เตียว ฮุย กี
หลวงพ่อของเรา
หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๑
"..........ในฐานะที่เป็นชาวต่างชาติ ข้าพเจ้าใคร่กล่าวว่า
ข้าพเจ้าเป็นบุคคลที่โชคดีอย่างยิ่งที่ได้พบหลวงพ่อ แม้ภายในระยะเวลาอันสั้น ข้าพเจ้าก็เคารพรักและนับถือหลวงพ่ออย่างจริงใจ
แม้ว่าข้าพเจ้าจะพูดหรือเข้าใจภาษาไทยไม่ได้ก็ตาม แต่หลวงพ่อก็ได้พิสูจน์ให้ข้าพเจ้าเห็นแล้วว่าท่านเข้าใจความคิดคำนึงของข้าพเจ้า
(ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าไม่ใช่ภาษาไทย)
และด้วยคำสอนของหลวงพ่อท่าน ข้าพเจ้าจึงได้เรียนรู้วิธีปฏิบัติพระกรรมฐาน สามารถมองเห็นภาพในใจได้ ซึ่งได้แสดงให้ข้าพเจ้าเห็นและพิสูจน์ได้ว่า นิพพาน
มีอยู่จริง และคำสอนของหลวงพ่อวิเศษและพิเศษยิ่งสำหรับข้าพเจ้า
ก่อนที่ข้าพเจ้าจะพบหลวงพ่อ ข้าพเจ้าก็เหมือนกับคนอื่นๆ ในโลกนี้ที่มีคำถามและมีปัญหามากมาย เป็นการยากยิ่งที่จะเข้าใจว่า
ทำไมชีวิตจึงต้องยุ่งยากลำบากนักหนา ทำไมพระเจ้าจึงต้องทำให้ชีวิตมนุษย์ซับซ้อนหรือทำไมชีวิตมนุษย์จึงต้องมีทุกข์ ข้าพเจ้ารู้สึกเสียขวัญ โดดเดี่ยวอ้างว้าง
สับสน และขัดข้องใจ
ข้าพเจ้ารู้จากการอ่านตำราว่าเราต้องรู้จักอดทน และพยายามกระทำดีเท่าที่จะทำได้ และรู้ว่าปัญหาต่างๆ
ที่เราประสบในปัจจุบันเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ หรือ กรรม นั่นเอง แต่ข้าพเจ้าก็ยังมีข้อกังขา และความรู้สึกไม่พึงพอใจอยู่ เป็นต้นว่า
- มีสวรรค์หรือนรกจริงหรือ มีใครเคยเห็นไหม
- ข้าพเจ้าเองเป็นใคร ถ้าข้าพเจ้ามีจิต ลักษณะของมันเป็นเช่นไร
- ทำไมพระเจ้าซึ่งเป็นผู้กรุณา อ่อนโยน และให้อภัย จึงไม่พยายามทำให้ชีวิตมนุษย์ง่ายขึ้น
- ทำไมพระเจ้าจึงไม่กำจัดสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายให้หมดไป
- ทำไมพระเจ้าจึงไม่ช่วยเราขณะที่เราวิงวอนร้องขอ
คำถามมีมากมายไม่รู้จบ แต่ไม่มีใครตอบได้
ข้าพเจ้าโชคดีที่ได้พบสุภาพสตรีคนหนึ่ง คือคุณปาริชาต เมื่อ 27 สิงหาคม 2532 เธอได้กล่าวถึงหลวงพ่อและคำสอนของพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้ารู้สึกสนิทสนมกับเธอราวกับว่าได้รู้จักเธอมานานนับปีๆ
ข้าพเจ้าได้ทราบภายหลังจากการปฏิบัติพระกรรมฐานว่า เราเคยเป็นลูกพี่ลูกน้องและเป็นคู่แฝดกันมาหลายชาติในอดีต
เธอให้เข็มกัดมีรูปพระสงฆ์องค์หนึ่งแก่ข้าพเจ้า ความรู้สึกครั้งแรกที่เห็นรูปก็รู้สึกคุ้นกับท่านมาก แม้จะไม่เคยรู้จักพบเห็นท่านมาก่อน
ข้าพเจ้าได้รู้เรื่องของหลวงพ่อและการที่หลวงพ่อได้ช่วยเหลือเธอสมัยที่เธอมีทุกข์ซึ่งคนอื่นไม่สามารถช่วยเธอได้หรือไม่อยากจะช่วยเธอ
ข้าพเจ้าได้กราบหลวงพ่อเป็นครั้งแรกเมื่อ 2 กันยายน 2532 ขณะที่ข้าพเจ้ากราบท่าน ความรู้สึกของข้าพเจ้าผสมผสานระหว่างความสุข
และความกลัวทั้งๆที่หลวงพ่อยิ้มให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ร่วมทำบุญและทำสังฆทาน
ข้าพเจ้าชอบเอาเงินของข้าพเจ้าใส่ยามเขียวของหลวงพ่อด้วยเพราะข้าพเจ้ารู้สึกมั่งคงและปลอดภัย
