Not logged in [Login - Register]
Go To Bottom
Printable Version | Subscribe | Add to Favourites ตั้งหัวข้อใหม่
[*] posted on 28/9/09 at 13:05 [ QUOTE ]

แก้วมณีรัตนะ..คำโฆษณาในเวปไซด์ ที่ทางวัดท่าซุงไม่รู้เรื่องด้วย


ไม่ทราบว่าแก้วมณีรัตนะสมัยที่หลวงพ่อปลุกเสกยังมีเหลือให้บูชาหรือไม่ครับ ถ้ามีผมสามารถไปบูชาที่บ้านสายลมได้หรือไม่ครับ

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 28/9/09 at 14:52 [ QUOTE ]


ที่วัดก็มีเพียบครับแต่เป็นแบบกลมเกลียวมะเฟือง กลมดำ กลมใส แบบเจีรนัยก็เหลือแต่รูปหัวใจเล็กครับ ทันหลวงพ่อแน่นอน ที่สายลมผมไม่เคยไปแต่คงมีเหมือนกัน

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 28/9/09 at 15:36 [ QUOTE ]


ตามที่ระบุไว้ใน http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=717 รายการที่ 3 หมวดลูกแก้ว ใช่หรือไม่ครับ

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 29/9/09 at 08:14 [ QUOTE ]


ถูกต้องแล้วครับ

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 29/9/09 at 08:26 [ QUOTE ]


ขอบคุณนะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะลองหามาบูชาจากบ้านสายลม หากไม่มีจริง ๆ แล้วจะลองบูชาตามในเว็บ แต่ผมอยากให้ทางเว็บมีรูปภาพของวัตถุมงคลด้วยครับ เพราะว่าจะได้รู้ว่าใจเราชอบแบบไหน

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 29/9/09 at 19:01 [ QUOTE ]


ลูกแก้วจะมีให้บูชาที่บ้านสายลม เฉพาะตอนที่หลวงพ่อเจ้าอาวาสเดินทางไปนะครับ มีเหมือนกับที่วัดเลยละครับ ส่วนที่ไม่ได้ลงในเว็บ เพราะผู้จัดทำไม่มีเวลาเลยครับ แค่ลงข้อมูลกันทุกวันก็เต็มกลืนแล้วละ

ผู้จัดทำ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 29/9/09 at 19:14 [ QUOTE ]


ขอให้กำลังใจผู้จัดทำนะครับ อย่าท้อ อย่าให้เว็บนี้หายไป

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 30/9/09 at 08:03 [ QUOTE ]


Quote:
Originally posted by nattapon
ขอให้กำลังใจผู้จัดทำนะครับ อย่าท้อ อย่าให้เว็บนี้หายไป


เป็นกำลังใจให้ผู้จัดทำนะครับ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 2/10/09 at 13:02 [ QUOTE ]


ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยคนค่ะ และอนุโมทนาบุญด้วย สาธุ

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 22/10/09 at 05:23 [ QUOTE ]


ขออนุโมทนาผู้จัดทำเวบด้วยครับ

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 6/8/10 at 14:10 [ QUOTE ]


ได้เห็นวัตถุมงคลของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ หลายรายการที่มีผู้นำออกมาให้เช่าบูชาในราคาถูกในเวบดังเวบหนึ่ง และเวบต่าง ๆ ที่บอกว่าเป็นของแท้จากวัด ขอถามหน่อยนะคะ ว่าเป็นของแท้แน่หรือคะ แล้วทำไมให้เช่าในราคาถูกมากในบางรายการ แล้วมีวิธึดูได้อย่างไรคะ ว่าองค์นี้แท้ องค์นี้ไม่แท้ มีใครสามารถบอกได้อย่างชัดเจนแน่นอน ชนิด ฟันธง หรือไม่อย่างไรคะ.
ขอความกรุณาผู้จัดทำช่วยคลายข้อข้องใจให้หน่อยนะคะ โดยเนื้อแท้จริง ๆ ดิฉันไม่กล้าที่จะเช่าบูชาตามเวบค่ะ จะมาบูชาไปจากวัดทุกครั้งที่มาปฏิบัติเท่านั้น แต่เห็นใจท่านอื่น ๆ ที่อาจไปเช่าและเจอพระปลอมเท่านั้นค่ะ แทนที่จะได้ร่วมบุญที่วัด แต่กลับไปให้โอกาสมารศาสนา
โมทนาในคำตอบล่วงหน้าค่ะ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 6/8/10 at 15:32 [ QUOTE ]


