หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าเรื่อง "การเสกพระ" (โพสต์ในเว็บอื่น)
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าเรื่อง "การเสกพระ"
โพสต์โดย mr.surin เมื่อ: เมษายน 30, 2012 I www.dhammakaya.org
เรื่องมีอยู่ว่า ... ตอนท้ายชีวิตของ หลวงพ่อปาน (วัดบางนมโค จ.อยุธยา) หลวงพ่อปานทำรูปของท่าน แล้วมีรูป "ยันต์เกราะเพชร" ทำหลายพันผืน สำหรับแจกบรรดาพุทธบริษัทที่มีความต้องการ หลวงพ่อปานไม่ได้สั่งพิมพ์เอง เป็นนายประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ คนนี้เรียน คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า กับหลวงพ่อปาน ทำจนมีผล ทำคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า จนเป็น
"ฌาน" คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้านี่ ลูกหลานทั้งหลาย ถ้าใครจำได้นะ
ถ้าใครจำคาถาได้ ทำให้เป็นสมาธิ ทำให้เป็นฌาน มีผล ๒ อย่าง คือว่า ถ้าเป็นฌานแล้ว ... ลาภสักการจะเกิดไม่ขาดสาย ขึ้นชื่อว่าความขัดข้องใด ๆ ไม่ค่อยจะมี หากว่ามีขึ้นมา
ก็มีการชดใช้ หมายความว่า ... หาทัน นี่เป็นประการ ๑ ประการที่ ๒
คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า นี่เป็น "พุทธานุสสติกรรมฐาน" มีผลยันให้ถึง พรหม หมายความว่า
บันดาลให้เกิดเป็น "พรหม" ได้ แต่ถ้าหากใช้ "ฌาน" อันนั้นไปเจริญ "วิปัสสนาญาณ" ก็ไป ...
"พระนิพพาน" ได้ ฉะนั้น
คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าของหลวงพ่อปาน จึงไม่ใช่เป็นคาถาที่ปรัมปรา หรือไร้ผล มีผลในชาติปัจจุบัน
แล้วก็มีผลในชาติสัมปรายภพ หากว่าบรรดาลูกหลานทั้งหลาย ทำคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าของหลวงพ่อปาน จนเป็น "ฌาน" ได้ ทุกคนก็จะไม่มีความยากจน เวลาตายก็มีความสุข อยากจะไปนิพพานก็ไปได้ มีผลเสมอกัน เป็นคาถาของชาวบ้านโดยตรง คราวนี้มาว่ากันถึงเรื่อง "ผ้ายันต์" ในเมื่อนายประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของห้างขายตราใบโพธิ์ มาถวายหลวงพ่อปานจำนวนหลายพันผืน เมื่อเขาพิมพ์มาแล้ว หลวงพ่อปาน ก็สั่ง
"หลวงพ่อเล็ก (เกสโร)" ให้เอาผ้ายันต์ไปเสก หลวงพ่อเล็กนำมาเสก ๓ เดือน ถือว่าครบไตรมาสพรรษาหนึ่งพอดี "หลวงพ่อเล็ก" นี่เราทราบกันอยู่ว่า ท่านได้
"สมาบัติ ๘" (รูปฌาน ๔ เเละ อรูปฌาน ๔) แต่ว่ายิ่งไปกว่านั้น สำหรับ วิปัสสนาญาณ นี่ ...
จะได้อะไรฉันไม่ทราบ ฉันไม่หลอกสิ่งที่จะรู้กันได้ ถ้าเราได้ถึงไหน ... เราก็รู้กันว่าคนอื่นเขาได้ถึงเพียงนั้น ที่เลยไปเราไม่รู้ ตอนนั้นฉันก็ยังทรง "สมาบัติ ๘" เหมือนกัน แต่ว่าไม่ได้ฝึก "อภิญญา" ครบถ้วน เลยกลายเป็นพระไม่ใช่อภิญญา นี่ฟังให้ดีนะ สมาบัติ ๘ ก็อาศัย "กสิณ"
กองใดกองหนึ่งเป็นพื้นฐาน ไม่จำเป็นต้องใช้กสิณทั้งหมด ๑๐ อย่าง ใช้กสิณกองใดกองหนึ่ง เป็นพื้นฐาน ยกเอารูปขึ้นมาตั้ง แล้วก็เพิกกสิณนั้นเสีย
แล้วใช้ "อรูปฌาน" ขึ้นมาแทน ถ้าทำได้ทั้ง ๔ อย่างก็เรียกว่า ทรงอรูปฌาน ๔ ได้ เป็น ฌาน
๘ ไป นี่ฟังกันไว้เท่านี้นะ หลวงพ่อเล็กได้ "ฌาน ๘" (สมาบัติ ๘) เลยกว่านั้น ... ฉันไม่รู้ เมื่อได้รับผ้ายันต์มาแล้ว