ในคืนนั้นข้าพเจ้าพยายามปฏิบัติพระกรรมฐาน ตามวิธีการที่ข้าพเจ้าได้รู้ล่วงหน้าคือหายใจเข้าภาวนา นะมะ หายใจออกภาวนา พะธะ
นึกถึงภาพของพระพุทธเจ้าและองค์หลวงพ่อด้วย ภายในเวลา 2 - 3 นาที
ข้าพเจ้ามองเห็นท้องฟ้าคล้ายเมฆเป็นประกายระยิบ เห็นพระพุทธเจ้าประทับนั่งตรงกลางพื้นที่นั้น พระพุทธเจ้าที่เห็นแตกต่างจากพระพุทธรูปที่มนุษย์สร้างขึ้น
หลวงพ่อนั่งอยู่ด้านหน้าพระพุทธเจ้าที่ระยิบระยับ จีวรของหลวงพ่อส่งประกายวะวับ สวยงามคล้ายเพชรสีเหลือง
ข้าพเจ้าเห็นบางอย่างเหาะลอยไปรอบๆ พระพุทธเจ้าและหลวงพ่อ ข้าพเจ้ารู้ถึงความรู้สึกของสิ่งนั้นว่าไร้กังวล มีความสุขสงบมาก
ข้าพเจ้ารู้สึกสับสนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และอาการทางกายรบกวนจึงไม่สามารถดำเนินต่อ
ข้าพเจ้าแปลกใจมากที่หลวงพี่รู้เรื่องราวที่ปรากฏแก่ข้าพเจ้า และได้กรุณาอธิบายชี้แนะให้ข้าพเจ้าจึงปฏิบัติแบบเดิมอีกครั้ง และเห็นภาพเช่นเดิมอีก
แต่คราวนี้ข้าพเจ้ารู้แล้วว่า สิ่งนั้นคือข้าพเจ้าเองที่เหาะอยู่ เป็นตัวข้าพเจ้าเองที่รู้สึกอิสรเสรีไร้กังวลและมีความสุขสบาย
ก็เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่วิเศษสุด
ข้าพเจ้าได้รับการฝึกมโนมยิทธิเมื่อ 2 ก.ย. 2532 ด้วยบารมีของหลวงพ่อและพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าเห็นพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อสว่างเป็นประกายระยิบระยับ
ประทับนั่งอยู่เหมือนกับว่า ท่านกำลังนั่งสมาธิเช่นกัน ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตัวเองเหาะไปหาท่านและกราบเคารพท่าน ข้าพเจ้าเกาะมือซ้ายของหลวงพ่อ
และมีอีกคนเกาะมือขวาของหลวงพ่อ คนผู้นั้นไม่ใช่มนุษย์ และมีแสงประกายระยิบระยับ
พระพุทธเจ้า ซึ่งวรกายสว่างระยิบระยับ ได้นำเราเหาะไปสู่แดนสวรรค์มีวิมานมากมาย ต่างล้วนระยิบระยับสวยงามรอบ ๆ ตัวเรา
เราได้เข้าไปใกล้วิมานเด่นหลังใหญ่สว่างมากเป็นพิเศษ วิมานนั้นดูราวกับว่า ทำจากอัญมณีมีค่าในมนุษย์โลก เช่น เพชร มรกต ทับทิม ไพลิน และอีกนานาชนิด
มีข้อแตกต่างอยู่ที่ว่า ล้วนสว่างไสวแวววาวระยับกว่าอัญมณีของโลกมากนัก และส่งแสงรัศมีออกมาอย่างเจิดจ้า มีเทวดาร่างกายใหญ่โตมาก 2
องค์ยืนอยู่ที่ประตูวิมานต้อนรับเรา เมื่อเราเข้าไปในวิมานหลังนั้น
ข้าพเจ้าเห็นพระพุทธเจ้าสว่างไสวมาก พระองค์ใหญ่มาก และยิ้มให้ข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้าสามารถสัมผัสถึงความนิ่มนวล ความกรุณา ความอบอุ่น
และสันติสุขรอบๆพระองค์ ข้าพเจ้ากราบแทบพระบาทอันใหญ่โตของพระองค์ ทรงลูบศรีษะของข้าพเจ้า พระบาทของพระองค์ท่านอบอุ่น อ่อนนุ่ม
(ยิ่งกว่ากลีบดอกไม้ในโลกนี้) และเบา พระพุทธองค์หัวเราะขณะที่ข้าพเจ้าคลานขึ้นไปนั่งบนตักของท่าน และเมื่อพระองค์ยกพระหัตถ์อวยพรให้เรา
ข้าพเจ้าเห็นคล้ายเพชรเม็ดมหึมาใจกลางพระหัตถ์เป็นประกายระยิบระยับ
