(Update 06-12-54) ศูนย์รวมข่าวน้ำท่วม (พระราชดำรัสพระเจ้าอยู่หัว 5 ธ.ค. 54)
เรียน ผู้ชมทุกท่าน
........ตามที่ผู้จัดทำได้นำเสนอข่าว "มหาวิกฤตอุทกภัย 2554" มาตลอดเกือบ 2 เดือน นับตั้งแต่เริ่มเสนอข่าวเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2554
เพื่อเตือนภัยก่อนล่วงหน้า เรื่องน้ำจะท่วมถึงกรุงเทพฯ แล้วน้ำก็ท่วมถึงกรุงเทพฯ จริงๆ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2554
บัดนี้สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มบรรเทาเบาบางไปแล้ว จึงจำเป็นต้องยุติการเสนอข่าวดังกล่าว
ทั้งนี้ทีมงานฯ ทุกคนทำงานด้วยความยากลำบาก เพราะต้องพยายามคัดเลือกการเสนอข่าวเฉพาะน้ำท่วมจริงๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง
แล้วก็มาจบลงที่งานเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบของในหลวง นับว่าเว็บวัดท่าซุงและเว็บตามรอยพระพุทธบาท จะเป็นผู้นำเสนอข่าวที่มีคลิปข่าวมากที่สุด
และรวดเร็วทันเหตุการณ์ โดยเฉพาะงานวันที่ 5 ธ.ค.54 หากผู้ใดพลาดในการชมการแสดงแสงสีเสียง และภาพยนต์เฉลิมพระเกียรติ
ท่านก็ยังมีโอกาสได้ชมคลิปย้อนหลังที่อยู่ด้านล่าง
ตลอดเวลาเกือบ 2 เดือน ถึงแม้จะต้องคัดสรรคลิบข่าวมานำเสนอทุกวัน ด้วยความเป็นห่วงความเป็นอยู่ของคนไทย โดยเฉพาะคณะศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง
ที่จะต้องพบกับปัญหาน้ำท่วม ทั้งต่างจังหวัดและกรุงเทพมหานคร บางคนก็รอดปลอดภัย บางคนอยู่ในเขตน้ำท่วมแต่ก็รอดมาได้ คือไม่ถูกน้ำท่วมแต่อย่างใด
นับว่าทุกท่านที่ได้เข้ามาชมคลิปข่าวในเว็บวัดท่าซุง คงจะได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย ซึ่งทีมงานฯ ทุกคน นำโดยพระอาจารย์ชัยวัฒน์
ต่างก็ช่วยกันนำเสนอข่าวน้ำท่วมที่วัดท่าซุงตลอดมา มีผู้นำสิ่งของและปัจจัยมาบริจาคด้วยตนเอง รวมทั้งผู้ทำบุญผ่านออนไลน์ด้วย
และบางคนก็มาช่วยทำความสะอาดวัดท่าซุงมากมายหลายคณะ จนเวลานี้สามารถเปิดวิหารสมเด็จองค์ปฐมและมณฑปพระศรีอาริย์ได้แล้ว
ฉะนั้น บุญความดีที่ได้ตั้งใจทำเพื่อความปลอดภัยของคนไทย และคณะศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง บุญกุศลนั้นจะมีคุณค่าเพียงใด
ขออุทิศผลบุญความดีนี้ถวายแด่คุณพระศรีรัตนตรัย และพระสยามเทวาธิราช ขอได้ปกป้องชาวไทยให้พ้นจากภัยธรรมชาติตลอดไปเทอญฯ
คณะทีมงานฯ
6 ธ.ค. 54
ศูนย์รวมข่าวตลอด 24 ชั่วโมง
- แผนที่การเดินทางทั่วประเทศ คลิกที่นี่
- ดูสภาพถนนในกทม.ผ่านกล้องวงจรปิด คลิกที่นี่
INDEX
คลิกชม ศูนย์รวมข่าวน้ำท่วม, เว็บไซด์ - โทรศัพท์ที่สำคัญ
คลิกชม ชมคลิปวีดีโอ "สถานการณ์น้ำท่วม" (ย้อนหลัง)
คลิกชม ชมทีวีออนไลน์ (สด 24 ชม. จาก Springnew)
"พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธ.ค. 54"
VIDEO
Youtube Channel ประจำวันที่ 6 ธ.ค. 54
"ในหลวง" มีพระราชดำรัสให้ทุกฝ่ายร่วมจัดการน้ำอย่างยั่งยืน"
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสเรื่องการแก้ปัญหาน้ำ โดยขอให้ทุกฝ่ายรวมจัดการน้ำอย่างยั่งยืน เนื่องในการพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7
รอบ 5 ธันวาคม 2554
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมหาสมาคมรับการถวายพระพรชัยมงคล ณ มุขเด็จ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง
เนื่องในการพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 และในการนี้มีพระราชดำรัสว่า
ขอขอบพระทัยและขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่งที่มีไมตรีจิตพรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิด รวมทั้งให้คำมั่นสัญญาโดยประการต่าง ๆ ข้าพเจ้าขอสนองพร และ
ไมตรีทั้งนั้น ด้วยใจจริงเช่นกัน
ท่านทั้งหลายในที่นี้ ผู้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญ ทั้งฝ่ายพลเรือนและทหาร ย่อมทราบแก่ใจอยู่ทั่วกันว่า
ความมั่นคงของประเทศชาตินั้นจะเกิดมีได้ก็ด้วยประชาชนในชาติอยู่ดีมีสุขไม่มีทุกข์ยากเข็ญ ดังนั้นการใดที่เป็นความทุกข์เดือดร้อนของประชาชน
ทุกคนทุกฝ่ายจึงต้องถือเป็นหน้าที่ ที่จะต้องร่วมมือกันปฏิบัติแก้ไขให้เต็มกำลัง
โดยเฉพาะขณะนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อนลำบากจากน้ำท่วมจึงชอบที่จะร่วมกันปัดเป่าแก้ไขให้ผ่านพ้นไปโดยเร็วและจัดทำโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
อย่างเช่นโครงการต่าง ๆ ที่เคยพูดไว้นั้น
ก็เป็นการแนะนำไม่ได้สั่งการแต่ถ้าปรึกษากันแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์คุ้มค่าและทำได้ก็ทำข้อสำคัญจะต้องไม่ขัดแย้งแตกแยกกันหากจะต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกันเ
พื่อให้งานที่ทำบรรลุผลที่พึงประสงค์ คือ ความผาสุกของประชาชน และ ความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติ
ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัย และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองรักษาท่านให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย และ อำนวยความสุขความเจริญ ให้แก่ท่านทั่วหน้ากัน
CNN สรรเสริญสมเด็จพระเทพฯ"Thailand's Angel princess
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ติดตามถ่ายทำพระราชกรณียกิจ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมสรรเสริญโดยพาดหัวข่าว "Thailand's Angel princess
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ขอพระราชทานพระอนุญาต ติดตามถ่ายทำพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยเน้นไปที่การพัฒนาการศึกษา
และการสาธารณสุขแก่ประชาชนผู้ยากไร้
โดยใจความตอนหนึ่งที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงประทานสัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น
ถึงพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในถิ่นทุรกันดาร ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย โดยมี นางพอลลา แฮนคอกส์
เป็นผู้สื่อข่าวติดตามถ่ายทำ ใจความว่า
พระองค์รู้สึกดีใจอย่างยิ่งที่ความช่วยเหลือ ที่พระองค์ทรงหยิบยื่นให้แก่เยาวชนผู้ยากไร้ ซึ่งส่งผลให้เด็กๆ เหล่านั้น เติบโตเป็นอนาคตของชาติ
โดยไม่ว่าจะเป็น ทหาร ตำรวจ พยาบาล วิศวกร หรือ ครู โดยในส่วนทางด้านการสาธารณสุข สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ตรัสว่า การสาธารณสุขในพื้นที่ห่างไกล
ยังมีราษฎร์อีกเป็นจำนวนมากที่ประสบปัญหาการสาธารณสุข และยากต่อการเข้าถึงสถานพยาบาล เนื่องจากอุปสรรคด้านการเดินทาง
ซึ่งภาพทั้งหมดจะออกอากาศในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธันวาคม นี้ เวลา 07.00 น. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายการพิเศษ
"Eye on Thailand"
ผู้นำนานาชาติ ถวายพระพรในหลวง
บรรดาผู้นำหลายประเทศ พระประมุข และประมุขประเทศต่างๆ มีพระราชสาส์น และสาส์นถวายพระพรชัยมงคลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ผู้นำหลายประเทศ พระประมุข และประมุขประเทศต่างๆ มีพระราชสาส์น และสาส์นถวายพระพรชัยมงคลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดย ประธานาธิบดี บารัก โอบามา
แห่งสหรัฐฯ มีสาส์นถวายพระพรชัยมงคลในนามของประชาชนชาวอเมริกัน เช่นกัน โดยสาส์นถวายพระพรชัยมงคล ในนามของประชาชนชาวอเมริกัน ระบุว่า
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 และหวังว่าโอกาสอันเป็นมงคลนี้ จะช่วยเยียวยา
และช่วยให้ชาวไทยมีความมุ่งมั่นในการทำนุบำรุงบ้านเมืองที่กำลังฟื้นตัวจากวิกฤติอุทกภัยเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา
ขณะที่ สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 มีพระราชสาส์นถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา และวันชาติไทย และขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า
จงดลบันดาลให้ประชาชนชาวไทยมีความร่มเย็นและสันติสุข
ส่วน นายหู จิ่น เทา ประธานาธิบดีจีน มีสาส์นในนามของประชาชนชาวจีน ขอถวายพระพรชัยมงคลและอำนวยพร พร้อมความปรารถนาดีอย่างจริงใจ
แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และประชาชนชาวไทย ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา และวันชาติไทย และขอถวายพระพรชัยมงคลให้มีพระชนมพรรษายิ่งยืนนาน
และขออำนวยพรให้ปวงชนชาวไทยมีความสุขสวัสดิ์ และประเทศมีความรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป และยาวนาน
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงส่งพระราชสาส์นมาถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ
พระราชสาส์นมีใจความว่า: It gives me great pleasure to offer my warmest congratulations to Your Majesty as you celebrate the auspicious occasion of
your 84th Birthday. I have been following the reports of the floods in Thailand with concern and would like to offer my condolences to Your Majesty
and to the Thai people in this time of tragedy. I wish Your Majesty good health, longevity and happiness and send you my very best wishes for
continued happiness and prosperity of all.
Elizabeth R.
