มณฑปพระศรีอาริยเมตไตรย - พระยืน ๘ ศอก
มณฑปพระศรีอาริยเมตไตรยเป็นสิ่งก่อสร้างอยู่ในกลุ่มบริเวณวิหารสมเด็จองค์ปฐม ตัวมณฑปประดับกระจก มี ๒ ชั้น ชั้นบนประดิษฐานรูปหล่อพระศรีอาริยเมตไตร
(หรือพระนามในฐานะพระโพธิสัตว์ชั้นดุสิต พระเดชพระคุณหลวงพ่อเรียกว่า ท่านปรีชาทรงธรรม) ประทับยืนทรงเครื่องเทวดา พระหัตถ์ซ้ายทรงจักร
พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ ปิดทองคำเปลวและแผ่นเงิน
จักร หมายถึง ธรรมจักร สื่อความหมายว่า คนใดที่มีกิเลสหนามาก มีทิฏฐิมานะมาก ต้องใช้จักรปราบปราม ส่วน พระขรรค์ สื่อความหมายว่า
คนใดที่มีกิเลสน้อยก็ใช้พระขรรค์เคาะหรือถู หรือขูดก็หาย ทุกคนที่ต้องการเกิดในสมัยท่าน ให้รักษาศีล ๕ และกรรมบถ ๑๐ เป็นปกติทุกวัน
งานเททองหล่อพระศรีอาริยเมตไตรยจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ เวลา ๑๔:๐๐ น. โดยมีพระเดชพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์วัดสระเกศ เป็นองค์ประธาน
มีญาติโยมพุทธบริษัทถวายทองคำรวม ๕๐ กิโลกรัมเศษ
พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้เคยปรารภถึงเหตุในการสร้างมณฑปพระศรีอาริยเมตไตรยไว้ว่าเป็นพระพุทธบัญชาแห่งสมเด็จองค์ปฐม โดยพระองค์ท่านได้ตรัสกับหลวงพ่อว่า
ฉันมีความต้องการให้หล่อพระศรีอาริย์ ถามว่า หล่อทำไม? ท่านก็เลยบอกว่า ต้องหล่อ เพราะเงินที่เขาทำบุญหล่อฉันมันเหลือ
เวลานี้ยังมีญาติโยมส่งเงินมาอีก...หล่อองค์ปฐม ท่านจึงสั่งให้สร้างมณฑปพระศรีอาริย์ขึ้นในสถานที่ใกล้ๆมณฑปของท่าน ทำแบบเดียวกับมณฑปหลวงพ่อปาน
ท่านบอกว่า
ที่ตรงนั้น ฉันดลใจเธอไมให้ปลูกต้นไม้ ฉันต้องการให้สร้างมณฑปพระศรีอาริยเมตไตรย เพราะคนจำนวนมากที่มีบารมียังไม่เข้มข้น
และคนจำนวนแสนที่ติดตามพระศรีอาริย์ต้องการเป็นสาวกของท่าน ก็มาเกิดสมัยนี้เป็นแสน ทั้งพระศรีอาริย์ก็ฝากเธอไว้ว่า
ให้ช่วยแนะนำให้เข้าใจตามเกณฑ์ที่เขาเหล่านั้นจะเกิดทันท่าน เลยถามว่าจะหล่อพระศรีอาริย์เป็นอย่างไร?
ท่านก็เรียกพระศรีอาริย์มา ในเมื่อท่านมาแล้ว ก็ถามท่านว่าจะให้หล่อแบบไหน? แต่ความจริงพระศรีอาริย์สีสดสวยมาก
เครื่องประดับแพรวพราวและสว่างเป็นพิเศษ...สวยจัด สีหลายสี...เครื่องประดับ แต่ว่าเวลาจะหล่อจริงท่านยืนให้ดู ท่านบอก หล่อรูปยืนครับ
และเครื่องประดับทั้งหมดไม่ต้องการให้มีสี ต้องการเป็นแก้วใสอย่างเดียว ส่วนที่เป็นเนื้อให้เป็นเนื้อ เนื้อของท่านมีสีขาว จึงถามว่า ถ้าจะเอาแก้วปิด
ก็จะเหมือนเครื่องประดับที่เสื้อที่กางเกง จะทำอย่างไร? ท่านบอก ปิดทองก็ได้ ปิดแผ่นเงินก็ได้
ถ้าปิดแผ่นเงินจะคล้ายคลึงเนื้อของท่าน ส่วนที่เป็นเครื่องแต่งกายให้ใช้กระจกเงาใส ท่านแสดงให้ดูท่ายืน มือขวาถือ จักร แต่ห้อยเฉยๆ มือซ้ายถือ
พระขรรค์ ก็ถามว่า มีจักร มีพระขรรค์ทำไม? ท่านบอก ผมห้อยเฉยๆ ไม่ใช่ท่าของนักรบ เลยถามว่า จะให้หล่อเป็นพระหรือเป็นเทวดา?