ตอบเรื่องวัตถุมงคลของวัดท่าซุง


เรื่องเวปขายวัตถุมงคลของพระเดชพระคุณหลวงพ่อนี่ มีมานานหลายเวปแล้วละ บางเวปก็ดี บางเวปก็ต้องตรวจสอบหน่อย แต่หลังจากวันเสาร์5 เมื่อ 20 มีนาคม 2553 นี้ มีผู้ทำวัตถุมงคลท่านหนึ่งถือโอกาสนำเข้าพิธี จะด้วยการทำจากใครก็ต้องไปสอบกันเอง เพราะตอนนี้ทีมงานฯ คนหนึ่งได้มาเล่าว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ก็ได้ออกไปจากวัดแล้ว 1 ราย

เท่าที่ทราบจากเวปนี้ ว่าหลังจากนั้นท่านได้นำไปให้พระรูปอื่นปลุกเสกอีก 2 วัด น่าจะเปนเกจิอาจารย์ที่ท่านนับถือละครับ จึงขอให้สังเกตดูว่าท่านผู้นี้มีความเคารพครูบาอาจารย์ในวัดที่ท่านอาศัยอยู่หรือไม่ ถึงกับต้องนำไปทำซ้ำอีก พร้อมกับถ่ายรูปนำมาออกเวปด้วยนะ (ทำเหมือนกับจัดฉากแบบที่เซียนพระเขาทำกันนั่นแหละ) จึงขอเตือนผู้ที่เลื่อมใสได้รับทราบว่า ควรจะสังเกตจริยาเช่นนี้ไว้ด้วยว่า เป็นการทำที่สมควรหรือไม่นะครับ

สำหรับวัตถุมงคลที่เป็นของวัด หลังจากเข้าพิธีเสาร์5 คราวที่แล้วก็หมดสิ้นไป บางคนก็ไปหาไม่มีเลย ฉะนั้นการที่บอกว่าเป็นของแท้จากวัด คงจะแน่ละ เพราะคนทำอยู่ในวัด ถือโอกาสนำไปเข้าพิธี โดยผู้เป็นประธานไม่ทราบไงละ หลังจากนั้นก็ออกมาเผยแพร่ในเวบดังที่ว่านั่นแหละ

เรื่องนี้มีผู้แจ้งทางอีเมล์ร่อนไปทั่ว ไม่ทราบว่าใครปรินส์ไปถวายให้ท่านทราบ ต่อมาคณะสงฆ์ได้มีมติให้ออกจากวัดก่อนเข้าพรรษา ซึ่งบุคคลภายนอกอาจจะไม่ทราบ คิดว่าบุคคลท่านนี้ลาออกไปจากวัด ความจริงคณะสงฆ์ได้นิมนต์ให้ออกไป ก่อนที่ท่านจะทำหนังสือแจกไปทั่วว่าลาออกเอง จึงขอให้เข้าใจตามนี้ด้วยว่า ทางวัดไม่มีชื่อพระรูปนี้อยู่ในวัดอีกต่อไป ท่านจะไปทำอะไรไม่เกี่ยวกับทางวัด จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันนะครับ (ไม่ต้องถามว่าชื่อไร ไปสืบหากันเอง เพราะชื่อท่านก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว)

เตือนฆราวาสบางคนที่ตำหนิมติสงฆ์


สำหรับมติของคณะสงฆ์วัดท่าซุง มีพระผู้ใหญ่ท่านแจ้งฝากมาว่า ที่ผ่านมามีฆราวาสบางคนไม่เข้าใจนะครับ ที่มีพระหลายรูปออกไปจากวัดท่าซุง อีกทั้งทางวัดก็ไม่ได้แจ้งให้บุคคลภายนอกทราบ เพราะเป็นเรื่องภายในระหว่างสงฆ์เท่านั้น จึงทำให้ญาติโยมที่เคารพนับถือพระรูปนั้น ต่างก็ไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริง

ในปัจจุบันนี้จึงมีการตำหนิพระภิกษุบางรูป ที่ทำหน้าที่แทนสงฆ์ไปนิมนต์พระรูปนั้นให้ออกไป หลังจากคณะกรรมการสงฆ์มีมติเป็นเอกฉันท์แล้ว ซึ่งผ่านการพิจารณาสอบสวนทวนความกันแล้ว จะมีการทำบันทึกปากคำไว้เป็นหลักฐาน แล้วนำไปแจ้งให้คณะสงฆ์ทั้งวัดทราบโดยทั่วกัน (ไม่ได้ทำเฉพาะรูปใดรูปหนึ่ง แต่มีการรับทราบทั้งวัด) จะเห็นว่ากรรมการสงฆ์ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ แต่งตั้งมานานแล้วนั้น ได้มีการบริหารการปกครอง ถือตามระเบียบแบบแผนที่ท่านวางไว้ทุกประการ ท่านย้ำว่าไม่ได้มีอคติ หรือไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุแต่อย่างใด ทุกอย่างได้ปฏิบัติไปอย่างสมเหตุสมผลทุกอย่าง เพียงแต่ไม่ได้แจ้งให้ทราบสู่บุคคลภายนอกเท่านั้น

ท่านบอกว่าสมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อยังอยู่ คณะกรรมการสงฆ์ชุดนี้ก็ปฏิบัติหน้าที่มาหลายครั้งแล้ว คือมีการพิจารณาพระภิกษุภายในวัดมาหลายรูปแล้ว สมัยนั้นยังไม่ถึงกับให้ออกไปจากวัด เพียงแค่ลงพรหมทัณฑ์เท่านั้น แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านสั่งไว้เป็นหลักฐานว่า หากมีพระรูปใดรูปหนึ่งทำผิดเช่นนี้อีก ท่านให้พิจารณาโทษให้ออกจากวัดทันที

ด้วยเหตุนี้ พระผู้ใหญ่ท่านนี้จึงกล่าวว่า ทางคณะสงฆ์วัดท่าซุงได้ทำตามระเบียบทุกขั้นตอน เพราะทางวัดไม่ได้แจ้งรายละเอียดออกไป จึงทำให้ผู้คนเข้าใจไปคนละทาง สร้างความร้าวฉานให้เกิดขึ้นต่อหมู่คณะ ท่านบอกว่าความจริงถ้าพระภิกษุสงฆ์ภายในวัดทุกรูป ได้รักษากฎระเบียบก่อนที่จะเซ็นต์ชื่อก่อนบวชแล้ว ทุกท่านก็จะอยู่อย่างสงบสุขกันดี จะเห็นได้ว่านานๆ จะมีพระออกจากวัดสักที เพราะการจะเอาผิด หรือการจะกลั่นแกล้งใครสักคน มันไม่ใช่เรื่องที่คณะกรรมการสงฆ์ที่หลวงพ่อแต่งตั้งนั้น จะมาทำใครเกินกว่าเหตุ อย่างที่ฆราวาสหลายคนคิดกัน ต่างก็พกพาเอาบาปกรรมไปทั้งสิ้น เพราะความเข้าใจผิดกันเอง ท่านยังบอกอีกว่า

การที่คณะสงฆ์พิจารณาพระภิกษุแต่ละรูป จะมีผู้บันทึกการประชุม มีทั้งบันทึกเสียงแล้วนำมาถอดเป็นตัวหนังสือ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานให้ตรวจสอบได้ทุกรูป จากนั้นได้นำมติที่ประชุมไปประกาศไว้ที่หอฉันอีกด้วย พระผู้ใหญ่ท่านนี้จึงย้ำเตือนอีกครั้งว่า พระที่ลงมติให้ออกไปอยู่ข้างนอกวัดทุกองค์ พระเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำโดยพละการ หรือมีอคติเป็นการส่วนตัว แต่เป็นมติของสงฆ์ทั้งวัด ถึงแม้บางคราวในที่ประชุมนั้น มีพระกรรมการสงฆ์บางรูปไม่เห็นด้วย แต่มติสงฆ์ส่วนใหญ่ไม่คัดค้าน มติในที่ประชุมนั้นถือว่าเป็นเอกฉันท์ ภายหลังไม่ควรที่จะนำมากล่าวให้สับสนอีก

