Not logged in [Login - Register]
Go To Bottom
Printable Version | Subscribe | Add to Favourites ตั้งหัวข้อใหม่
[*] posted on 20/2/14 at 22:11 [ QUOTE ]

อ่านเจอเรื่องอทิสมานกายครับ


https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn2/t1/1901892_782742575087806_2339199_n.jpg

อ้างว่ามีระดับต่าง ๆ จริงมั้ยครับรบกวนด้วยครับ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 22/2/14 at 11:37 [ QUOTE ]


อ่านเจอที่ไหน รายละเอียดยังไงครับ

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ] firstini's Aim
[*] posted on 23/2/14 at 23:50 [ QUOTE ]


Quote:
Originally posted by firstini
อ่านเจอที่ไหน รายละเอียดยังไงครับ



ผมเพิ่งอ่านเจอเลยไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ครับ

ตามด้านล่างครับ
BuddhaSattha
20 กุมภาพันธ์
อทิสมานกาย คือกายที่มองไม่เห็นด้วย่ตาเนื้อ
โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

อทิสมานกาย แบ่งออกเป็น ๕ ขั้น คือ

๑. กายอบายภูมิ มีรูปร่างลักษณะ คล้ายกับคนขอทาน
ที่มีแต่กายเศร้าหมองอิดโรยหน้าตาซูบซีดไม่ผ่องใส
พวกนี้ตายแล้วไปอบายภูมิ
๒. กายมนุษย์ มีรูปร่างลักษณะค่อนข้างผ่องใส
เป็นมนุษย์เต็มอัตรา กายมนุษย์นี้ต่างกันบ้าง
ที่มีส่วน ผิวพรรณ ขาวดำ สวยสดงดงามไม่เสมอกัน
แต่ลักษณะก็บอกความเป็นมนุษย์ชัดเจนพวกนี้ตายแล้ว
ไปเกิดเป็นมนุษย์อีก
๓. กายทิพย์ คือกายเทวดาชั้นกามาวจร มีลักษณะผ่องใส ละเอียดอ่อน ถ้าเป็นเทพชั้นอากาศเทวดา หรือรุกขเทวดาขึ้นไป ก็จะเห็นสวมมงกุฎแพรวพราว เครื่องประดับสวยสดงดงามมาก ท่านพวกนี้ตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดาชั้นกามาวจรสวรรค์
๔. กายพรหม มีลักษณะคล้ายเทวดา แต่ผิวกายละเอียดกว่า
ใสคล้ายแก้ว มีเครื่องประดับสีทองล้วน แลดูเหลืองแพรวพราว
ไปหมด ตลอดจนมงกุฎที่สวมใส่ ท่านพวกนี้ตายไปแล้วไปเกิดเป็นพรหม
๕. กายแก้ว หรือกายธรรม ที่เรียกว่าธรรมกาย ก็เรียก
กายของท่านประเภทนี้ เป็นกายของพระอรหันต์ จะเห็นเป็นประกายพรึกทั้งองค์ ใสสะอาดยิ่งกว่ากายพรหมและเป็นประกายทั้งองค์ ท่านพวกนี้ตายแล้วไปนิพพาน การที่จะรู้กายพระอรหันต์ได้ต้องเป็นพระอรหันต์ เองด้วย มิฉะนั้นจะดูท่านไม่รู้เลย

ตามที่กล่าวมา ตั้งแต่ข้อหนึ่งถึงข้อสี่นั้น กล่าวว่า ท่านพวกนั้น
ตายแล้วไปเกิดที่นั้นๆหมายถึงว่าท่านพวกนั้นไม่สร้างกรรมดี
หรือกรรมชั่วที่มีกำลังแรงกว่าที่เห็น พวกไปสร้างกรรมดีหรือ
กรรมชั่วที่แรงกว่า ก็ย่อมไปเสวยผลตามกรรมที่ให้ผลแรงกว่า
เจโตปริยญาณมีผลตามที่กล่าวมาแล้ว

การรู้อารมณ์จิตนั้นมีประโยชน์มากโดยเฉพาะก็คือ การรู้อารมณ์จิตของตนเองนั่นแหละสำคัญมาก จะได้คอยสกัดกั้นอารมณ์ชั่วร้ายที่เป็นกิเลสและอุปกิเลสไม่ให้มาพัวพันกับจิต ด้วยการคอยตรวจสอบกระแสจิตดูว่าขณะนี้จิตเราจะมีสีอะไรควรรังเกียจสีทุกประเภท อย่าให้สีทุกอย่างแม้แต่นิดหนึ่งปรากฏแก่จิต เพราะสีทุกอย่างที่ปรากฏนั้น เป็นอาการของกิเลสทั้งสิ้น สีที่ต้องการและสนใจเป็นพิเศษก็คือ สีใสคล้ายแก้วควรแสวงหาให้มีประจำจิต
เป็นอันดับแรกต้องเป็นแก้วทั้งแท่งอย่าให้มีแกนที่เป็นสีปนแม้แต่นิดหนึ่ง


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
ตั้งหัวข้อใหม่

Go To Top