เรื่องเล่าจากอิตาลี..เส้นเกศาหลวงพ่อกลายเป็นพระธาตุ
...ตามข่าวที่ทราบกันมานานแล้วว่า ใครที่ได้ "เส้นเกศา" ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ "พระราชพรหมยาน" วัดท่าซุงไปแล้ว
มีบางรายได้แปรเปลี่ยนไปเป็น "พระธาตุ" มีลักษณะสีสันต่างๆ กัน
แต่ก็มีมากรายที่ยังมีสภาพเดิมอยู่ ทั้งนี้ก็มิอาจทราบได้ว่าเป็นเพราะเหตุไร ซึ่งไม่ควรคิดเพราะเป็นเรื่อง "อจินไตย"
หมายถึงคิดมากไปมีโอกาสเป็นโรคประสาทได้
...บางทีดีไม่ดีคิดมากเกินไปอาจจะพลั้งพลาดไปปรามาสพระรัตนตรัย ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์อีกก็เป็นได้ แต่เป็นธรรมดาคนเรา ต่างก็มีความคิดมีประสบการณ์
ส่วนใหญ่ต่างก็เชื่อกันว่า
ถ้าผู้ใดจะเป็นพระหรือฆราวาส หากกระดูกกลายเป็นพระธาตุ ท่านผู้นั้นคงเป็นพระอรหันต์ แต่ด้วยประสบการณ์ของผู้เล่า ที่ได้ฟังมาจากหลวงพี่ชัยวัฒน์
ท่านได้เมตตาเล่าให้ฟังว่า
สมัยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ยังมีชีวิตอยู่ หลวงพี่เคยถามท่านว่า
"...พระอรหันต์กระดูกจะเป็นพระธาตุเหมือนกันหมดหรือไม่ครับ" หลวงพ่อท่านบอกเรื่องนี้ว่า
"...การที่กระดูกพระอรหันต์จะเป็นพระธาตุหรือไม่ แล้วแต่ท่านผู้นั้นจะอธิษฐานไว้"
หมายความว่าการที่กระดูกเป็นพระธาตุได้ จะต้องเกิดจากการอธิษฐานเท่านั้น หากท่านไม่อธิษฐานไว้กระดูกอาจจะมีสภาพเป็นธรรมดาก็ได้
...แต่สมัยก่อนเส้นเกศาของท่าน หลวงพ่อโอ จะเป็นผู้ที่ปลงผมให้หลวงพ่อเป็นประจำ ต่อมาผู้ที่ได้บูชาไปแล้วนานๆ ก็กลายเป็นพระธาตุ
ซึ่งไม่ค่อยทราบรายละเอียดกันมาก แต่ก็เผยแพร่รูปภาพไว้ตามหนังสือบ้าง ลงในเว็บไซด์บ้าง
ดังตัวอย่างที่ได้ไปค้นหามานี้ ซึ่งมีรูปพรรณสันฐานและสีสันแตกต่างกัน แต่ก็สวยงามอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ค่อยจะพบเห็น
ส่วนมากจะทราบกันแค่กระดูกเป็นพระธาตุ แต่บังเอิญสรีระศพของหลวงพ่อไม่ได้เผา จึงไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเหมือนกับท่านอื่นๆ
(ผอบบรรจุเส้นเกศาพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ของคุณนิพา (น้อย) ในเมือง ณ ประเทศอิตาลี)
...เรื่องนี้ความจริงก็ไม่อยากเล่า คงได้แต่เก็บเรื่องราวไว้นานแล้ว แต่ก็พอดีใกล้จะถึงงานครบรอบ ๒๑ ปี วันมรณภาพหลวงพ่อฯ วันที่ ๒๘ - ๒๙ กันยายน ๒๕๕๖
จึงอยากจะนำมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อน้อมกราบถวายสดุดีเทิดพระคุณความดีของท่าน
เนื่องในวโรกาสงานทำบุญทักษิณานุปทานที่ใกล้จะมาถึงนี้ แต่ผู้เล่าก็ขอออกตัวก่อนว่า เรื่องนี้ได้ขออนุญาตผู้เป็นเจ้าของเรื่องและหลวงพี่ชัยวัฒน์แล้ว
อีกทั้งไม่ได้นำมาเล่าเพื่ออวดอ้างแต่อย่างใด ทั้งนี้แล้วแต่ความเชื่อถือของแต่ละบุคคล
...ส่วนข้อมูลที่แท้จริงนั้น ผู้เล่ากราบขอขมากรรมต่อคุณพระศรีรัตนตรัย เพื่ออัญเชิญมาเป็นสักขีพยานว่า จะขอนำข้อมูลที่เป็นความจริงทั้งสิ้น
พร้อมทั้งมีบุคคลยืนยันถ่ายรูปภาพไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นกับคนไทยในต่างแดน (ประเทศอิตาลี)
โดยถ่ายไว้ตั้งแต่สภาพเดิม จนกระทั่งค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปที่ละน้อยๆ จากเส้นผมธรรมดาจนกลายเป็นพระธาตุ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อแต่ก็เป็นไปแล้วจริงๆ
