อหลายปีก่อน

ปล ผมไม่ได้มีเจตนาจะ discredit การฝึก มโนยิทธินะครับ ก็เป็น 1 ใน กรรมฐาน 40 กอง ที่สามรถให้ผลได้จริง แค่อยากจะเตือนสำหรับผู้สนใจเท่านั้นว่าหากครูบาอาจารย์ไม่เก่งพอ อาจออกนอกลู่นอกทางได้โดยง่ายก็เท่านั้น
หากทำให้ใครไม่พอใจ ผมขออโหสิกรรมล่วงหน้าครับ



ความคิดเห็นที่ 28 - KolfCD 18 มิถุนายน เวลา 15:14 น.

สาธุกับทุกความเห็นอันเป็นกุศลค่ะ
ค่อนข้างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน (ไม่ดราม่า)
เราก็นับถือท่านเช่นกัน ท่านสอนสนุก แต่ได้ความรู้ที่ถูกต้อง



ความคิดเห็นที่ 30 - สมาชิกหมายเลข 883360 18 มิถุนายน เวลา 17:38 น.

ยันต์เกราะเพชร ถ้าศึกษาให้ดีลึกซึ้ง นี่ไม่ใช่ไสยศาสตร์นะคับ เป็นพุทธคุณห้องต้น ผู้รับไปแล้วต้องรักษา ศีล 2 ข้อเป็นอย่างน้อย ถ้ามีปัญญาพอสมกับการได้รู้ได้เรียนมามากก็จะรู้ว่า มันเป็นอุบายอย่างนึงให้สิษย์ของท่านถือศีล 2 จนกระทั้ง 5 และอื่นๆในที่สุด การสอนคน คนเรามีหลายระดับจะให้สอนเรื่องวิมุติอย่างเดียวคนก็เข้าถึงยาก ไม่งั้นพระพุทธเจ้าก็เทศน์อริยสัจ 4 อย่างเดียวก็จบสิคับ ไม่ต้องมีถึง 84000 พระธรรมขันธ์ เรื่องของวัตถุมงคลหรืออะไรต่างๆ เจตนาที่หลวงพ่อสร้างก็เพื่อศิษย์ท่านที่ทำบารมีตามกันมา แต่บารมีกำลังใจแต่ละคนก็ไม่เสมอกัน ตามแต่จริตและนิสัย



ความคิดเห็นที่ 33 - Hulky 19 มิถุนายน เวลา 21:34 น.

ไม่มีโอกาสกราบท่านตอนยังมีชีวิตอยู่ มาศึกษาคำสอนและแนวปฏิบัติท่าน ท่านสอนได้ทั้งแบบชาวบ้านสั้นกระชับ และการใช้ภาษางดงามสละสลวย เข้าใจง่าย ชัดเจน ตรงไปตรงมา ทำบุญบาทเดียวก็เทศน์จนอิ่มใจคนทำเลย มีอารมณ์ขันเมตตามากๆ

ส่วนเรื่องปาฏิหาริย์ไม่ใช่แนวของตัวเอง และในชีวิตก็ไม่ค่อยเจอ แต่ตอนอ่านหนังสือท่านครั้งแรก ที่ท่านมรณภาพไปนานแล้ว ก็คิดเล่นๆ ว่า เสียดายน่าจะได้มีโอกาสพบ คืนนั้นฝันว่าท่านมาหา ได้กราบ ได้คุย (แบบไม่ได้พูด) เล่าให้สามีฟัง รุ่งขึ้นอีกวัน สามีบอกว่าฝันว่าท่านมาหาและได้กราบเหมือนกัน เพราะตอนฟังเราเล่า ก็คิดว่าอยากกราบท่านบ้าง

ทุกวันนี้ ก็พยายามปฏิบัติตามคำสอนอยู่ ชีวิตนุ่มนวลสงบและเจริญขึ้นเรื่อยๆ เพราะเชื่อคำท่านว่า ให้ปฏิบัติรักษาธรรมตามที่ได้ที่มี แล้ว
"ลูกไปไหน ได้ชื่อว่าพ่อไปด้วย ช่วยลูกทุกประการ"



ความคิดเห็นที่ 34 - Take me home 20 มิถุนายน เวลา 13:50 น.

ไม่เคยกราบท่านตอนท่านมีชีวิตอยู่ ท่านเป็นพระแท้ เป็นพ่อที่ประเสริฐ เราเคยแต่พบท่านในความฝันค่ะ และชีวิตดีขึ้นเพราะท่านค่ะ กราบท่านมาจะ 20 ปีแล้วค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ 20 มิถุนายน เวลา 13:50 น.