ท่านบอกว่าเวลานี้ผมเป็นเทวดา...ให้หล่อเป็นรูปเทวดา อย่าเพิ่งหล่อรูปเป็นพระ (เป็นอันยืนยันได้ว่า
ขณะนี้ท่านยังเป็นเทวดา ยังมิได้จุติลงมาอย่างที่บางคนเข้าใจ ขอให้ระวังอุปาทาน) ก็ถามท่านว่า ถ้าคนต้องการไปเกิดในสมัยของท่าน จะต้องทำบุญอะไรไว้?
ท่านบอกว่า คนของผม...ผมฝากท่านไว้แล้วนะ ให้แนะนำด้วย มีหลายแสนคน...คนที่จะเกิดในสมัยของผม
ถามว่า แนะนำแล้วทุกอย่าง แต่ว่าไม่รู้ข้อเจาะจง ให้เจาะจงไปว่าทำบุญอย่างไร จึงจะทันศาสนาพระศรีอาริย์? (นี่สำหรับคนมี บารมีอ่อน นะ คนมี
บารทีเข้ม ให้ตั้งใจไปนิพพานชาตินี้ ถ้าคน บารมีอ่อน ตั้งใจไปนิพพานชาติพระศรีอาริย์ หรือวางแผนไว้ ๒ อย่างก็ได้ว่า ตั้งใจไปนิพพานชาตินี้
ถ้าพลาดชาตินี้ ขอให้ได้นิพพานสมัยพระศรีอาริย์ก็ได้)
ท่านบอกว่า ให้ทุกคนที่ต้องการเกิดทันสมัยผม ให้รักษา ศีล ๕ เป็นปกติ รักษา กรรมบถ ๑๐ เป็นปกติทุกวัน ไม่คลาดเคลื่อนอย่างนี้เป็น อุคฆฏิตัญญู
ไปเกิดในสมัยผมฟังเทศน์แค่หัวข้อเล็กๆสั้นๆก็บรรลุมรรคผลทันที ถ้าบางท่านปฏิบัติอ่อนกว่านั้น รักษาได้ กรรมบท ๑๐เหมือนกัน ศีล ๕ ก็ครบ
แต่ว่าบางทีก็มีอาการเผลอเล็กน้อย อย่างนี้เป็น วิปจิตัญญู หมายความว่า ไปเกิดสมัยผม
เทศน์หัวข้อฟังไม่เข้าใจ ต้องอธิบายเล็กน้อยจึงบรรลุอรหันต์
บางท่านที่มีบารมีอ่อนกว่านั้น วันธรรมดาๆอาจจะบกพร่องบ้างเป็นของธรรมดา แต่สำหรับวันพระต้องรักษาให้ครบถ้วนทั้งศีล ๕ และกรรมบท ๑๐ หมายความว่า
ตามธรรมดาคนเรามีอาชีพต่างกัน บางคนปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร ก็ต้องฉีดยาฆ่าเพลี้ยฆ่าสัตว์ที่มารบกวนพืชพันธุ์ธัญญาหารบ้าง บางคนมีอาชีพไปในทางการประมง
ต้องทำการประมงฆ่าปลาฆ่าสัตว์บ้าง ถ้าอย่างนี้ถือว่าวันธรรมดาบกพร่องได้ แต่วันพระต้องครบถ้วนบริบูรณ์ อย่างนี้ถ้าเกิดในสมัยผม เขาเรียกว่า เนยยะ เทศน์ครั้งเดียวสองครั้งยังไม่มีผล ต้องฟังเทศน์หลายๆหน สามารถเป็นพระอริยะได้
กาลตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยจักทรงกระทำความเพียรโดยนั่งเหนือรัตนบัลลังก์ใต้ต้น ต้นไม้กากะทิง
อันเป็นไม้ศรีมหาโพธิ มีปริมณฑลไปได้ ๑๒๐ ศอก มีกิ่งทั้งห้าโดยรอบนั้นก็ได้ ๑๒๐ ศอก แต่ต้นขึ้นไปสุดปลายกิ่งนั้นได้ ๒๔๐ ศอก
โดยสูงสะกัดเป็นปริมณฑลเหมือนกัน มีใบสดเขียวอยู่เป็นนิจกาล ทรงดอกและเกสรหอมฟุ้งขจรมิรู้ขาด เปรียบประดุจดอกปาริชาติในดาวดึงส์สวรรค์ฉะนั้น