British Embassy, Bangkok
4 December 2011
ขณะที่สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์ มีพระราชสาส์นถวายพระพรชัยมงคล และความปราถนาดี เพื่อให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระเกษมสำราญ
และขออำนวยพรไปยังประชาชนชาวไทย เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ขอเชิญร่วมถวายพระพร "ออนไลน์" คลิกที่นี่
♠ อ่านรายละเอียด "สรุปข่าวน้ำท่วม" ได้จาก
ไทยรัฐออนไลน์ I เดลินิวส์ออนไลน์
"นายก" ชวนคนไทยเฝ้ารับเสด็จในหลวง ร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ 5 ธ.ค. ถวายความจงรักภักดี ตั้งจุดรับข้อมูล-เยียวยาผู้ประสบอุกทภัย
ศูนย์ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า มอเตอร์ไซด์ที่สนามหลวง วันนี้- 9 ธ.ค.54 วันนี้ (3 ธ.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ
รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ว่า สัปดาห์นี้ถือเป็นสัปดาห์มหามงคล
ที่คนไทยทุกคนจะต้องพร้อมใจเป็นหนึ่งถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา เนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในวันที่ 5
ธ.ค.นี้ ซึ่งรัฐบาลได้จัดงานและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯหลายอย่างเพื่อถวายเป็นพระราชสักการะแด่พระองค์ท่าน
เริ่มจากงานสัปดาห์ส่งเสริมศาสนาและจริยธรรม เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-6 ธ.ค.
กิจกรรมฟื้นฟูประเทศและทำสาธารณประโยชน์ถวายเป็นพระราชกุศล ภายใต้ชื่องาน 5 ธันวา รวมพลังคนไทย รวมหัวใจถวายพระพรชัยมงคล ระหว่างวันที่ 1-4 ธ.ค.
โดยระดมทุกภาคส่วน รวมทั้งผวจ.จาก 25 จังหวัดมาช่วย กทม.และปริมณฑล ทำกิจกรรมเพื่อส่วนรวม ทั้งการทำความสะอาด ซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ การพ่นยุง
การบำบัดน้ำเสีย รวมทั้งการทำโรงครัวเพื่อช่วยผู้ประสบอุทกภัยที่ยังเดือดร้อนอยู่
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีการจัดนิทรรศการ การแสดงเฉลิมพระเกียรติ การแสดงแสง สี เสียง และสื่อผสม เริ่มจากคืนนี้ถึงวันที่ 9 ธ.ค. รวม 7 วัน
7 คืน ภายใต้ชื่องาน เย็นศิระเพราะพระบริบาล ที่บริเวณท้องสนามหลวง ซึ่งในงานนี้จะมีการขายสินค้าโอท้อป สินค้าราคาพิเศษจากโครงการหลวง
รวมทั้งสินค้าที่จำเป็นและขาดแคลนสำหรับประชาชน ทั้งไข่ ข้าวสารด้วย และเพื่อรองรับสถานการณ์ในช่วงนี้จะมีซุ้มต่าง ๆ
ที่จะคอยรับเรื่องเยียวยาดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัย ที่สำคัญมีศูนย์บริการฟิกซ์อิทเซ็นเตอร์จากกระทรวงศึกษาธิการ
มาคอยบริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือจักรยานยนต์ให้ประชาชนด้วย และในปีนี้สำนักพระราชวังมีโครงการพิเศษที่จะเปิดให้ประชาชนเข้าชม
และถ่ายภาพบรรยากาศอันงดงามของพระบรมมหาราชวังในช่วงกลางคืนเป็นกรณีพิเศษ ในระหว่างวันที่ 5-9 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 18.00-24.00 น.
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันสำคัญ ในช่วงเช้าเวลา 10.30 น. จะมีพระราชพิธีเสด็จออกมหาสมาคม ณ มุขเด็จ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
เป็นการพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้พระบรมวงศานุวงศ์ คณะองคมนตรี ข้าทูลละอองทุลีพระบาท คณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา คณะทูตานุทูต ข้าราชการ ตลอดจนพสกนิกร
เฝ้าฯทูลละอองทุลีพระบาท จากนั้นกองบัญชาการกองทัพไทยจะมีการจัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ด้วย
โดยมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด
ส่วนช่วงค่ำก็จะมีพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรที่ท้องสนามหลวง พร้อมกันทั้งภูมิภาค จากนั้นในวันที่ 7 ธ.ค.
รัฐบาลก็จะเป็นเจ้าภาพจัดงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
ตนก็ขอเชิญชวนคนไทยทุกคนเฝ้ารอรับเสด็จในงานพระราชพิธีสำคัญวันที่ 5 ธ.ค.นี้ด้วย และเข้าร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ รวมใจกันเป็นหนึ่ง
เพื่อถวายความจงรักภักดี และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านในปีมหามงคลนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน
อัญเชิญ น้ำสรงอภิเษก ทูลเกล้าฯ ถวายในหลวง 5 ธ.ค.
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. นายสุกิจ เจริญรัตนกุล อธิบดีกรมการปกครอง ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการจัดพิธีเสกและอัญเชิญน้ำพระพุทธมนต์
เพื่อทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเป็น น้ำสรงอภิเษก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเสด็จออกมหาสมาคม เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7
รอบ 5 ธันวาคม 2554 กล่าวว่ากรมการปกครองมีความพร้อมในการดำเนินการจัดพิธีฯดังกล่าวอย่างเต็มที่
เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมพระเกียรติอันยิ่งใหญ่แห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีการซ้อมใหญ่พิธีเสกและอัญเชิญน้ำพระพุทธมนต์ไปแล้วเมื่อวันที่ 27
พ.ย.ที่ผ่านมา
สำหรับน้ำพระพุทธมนต์มีที่มาจากแหล่งน้ำสำคัญ 3 ประเภทจากทั่วทุกจังหวัดของประเทศไทยรวมถึงกรุงเทพฯ ประกอบด้วย แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ตามโบราณราชประเพณี
แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก แหล่งน้ำในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนเคารพเลื่อมใส และแหล่งน้ำเส้นชีพสำคัญของจังหวัด
ซึ่งมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพของประชาชนในแต่ละจังหวัด ในส่วนของกรุงเทพฯ ใช้น้ำจากหอศาตราคมในพระบรมมหาราชวัง
ขณะนี้น้ำพระพุทธมนต์ได้ผ่านพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์จากทุกจังหวัดแล้ว เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ระหว่างเวลา 18.09 18.39 น.