ความคิดเห็นที่ 35 - Tuan-Tuan 30 มิถุนายน เวลา 12:43

ท่านเป็นพระแท้แน่นอนครับ ผมเองเลื่อมใส ศรัทธาท่านไม่ใช่เพราะเรื่อง อิทธืปาฏิหารย์
แต่เพราะเลื่อมใสในคำสอนของท่าน ท่านสอบแบบง่ายๆ ฟังเข้าใจได้ง่ายมาก ทำตามได้แบบ
ง่ายๆ ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย ถ้าใครได้ฟังธรรมะของท่านจะทราบว่า หลวงพ่อท่านเคารพใน
พระรัตนตรัยขนาดไหน ท่านไม่เคยยกย่องตัวท่านเองว่าดี ว่าเป็นพระอรหันต์เลย พระที่เป็นทองคำ
อย่างท่านหายากแล้วครับ ท่านไม่อยู่แล้วก็น้อมนำเอาพระธรรมคำสั่งสอนของท่านมาปฏิบัติดูครับ
ถ้าคุณตั้งใจทำจริง คุณก็จะเห็นของจริงเอง สาธุครับ



ความคิดเห็นที่ 36 - Maintenance 15 กรกฎาคม เวลา 17:50 น

กราบ กราบ กราบ
เท้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีฯ)
ด้วยเศียรเกล้า

ลูกจะตามหลวงพ่อไปพระนิพพานให้ได้ในชาตินี้ครับ



ความคิดเห็นที่ 37 - Baramandi 27 กรกฎาคม เวลา 12:26 น

กราบท่านได้อย่างสนิทใจ ไม่มีข้อสงสัย โดยส่วนตัวนับถึอหลวงพ่อปาน และหลวงพ่อฤาษีลิงดำอยู่แล้วครับ



ความคิดเห็นที่ 38 - k.o.p 30 กรกฎาคม เวลา 11:24 น

.. ใครที่ปฏิบัติ ตามที่ท่านสอน .. จะรัก และ เทิดทูน ท่านสุดหัวใจเลยครับ



ความคิดเห็นที่ 39 - aoomka 8 กันยายน 2556 เวลา 11:45 น.

1. ปฏิบัติตามหลักกาลามสูตร ลองทำลองศึกษาหาข้อผิดพลาดของท่านดู พิสูจน์อย่างจริงจังว่าหลักการท่านดีจริงไหม ไม่ใช่สามวันไม่เห็นผลแล้วบอกไม่ดี คนที่เขาได้ดีฝึกมานานเท่าไหร่
2. ต้องเอาตัวเองเข้าไปสัมผัสถึงจะรู้ว่าบุคคลนั้นมีศีลบริบูรณ์หรือไม่
3. ท่านไม่เคยบอกว่าท่านเป็นพระอรหันต์ แต่ตอนนี้สังขารท่านไม่เน่าเปื่อย
4. เรื่องเล่าของท่าน ท่านบอกอยู่แล้วเป็นนิทานหรือความฝัน

5. น้ำมันและทองคำ ท่านบอกว่าจะปรากฏก็ต่อเมื่อผู้บริหารประเทศ (สส ทั้งหลาย) มีคุณธรรม เห็นแก่ประโยชน์ของชาติมากกว่าส่วนตน
แต่อาจจะเห็นว่าบางหมู่บ้านในเขตสุพรรณบุรี กาญจนบุรีขุดเจาะน้ำมันขึ้นมาใช้กับเครื่องจักรการเกษตร
6. ยันตร์เกราะเพชร คือบทอิติปิโสย้อนกลับ เป็นพุทธศาสตร์ล้วนๆ สืบทอดจากหลวงปู่ปาน ปัจจุบันตำรานี้ท่านทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ยันตร์และวัตถุมงคล ผู้คิดค้นผู้สร้างตั้งใจให้เป็นเครื่องระลึกถึงพระรัตนตรัย แต่คนสมัยนี้ไม่เข้าใจ
เคยเข้าพิธีตอน 3 ขวบ จำอะไรไม่ได้มาก แต่ตอนนี้ซึ้งในความเมตตาท่าน
7. หาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์วัดท่าซุง, เว็บ palungjit.org และอีกมากมาย. มีหนังสือ ซีดี thumbdrive คำสอนจำหน่ายที่วัด
8. จะนับถือหลวงพ่อองค์ไหน ปฏิบัติแนวทางใด ถ้าเป็นความดี ก็เป็นเรื่องดีในชีวิตคุณ ขออนุโมทนา

** สำหรับพระเครื่องวัตถุมงคล หลวงปู่ดู่วัดสะแกท่านเคยบอกว่า "ติดวัตถุมงคล ดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล" คนแขวนพระที่คอเยอะๆ หาว่าบ้า แต่ไอ้คนไม่นับถือพระ ขายยาบ้าจนรวยเขานับถือว่ามีเงินทอง โลกนี้ตัดสินด้วยอะไร



ความคิดเห็นที่ 40 - aoomka 8 กันยายน 2556 เวลา 11:49 น.

สำหรับความเห็นที่ 38 เห็นด้วยอย่างยิ่ง คนไม่แค่นับถือ แต่รักท่านสุดหัวใจ ท่านเรียกลูกและแทนตัวว่าพ่อกับทุกคน ไม่แยกว่าจนหรือรวย


kitti - 2/11/13 at 08:41

ความคิดเห็นที่ 41 - GIGtheFOX 16 ตุลาคม เวลา 16:02 น.