เพราะฉะนั้น ท่านบอกว่าตามพระวินัย พระพุทธเจ้าท่านได้บัญญัติไว้ว่า หากมติสงฆ์มีออกมาเช่นใด หลังจากนั้นพระรูปใดติเตียนสงฆ์ที่ทำการนั้น ท่านปรับโทษเป็นอาบัติปาจิตตีย์ แล้วฆราวาสละจะมีโทษเช่นใด ลองไปคิดกันเอาเอง ที่ไปติเตียนพระภิกษุที่ทำการแทนสงฆ์ เท่ากับติเตียนไปถึงผู้แต่งตั้ง คือพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ด้วย นี่ไม่ได้เอามาขู่กันนะ มันเป็นเรื่องจริงที่ถึงเวลาจะได้เปิดเผยกันแล้วละ

อีกประการหนึ่ง ท่านบอกว่าเป็นเรื่องภายในวัด แต่กลับนำออกไปร้องเรียนถึงภายนอก ทำให้พระผู้ใหญ่บางรูปเดือดร้อนไปด้วย ในขณะที่ไปรายงานท่านนั้น บังเอิญมีคนกลุ่มหนึ่งนั่งฟังอยู่ด้วย พอคณะที่มารายงานกลับไปแล้ว พระผู้ใหญ่ท่านนี้บอกว่า ฟังดูแล้วท่าทางเร่าร้อนเหลือเกิน น่าสงสารท่านพระครูปลัดอนันต์นะ ซึ่งพระผู้ใหญ่ท่านได้แนะนำบุคคลกลุ่มนั้นให้ไปหาที่อยู่ไกลๆ จะให้ครูบาแก้วหาตามเขาตามถ้ำก็ได้ หลังจากที่พวกเขาขอคำแนะนำจากท่านว่า ถ้าออกจากวัดแล้วควรไปอยู่ที่ไหนดี

เรื่องนี้เป็นเพราะความบังเอิญนี้เอง จึงทำให้เจ้าของบ้านท่านหนึ่งที่อุปถัมภ์ให้ไปพำนักที่บ้านในวันที่ 15 ของทุกเดือน เกิดความเข้าใจได้ดี เพราะคนที่ได้ฟังนั้นเป็นเพื่อนกับน้องสาว จึงได้นำมาเล่าความจริงให้ฟัง ทำให้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด จึงนิมนต์เฉพาะเจ้าอาวาสมาที่บ้านเหมือนเดิม

ส่วนพระรูปนี้ที่ยังไม่ออกไป แต่ก็ต้องออกไปก็ไม่ใช่เหตุใด คงเป็นเพราะต่อมามีพระวินยาธิการที่อยู่ในจังหวัดอุทัยธานี ได้มาเจรจาขอให้ทำตามระเบียบของคณะสงฆ์ ภายหลังวันเข้าพรรษา ท่านพระรูปนี้ก็ได้มากราบหลวงพ่อเจ้าอาวาส พร้อมกับขอขมายอมรับผิดในเรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่าง ซึ่งเรื่องนี้หลวงพ่อเจ้าอาวาสได้เล่าให้พระผู้ใหญ่ท่านนี้ฟังด้วยตนเอง แต่บุคคลภายนอกไม่รู้เรื่องกันเอง เป็นอันว่าภายในวัด พระท่านนี้ที่เป็นคู่กรณีก็เข้าใจกันดี (แต่คดีที่เป็นชนักติดหลัง กลับมาอยู่กับผู้ที่ไม่ใช่คู่กรณี ท่านบอกเวรกรรมๆๆ จริงๆๆ)

สุดท้าย พระผู้ใหญ่ท่านนี้ได้ฝากมาให้ชี้แจงว่า การที่ให้มาแจ้งรายละเอียดเช่นนี้ ไม่ได้ถือโทษโกรธใคร เพราะถือว่าได้ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ท่านให้อภัยต่อผู้ที่ล่วงเกินทุกอย่าง หากจะเพ่งโทษกันละก้อ ท่านคงไม่ปล่อยให้คนเข้าใจผิดมานานหลายปีแล้ว คงจะออกมาโวยวายนานแล้วละ ยังไงก็อ่านให้ละเอียด แล้วไม่ต้องมาเซ้าซี้ถามกันอีก เพราะได้ชี้แจงไปครบถ้วนหมดแล้วครับ..ท่าน.