ข้าพเจ้าแปลกใจยิ่งนักที่ข้าพเจ้าได้ตระหนักว่าพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นทรงเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐม ข้าพเจ้ารู้สึกใกล้ชิดกับท่านมาก
มีพระพุทธเจ้ามากมายนับไม่ถ้วน
ขณะที่ข้าพเจ้านั่งอย่างเป็นสุขบนตักของพระองค์ท่านอยู่นั้น ข้าพเจ้าเห็นภาพของกษัตริย์ 1 พระองค์ และพระราชินี 3 องค์ มีทหารกองใหญ่
และตรงใจกลางกองทหาร บนยกพื้นมีพระมหากษัตริย์และ 3 พระราชีนิ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตัวข้าพเจ้าเป็นทหารคนหนึ่งอยู่เบื้องหน้ากษัตริย์พระองค์นั้น
เราได้ไปยังสถานที่ที่เป็นประกายระยิบระยับอีกแห่งหนึ่งของท่านสุภาพสตรี และสุภาพบุรุษผู้มีร่างกายเป็นประกายงดงามเช่นกัน ข้าพเจ้าเรียกท่านว่า
ท่านปู่ และ ท่านย่า ทั้งสองท่านวรกายใหญ่โตมาก และส่งประกายระยิบระยับ ทั้งสองท่านทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกปลอดภัย มีความสุขและมั่งคง ข้าพเจ้าได้เข้าไปหา
ท่านย่า ก่อนที่ข้าพเจ้าเหาะไปที่ตักของท่าน
ท่านย่ายิ้มและลูบศรีษะข้าพเจ้า ข้าพเจ้าชอบนั่งตักท่านย่า ต่อมาข้าพเจ้าค่อยทำใจกล้าเหาะไปที่ตักท่านปู่ ท่านปู่หัวเราะและลูบศีรษะข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าเห็นท่านสุภาพสตรี 3 ท่านเป็นประกายระยิบยืนอยู่ใกล้ๆหลวงพ่อ ทั้งสามท่านงามมาก นิ่มนวล สุภาพและปราณี ข้าพเจ้าอำลาท่านย่าและท่านปู่
ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านทั้งสองยินดีต้อนรับข้าพเจ้าเสมอ
เราได้ต่อไปที่พระนิพพาน ไปยังวิมานหลังเล็กและเป็นประกายซึ่งเป็นวิมาน(บ้าน) ของข้าพเจ้า หลวงปู่(ปาน) ท่านลุง และท่านแม่ รอเราอยู่ที่นั้นแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างสุกใสเป็นประกาย นอกวิมานมีสระน้ำและดอกบัวระยิบระยับ ข้าพเจ้ารู้สึกกลัวสระ แต่ถูกกระตุ้นให้ลงไป น้ำในสระอุ่นและไม่เปียก
ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเล่นอย่างเพลิดเพลินอยู่ในสระน้ำ มีภาพหนึ่งปรากฏขึ้น ข้าพเจ้าเห็นหญิงคนหนึ่งลอยแพเด็กในตะกร้า ทารกเพศชายคนนั้นถูกลอยน้ำไป
ข้าพเจ้าเศร้าใจมาก เด็กคนนั้นคือข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าให้อภัยและแผ่เมตตาให้หญิงผู้นั้น การท่องแดนสวรรค์และนิพพานของข้าพเจ้ายุติลง
หลังจากเห็นภาพดังกล่าว
แม้ข้าพเจ้าจะไม่รู้ภาษาไทย ก็มิได้เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้ธรรมปฏิบัติจากหลวงพ่อ ขอยกตัวอย่างเช่น
วิธีการเคารพพระพุทธเจ้าที่ถูกต้อง
เราควรทำความดีเสมอๆ เช่น ทำสังฆทาน บริจาคทรัพย์ ช่วยเหลือผู้ยากไร้ รักษาศีล 5
วิธีกันตัวเราเองไม่ให้ทำบาปอีกโดยการระลึกถึงพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อ
ก่อนออกจากบ้านทุกวัน ให้ขอบารมีพระพุทธเจ้า หรือหลวงพ่อ เพื่อให้ท่านสงเคราะห์เรา จากโจรภัย คุณไสย และอื่นๆ
หลวงพ่อท่านได้พิสูจน์ให้ข้าพเจ้าเชื่อมั่นแล้วว่าสวรรค์จริงๆ มีอยู่ นรกจริงๆ มี และนิพพานก็มีจริง หลวงพ่อท่านได้สอน ความรู้พิเศษ ให้