โดยในภาพแต่ละภาพ "คุณปุ๊ก" (Khanittha Yookumyart) จะพิมพ์ตัวเลข วัน/เดือน/ปี กำกับอยู่ด้วย เพื่อเป็นการเปรียบเทียบถึงสภาพที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป
(ภาพเดียวกันนี้เป็นการเปรียบเทียบ วัน/เดือน/ปี ที่คุณปุ๊กได้ไปถ่ายเก็บไว้เป็นหลักฐาน)
...ก่อนอื่นผู้เล่าขอนำอีเมล์จาก "คุณปุ๊ก" ที่อยู่ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ จาก คุณนิพา (น้อย) ในเมือง
ผู้เป็นเจ้าของเส้นเกศาของหลวงพ่อฯ จนกระทั่งเวลานี้ตัวคุณปุ๊กเองก็มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น
อีเมล์ฉบับแรกที่ส่งมาถึงหลวงพี่ชัยวัฒน์มีข้อความดังนี้ค่ะ
08 / 11 / 2012
กราบนมัสการ หลวงพ่อชัยวัฒน์ เจ้าค่ะ
...หลวงพ่อสบายดีนะเจ้าคะ เมื่อวานลูกได้ไปที่บ้านพี่น้อย และได้ขออนุญาต ก่อนหน้าที่พี่น้อยจะไม่สบาย เพื่อถ่ายรูปพระเกศาธาตุ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ
รวมทั้งได้ถ่ายภาพ พระบรมสารีริกธาตุ ที่พี่น้อยบูชาอยู่ และที่เสด็จมาเพิ่มจำนวน ขยายขึ้น และใสขึ้นก็มีเจ้าค่ะ
...โดยเฉพาะพระเกศาธาตุของหลวงพ่อ ที่ลูกเคยเห็นด้วยตาของตนเอง ตอนที่เส้นพระเกศา กำลังแปรสภาพเป็นพระธาตุเจ้าค่ะ ลูกก็เลยต้องเชื่อสนิทใจ
เพราะในปัจจุบันวันนี้ ได้แปรสภาพเปลี่ยนเป็นพระธาตุเกือบจะหมดแล้ว ยังคงเหลือเส้นพระเกศาบางๆ อีกเพียงไม่กี่เส้นเจ้าค่ะ
พร้อมกันนี้ลูกได้แนบไฟล์รูป มาให้หลวงพ่อชัยวัฒน์ได้ดูด้วยนะเจ้าคะ และ ได้นำไปลงที่เว็บวัดป่าโนนวิเวกด้วยก่อนแล้ว
เพราะสัญญากับเพื่อนไว้ว่าจะลงรูปเป็นที่แรกเจ้าค่ะ
ปุ๊ก
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่สารบัญ
|
|
[ ตอนที่ 2 ]
(Update 6 กรกฎาคม 2560)
จากคำบอกเล่าที่โพสต์ไว้ใน "เว็บวัดป่าโนนวิเวก"
พระบรมสารีริกธาตุ และ พระเกศาธาตุ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ
ที่บ้านพี่น้อย (นิพา ในเมือง) ประเทศอิตาลี
...คือว่าวันนี้ เป็นโอกาสดี "ปุ๊ก" ได้ไปบ้านพี่น้อยมา ที่จริงตั้งใจเอาไว้ว่าจะนำภาพมาลงให้ทันครบรอบ 20 ปี ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
แต่พี่น้อยมาป่วยเสียก่อน วันนี้หายดีแล้ว...จากที่ได้เคยขออนุญาตไว้ว่า
จะถ่ายรูปพระเกศาธาตุ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน มาเผยแผ่ให้ทุกท่านได้ชื่นชมบารมี พุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ ที่เกิดขึ้นกับลูกศิษย์หลวงพ่อฯ
ที่อยู่ ณ ประเทศอิตาลี ชื่อ นิพา (น้อย) ในเมือง เพื่อเจริญศรัทธาที่ทุกๆ ท่านมีต่อหลวงพ่อฯอยู่แล้ว ให้ยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ
เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ถ้าจำไม่ผิด ปุ๊กเคยไปโพสต์ไว้ที่เว็บพระรัตนตรัย ในกระทู้เกี่ยวกับพระธาตุว่า ได้เห็นพระเกศาของหลวงพ่อฯ กำลังแปรสภาพเป็นพระธาตุ
มีลักษณะเป็นเส้นพระเกศากลุ่มนึง เหมือนมีหยดน้ำค้างเป็นสีน้ำตาล เรียงกันหยดเล็กๆ แต่ตอนที่เห็นครั้งนั้น ก็จำไม่ได้ว่ามีพระเกศากี่เส้น