จึงขอบคุณ คุณเพียงฯ ที่ได้ถามมา จึงได้ถือโอกาสนำเรื่องที่พระผู้ใหญ่ท่านฝากแจ้งมาด้วยพร้อมกันเลยทีเดียวครับ

ทีมงานฯ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 6/8/10 at 23:20 [ QUOTE ]


กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาในคำตอบทั้งหมดค่ะ แต่ดิฉันอ่านไป งง ไปและตกใจเล็กน้อย มีเรื่องอะไรกันหรือคะ? แต่คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องงามแน่นอน อย่างนี้จะไม่ถามต่อว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ขอให้จบตามที่ท่านว่านะคะ ต้องกราบขอบพระคุณอีกครั้งสำหรับคำตอบค่ะ.

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 7/8/10 at 21:37 [ QUOTE ]


ฟังคนโน้นที่ฟังคนนี่ทีเข้าใจผิดมาตั้งนานต้องกราบขอขมาด้วยค่ะตาสว่างและใจสว่างแล้วค่ะ

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 7/8/10 at 23:28 [ QUOTE ]


อ่านแล้วก็งงๆ เหมือนกัน แต่ก็คิดเสมอว่า เรายึดพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งอยู่แล้ว มีพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ทั้งหนังสือ, ซีดี, เทป คอยสอนอยู่แล้ว เรื่องอื่นที่เป็นเรื่องยุ่งๆเลยไม่อยากสนใจ

อะไรๆ ก็คงเสื่อมไปตามกาลเวลา เดี๋ยวเจิรญ เดี๋ยวเสื่อม มาหลายวาระ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 8/8/10 at 08:19 [ QUOTE ]


น่าจะหมายถึงพระที่ออกไปจากวัดละมั้งค่ะ ที่ทำผิดระเบียบของสงฆ์ แล้วถูกคณะสงฆ์มีคำสั่งให้ออกจากวัด ต่อมามีคนไม่เข้าใจตำหนิพระที่ทำหน้าที่นี้ พยายามอ่านทบทวนเหมือนกันค่ะ คนที่จะรุ้เรื่องดีคือผู้ที่เกี่ยวข้องนี้ ส่วนเราคงไม่มีรายละเอียด อ่านดูท่านคงเตือนไม่ให้ฆราวาสเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรืองของสงฆืภายในวัด โดยไม่รุ้รายละเอียดจริง จะเป็นโทษเป็นบาปไปป่าวๆ ที่ไปติเตียนพระผู้ที่ทำหน้าที่บริหาร ใช่หรือไม่ก็ไม่แน่ใจนะคะ

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 9/8/10 at 09:56 [ QUOTE ]


นิยายเรื่อง "นกพิลาปเป็นเหตุ"

บอกเล่าโดย.. "ทิดถึก"

อตีตา กาเล... นิยายเรื่องนี้เล่ากันมาตั้งแต่ปู่ย่าตายายว่า ในอดีตกาล มีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชาวบ้านทั้งหลายได้อาศัยกันอย่างเป็นสุข แต่ภายหลังต้องมาพังพินาศเพราะ "นกพิลาป" ตัวเดียว ที่เป็นเหตุให้ชาวบ้านต้องแตกแยกกัน อย่างแทบไม่น่าเชื่อ..เรื่องราวจะสนุกสนานตื่นเต้นเพียงใด ลองมาฟัง "ทิดถึก" เล่ากันต่อไป...

