บริเวณที่นั่งใต้ต้นโพธิ์ ฝั่งโบสถเก่า
ความเป็นมาของพระองค์ที่ ๑๐
โดย..หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลายสำหรับตอนนี้ก็มาคุยกันถึงเรื่องของงาน จะเล่าสู่กันฟังว่าพระที่นิมนต์มาในงานจริงๆ จำนวนทั้งหมดรวมแล้ว ๖๒ องค์
พระอาคันตุกะ ๙๒ องค์ แล้วก็ พระองค์ที่ ๑๐ นี่อีก ๑ องค์ พระองค์ที่ ๑๐ นี่เป็นใครขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายอ่านแล้วก็ควรเข้าใจ
หรือว่าท่านผู้ใดไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจกันต่อไป ท่านผู้ใดเข้าใจแล้วก็เขาใจต่อไป ถ้าจะถามว่าที่พูดนี่รวนหรือ ความจริงเรื่องรวนเป็นของดี
เพราะว่ารวนแล้วเนื้อก็ย่อมสุก แล้วเนื้ออ่อนยุ่ย เอามาแกงกินได้สบาย คือรวนเนื้อเพื่อแกง แต่ว่าเรื่องรวนตานี้ไม่ใช่เรื่องเนื้อ เป็นการรวนความเข้าใจ
ถ้าอธิบายให้ท่านพุทธบริษัทฟังว่า พระองค์ที่ ๑๐ เป็นใครจริงๆ
อาตมาก็ขอยืนยันว่าจะมีพระและฆราวาสลงนรกหลายคนและก็จะมีพระและฆราวาสจะไปนิพพานเร็วก็หลายคน ถ้าเป็นอย่างนี้ไม่พูดเลยดีกว่า
ก็จะเหมือนตัวอย่างเหมือนเช่นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ เวลานั้นพระเจ้าประเสนทิโกศลถวาย
อทิสสทานพอถวายแล้วองค์สมเด็จพระพิชิตมารให้พรนิดเดียวแล้วก็เสด็จกลับพระเจ้าประเสนทิโกศลก็ตามไปถึงวัดไปทวงพระพุทธเจ้าบอก
"ให้ทานไปตั้งเยอะแยะแล้วทำไมถึงให้พรนิดเดียว" พระพุทธเจ้าบอกว่า "ถ้าจะให้พรยาวอำมาตย์คนหนึ่งจะหัวแตก ๗ เสี่ยง
แต่ว่าอำมาตย์อีกคนหนึ่งจะเป็นพระโสดาบัน" เมื่อเห็นอันตรายกับคนบางคนประเภทนี้ องค์สมเด็จพระชินสีห์มีพระเมตตาจึงให้พรนิดเดียว
ฉะนั้นเรื่องพระองค์ที่ ๑๐ นี่ก็เหมือนกันท่านอาจจะมีรูปร่างเหมือนพระองค์ใดองค์หนึ่งที่ท่านทั้งหลายรู้จัก และก็คนที่มากับท่าน ๓
คนอาจจะมีรูปร่างเหมือนกับใครคนใดคนหนึ่งที่ท่านรู้จัก และต่อไปบางท่านอาจจะโมเมว่าพระองค์ที่ ๑๐ คือองค์นั้น หรือคนนั้น แต่ว่ายืนยันว่า พระองค์ที่ ๑๐
นี่อาตมาพบเมื่อไปที่ซอยสายลม
พระองค์ที่ ๑๐ องค์นั้นท่านบอกว่า "วันนั้นฉันจะไป แล้วก็จะไปอายุประมาณ ๓๐ ปี ผิวเนื้อคล้ำ" แล้วต่อมาอีก ๔ วัน
จะถึงวันงานพบกับท่านอีกท่านบอกว่า "จะเอาตำหนิตรงไหนดีที่คิ้วหรือที่โหนกแก้ม" ก็เลยกราบเรียกท่านว่า "ตรงไหนก็ได้" เป็นอันว่าพระองค์ที่ ๑๐
ที่นั่งอยู่โคนต้นโพธิ์ก็เป็นอย่างงั้นเสียจริงๆ
ถ้อยคำของท่านเต็มไปด้วย สัจธรรม และก็เป็นถ้อยคำง่ายๆ คล้ายที่พระพุทธเจ้าทรงสอน แต่ลีลาการพูดของท่าน ถึงแม้เสียงจะไม่เหมือนพระพุทธเจ้าตรง
เพราะท่านมาในลีลานั้น ท่านองค์นี้ชื่ออะไร อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ พระองค์ที่ ๑๐ นี่ แต่ทว่าลีลาการพูดของท่าน มีทั้งการรื่นเริงแล้วก็ธรรมะ
การพูดธรรมนี่เขาต้องพูดอย่างนั้น ไม่ใช่พูดจิตใจเศร้าหมองนั่งซึมกระทือ หลับเป็นแถวๆ นั่นมันไม่ใช่พระ เป็นนักพูดส่งเดช
มีหน้าที่พูดอย่างเดียวใครจะฟังรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องก็ช่าง ก็ตะบันพูดไปอย่างเดียว พวกนี้พวกเปรต
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
|