และได้บรรจุไว้ในคนโทลวดลายประณีต เขียนลายด้วยน้ำทองและสีครามประดับตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติและตราประจำจังหวัดของแต่ละจังหวัด
อัญเชิญมาเก็บรักษาไว้ที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อทำพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ครั้งใหญ่ในวันที่ 2 ธ.ค.นี้
โดยจะมีขบวนแห่อัญเชิญน้ำพระพุทธมนต์อย่างยิ่งใหญ่จากกระทรวงมหาดไทยไปยังวัดพระเชตุพน วิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
ในพิธีนี้จะมีนายกฯ ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา เป็นผู้แทนข้าราชการและประชาชนชาวไทย ร่วมกันเทน้ำพระพุทธมนต์ของทุกจังหวัดรวมถึงกรุงเทพฯ
ลงในขันสาครเพื่อทำพิธีเสกน้ำจนจบพิธี เมื่อเสร็จสิ้นพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ ณ พระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ แล้ว
น้ำพระพุทธมนต์ก็จะถูกบรรจุไว้ในพระเต้าประทุมนิมิตทอง นาก เงิน เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการเสด็จออกมหาสมาคม ณ มุขเด็จ
พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 5 ธ.ค.ตั้งแต่เวลา 07.30 น. จะมีขบวนอิสริยยศอัญเชิญน้ำพระพุทธมนต์จากวัดพระเชตุพนฯ
ไปยังหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีผู้เข้าร่วมขบวนกว่า 1,000 คน
วันเดียวกัน นายศุภวัฒน์ จงศิริ หัวหน้าคณะดำเนินงานจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธ.ค. กล่าวว่า
ตนได้รับมอบหมายจากนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทย ให้เป็นหัวหน้าในการจัดงาน โดยจะมีการจัดงาน 7 วัน ระหว่างวันที่ 3-9 ธ.ค.
สำหรับต้นโพธิ์ที่ท้องสนามหลวง สร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดถวายพระพร โดยเปิดให้ประชาชนเขียนข้อความถึงในหลวงแล้วจึงนำไปติดที่ต้นโพธิ์ ซึ่งหลังจากจบงานแล้ว
จะมีการจัดทำวีดีทัศน์ถ่ายทำกิจกรรมทั้งหมดภายในงาน แล้วจึงนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในหลวงต่อไป
ด้านนางสาวปราณี สัตยประกอบ รองผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า
กทม.เป็นเจ้าภาพในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ในวันที่ 4
ธ.ค.เพียงวันเดียว ระหว่างเวลา 07.00 20.00 น. โดยในปีนี้ กทม.จัดพิธีทำบุญ 5 ศาสนาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ประกอบด้วย การทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 185 รูป
และกิจกรรมทางศาสนา 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ พราหมณ์-ฮินดู ซิกซ์ คริสต์ และอิสลาม ส่วนงานในวันที่ 3-9 ธ.ค. กรมศาสนาจะเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน
งานแสดงและประกวดพลุนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ดวงประทีปพราวนภา เทิดราชาราชินี บารมีศรีแผ่นดิน ครั้งที่ ๕ (๒ ธันวาคม ๒๕๕๔)
กระทรวงกลาโหม ร่วมกับ เมืองพัทยา ส่วนราชการ
รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ขอเชิญประชาชนชาวไทยทั้งประเทศร่วมชื่นชมความงดงามของพลุนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งจะถูกจุดขึ้นสุกสว่างเหนือฟากฟ้าเมืองไทย
เพื่อถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พร้อมกับส่งประกายความหวังและสร้างพลังใจให้คนไทย
หลังผ่านมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ของประเทศ ใน งานแสดงและประกวดพลุนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ดวงประทีปพราวนภา เทิดราชาราชินี บารมีศรีแผ่นดิน ครั้งที่ 5
รอบชิงชนะเลิศที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกและหาชมได้ยาก ริมหาดพัทยากลาง จังหวัดชลบุรี ในวันศุกร์ที่ ๑๖ และวันเสาร์ที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๔.๐๐ -๒๓.๐๐
น.
งานแสดงและประกวดพลุนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ดวงประทีปพราวนภา เทิดราชาราชินี บารมีศรีแผ่นดิน
เป็นงานเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่และยาวนานที่สุดเท่าที่เคยจัดขึ้นในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมถวายความรักและความภักดีของปวงชนชาวไทย
และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ตลอดเวลาได้ทรงสร้างคุณประโยชน์คุณูประการแก่ประเทศชาติอย่างอเนกอนันต์
โดยทางคณะผู้จัดงานได้จัดงานเฉลิมฉลองต่อเนื่องกัน เริ่มตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ ๒๕๕๔ เป็นจำนวนถึง ๕ ครั้ง
ซึ่งมีนานาประเทศที่มีผลงานการแสดงพลุโดดเด่นระดับโลก นำพลุเข้ามาแสดงถวายประเกียรติและประกวด จำนวน ๑๑ ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย สาธารณรัฐประชาชนจีน
เดนมาร์ก เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และ ไทย ทำให้การจัดงานงานแต่ละครั้งสร้างความประทับใจ
จนมีผู้คนที่เข้าชมการจัดงานแต่ละครั้งอย่างมากมายหลายแสนคน และผู้ชมทางโทรทัศน์นับล้านคน
งานแสดงและประกวดพลุนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ในการแข่งขันชิงชนะเลิศครั้งที่ ๕ นี้เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมเฉลิมฉลองในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗
รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ The Celebrations on the Auspicious Occasion of His Majesty the Kings 7th Cycle Birthday Anniversary 5th December 2011 โดยครั้งนี้
มีประเทศที่เข้าร่วมแสดงจำนวนถึง ๙ ประเทศ ได้แก่ เดนมาร์ก เยอรมนี อิตาลี สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์
และ ไทย
ส่วนประเทศคู่แข่งขันชิงชนะเลิศเป็นประเทศที่เข้าแข่งขันและได้คะแนนสูงสุดจากคณะกรรมการ และ คะแนนจากผู้ที่เข้าชมงานในครั้งที่ผ่านมา คือ สหรัฐอเมริกา
ที่มีความโดดเด่นในเรื่องเทคนิคและแสงสีที่งดงาม และ สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ (ดูไบ)
ซึ่งเป็นประเทศที่ได้คะแนนความนิยมจากผู้ชมสูงที่สุดในการแสดงที่ผ่านมา
กำหนดการจัดงานแสดงและประกวดพลุนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งที่ ๕ ในวันที่ ๑๖-๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ นี้
เป็นนิมิตหมายที่สถานการณ์อุทกภัยของประเทศเริ่มคลี่คลายกลับคืนสู่สภาวะปกติ ทางกระทรวงกลาโหมจึงคาดหวังว่า งานนี้จะมีส่วนช่วยให้คนไทยผ่อนคลายความทุกข์
ความยากลำบากที่ต้องเผชิญในช่วงที่ผ่านมา และเชื่อมั่นว่าความสวยงามตระการตาและความยิ่งใหญ่ของบรรดาพลุนานาชาติ ที่จะถูกจุดขึ้นพร้อมกันบนท้องฟ้าเมืองไทย
จะเป็นสัญลักษณ์ความสว่างไสวของพลังใจชาวไทยที่กลับคืนมาช่วยกันสร้างชาติ โดยมี ๙ ประเทศ มาร่วมกันแสดงความเชื่อมั่นในพลังของชาติไทย
โดยการแสดงและประกวดพลุนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ครั้งที่ ๕ นี้ ได้ กลอเรียส ไฟร์เวิร์ค บริษัทออร์แกไนเซอร์การแสดงพลุชื่อดังของโลก
เป็นบริษัทที่ควบคุมการจัดแสดงและประกวดพลุที่ผ่านมาทั้ง ๔ ครั้ง สำหรับรอบชิงชนะเลิศนี้ทางกระทรวงกลาโหม เมืองพัทยาและกลอเรียส
ไฟร์เวิร์คเห็นพ้องต้องกันว่าการยิงพลุในทะเล เป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมที่สุด แม้จะเป็นงานลำบากที่ต้องตั้งแท่นจุดพลุกลางทะเลก็ตาม
แต่สีสันของพลุที่สะท้อนกับพื้นทะเลยามค่ำคืนจะยิ่งเพิ่มความสวยงามสว่างไสวให้มากขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะชมจากมุมไหนของชายหาด
สำหรับไฮไลท์ที่ยิ่งใหญ่ของงานครั้งนี้ จะเป็นครั้งแรกของโลก! ที่ประเทศผู้แสดงพลุถึง ๙ ประเทศ มาร่วมแสดงอยู่ในคืนเดียวกัน
และจะยิงพลุสร้างสถิติโลกครั้งสำคัญ ด้วยพลุยักษ์ขนาด ๒๔ นิ้วจำนวน ๗ นัดพร้อมกัน หมายถึงพระชนมพรรษา ๗ รอบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่จะสุกสว่างตระการตา เต็มพื้นที่อ่าวพัทยา การแตกตัวของพลุครั้งนี้จะสร้างพลุที่กว้างที่สุดในโลกซึ่งจะกว้างกว่า ๓ กิโลเมตร นอกจากนั้นประเทศต่างๆ
ที่เข้าร่วม ต่างนำพลุที่เป็นจุดเด่นของแต่ละประเทศมาร่วมแสดงนับหมื่นดวง ไม่ว่าจะเป็นในแง่ การเล่นแสงสี การสร้างสรรค์รูปร่างที่แปลกใหม่ให้แก่พลุ หรือ
การผสานจังหวะการจุดพลุรูปแบบต่างๆ ให้เข้ากับดนตรีที่ใช้ประกอบ ซึ่งทั้งหมดจะสร้างความโดดเด่นและน่าชมให้กับงานแสดงและประกวดพลุนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ
ครั้งนี้ เป็น Guinness World Records และเป็นประวัติการณ์ ไม่อาจลืมเลือน
การแสดงและประกวดพลุนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ครั้งที่ ๕ นี้ นอกจากวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อการเทิดพระเกียรติฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีพระชนนพรรษา
๗ รอบ ๘๔ พรรษา ครั้งยิ่งใหญ่ โดยกระทรวงกลาโหมในฐานะเป็นหน่วยงานหลัก ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมในงานครั้งนี้
ด้วยการเชิญชวนให้ร่วมส่งภาพถ่ายพลุเฉลิมพระเกียรติฯ ชิงเงินรางวัลกว่า ๑๕๐,๐๐๐ บาท
งานเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 (คลิกดูแผนผังของงานทั้งหมด)
สำหรับหมายกำหนดการในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ ช่วงเช้าเจ้าพนักงานจะทำพิธีอัญเชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)
เข้าประตูวิเศษไชยศรีไปยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เวลา 10.00 น. ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 480 นาย จะเคลื่อนขบวนจากกระทรวงกลาโหม
มายังบริเวณด้านหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณ เวลา 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมหาสมาคม ณ มุขเด็จ
พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท มีการยิงสลุต 21 นัดทั่วประเทศ
โดยหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท จะมีแขกของรัฐบาล 5,000 คน ประชาชนสามารถชื่นชมพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้บริเวณสนามหญ้าหน้าศาลาสหทัยสมาคม
และตลอดสองข้างทาง ที่รถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินผ่าน ตั้งแต่ รพ.ศิริราชจนถึงพระบรมมหาราชวัง ยกเว้นบนสะพานพระปิ่นเกล้า
และไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดชมพิธีการต่างๆ ในวันนั้นประชาชนที่รับเสด็จอยู่ด้านนอกวัดพระแก้ว สามารถชมการถ่ายทอดสดอย่างใกล้ชิดจากจอทีวีที่ตั้งไว้สองฟากถนน
เมื่อพิธีการเสร็จสิ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์
เสด็จพระราชดำเนินกลับอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ประชาชนสามารถรอรับเสด็จในหลวง
เก็บภาพความทรงจำประทับใจได้ทั้งสองฟากถนนของสนามหลวงโดยที่ท่านจะเสด็จพระราชดำเนินจากโรงพยาบาลศิริราชมายังวัดพระแก้วเวลาประมาณ 10.00 น. และเสด็จฯ
กลับเวลาประมาณ 11.00 น.