.......กาลครั้งหนึ่ง ยังมีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งชื่อว่า "ผู้ใหญ่อรรณะ" ได้ปกครองดูแลลูกบ้านอย่างเป็นสุขตลอดมา นับตั้งแต่ผู้ใหญ่บ้านคนเก่าตายไป ก็ยังให้ความเป็นธรรม ให้ความเมตตาตลอดมา ใครมีเรื่องสุขเรื่องทุกข์อย่างใด ก็พยายามเกื้อกูลช่วยเหลือ จนเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านทั้งหลายสืบๆ มา ต่างก็ช่วยกันเชิดชูเกียรติคุณหมู่บ้านแห่งนี้ให้เจริญรุ่งเรืองด้วยดี หากมีข้ออรรถธรรมที่ชาวบ้านสงสัยหรือใคร่เรียนรู้ ผู้ใหญ่อรรณะก็มอบหมายให้ลูกน้องของตนคนหนึ่ง มีหน้าที่ชี้แจงข้อสงสัยในอรรถธรรมนั้น นับเป็นเวลานานหลายปี จนกระทั่งมีผู้คนศรัทธาเลื่อมใสกันมาก ชาวบ้านที่มีอาวุโสทั้งหลายที่มีตำแหน่งในหมุ่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นรองผู้ใหญ่บ้านหรือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านก็ถือว่าช่วยทำงานแทนในด้านนี้ ต่างก็โมทนาไม่มีจิตคิดริษยาแต่อย่างใด คงให้ทำหน้าที่ช่วยสั่งสอนจริยธรรมแก่ชาวบ้านทั้งหลาย

ต่อมาก็มีปัญหาเกิดขึ้นกับหมู่บ้านนี้ เนื่องจากมีฝูงนกพิลาปมาอาศัยกันเป็นจำนวนมาก สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง บางครั้งก็ลงกินข้าวในนา แล้วกลับมาขี้เลอะเทอะไปหมด จนสร้างความรำคาญให้เกิดขึ้น แต่ด้วยที่เป็นคนดีมีศีลธรรม ชาวบ้านเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำร้าย หรือรังควาญนกพิลาปเหล่านี้แต่อย่างใด ผู้ใหญ่อรรณะจึงคิดอุบายจ้างชาวบ้านอีกหมู่บ้านหนึ่ง ที่สามารถจับนกพิลาปได้ ถ้าจับได้จะให้รางวัลตัวละ ๑๐บาท แต่ไม่ให้ฆ่านะ ต้องจับมาเป็นๆ แล้วทำกรงใหญ่ขังรวมกันไว้ ให้เลี้ยงข้าวเปลือกมันกินทุกวัน พอมีจำนวนเยอะๆ ก็นำไปปล่อยในที่ห่างไกล โดยไม่มีจิตที่จะคิดร้ายต่อนกเหล่านี้ เพราะถือว่ามีเจตนาในการรักษาหมู่บ้านให้ปลอดภัยจากเชือโรคร้าย ที่เกิดจากขี้นกเหล่านี้

เหตุการ์ก็ผ่านไปหลายวัน จนกระทั่งวันหนึ่งมีเรื่องเกิดขึ้น จากเรื่องนิดเดียว..แต่ได้บานปลายลุกลามจนชาวบ้านแตกแยกกันไปจนทุกวันนี้ คือคนที่มีหน้าที่สั่งสอนอรรถธรรม (แทนผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน) ชื่อว่า "สองปอม" ได้เดินผ่านไปเห็นตาข่ายขึงอยู่ มีนกพิลาปติดอยู่ด้วย หลังจากทำธุระเสร็จแล้วเดินกลับเห็นนกยังติดอยู่ ซึ่งเป็นเวลานานแล้ว สงสารนกเหลือเกิน แต่ก็ไม่เห็นมีใครนำมันไปปล่อยสักที วันต่อมาจึงได้นำเรื่องนี้มากล่าวตำหนิในที่ประชุมชาวบ้านภายในศาลาหลังใหญ่ ในเวลาบ่ายระหว่างที่สอนอรรถธรรมอยู่นั้น ว่าผุ้ใหญ่บ้านเป็นผู้สั่งการให้ทรมานสัตว์ ติติงการจุดประทัดไล่นก คงไม่รู้ว่าผู้ใหญ่บ้านคนเก่าก็เคยสั่งให้จุดไล่ได้ และที่สำคัญไม่มีใครรู้มาก่อนว่า สมัยก่อน "ผู้ใหญ่คนเก่า" เคยตำหนิอาจารย์ "สองปอม" ในที่ประชุมหมู่บ้าน หลังจากลับมาจากการสอนปฏิบัติธรรมที่หัวหิน ห้ามมิให้สอนวิชามโนมยิทธิอีกต่อไป เพราะไปทำนายทายทักเขาผิด ทำให้ชาวบ้านคนหนึ่งเขาเสียหาย (เรื่องนี้มีผู้บันทึกเสียงไว้เป็นหลักฐานด้วย แต่ด้วยความมีเมตตาธรรม ผู้ใหญ่ในหมู่บ้านไม่เคยนำมาเปิดเผยเลย)