ห้องพระในบ้าน คุณนิพา (น้อย) ในเมือง ณ ประเทศอิตาลี
แต่ปัจจุบัน ได้แปรสภาพเป็นพระธาตุเกือบจะหมดแล้ว มองใกล้ๆ ถึงจะเห็นว่ายังมีพระเกศาเหลืออยู่ ถ้าปุ๊กไม่เคยได้อ่าน ไม่เคยศึกษา
ไม่เคยเห็นภาพตามอินเตอร์เน็ทมาก่อน คงจะไม่เข้าใจ การเกิดพระธาตุ การแปรสภาพ หรือการเสด็จมาในลักษณะต่างๆ เพื่อเจริญศรัทธาให้ผู้ที่มีไว้บูชา
และเพิ่มศรัทธาให้แก่ผู้ที่ได้พบเห็น โดยเฉพาะปุ๊ก เห็นแล้วอยากมีบุญได้บ้าง
อีกท่านที่จะไม่เอ่ยถึงไม่ได้ก็คือ หลวงพ่อชัยวัฒน์ อชิโต ที่เป็นผู้เมตตา มอบพระบรมสารีริกธาตุจำนวนนึง และ พระเกศาหลวงพ่อฯ
ให้พี่น้อยมาบูชาที่ประเทศอิตาลี เมื่อหลายปีก่อนด้วยค่ะ
และ ที่พี่น้อยได้รับผ่านจากปุ๊ก ซึ่งมีเชอรี่ และถ้าจำไม่ผิดคือ คุณคณานันท์ ทวีโภค (ถ้าพิมพ์ชื่อผิด ต้องขออภัยด้วยค่ะ)
เป็นกลุ่มที่แจกพระบรมสารีริกธาตุ, หนังสือ วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากภัยพิบัติ และ เหรียญทำน้ำมนต์มาให้หลายชุดเลย ขอบพระคุณทุกๆ ท่านผ่านกระทู้นี้
จากเว็บบอร์ดวัดป่าโนนวิเวก ที่ปุ๊กจะโพสต์ภาพเป็นที่แรกนะคะ ตามสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อนรัก เชอรี่จัง อิอิ
ทั้งนี้ทั้งนั้น...ปุ๊กกราบขอขมา ขออภัย และ น้อมรับคำชี้แนะ ตักเตือน จากทุกๆ ท่านที่มีเมตตา จะสงเคราะห์แก่ปุ๊ก ในเรื่องใดๆ ก็ตาม
หากเห็นว่ามีสิ่งใดเป็นการไม่ถูกต้อง ไม่สมควร ก็จักขอบพระคุณเป็นอย่างสูงล่วงหน้าด้วยค่ะ
ชัดบ้าง ไม่ชัดบ้าง โปรดอภัย....
...สุดท้าย.. ท้ายสุด..กับรูปเจ้าของบ้าน พี่น้อยผู้อารีย์ มีเมตตา คอยดุด่า ตักเตือน อีกทั้งเอื้อเฟื้อเจือจาน ข้าวปลาอาหารอร่อยๆ พริก ผักต่างๆ
ให้แก่ปุ๊กเสมอ และเป็นผู้มีบุญคุณยิ่งกว่านั้นคือ ทำให้ปุ๊กรู้จักชื่อ "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" หรือ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน พอจะติดหูติดใจ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความผูกพันกัน จะเป็นยายก็ไม่ใช่ เป็นแม่ก็ไม่เชิง เป็นเพื่อนอาวุโสคนไทย อายุมากกว่าพ่อ ที่ปุ๊กเคารพ แต่ปุ๊กเรียกว่า "พี่"
แบบสนิทปากสนิทใจมากมาย และมักจะเอ่ยชื่อถึงอยู่บ่อยๆ นั่นเอง อิอิ
...จบการโพสต์ในเว็บป่าโนนวิเวก ซึ่งต้องขออนุญาตคุณปุ๊กนำมาลงไว้ เพื่อความสมบูรณ์ของการเล่า
ต่อมาหลวงพี่ชัยวัฒน์ก็ได้แนะนำให้คุณปุ๊กถ่ายภาพไว้ทุกขั้นตอน พร้อมกับขอให้คุณน้อยบันทึกเรื่องราวไว้ด้วยตนเอง
จากนั้นคุณปุ๊กก็ได้ส่งอีเมล์มาพร้อมกับรูปภาพและคำบรรยายอีกด้วย
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่สารบัญ
|
|
[ ตอนที่ 3 ]
(Update 13 กรกฎาคม 2560)
26/12/12
กราบนมัสการเจ้าค่ะ หลวงพ่อชัยวัฒน์
...ลูกส่งรูปพระธาตุที่ได้ถ่ายไว้ส่วนนึง ส่งมาให้หลวงพ่อได้ดูแล้วนะ เจ้าคะ
รูปที่ 1. เป็นภาพรวม 3 ช่วงระยะ
- 1.1 พระธาตุองค์กลางใสเหมือนเพชร เสด็จมาเมื่อวันเข้าพรรษา
- 1.2 พระธาตุเปลี่ยนรูปพรรณสัณฐาน เป็นแท่งผลึกทรงลูกบาศก์ สี่เหลี่ยมผืนผ้า (แตกต่างจากรูป 1.1 เห็นได้อย่างชัดเจน
แม้รูปที่ถ่ายจากมือถือจะไม่ค่อยชัดนะเจ้าคะ) และยังมีอีกองค์ที่ข้างๆ เพิ่มขึ้นมา อีกทั้งที่ยังเป็นองค์เล็กๆ กระจายอยู่ทั่ว