เส้นทางสายกิจกรรม อิ่มเอมใจ อิ่มเอมสายตา
นอกจากนั้นหลังจากพิธีการช่วงเช้าเสร็จสิ้นไป เว้นว่างกิจกรรมช่วงบ่ายก็สามารถพาลูกหลานแวะเที่ยวชม หาของอร่อยทานย่านนั้น
ทำให้วันนั้นเป็นวันที่สุดแสนประทับใจไปอีกหนึ่งวัน พอถึงช่วงค่ำตลอดถนนราชดำเนิน สนามเสือป่า ถนนศรีอยุธยา และสวนจิตรลดา
ยังประดับประดาเต็มไปด้วยไฟสาดแสงสวยงามยามค่ำคืน และซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯ จำนวน 39 ซุ้ม พร้อมประดับไม้ดอกไม้ประดับ จำนวน 292,000 ต้น อาทิ ดาวเรือง
กล้วยไม้ เช่น แวนด้า ฟ้ามุ่ย หวาย ฯลฯ ซันเวีย แพงพวย สร้อยไก่ หงอนไก่ บานชื่น แวววิเชียร เฟื่องฟ้า พิทูเนีย ผักเสี้ยนฝรั่ง ผีเสื้อ และไม้ประดับ อาทิ
ไทร เฟิร์น เดป ฯลฯ รวมทั้งกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติให้ประชาชนได้อิ่มเอมใจในพระบารมีของพ่อหลวงของเรา
หนัง 3 D เฉลิมพระเกียรติ 84 ปี แห่งความเรืองรอง
โดยมีงานจัดการแสดงแสงสีเสียงและสื่อผสมวัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษา มหาราช"ที่จัดขึ้นที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 3-9 ธันวาคม วันละ 1 รอบ เวลา
19.00-20.30 น.และอีกหนึ่งกิจกรรมพิเศษ การจัดฉายภาพยนตร์พาโนรามาสื่อผสมเฉลิมพระเกียรติ 84 ปีแห่งความเรืองรองของกรุงรัตนโกสินทร์ โดยใช้เทคนิค 3D
Illusion Live Wall พร้อมการแสดงประกอบที่มีจอภาพยาวตลอดแนวกำแพงพระบรมมหาราชวังประมาณ 200 เมตร
ด้านหน้าถนนพระลานช่วงต้นถนนด้านศาลหลักเมืองถึงประตูวิเศษไชยศรีจัดฉายต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 19.00-22.00 น.
นายกฯ สมโภช "พระทันตธาตุ" จากประเทศภูฏาน
นายกรัฐมนตรีสมโภชพระทันตธาตุจากภูฏานเฉลิมพระเกียรติ 'ในหลวง' 84 พรรษา สวนสัตว์โคราชจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติ
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 3 ธ.ค. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ดร.อำนาจ บัวศิริ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า
พศ.ได้จัดพิธีสมโภชพระทันตธาตุพระพุทธกัสสปะ พระพุทธเจ้าองค์ที่ 3 จากราชอาณาจักรภูฏาน ประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในราชอาณาจักรไทย
เพื่อเฉลิมพระเกียรติถวายพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2554
โดยมีสมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต ประธานฝ่ายสงฆ์ และมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
ในเวลาประมาณ 17.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมด้วยนายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะสงฆ์ คณะรัฐมนตรี
พร้อมด้วยคู่สมรส ทูตานุทูต ข้าราชการ แขกผู้มีเกียรติ ถวายราชสักการะ หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายสักการะสมเด็จพระวันรัต
รักษาการเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต ประธานสงฆ์ จากนั้นนายกรัฐมนตรีรับมอบพระทันตธาตุจาก เดโช ซังเก วังชุก องคมนตรี ผู้แทนพระองค์สมเด็จพระราชาธิบดี
ต่อจากนั้นอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนบุษบก พระสงฆ์ 10 รูป เจริญชัยมงคลคาถา เป็นอันเสร็จพิธี
อัญเชิญ"พระทันตธาตุ"จากภูฏาน ประดิษฐานสนามหลวง
ข่าวสดออนไลน์ - เวลา 16.40 น. วันที่ 2 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ คณะสงฆ์ ข้าราชการ
พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนทั่วไป ร่วมพิธีอัญเชิญพระทันตธาตุจากราชอาณาจักรภูฏาน ประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในราชอาณาจักรไทย
เฉลิมพระเกียรติถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา
โดยมีน.พ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต้อนรับคณะผู้แทนรัฐบาลราชอาณาจักรภูฏานผู้อัญเชิญพระทันตธาตุ ประกอบด้วยนายเดโช ซังเก วังชุก
องค์คมนตรี ผู้แทนสมเด็จพระราชาธิบดีราชอาณาจักรภูฏาน และซัมเตน ดอจิ จูกลา โลเปน หัวหน้าคณะผู้อัญเชิญพระทันตธาตุ
จากนั้นอัญเชิญพระทันตธาตุประดิษฐานเข้าพัก ณ ห้องรับรองพิเศษ ก่อนอัญเชิญพระทันตธาตุประดิษฐานขึ้นรถบุษบกอัญเชิญออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ไปยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ โดยขบวนรถเดินทางไปบริเวณแยกคอกวัว ถนนราชดำเนินนอก ในช่วงดังกล่าวขบวนปรับเป็นให้รถวิ่งช้า
มีวงโยธวาทิตบรรเลงนำหน้าขบวน ส่วนบริเวณสองฟากถนนมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากร่วมถวายสักการะพระทันตธาตุ
ทั้งนี้ คณะสงฆ์ คณะรัฐมนตรี และคณะทูตานุทูตจากประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา รวมทั้งคณะกรรมการจัดงานและพุทธศาสนิกชน