......ผมเองเคยไปงานเป่ายันต์เกราะเพชรเมื่อตอน 10 ขวบเห็นจะได้ คุณแม่พาไป จำได้ว่าคนเยอะมากจริงๆ แต่ก็ไม่ได้เรียนรู้อะไรจากท่านมากกว่านั้น เพราะยังเด็ก และที่บ้านก็ไม่ได้ฝึกมโนมยิทธิกันเลย ... มาสนใจเรื่องของท่านอีกทีก็ตอนโตแล้ว (35 ขวบ) ท่านมรณะภาพแล้ว (เสียใจมาก)

แต่ไม่น่าเชื่อว่า ไม่ว่าผมจะสงสัยธรรมะข้อใด ติดขัดเรื่องไหน จะพบกับคำตอบในหนังสือบ้าง MP3 บ้าง ทุกครั้งไปเหมือนท่านรู้ใจเรา และตอบไว้ก่อนแล้ว และยังมีเรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นอีกหลายเรื่อง ทั้งมโนมยิทธิ และ คาถาเงินล้าน จึงทั้งเคารพ รัก และศรัทธาท่านมาก มากขนาดที่ไม่หวังในพุทธภูมิแล้ว ขอตามท่านไปนิพพานในชาตินี้แหละ เบื่อมากเหลือเกินแล้ว

เรื่องมโนมยิทธินั้นไปครั้งแรกที่บ้านซอยสายลม ก็เจอของจริงเลยครับ ใครว่าสะกดจิตหมู่ก็ตามใจท่าน แต่ผมเจอมาเองไม่ใช่สะกดจิตแน่ ลองอ่านดูนะว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรแล้วตัดสินกันเอาเองนะครับ ผมไปครั้งแรกต้องขึ้นชั้น 3 ก็ขึ้นไปรอสักครู่ เพราะไปถึงก่อนเวลาคนเริ่มทยอยมากันมากขึ้นเรื่อยๆจนที่นั่งเต็มจึงประกาศให้แยกย้ายกันเข้าห้อง ผมเข้าห้องไป ครูฝึกยังไม่มาก็ลงชื่อไว้ในสมุด ทั้งห้องมีกัน 15 คนเห็นจะได้

เมื่อครูฝึกเข้ามาประจำแต่ละห้องก็ถึงเวลาฝึกพอดี ฟังเสียงนำฝึกของหลวงพ่อ แล้วฟังต่อที่ครูฝึก ผมปฏิบัติตามคำแนะนำของครูฝึกไปสักพักก็มีอาการของปีติปรากฏอย่างชัดเจน ทั้งน้ำตาไหล และตัวโยกไปมา แต่ก็สามารถปฏิบัติไปตามที่ครูฝึกนำได้ทั้งหมดจนครูฝึกให้เพื่อนๆในห้องตามผมมา ** ตรงนี้แหละที่ทึ่งมากเพราะครูฝึกเรียกชื่อผมถูก ทั้งๆที่ลงชื่อกันทุกคน ที่สำคัญคือเรียกชื่อผมแค่คนเดียว ** จนจบขั้นตอนต่างๆ

ครูก็สอบถามทีละคนว่าใครเป็นอย่างไรบ้าง ก็มีทั้งที่มาฝึกครั้งแรกเหมือนผม บางท่านก็มาฝึกหลายครั้งแล้ว มีทั้งที่ฝึกสำเร็จ และไม่สำเร็จ (ถ้าสะกดจิตหมู่จริงๆก็ควรสำเร็จกันหมดมิใช่หรือ ?) ครูฝึกก็แนะนำเป็นรายๆ ไปว่าใครบกพร่องตรงไหนบ้าง ... อยากรู้มากกว่านี้ต้องไปฝึกเองนะครับ (ที่บ้านซอยสายลม - พหลโยธินซอย 8 และ วัดท่าซุง) เจอเอง เห็นเอง ดีที่สุดครับ ...

ปล. ท่านใดที่ไม่เชื่อหลวงพ่อก็ไม่ผิดหรอก เพราะเรื่องเหล่านี้ล้วนเป็น "ปัจจัตตัง" ท่านมาประสบด้วยตนเองแบบผมเมื่อไร ก็จะรู้เองแหละครับ แต่ขอร้องว่าอย่ากล่าวปรามาสท่านเลย เพราะกรรมจะตกอยู่กับตัวผู้นั้น มันหนักหนามากเลยนะ โบราณจึงสอนกันมาว่า "ไม่เชื่อ แต่อย่าลบหลู่" ฟังโบราณเขาหน่อยก็ดีนะครับ ปลอดภัยดี ^^



ความคิดเห็นที่ 42 (สมาชิกหมายเลข 1087196) 29 ตุลาคม เวลา 12:51 น.

ท่านเป็นพระแท้ องค์หนึ่งที่กราบได้สนิทใจครับ

ท่านทำเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างมาก

นิพพาน สุขขัง