หากนับดูจะเห็นว่ามีจำนวนมากกว่ารูปอื่น เสด็จมาช่วงวันงานบวชธุดงค์
- 1.3 พระธาตุขยายองค์ ใหญ่กว่าเดิมทั้ง 2 องค์ และที่กระจัดกระจายอยู่องค์เล็กๆ ก็ได้มารวมกันเป็นองค์ที่ 3 ที่มองเห็นคล้ายสามเหลี่ยม
เหมือนตอนที่องค์กลางใสเสด็จมา แต่ครั้งนี้จะเป็นแผ่น เสด็จมาช่วงวันปีใหม่เจ้าค่ะ
รูปที่ 2. เป็นภาพรวม และขนาดของผอบ ที่บรรจุเกศาพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ที่กลายเป็นพระธาตุ ของพี่น้อย และผอบอื่นที่ถ่ายล่าสุด เจ้าค่ะ
รูปที่ 3. พระธาตุเปลี่ยนสี จากสีขาวนวล เป็นสีน้ำตาลอ่อน หรือ สีหวาย สีดอกพิกุลแห้ง สงเคราะห์ให้ตามที่พี่น้อยอยากเห็นเจ้าค่ะ
เพราะลูกได้ย้อนดูภาพที่เคยถ่ายไว้ในครั้งแรก ก็ไม่เห็นมีสีนี้เจ้าคะ
รูปที่ 4. เกศา, พระธาตุ มีรูปพรรณสัณฐาน สี หลากหลาย ส่วนกลางผอบ คือพระธาตุแก้วผลึก รูปพรรณสัณฐานคล้ายเมล็ดข้าวสารหัก (พี่น้อยบอกลูกมาแบบนี้นะ
เจ้าคะ)
รูปที่ 5. พระธาตุจับกลุ่มเอง ตามภาพเจ้าค่ะ ถามย้ำแล้ว 3 หน เพื่อความมั่นใจว่าหูไม่เพี้ยน พี่น้อยไม่ได้จัดให้เป็นรูปร่างคล้ายกับดอกไม้เลย
แถมลูกย้อนกลับไปนับพระธาตุในรูปที่เคยถ่ายไว้ครั้งก่อน ก็ไม่มีผอบไหนมีจำนวนพระธาตุตามในภาพ เท่าที่ลูกนับได้คือ 4 กลุ่มรอบนอก กลุ่มละ 10 องค์ กลุ่มในมี
9 องค์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจมีบางองค์ท่านซ้อนกันอยู่รึเปล่า อันนี้ก็ไม่แน่ใจเจ้าค่ะ
รูปที่ 6. พี่น้อยเค้าชอบค่ะ พระธาตุ องค์กลางใสแจ๋วเลย
รูปที่ 7. ก่อนหน้านี้ลูกมีปัญหา กับโปรแกรมแต่งรูปนิดหน่อย เลยวานให้เพื่อนทำรูปให้ เผื่อไว้ก่อนน่ะเจ้าค่ะ เลยนำมาด้วย
ไม่รู้ว่าแบบไหนหลวงพ่อดูชัดกว่ากันนะ เจ้าคะ
รูปที่ 8, 9. มุมอื่นๆ ลูกชอบผอบนี้ที่สุด เพราะเห็นมาตั้งแต่มีแค่พระเกศาของหลวงพ่อฯ จนเรื่องเหลือเชื่อ กลายเป็นเรื่องที่ต้องเชื่อไปโดยปริยาย
เพราะท่านสงเคราะห์ให้เห็นถึงขนาดนี้แล้ว ลูกก็เลิกสงสัยในเรื่องนี้ไปอีกหนึ่งอย่าง สาธุ..สาธุ..สาธุ !!!
ปุ๊ก
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่สารบัญ
|
|
[ ตอนที่ 4 ]
(Update 20 กรกฎาคม 2560)
23 / 04 / 2013 เวลา 06:11
กราบนมัสการ หลวงพ่อชัยวัฒน์เจ้าค่ะ
........ลูกกราบขออภัยหลวงพ่อเป็นอย่างสูง ที่ไม่ได้ส่งข่าวเรื่องว่าอย่างไรที่จะให้พี่น้อยบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ และ
การปฏิบัติบูชาพระธาตุอย่างไร... หลวงพ่อสบายดีนะเจ้าคะ
ไม่ทราบว่าหลวงพ่อจะทราบแล้วรึเปล่า ว่าพี่น้อยได้เดินทางไปเมืองไทยตั้งแต่ วันที่ 6 เมษา พร้อมกับอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุจาก เส้นเกศา
พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน และต้นฉบับ ที่พี่น้อยได้บรรยายกล่าวถึง เกศาที่กลายเป็นพระธาตุ เสด็จมาด้วยนะเจ้าคะ
ก่อนเดินทาง พี่น้อยได้สั่งไว้ ให้ลูกนำรูปภาพที่ได้ถ่ายเพิ่มใหม่ ส่งมาให้หลวงพ่ออีก เป็นรูปที่ถ่ายหลังจากที่ได้เคยส่งรูปพระธาตุ
ให้หลวงพ่อไปแล้วครั้งนู้นนะเจ้าคะ เพราะว่าหลังจากนี้ ทั้งพี่น้อย ลูก และคนที่เคยมีโอกาสได้เห็นปาฎิหาริย์พระธาตุเสด็จ ที่บ้านพี่น้อย
ก็จะได้แค่ดูรูปที่ได้ถ่ายไว้เป็นที่ระลึก แทนองค์จริงกันเจ้าค่ะ
.