ต้อนรับขบวนอัญเชิญพระทันตธาตุที่เดินทางถึงมณฑลพิธีท้องสนามหลวง
เวลา 18.30 น. นพ.สุรวิทย์ อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนบุษบกและถวายสักการะหน้าบุษบกที่ประดิษฐานพระทันตธาตุ โดยมีพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา เป็นเสร็จพิธี
น.พ.สุรวิทย์กล่าวว่า ตามที่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคลเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฎานเสด็จฯ ไทย เมื่อเร็วๆ นี้
พระองค์รับสั่งต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าราชอาณาจักรภูฎาน มีความเต็มใจที่ให้ประเทศไทยได้อัญเชิญพระทันตธาตุของพระกัสสปะพุทธเจ้า
ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 3 ประดิษฐานประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ให้ประชาชนชาวไทยมีโอกาสสักการะเป็นสิริมงคลกำลังใจ
เนื่องในปีแห่งมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ7 รอบ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ให้ประชาชนชาวไทยมีกำลังใจที่เข้มแข็งในภาวะที่ประเทศไทยได้รับภัยพิบัติจากอุทกภัยครั้งใหญ่ไปได้
พระทันตธาตุองค์นี้ได้เก็บรักษาไว้ในพระบรมมหาราชวังแห่งภูฏาน ยังไม่เคยได้รับให้นำออกไปต่างประเทศ
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ได้อัญเชิญจากประเทศภูฏานมาประดิษฐานในประเทศไทย นับเป็นความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ราชวงศ์ไทยกับภูฏาน
ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่พี่น้องประชาชนชาวไทยจะได้สักการะพระทันตธาตุ
"ในหลวง" เสด็จออกมหาสมาคม 5 ธ.ค.จัดงานเฉลิมพระเกียรติ 3-9 ธ.ค.54 เรียบง่ายแต่สมพระเกียรติ
นายรัตนาวุธ วัชรโรทัย ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สำนักพระราชวัง เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับความร่วมมือกับรัฐบาลในการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ
เนื่องวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค.54 ว่า ในวันที่ 5 ธ.ค. เวลา 10.30 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จฯ ออกมหาสมาคม ณ มุขเด็จ
พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
แต่พระราชพิธีจริงจะเริ่มมีตั้งแต่เวลา 7.30 น.โดยเจ้าพนักงานจะทำพิธีอัญเชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
ผ่านกระทรวงกลาโหมและตัดเข้าประตูวิเศษไชยศรี เพื่ออัญเชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
จากนั้นเวลา 10.00 น.ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์จำนวน 480
นายจะเคลื่อนขบวนจากกระทรวงกลาโหมมายังบริเวณด้านหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทเพื่อมากล่าวคำถวายสัตย์ปฎิญาณต่อหน้าพระพักตร์ พร้อมด้วยแขกของรัฐบาลอีกจำนวน
5,000 คน ณ หน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
สำหรับประชาชนทั่วไปก็สามารถชื่นชมพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ตลอดสองข้างทางที่รถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินผ่าน
โดยปีนี้เพื่อให้ประชาชนได้ชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิดทางรัฐบาลได้จัดเตรียมจอทีวีทุกจุดตั้งแต่โรงพยาบาลศิริราชจนถึงประตูวิเศษไชยศรี
ยกเว้นบริเวณสะพานพระปิ่นเกล้า
นายรัตนาวุธ กล่าวว่า เนื่องจากปีนี้ประเทศไทยและคนไทยกว่า 6 ล้านคน ต้องประสบกับมหาอุทกภัยน้ำท่วมครั้งยิ่งใหญ่
รัฐบาลจึงได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติอย่างเรียบง่าย หากแต่สมพระเกียรติ ซึ่งกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 3-9 ธ.ค.54 นี้
โดยจะมีการจัดการแสดงแสง เสียง และสื่อผสม เรื่อง วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษามหาราชาที่สื่อถึงศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ความรัก
ความผูกพันของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย โดยใช้นักแสดงกว่า 150 คน
นอกจากนี้ ยังจัดฉายภาพยนตร์พาโนรามาสื่อผสมเฉลิมพระเกียรติ 84 ปีแห่งความเรืองรองของกรุงรัตนโกสินทร์ พร้อมการแสดงประกอบตลอดแนวกำแพงพระบรมมหาราชวัง
ด้านถนนหน้าพระลาน โดยนำเสนอเรื่องราวของกรุงรัตนโกสินทร์ แผ่นดินทองใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ตลอดจนพระอัจฉริยภาพในด้านศิลปะแขนงต่างๆ
ส่วนการนำเสนอเกี่ยวกับภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม จะจัดให้มีการแสดงโขนประกอบ โดยจะเปิดแสดงวันละ 1 รอบ ตั้งแต่เวลา 19.00
- 20.30 น.