ก็มานั่งเสก เสกด้วยอำนาจของสมาธิ เข้าฌานสมาบัติ ๓ เดือน เวลากลางคืน เสกกี่ชั่วโมงไม่ทราบ แต่ว่าไม่ใช่ว่าตลอดวันตลอดคืน อย่านึกว่าตลอดวันตลอดคืน ๓ เดือน ไม่ลุก ไม่กินข้าวไม่กินปลา นี่มันก็เกินคนไป ว่ากันตามแบบปกติ ฟังเรื่องของพระนะ พอครบ ๓ เดือน วันออกพรรษา หลวงพ่อเล็กเรียกฉันเข้าไป บอกให้แบกผ้ายันต์ ฉันคนเดียวมันแบกไม่ไหว ก็เอาไอ้เพื่อนอีก ๓ คน มาช่วยกันแบกผ้ายันต์ มาถวาย
"หลวงพ่อปาน" ยังไม่ทันจะถึงเลย ห่างอีกประมาณสัก ๑๐ วาได้กระมัง "หลวงพ่อปาน" เห็นเข้า
ท่านโบกมือโบกไม้บอกว่า ... ไม่เอา ๆ ยังไม่เสร็จ ยังไม่เสร็จ
ยังใช้ไม่ได้ นี่ท่านร้องไป ก็เป็นอันว่า ... ไม่เอาเข้าไปให้ท่าน เอากลับ ตอนนี้ "หลวงพ่อเล็ก" กลับมา ก็นึกในใจว่า ... นี่เราทำขนาดนี้ ... ยังใช้ไม่ได้
ใครที่ไหนจะยิ่งไปกว่าเรานะ เราเข้าถึง "สมาบัติ ๘" นี่ท่านบ่นนะ เราเข้าถึง "สมาบัติ ๘"
แล้วก็คลายสมาธิลงมาพิจารณา "วิปัสสนาญาณ" จนกระทั่งอารมณ์จิตเป็นแก้วทั้งหมด เป็นแก้วประกายพฤกษ์ทั้งหมด แล้วเราจึงเข้าสมาธิใหม่ จัดเป็น "โลกุตตรญาณ" แล้วเราก็อธิษฐานจิต นี่ยังใช้ไม่ได้ ก็ใครจะเสกยิ่งไปกว่านี้
ท่านบ่นให้ฟัง ท่านก็บอกว่า ... เอา ในเมื่อ ท่านใหญ่ (หมายถึง
หลวงพ่อปาน) บอกว่าใช้ไม่ได้ ฉันก็จะทำให้ใหม่ ตอนนี้ ท่านไปทำใหม่ ๗ วัน ท่านทำยังไงบ้างฉันไม่ทราบ
เวลาท่านทำ ไม่ได้เข้าไปยุ่งกับจิตใจของท่าน พอครบ ๗ วัน ท่านมาเรียกพวกฉันไปให้ไปแบกมาให้หลวงพ่อปาน ตอนนี้เอง พอแบกมา "หลวงพ่อปาน" เห็นแต่ไกล
ก็กวักมือกวักไม้บอก ... เออ ๆ เอามา ๆ ๆ อย่างนี้ซิมันถึงจะใช้ได้ เก่งคนเดียวน่ะ ...
มันใช้ไม่ได้ มันต้องให้คนอื่น เขาเก่งกว่า เก่งคนเดียว ... ใช้ไม่ได้ ทำอย่างนี้ ... ใช้ได้ เมื่อเข้าไปถึง
หลวงพ่อเล็ก ก็กราบ หลวงพ่อปาน ฉันก็กราบ เพื่อนฉันก็กราบ ฉัน
(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ถาม "หลวงพ่อเล็ก" ว่า หลวงพ่อขอรับ ตอนก่อนหลวงพ่อเสกยังไง ... หลวงพ่อปานจึงว่า ใช้ไม่ได้ "หลวงพ่อเล็ก" บอกว่า ตอนก่อนฉันเข้า "สมาบัติ ๘" แล้วใช้
"วิปัสสนาญาณ" เต็มที่ คลายจิตออกมาถึง อุปจารสมาธิ อธิษฐาน ... แล้วก็เข้า "สมาบัติ
๘" ใหม่ เท่านี้ ๓ เดือน ไม่ได้ขาดเลยทุกคืน คืนละ ๓ ชั่วโมง ท่านใหญ่ (หลวงพ่อปาน) บอกว่า ... ใช้ไม่ได้ หลวงพ่อปาน ท่านก็ออกมาบอก ... ยังงี้ใช้ไม่ได้ดอกคุณเล็ก (หลวงพ่อเล็ก)
คุณเล็กอย่างนี้ใช้ไม่ได้นะ คือว่า ถ้าเราทำอะไร ถ้าเก่งคนเดียว ... มันใช้ไม่ได้ ไอ้เราเองน่ะมันไม่ดีพอ ต้องให้คนอื่นเขาดีบ้าง จึงได้ถาม "หลวงพ่อเล็ก" ใหม่ว่า ... หลวงพ่อขอรับ ตอน ๗ วันนี่
หลวงพ่อทำยังไงขอรับ ท่านบอกว่า ในเมื่อฉันใช้ สมาบัติ ๘ ท่านใหญ่บอกว่า ... ใช้ไม่ได้ ฉันก็กลับ คราวนี้ฉันไม่เอาละ ฉันก็ตั้งท่า
"บวงสรวงชุมนุมเทวดา" อาราธนาบารมีพระทั้งหมด ตั้งแต่ ... พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์
พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระอริยสาวกทั้งหมด พรหมทั้งหมด เทวดาทั้งหมด ครูบาอาจารย์ทั้งหมด ฉันยกยอดเลย ยกยอด ในเมื่ออาราธนา
... เห็นท่านมากันครบถ้วน แล้วท่านมาทำกัน คืนหนึ่งประเดี๋ยวเดียว สัก ๑๐
นาที ท่านก็กลับ แล้วท่านก็บอกให้เลิก ฉันก็นอน ฉันทำมาแบบนี้ถึง ๖ วัน ถึงวันที่ ๗ ทุกท่านมา แต่ไม่มีใครทำ ท่านบอกว่า ...