ซึ่งข้าพเจ้าสามารถเรียนรู้ได้จากการปฏิบัติกรรมฐาน ความรู้พิเศษนี้ อยู่เหนือความรู้ทั้งปวงในโลก ความรู้ดังกล่าว ก็ใคร่ขอยกตัวอย่างเพียงบางข้อ เช่น
การรู้อนาคต การรู้เห็นกายในและจิตใจคนอื่น รู้อดีตของตนเองและของคนอื่น เห็นเหตุและผลของกรรมที่ให้ผลต่อบุคคลนั้นๆ และการกระทำของเขาในอดีตเป็นต้น
ความรู้พิเศษนี้ช่วยให้ข้าพเจ้าเข้าใจชีวิตและโลกดีขึ้น รู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปไหน
ด้วยความกรุณาจากหลวงพ่อ ข้าพเจ้ามีประสบการณ์พิเศษอื่นๆ อีกหลายอย่างเช่น
- ข้าพเจ้าขออนุญาตดูกายในของหลวงพ่อ กายในของท่านเป็นประกายระยิบระยับคล้ายเพชร แต่สว่างไสวกว่ามาก มีรัศมี 4 สี
กระจายออกจากภายในของหลวงพ่อเหมือนสายรุ้ง รัศมีดังกล่าวประกอบด้วยสีแดง เหลือง น้ำเงิน เขียว สีต่างๆ เหล่านี้สว่างไสวและเป็นประกายด้วย
- ข้าพเจ้าเห็นพระพุทธเจ้า 4 พระองค์อยู่ข้างๆ หลวงพ่อขณะที่ท่านสอนกรรมฐาน กายมนุษย์ของหลวงพ่อป่วยและอ่อนแอมมาก พระพุทธเจ้าทั้ง 4
พระองค์ช่วยหลวงพ่อเพื่อให้หลวงพ่อได้ช่วยพวกเขา ฉะนั้นบางครั้งหลวงพ่อจึงดูเรืองใส บางครั้งดูคล้ำ ท่านแม่ทั้ง 3 คอยอยู่ช่วยหลวงพ่อเช่นกัน
- อีกครั้งหนึ่งข้าพเจ้านึกอธิษฐานในใจเป็นภาษาอังกฤษขอพลูส่วนที่เหลือของหลวงพ่อ เพื่อเป็นยารักษาโรคหอบหืด ข้าพเจ้าตกใจจริงๆ
เมื่อหลวงพ่อปาพลูส่วนที่เหลือของท่านมาให้ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้ายังจำได้ถึงคำสอนของหลวงพ่อที่ว่า เพื่อเข้าถึงซึ่งพระนิพพานทุกคนควรปฏิบัติดังนี้
1 คิดถึงความตาย สักวันหนึ่งทุกคนต้องตาย กายภายนอกของเรามิใช่ของเรา เราอาศัยมันขณะที่เราอยู่อาศัยโลกนี้เท่านั้น
2 เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ ให้นึกถึงพระพุทธเจ้าอย่างน้อย วันละ 1 2 ครั้ง ทำความดีให้มาก
3 ยึดถือศีล 5 ละเว้นจากการฆ่า การลักขโมย กาเมสุมิจฉาจาร การโกหก สุราเมรัย ถือศีล 8 ในวันพระ
4 รักพระนิพพาน
5 ระงับความโกรธ ความรัก ความหลง
ข้าพเจ้าระลึกในพระคุณของหลวงพ่ออย่างยิ่งที่ท่านได้กรุณาสอนสั่ง ความรู้พิเศษให้กับข้าพเจ้า ตลอดจนทางพ้นทุกข์ด้วย
ข้าพเจ้ารู้ว่าหลวงพ่ออยู่กับข้าพเจ้า และจะอยู่กับข้าพเจ้าตลอดไป ไม่ว่าข้าพเจ้าจะอยู่ห่างไกลจากประเทศไทยสักเท่าใดก็ตาม
( ลูกปาริชาต ผู้แปล)
Tiew Hooi Kee
THE REVEREND FATHER : OUR LUANG PHO
Begin a foreigner, I would say that I am an extremely lucky person to be able to meet Luang Pho. Within a short period of time, I have come to
respect, cherish and love Luang Pro. Not being able to converse or understand Thai language, Luang Pho in his unique way has proven to me he can
understand me through my thouth ( which is definitely not in Thai). Through his teaching, I have learned to meditate in a pictorial like way, which
has shown and proven to me that NIRVANA exists and his teaching is very unique and special to me.