รูปที่ 1, 2 เป็นภาพเดิมที่ลูกได้เคยส่งให้หลวงพ่อดูแล้ว เพื่อเปรียบเทียบดู ตามระยะเวลาที่ได้ถ่ายรูปการเปลี่ยนแปลง การเสด็จเพิ่มของพระธาตุไว้เจ้าค่ะ
รูปที่ 3. พระคำข้าวที่มีพระบรมสารีริกธาตุ 5 องค์ ของพี่น้อย ได้ขยายองค์ใหญ่ขึ้นเจ้าค่ะ
รูปที่ 4, 5 พระธาตุในผอบที่มีเกศา และพระธาตุจากเกศาของหลวงพ่อฤาษีฯ เสด็จมาเพิ่มอีก ทั้งเป็นองค์ขนาดใหญ่ มีรูปพรรณสัณฐานคล้ายกับเมล็ดข้าวสาร
และอีกองค์น่าจะคล้ายกับ เมล็ดถั่วครึ่งซีก และองค์เล็กๆอยู่รอบๆ เปรียบเทียบดูได้จากสองภาพแรกนะเจ้าคะ ส่วนรายละเอียดว่าเสด็จมาเพิ่มยังไง
ลูกจำรายละเอียดไม่ได้แล้ว เพราะไม่ได้จดบันทึกไว้เจ้าค่ะ
รูปที่ 6. เป็นผอบที่อยู่ในรูปรวม รูปแรกเช่นเดียวกัน คือภาพกลางล่าง ที่มีพระธาตุที่ได้เปลี่ยนจากขาวนวล เป็นวรรณะแก้วใส / เพชร 1 องค์
เสด็จเพิ่มขึ้นเป็น 40 องค์
รูปที่ 7. จดหมายต้นฉบับที่พี่น้อยนำมาให้ลูกช่วยอ่าน และช่วยตรวจสอบคำที่เขียนว่าถูกต้อง ดีแล้ว หรือไม่ อย่างไร แล้วนำกลับไปแก้ไขคำผิดอีกที
ซึ่งได้ฉบับที่สมบูรณ์ที่สุด เท่าที่พี่น้อยได้พยายามเรียบเรียง ด้วยความตั้งใจ พยายาม และความศรัทธาที่มีต่อองค์พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
อย่างมากเลยเจ้าค่ะ ซึ่งฉบับนั้นพี่น้อยได้นำไปด้วยแล้ว
รูปที่ 8 - 9 ภาพถ่ายครั้งล่าสุด แบบใช้แฟลซ กับไม่ใช้เจ้าค่ะ ซึ่งก่อนหน้าพี่น้อยได้อัญเชิญพระธาตุ และเกศา
ไปบรรจุในผอบใบใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อยซักพักนึงแล้ว ในวันที่ลูกไปถ่ายรูปคือวันที่ 11 มีนาคม 2556 หลังจากที่พี่น้อยโทรมาหา ให้มาดูอะไรบางอย่าง
ที่ปรากฎเกิดเป็นอัศจรรย์อีก เรื่อง เส้นเกศาสีขาว ที่เหลืออยู่ ที่ยังไม่ได้กลายเป็นพระธาตุ พี่น้อยได้อธิษฐานขอไว้เก็บเป็นที่ระลึก
อย่าได้กลายเป็นพระธาตุไปแบบเส้นอื่นๆ ซึ่งรวม เส้นเกศาสีดำ ที่ยังไม่กลายเป็นพระธาตุ มีทั้งหมดรวม 5 เส้นเจ้าค่ะ
แล้วพี่น้อยกับลูก ก็คิด...แต่ไม่มั่นใจ เพราะในตำรับตำราข้อมูลเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุ, พระอรหันต์ธาตุ, พระธาตุทั่วไป
ลูกก็ยังไม่เคยเห็นในรูปพรรณสัณฐาน ในลักษณะเป็นเส้นแบบนี้ ก็เข้าใจกันว่า
เส้นเกศาสีขาว ของพระเดซพระคุณหลวงพ่อฯ กลายเป็นพระธาตุทั้งเส้น และขยายใหญ่ขึ้น เห็นชัดได้ด้วยตาเนื้อ โดยที่พี่น้อยไม่ต้องใช้แว่นขยายส่องดู
ไม่ต้องหมุนหามุม หาแสงเหมาะๆ เพื่อมอง เพราะว่าเส้นเกศาขาวจนเกือบใสเจ้าค่ะ ซึ่งบางครั้งกล้องดิจิตัลที่ลูกถ่ายภาพมาทั้งหมด ก็ถ่ายติดเห็นเส้นเกศาชัดบ้าง
ไม่เห็นเลยก็มีเจ้าค่ะ
รายละเอียดเกี่ยวกับ เกศาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน กลายเป็นพระธาตุ ลูกก็รวบรวมได้ตามความทรงจำเพียงเท่านี้
หากพี่น้อยได้มีโอกาสพบกับหลวงพ่อชัยวัฒน์ ก็คงจะได้เล่ารายละเอียดอื่นๆ ที่พี่น้อยประสบมาด้วยตัวเองถวายให้หลวงพ่อได้ทราบเพิ่มอีกในภายหลังเจ้าค่ะ