ไม่มีอะไรจะบรรจุแล้ว คุณจะให้ฉันทำอะไร ฉันก็เลยเลิก ถึงได้ให้พวกเธอแบกมาให้ท่านใหญ่
นี่ท่านเรียก หลวงพ่อปาน ว่า ท่านใหญ่ หลวงพ่อปานฟังแล้ว ก็หัวเราะก๊าก บอก ... จริงที่คุณเล็กพูดน่ะ จริงนะอาจารย์เล็ก ท่านเรียกอาจารย์เล็กบ้าง คุณบ้าง ที่อาจารย์เล็กพูดนั่นน่ะจริง พวกเธอจงจำไว้นะ การที่เราจะ
เสกพระ เสกผ้ายันต์ ... อะไรต่ออะไรนี่น่ะ ถ้าเสกด้วยอำนาจกำลังของเราละ ... ไม่ช้ามันก็เสื่อม เราน่ะมันดีแค่ไหน การเสกว่าคาถาต่าง ๆ นี่ ก็เป็นการอาราธนาบารมีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือเทวดา หรือ พรหม ... มาช่วย แต่ว่าคาถาบางอย่าง
ก็จะว่าแต่เฉพาะบางจุด การเสกพระเสกเจ้า หรือเสกผ้ายันต์ เสกอะไรต่ออะไรพวกนี้ ถ้าเราเอาตัวของเราออกเสีย เราไม่เข้าไปยุ่ง แต่อาราธนาบารมี ... พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์
พระอริยสาวกทั้งหมด พรหม หรือ เทวดาทั้งหมด ... ท่านมาช่วย ท่านทำประเดี๋ยวเดียว ๒-๓ นาที มันก็เสร็จ ดีกว่าเราทำ ๑,๐๐๐ ปี
แล้วเราจะเอาอะไรบ้าง ก็อาราธนาบอกท่าน บอกว่า ขอให้ใช้ได้อย่างนั้นอย่างนี้ แต่อย่าลืมนะ ถ้าใช้ในทางทุจริต หรือ กฎของกรรมบังคับ ไม่มีอะไรจะคุ้มครองใครได้ ถ้าหากว่าใครเลวอยู่แล้ว
ก็คอยพยุงๆให้เลวน้อยลงไปนิดหนึ่งได้ ถ้าใครดีขึ้นมาหน่อย ก็พยุงให้ดีมากได้ นี่เป็นกฎของ อำนาจพุทธบารมี ธรรมบารมี สังฆบารมี
และพรหม และเทวดาทั้งหลาย ท่านพูดแล้ว ท่านก็ชอบใจ บอกว่าคุณเล็กทำถูก ตอนก่อนฉันรู้ ไปตั้งท่าเข้าสมาบัติอยู่คืนละ ๒-๓ ชั่วโมง ฉันนั่งอยู่ที่กุฏินี่ ฉันก็รู้ แต่ที่ฉันไม่บอกไว้ก่อน
เพราะจะให้คุณเล็กนี่นะรู้เอง การทำตัวเป็นคนเก่งเองน่ะ มันใช้ไม่ได้ มันต้องให้พระท่านเก่งซี พระพุทธท่านเก่ง พระธรรมท่านเก่ง พระสงฆ์ท่านเก่ง พรหมท่านเก่ง เทวดาท่านเก่ง ของที่เราทำ เราจะไปตามคุ้มครองชาวบ้านชาวเมืองได้ยังไงทุกคน ถ้าหากพระก็ดี พรหมก็ดี เทวดาก็ดี ท่านช่วยคุ้มครอง ท่านก็มองเห็นได้ถนัด
สงเคราะห์เขาได้โดยสะดวก
|