แล้วจักทรงระลึกชาติของพระองค์ด้วย ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ได้ทรงเห็นโดยลำดับกันประจักแจ้งในปฐมยาม
ครั้นล่วงเข้ามัชฌิมยามทรงเห็นซึ่งการเกิดและตายแห่งสัตว์ทั้งหลายด้วย ทิพจักขุญาณ
ครั้นล่วงไปในปัจฉิมยามที่สุดนั้น พระองค์ได้ทรงตรัสรู้อริยสัจธรรม ที่เรียกว่า
อาสวักขยญาณ คือบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ปรากฏเป็นพระพุทธคุณทั่วโลกธาตุ
แล้วพระองค์ก็ยังมนุษย์ทั้งหลายประมาณแสนโกฏิ ให้ดื่มกินซึ่งน้ำอมฤตรส คือพระสัทธรรม เห็นพระนิพพานอันมิได้รู้แก่รู้ตาย เป็นธรรมาภิสมัย
ให้บังเกิดแก่ฝูงเทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย ได้ตรัสรู้มรรคและผลอันหาประมาณมิได้
สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยทรงมีลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทั้ง ๓๒ ประการ ประกอบไปด้วยพระฉัพพรรณรังสี พระพุทธรัศมี ๖ ประการ
สว่างออกจากพระวรกายเป็นอันงามประดุจดังว่าท่อสุวรรณธาราน้ำทองอันไหลหลั่งออกมาเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ไปด้วยสุขทุกเมื่อ
มีสติระลึกถึงพระพุทธคุณเป็นอารมณ์เนืองๆ
ด้วยเดชานุภาพแห่งพระพุทธคุณนั้น มนุษย์ทั้งหลายก็ได้บริโภคซึ่งโภชนาหารแต่เนื้อแห่งข้าวสารสาลี อันบังเกิดมีมาเอง
ได้ประดับประดาร่างกายและผ้านุ่งผ้าห่ม เครื่องอาภรณ์ต่างๆแต่ต้นไม่กัลปพฤกษ์ ประพฤติเลี้ยงชีวิตเป็นบรมสุข
ปางเมื่อพระพุทธองค์ผู้ทรงสวัสดิโสภาคเป็นอันงาม ทรงพระนามว่า พระศรีอาริยเมตไตรยเจ้า
ตรัสแสดงพระสัทธรรมเทศนา พระธรรมจักรกัปปวัตนสูตร นั้น
มนุษย์และเทพยดาทั้งหลายได้บรรลุซึ่งมรรคผลธรรมวิเศษประมาณ ๓ แสนโกฏิ
อันว่าองค์พระศรีอาริยเมตไตรยทรงสร้างพระบารมีมาสิ้นกาลช้านานถึง ๑๖ อสงไขยกำไรแสนกัป มีศีลบารมี ทานบารมี เป็นต้น เต็มบริบูรณ์
หมายเหตุ: พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกว่าอีกประมาณล้านปีเศษๆ
พระศรีอาริย์จึงจะมาตรัสรู้บริเวณอาณาเขตที่เป็นประเทศพม่าในปัจจุบันในเมืองที่มีชื่อว่า เกตุมดีราชธานี
พระยืน ๘ ศอก
พระพุทธรูปประทับยืน "ปางลีลา" สูงขนาด ๘ ศอกนี้ คุณเยาวลักษณ์ (ขวัญ) มิตรศรัทธา และครอบครัว เป็นเจ้าภาพผู้สร้างทั้งหมด คือ ทั้งพระพุทธรูป
และพระมณฑป ประดิษฐานอยู่ใกล้มณฑปพระศรีอาริย์
|