Before I met Luang Pho, I had many questions and problems like other human begins in this world. It was so difficult to understands why life had
to be difficult, why God had to make life so complicated, why couldnt human life be free from sufferings. I felt very lost, very confused, and
frustrating. I know from reading that we have to learn to tolerate and try to cultivate as much as we can, and that whatever problems we encountered
in our present life are our own doings from the past life, or KARMA. However, there were still doubts and unsatisfactory feelings in me, such as
Is there really a heaven or hell? Has anyone seen it?
Who am I really? If I have a soul, how does it look like?
Why God being so gentle, kind and forgiving, He doesnt try to make our human lives easier?
Why cant God just make all the bed things go away
Why cant He help us when we really asked for it?
The questions could go on and on but no answeres to them.
Fortunately, I met a lady, Ms Parichat, on August 27, 1989 who explained to me about Luang Pho and the Teachings of the Lord Buddha. I felt very
close to her as though I have known her for years. I found out later, through meditation, that we were cousins and also twin for many of our lives.
She gave me a brooch with a picture of a monk attached to it. My first thought was the monk looked so familiar, even though I have never known him
before. I learned of Luang Pho and how he had helped her in her bed times when nobody could or would.
My first meeting with Luang Pho was on September 2, 1989. When I prostrated him, my feeling was a combination of happiness and fear even though
he was smiling at me. I did some offerings. I love to put my little contributions in Luang Pho green bag too, for I subconsciously felt safer and
secure.
That night I tried to meditate by following the procedure told earlier: inhale when chanting NA MA, exhale when chanting PA TA ; concentrate on
the Lord Buddha image and Luang Pho. Within a few minutes I saw a cloudy sparkling spatial area. A sparkling Lord Buddha was sitting in the middle of
the area. The Lord Buddha looked different as compared to his image created by human beings. Luang Pho was sitting in front of the sparking Lore
Buddha. Luang Phos robe was glittering away like yellow glittering diamonds. I saw something flying around the Lord Buddha and Luang Pho. I could
feel that the thing was carefree, really happy and peaceful. I was confused for I didnt know whats happening. I was unable to proceed and my human
body took control of me.
Amazingly, Rev. Brother saw what I had experienced and kindly explained to me. I meditated again and saw the same view except this time I felt
myself flying. Its me flying and its I who felt so happy, carefree and peaceful. It was my first wonderful experience.
I attended the meditation class on September 3, 1989. With Luang Pho and the Lord Buddha blessings. I saw the sparking Lord Buddha and Luang Pho
sitting as though they were meditating too. I felt myself flying on then and paid respect to them. I hold on to Luang Pho left hand and someone hold
on to his right hand. That person was not human and so sparkling Lord Buddha was leading us we flew away to heaven. There were lots of castles
beautifully sparkling all around us. We approached a particularly bright and huge castle. It looked as though it was made of valuable stones-
diamonds, emeralds, ruby, sapphires and many others as found in our world. The only difference is that they are much brighter than those of the world.
They release very intense rays of lights. Two sparkling giant gods standing near the gate welcomed us. When we entered the castle, I saw bright huge
Lord Buddha who was smiling at me. I could feel gentleness, warmth and peace around him. I prostrated him on his big foot. I felt him patting my head.