ครม.อนุมัติงบประมาณ117 ล้านบาท จัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างวันที่ 3-9 ธ.ค.54
วันนี้ (29 พ.ย. 54) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
ว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบอนุมัติการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ ในวันที่ 5
ธ.ค.54
ซึ่งได้แต่งตั้งนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ มีกำหนดจัดงานในระหว่างวันที่ 3-9 ธ.ค.54
ที่ท้องสนามหลวงและพื้นที่โดยรอบ โดยการจัดงานมีกิจกรรมหลัก ได้แก่ พิธีถวายพระชัยมงคล งานมหรสพสมโภชเฉลิมพระเกียรติ การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ
การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าโครงการหลวง โครงการส่วนพระองค์ และศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ เป็นต้น
นายชลิตรัตน์ เปิดเผยว่า เนื่องจากวงเงินที่ได้รับจากครม. เมื่อวันที่ 20 เม.ย.54 ที่ผ่านมานั้น
ไม่เพียงพอต่อการดำเนินการกิจกรรมของกรรมการฝ่ายจัดพิธีถวายพระพรชัยมงคล
ดังนั้นคณะกรรมการจึงได้มีการเสนอครม.ให้มีการอนุมัติเงินจัดงานให้คณะกรรมการฝ่ายจัดพิธีถวายพระพรชัยมงคลใหม่ เป็นเงินจำนวน 117,722,385 บาท
และอนุมัติให้ส่วนราชการที่ดำเนินการกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติข้างต้นจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี
หรือพระราชบัญญัติงบประมาณราย จ่ายเพิ่มเติมก่อนได้รับเงินประจำงวด
การจัดงานศาสนพิธีเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔
คณะอนุกรรมการฝ่ายงานศาสนพิธีในคณะกรรมการฝ่ายพิธีงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕
ธันวาคม ๒๕๕๔ มอบหมายให้กรมการศาสนาและสำนักงานพระพุทธศาสนารับผิดชอบงานศาสนพิธี เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔
เพื่อถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเป็นการแสดงความจงรักภักดีของศาสนิกชน
โดยน้อมนำพระราชจริยาวัตรอันงดงามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปประพฤติปฏิบัติตามหลักศาสนา และร่วมกิจกรรมปฏิบัติธรรม
งานศาสนพิธีซึ่งกำหนดจัดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๔ ต่อเนื่องไปจนถึงสัปดาห์ช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔
ประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ ซึ่งกรมการศาสนาและสำนักงานพระพุทธศาสนาร่วมกันรับผิดชอบ ได้แก่
๑. กิจกรรมบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติฯ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ๒๕๕๔ โดยใน กรุงเทพฯ จัด 9 และทุกจังหวัด ๆ ละ 1 วัด
๒. กิจกรรมสมโภชพระธาตุเจดีย์ทั่วหล้าและปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ระหว่างวันที่ 1 11 ธันวาคม ๒๕๕๔ ซึ่งจะจัดขึ้นในกรุงเทพฯ 9 แห่ง
และทุกจังหวัด
๓. พิธีทางศาสนามหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาของศาสนิกชน ๕ ศาสนา ช่วงเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ โดยส่วนกลางจัดกิจกรรม ๕ ศาสนา ศาสนาละ ๘๕ คน รวม ๔๒๕ คน ณ
อาคารใหม่ สวนอัมพร และพิธีทางศาสนาเพื่อถวายพระพรชัยมงคล ณ ศาสนสถานของแต่ละศาสนา ส่วนภูมิภาค จัดกิจกรรมทางศาสนา ๕ ศาสนา จังหวัดละ ๑ แห่ง
๔. กิจกรรมตักบาตร ๙ เช้า ๙ วัน ๙ วัด ระหว่างวันที่ ๑ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ โดยส่วนกลาง จัด ๙ วัน ส่วนภูมิภาค จัดจังหวัดละ ๑ แห่ง ๑ วัน
๕. กิจกรรมจัดสร้างพัดยศสมณศักดิ์ จำนวน ๘๕ เล่ม เพื่อทูลเกล้าฯถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ใช้พระราชทานพระสงฆ์ที่จะได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ
พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง
๖. กิจกรรมจัดซื้อผ้าไตรเต็มสีพระราชนิยมจำนวน ๑,๒๕๐ ไตร
เพื่อถวายพระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ทั้งพระราชาคณะ และพระครูสัญญาบัตรวันที่
๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง และในจังหวัดที่จัดพิธีพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ ระหว่างวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ มีนาคม
๒๕๕๕
๗. พิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตภาวนาเฉลิมพระเกียรติฯ จำนวน ๙ ครั้ง ณ พระอุโบสถ
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
๘. พิธีเจริญพระพุทธมนต์จตุรทิศเฉลิมพระเกียรติฯ
ที่มา - http://www.king84.th/th/pressrelease03.php