ด้วยความเคารพหลวงพ่อชัยวัฒน์อย่างสูง
ปุ๊ก
(โปรดติดตาม "ตอนจบ" ต่อไป)
◄ll กลับสู่สารบัญ
|
|
[ ตอนที่ 5 ตอนจบ ]
(Update 27 กรกฎาคม 2560)
...หลังจากที่ได้ลงเรื่องราวเหล่านี้ไปแล้ว ปรากฏว่ามีผู้สนใจเข้ามาอ่านกันมากมาย ต่อมาทีมงานฯ ก็ได้รับอีเมล์จาก คุณปุ๊ก อีก
ซึ่งเป็นการบอกเล่าอย่างละเอียดจาก คุณนิพา (น้อย) ในเมือง ความจริงเป็นจดหมายที่เคยส่งมาถวายท่านแล้วทางไปรษณีย์ (จดหมายยังลง วัน/เดือน/ปี เดิม)
แต่ปรากฏว่าต้นฉบับหายไป จึงได้ขอให้คุณปุ๊กพิมพ์มาใหม่ ซึ่งมีข้อความดังนี้
จาก : pookka Yookumyart
หัวเรื่อง : เส้นเกศาหลวงพ่อ
วันที่ : 02/09/13 เวลา 21:43
กราบนมัสการ หลวงพ่อชัยวัฒน์เจ้าค่ะ
...ลูกได้ส่งต้นฉบับจดหมายของพี่น้อย ที่ได้ก็อปปี้ไว้ มาให้หลวงพ่อแล้วนะเจ้าคะ
ขณะที่ลูกพิมพ์ พี่น้อยก็อยู่ช่วยกำกับดู ซึ่งลูกก็ขออนุญาตแก้ไขคำบางคำ ให้ถูกต้อง เท่าที่ลูกจะมีความสามารถเจ้าค่ะ
หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดผิดพลาดประการใดไป ลูกกราบขอขมาพระรัตนตรัย
และ กราบขอขมานุโทษ ต่อหลวงพ่อชัยวัฒน์ ที่เคารพเป็นอย่างสูงด้วยนะเจ้าคะ
กราบขอบพระคุณหลวงพ่อชัยวัฒน์ที่ได้เมตตา ให้โอกาส พี่น้อย กับลูก ได้นำเรื่องเล่าประสบการณ์ เส้นเกศาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
ได้กลายเป็นพระธาตุ ณ ประเทศอิตาลี ด้วยนะเจ้าคะ
...สาธุ ลูกกราบอนุโมทนาบุญทุกอย่างของหลวงพ่อ และกับพี่น้อยด้วยทุกประการนะเจ้าคะ
ปุ๊ก
จดหมายจาก คุณนิพา (น้อย) ในเมือง
จากบ้านพักในประเทศอิตาลี
วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม 2556
กราบนมัสการเจ้าค่ะ พระคุณเจ้าหลวงพี่ ชัยวัฒน์ อชิโต ที่เคารพอย่างสูงยิ่ง
ที่ วิหารสมเด็จองค์ปฐม (วัดท่าซุง) จ.อุทัยธานี
เรื่อง เส้นพระเกศาของพระเดชพระคุณองค์ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน กลายเป็นพระธาตุ
...ก่อนอื่น ลูกกราบขออนุญาตต่อองค์หลวงพ่อเจ้าค่ะ ที่จะเล่าเรื่องเส้นพระเกศา หรือ พระเกศาธาตุ ขององค์หลวงพ่อผู้ยิ่งใหญ่เอาไว้เป็นหลักฐานว่า
เป็นเรื่องจริง ไม่ได้อวด หรือแอบอ้างแต่อย่างใดเลย ขอพูดคำว่า "ปาฏิหาริย์" และ มหัศจรรย์จริงๆ อานุภาพของพระเดชพระคุณองค์หลวงพ่อ ที่มีเมตตา
กรุณาอันประเสริฐยิ่งใหญ่นี้
ลูกของพ่อ ขอเทิดทูนไว้เหนือหัวเหนือเกล้าตลอดไป ลูกกราบแทบเท้าพระเดชพระคุณองค์หลวงพ่อ ห้าครั้งก่อนนอนทุกคืน ตอนเช้าทุกวัน ด้วยความเคารพนอบน้อม
จิตตั้งมั่นเด็ดเดี่ยวแน่นอน และศรัทธาทั้งกาย วาจา ใจ ของลูก จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตในชาตินี้เจ้าค่ะ ลูกไม่ลืมเจ้าค่ะ ขอเป็นชาติสุดท้าย (พระนิพพาน)
สาธุ สาธุ สาธุ
ok.เจ้าค่ะหลวงพี่ โยมกราบขอขมาโทษหลวงพี่เป็นอย่างสูงเจ้าค่ะ ที่ส่งข้อความเรื่อง "เส้นพระเกศาธาตุ"
ของพระเดชพระคุณองค์หลวงพ่อไปให้หลวงพี่ล่าช้า
ขอเล่าย้อนหลังไป ดังนี้....