His feet were warm, very soft ( much softer than a flower petal in our world) and light. He was laughing when I climbed onto his lap. When he lifted
his hand to bless us, I saw a huge sparkling diamond on his palm.
Surprisingly, I came to realize that he was the very first Lord Buddha. I felt so close to him. There are so many Lord Buddhas that we cannot
count.
While I was sitting happily on his lap, an image of a kind and three queens suddenly came to me. There was huge crowd of soldiers and in the
middle on a platform was the king and three queens. I felt I was a soldier confronting the king.
We went also to the sparkling place of a sparkling lady and a man whom I later addressed them as Grand Ma and Grand Pa. They were huge and
glittering. They made me feet safe, happy and secure with them. I remembered approaching Grand Ma first. I flew onto her lap. She smiled and patted my
head. I just loved sitting on her lap. Then bravely flew to Grand Pas lap. He was laughing and patted my head. I saw 3 beautiful sparkling ladies
standing beside Luang Pho. They were so beautiful, soft, gentle and kind. I said good bye to Grand Mother and Father. I know I will always be welcome
to visit them.
We proceeded to Nirvana, to small, sparkling castle which is my home. Rev. Grand Father(Luang Pu), uncles and glowing mothers were waiting there.
Everything was so sparkling outside the castle, there were sparking water lilies in a pond. I was rather afraid of the pond, but was urged to go into
it. It was warm and I didnt feel wet. While I was enjoying myself in the pond, an image came to me. I saw a lady sending a baby away in a basket. The
baby boy was floating away in the water. I felt very sad. I knew the baby was myself. I forgave and blessed the lady for whatever she had done. My
trip to heaven and NIRVANA ended after the image. I felt truly thankful to Luang Pho and to all the blessings I received to be able to gain the great
experiences.
Not begin able to understand Thai language, it didnt prevent me from learning something from Luang Pho. For examples
- The proper way to worship the Lord Buddha.
- We should always do good deeds, like offering donation, helping the unfortunates, be mindful of the 5 precepts.
- We can prevent ourselves from committing more sins by simply thinking of the Lord Buddha and/or Luang Pho.
- Always ask the blessing from the Lord Buddha or Luang Pho before we leave home every day to prevent us from robbery, black magic and many
others.
Luang Pho has proven to me that there are real heaven, hells and Nirvana. He has taught us the special knowledge that I have gained through
meditative practice, the knowledge beyond all worldly knowledge. To name a few, the precognition, the ability to see the inner body or soul of others,
to know the previous lives of myself and others, to see the cause and effect of certain KARMA that influenced certain persons and their previous
deeds,etc. The special knowledge helps me understand life and the world better. We know where we are from and where to go.
With Luang Pho kind permission, I had also other wonderful experiences:
- I asked Luang Pro to let me see his inner body. His inner body sparkles like diamond, except much brighter. There are 4 rays of colors
releasing from his inner body just like rainbow. The colors are red, yellow, blue, and green. The colors are very bright and sparkling too.
- I saw four Lord Buddhas beside Luang Pho when he teaches us. Luang pho human body is very sick and weak. All 4 Lord Buddhas help him so he
can help us. This is why sometimes Luang Pho glows and sometimes he looks dark. The 3 glowing mothers are always there too to help Luang Pho.
- Once when Luang Pho was teaching us, I approached him with my inner body to pay respect to him. He turned his head and smiled to
acknowledge me. I was so happy I can do that.
- In my mind, I once asked Luang Pho to throw me his leftover betel leave. In English I was asking him. I was asking him to cure my asthmatic
cough. I was really shocked when he threw his leftover betel leave to me.
I still remember the remarkable teaching of Luang Pho that everyone should follow in order to reach Nirvana:
1 Think of death. We will all die one day. Our outer body doesnt belong to us. We used it when we are in this world.
2 Worship the Lord Buddha. His Teachings, His Orders. Think of Lord Buddha at least 1 2 times a day . Do lots of good deeds.
3 Follow the 5 precepts. Refrain ourselves from killing, stealing, adultery, lying, drinking alcoholic drinks. Observe 8 precepts on Buddhist
days.
4 Cherish Nirvana in our thoughts and minds.
5 Control our anger, passion and greed.
I am deeply grateful to Luang Pho for this kindness in teaching me the Knowledge and the way to be out of sufferings. I know Luang Pho is with
me, and will always be, no matter how far away I am from Thailand.
With my highest respect.
◄ll กลับสู่ด้านบน
|