- เมื่อ ปี 2549 หลวงพี่ได้เมตตามหาศาล ที่แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมกับเส้นพระเกศาของพระเดชพระคุณองค์หลวงพ่อ ให้โยมมาประมาณ 25 เส้น เส้นสีดำ
มากกว่าสีขาวเจ้าค่ะ
- ต้นปี พ.ศ.2553 เห็นครั้งแรกที่แปรสภาพเป็นเกล็ดสีขาวใสเล็กๆ ติดตามเส้นพระเกศาองค์หลวงพ่อทุกเส้นเลย ตื่นเต้นดีใจที่สุด
- ปี พ.ศ.2554 เมษายน สงกรานต์ โยมอัญเชิญลงมาสรงน้ำอบน้ำหอม เปิดตลับดู เห็นเส้นพระเกศาพระเดชพระคุณองค์หลวงพ่อ กลายเป็นพระธาตุองค์เล็กๆ
โตเท่ากับเมล็ดผักกาด ก็มีสามองค์
- ปี พ.ศ.2555 อยู่ระหว่างเข้าพรรษา วัน เดือน ปี นั้นไม่ได้จดเอาไว้ มีอยู่คืนหนึ่ง โยมสวดมนต์ไหว้พระแล้วทำสมาธิ เป็นบางครั้งเจ้าค่ะ ไม่ได้ทำทุกคืนหรอก
ดึกประมาณเที่ยงคืน ได้ยินเสียงเหมือนมีใครตบมือชัดเจนเลยอยู่ที่โต๊ะหมู่บูชา ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จะว่ากลิ่นธูปก็ไม่ใช่ จะกลิ่นดอกไม้ก็ไม่เชิง อธิบายไม่ถูก
โยมไม่ได้จุดธูปเทียนเลย
พอถึงตอนเช้าเปิดดู พระเกศาธาตุองค์หลวงพ่อ..ตกตะลึง ขนลุกขนพองทั้งตัวเลย คือเส้นพระเกศาองค์หลวงพ่อ อันตรธานหายไปครึ่งหนึ่ง กลายเป็นองค์พระธาตุ
เสด็จเพิ่มขึ้นองค์เล็กๆ มีลักษณะสันฐานแตกต่างกัน และสีสันวรรณะก็แตกต่างกันด้วย โยมขออนุญาตนับดูมี 25 องค์ เป็นเรื่องที่แปลกมากๆ
อัศจรรย์จริงๆเจ้าค่ะ
- ปี พ.ศ.2556 วันที่ 8-9 มกราคม มีประสบการณ์ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอีกแบบเหลือเชื่อ พระเกศาธาตุองค์หลวงพ่อ เสด็จเพิ่ม องค์โตเท่าเมล็ดถั่วเขียวเลย
สัณฐานวรรณะใสแวววาวเหมือนแก้ว ปัจจุบันนี้เส้นพระเกศาสีดำมีอยู่ 5 เส้น สีขาวมีอยู่ 1 เส้น แต่ไม่ธรรมดา ขาวใสนวลยาวกว่าเดิม
...กราบขอบพระคุณหลวงพี่ชัยวัฒน์มา ณ โอกาสนี้ด้วยเจ้าค่ะ ที่มีเมตตากรุณามหาศาล ให้ของที่เป็นมหามงคล อันล้ำค่าสุงสุด
สาธุ สาธุ สาธุ
นิพา ในเมือง.
เล่าเรื่อง..เหตุที่หลวงพี่มอบ "เส่้นเกศา" ของหลวงพ่อฯ
มณฑปท่านพ่อและท่านแม่
ณ วัดสิริเขตคีรี (วัดพระร่วง) อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย
...ก่อนจะจบเรื่องราวกันไป อยากจะย้อนเล่าเหตุการณ์สักเล็กน้อยว่า เพราะเหตุใด หลวงพี่ชัยวัฒน์จึงให้เส้นเกศาพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ แก่พี่น้อย
ท่านผู้อ่านอาจจะสังสัยแบบนี้บ้าง..ใช่ไหม
ข้อสอง..แล้วทำไมจะต้องกลายเป็นพระธาตุ โดยเฉพาะเจาะจง ณ ประเทศอิตาลี นี่ก็เป็นชนวนเหตุให้จำเป็นต้องอธิบายย้อนหลัง ทั้งนี้ แล้วแต่ความเชื่อนะ
ถ้าไม่แน่ใจก็ถือว่าอ่านนิยายเล่นแก้กลุ้มก็แล้วกัน
เรื่องมีอยู่ว่า ประมาณปี ๒๕๔๙ มีอยู่วันหนึ่ง..พี่น้อยได้โทรศัพท์มาหาหลวงพี่ชัยวัฒน์จากอิตาลี ถามว่ามีเมือง "ราชนาลัย" ไหม หลวงพี่ตอบว่ามีแต่เมือง
"สัชนาลัย" แต่ชื่อนั้นไม่สำคัญเท่ากับความสงสัย
หลวงพี่จึงถามว่ามีอะไรเหรอ พี่น้อยจึงได้เล่าเรื่องที่ "ท่านแม่" มาเข้าฝันให้หลวงพี่ฟัง (ท่านมาพร้อมกับลูกสะใภ้)
ภายหลังก็มาเล่าเรื่องให้หลวงพี่ฟังด้วยตนเองถึงที่วัดท่าซุง
ความฝันที่เป็นจริง
พี่น้อยเล่าว่า ท่านได้เล่าเรื่องในอดีตของ เมืองสัชนาลัย พร้อมทำภาพให้เห็นไปด้วย บอกว่าท่านมาเข้าฝันเล่าเรื่องเดียวติดๆ กันทุกคืน
โดยทำภาพเหตุการณ์ในอดึตกาลเหมือนกับฉายภาพยนต์ พร้อมกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในสมัยนั้นด้วย
โดยเฉพาะดินแดนแห่งนี้มีความเจริญรุ่งเรือง พืชสวนไร่นามีความอุดมสมบูรณ์ เพราะมีลำน้ำยมไหลผ่านรอบเมือง ชาวบ้านชาวเมืองต่างมีความอยู่ดีกินดีมีความสุข
ฉะนั้น บริเวณนี้จึงเป็นที่หมายปองของผู้ที่อยากดูแล แต่ด้วยพ่อแม่เป็นครอบครัวใหญ่มีลูกมาก ใครๆ ก็อยากได้ไว้เป็นเจ้าของ
แต่ผลที่สุดก็เป็นบุคคลผู้หนึ่งที่ได้ครอบครองดินแดนแห่งนี้
ทั้งที่ไม่น่าเป็นไปได้ว่าจะรอดชีวิตมาได้อย่างไร เพราะตอนเด็กๆ ป่วยไข้ไม่สบายอยู่เสมอ พ่อแม่ต้องคอยเลี่ยงดูอุ้มชูมาโดยตลอด พี่น้องทั้งหมด ๗ คน
มีทั้งหญิงและชาย ช่วงตอนเล็กๆ นั้นก็ได้อาศัยนักพรตผู้ทรงศีลมีชื่อว่า "ท่านมเหศักดิ์" ที่มาช่วยรักษาทุกวันถ้วน ๑๕ ค่ำ จนกระทั่งหายเป็นปกติ
นี่เป็นถ้อยคำบอกเล่าของท่านแม่
จากนั้นก็ได้เล่าเหตุการณ์งานที่ทำอยู่เวลานี้ โดยทำภาพให้เห็นบุคคลอื่นๆ ว่า มีทั้งผู้ที่ร่วมงานมากมายและผู้ที่ไม่เข้าใจบางคน
ท่านทำภาพให้เห็นเหมือนฉายสไลด์ สามารถพิสูจน์บุคคลในภาพที่เห็นได้ โดยมีบางคนที่พี่น้อยไม่รู้จักมาก่อน พร้อมทั้งท่านแม่ได้ทำภาพเหตุการณ์ในอนาคต
หลังจากลาโลกนี้ไปแล้วด้วย
ด้วยเหตุที่หลวงพี่ฟังคำบอกเล่าข้างเดียว ถึงแม้อยากจะเชื่อแต่ก็ต้องการจะพิสูจน์ด้วยว่า ผู้ที่เข้าฝันนั้นเป็นใคร แต่งตัวลักษณะอย่างไร
เรื่องที่เล่าควรจะเชื่อถือได้แค่ไหน ฉะนั้น เมื่อพี่น้อยเดินทางมาถึงเมืองไทย ประมาณปี ๒๕๔๙ ช่วงนั้นน้ำท่วมวัดท่าซุงอย่างหนัก
แต่หลวงพี่ก็ยังจัดงานฝังลูกนิมิตที่ วัดสิริเขตคีรี (วัดพระร่วงผดุงธรรม) อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย โดยให้พี่น้อยเดินทางล่วงหน้าไปเตรียมงานก่อน
......ครั้นไปถึงแล้วพี่น้อยเดินเข้าไปที่ มณฑปท่านแม่วิสุทธิเทวี (อยู่ตรงข้ามมณฑปพระร่วงโรจนฤทธิ์)
ที่อยู่ด้านหน้าพระจุฬามนี พี่น้อยถึงกับตกตะลึงทันที ปลื้มใจสุดขีดจนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เพราะรูปปั้นของท่านแม่นั้น เหมือนกับที่ฝันเห็นทุกประการ
ทั้งรูปร่างหน้าตาและเครื่องประดับกาย ที่ไปเข้าฝันถึงบ้านที่ประเทศอิตาลี (พี่น้อยเป็นคนอุดรธานี ได้แต่งงานกับสามีชาวอิตาลีมานานหลายปีแล้ว)
เรื่องนี้จึงสร้างกำลังใจและความประทับใจให้แก่หลวงพี่เป็นอย่างมาก ท่านจึงมอบเส้นเกศาหลวงพ่อฯ ให้เป็นรางวัล ซึ่งภายหลังไม่คาดคิดว่าจะแปรเป็นพระธาตุ
นับว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ใจมาก อีกทั้งเป็นเหมือนท่านจะยืนยันความน่าเชื่อถือของเรื่องราวในอดีต ตามที่ท่านแม่มาเข้าฝันไว้นั้น
ว่าเป็นความจริงทุกประการ....
<< อ่านประวัติ พระร่วงโรจนฤทธิ์ ฉบับ หลวงพ่อฯ วัดท่าซุง ได้ที่นี่ >>
https://www.facebook.com/TamRxyPhraphuththbathkhxm/
....สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณและอนุโมทนากับ คุณขนิษฐา (ปุ๊ก) อยู่คุ้มญาติ ไว้ ณ โอกาสนี้
ที่เป็นธุระช่วยเหลือพี่น้อยเป็นอย่างดี ในการถ่ายภาพและลำเลียงเรื่องเล่าสู่กันฟังเป็นอย่างดี ทั้งนี้ เพื่อหวังบุญกุศลเท่านั้น
ที่จะได้ช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนา ในด้านการช่วยเสริมสร้างความศรัทธาให้เกิดขึ้น
.....เมื่อผู้อ่านเกิดความเชื่อถือในพระองค์ท่านแล้ว ผู้นั้นก็จะได้ปฏิบัติตามแนวทางที่ท่านสอนไว้ แล้วมรรคผลก็บังเกิดกับผู้เลื่อมใสนั้น
พวกเราจึงหวังเพียงแค่ส่วนผลบุญนี้ ที่เปรียบเสมือนสะพานแห่งความศรัทธา เพี่อนำพาข้ามสู่ฝั่งพระนิพพานไปในที่สุด...สวัสดี
|
|
|