มาฟังทิดถึกเล่าต่อไปอีกว่า วันนั้นมีชาวบ้านร่วมฟังหลายสิบคน ได้ยินการตำหนิติเตียนผู้ใหญ่บ้านเรื่องสั่งให้จับนกพิลาปด้วยความไม่เข้าใจ โดยไม่มีการซักถามก่อน และพูดทำนองท้าทายให้ไล่ตนเองออกได้เลย พร้อมกันนี้ได้ให้บันทึกเสียงออกแจกจ่าย เหมือนจะเป็นการประจานผู้ใหญ่บ้านของตนเอง คงจะไม่พอใจที่ผู้ใหญ่บ้านเคยติติงเรื่องทำปกหนังสือธรรมะมาก่อน จึงถือว่าเป็นการทำผิดมรรยาทในการปกครอง ที่เป็นลูกบ้านแต่ตำหนิผู้ใหญ่บ้าน เหมือนผู้น้อยไม่มีความเคารพผู้บังคับบัญชาอย่างนั้นแหละ นับว่าเป็นจริยาที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี หากไม่ทำเด็ดขาดเช่นนี้ต่อไปคนอื่นก็ทำตามได้อีก

ความจริงเรื่อง "นกพิลาปเป็นเหตุ" นี้ไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตายแต่อย่างใด หากมีปัญหาไม่เข้าใจอย่างใด ก็น่าจะมาซักถามผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่จำเป็นต้องเอาปัญหาภายในออกไป เพราะสามารถแก้ไขกันเองได้ มีคนเอาเทปไปให้ผู้ใหญ่อรรณะฟัง ถึงกับนิ่งอึ้งน้ำตาซึม ต้องทนทุกข์มาตลอดเวลา หน้าตาไม่สดชื่นเหมือนก่อน แต่ด้วยความเป็นผู้ใหญ่มีพรหมวิหาร ๔ มีคุณธรรมประจำใจ ไม่ได้แสดงอาการโกรธเคืองแต่อย่างใด คงมีคำสั่งให้กรรมการหมู่บ้านไปประชุมสอบสวนทวนพยานกัน ซึ่งเรื่องนี้หลังจากได้มีการสอบสวนซักถามความจริงกันว่า เพราะเหตุใดจึงปล่อยให้นกถูกทรมานอยู่นาน ทำไมไม่ไปเอานกออกจากตาข่าย เหมือนอย่างที่เคยทำทุกวัน ปรากฏว่าคนที่มีหน้าที่ไปจับนกพิลาปปล่อย บังเอิญวันนั้นไม่ว่าง มีธุระต้องออกไปทำนอกหมู่บ้าน จึงทำให้กลับมาปล่อยนกพิลาปช้าไปเท่านั้น มิได้มีเจตนาที่ทรมานสัตว์อย่างที่เข้าใจ

หลังจากนั้นชาวบ้านบางคนที่ไม่เข้าใจ ต่างก็ติเตียนผู้ใหญ่บ้านว่า มัวแต่เป็นห่วงสถานที่ แล้วศีลไม่ขาดไม่ด่างดอกหรือ นี่มีการวิพากย์วิจารณ์กันแบบไม่รู้เรื่อง เรื่องนี้ได้บานปลายออกไปยิ่งขึ้น จากการคัดลอกเทปแจกจ่ายออกไปทั่วทุกหมู่บ้าน คนที่ฟังก็ยังไม่รู้ความจริง ต่างก็เริ่มตำหนิติเตียนผู้ทำหน้าที่ โดยเฉพาะมีการตั้งคณะกรรมสอบสวน แล้วมีความเห็นให้ออกไปจากหมู่บ้านนี้ภายใน ๗ วัน บางคนก็ตำหนิติเตียนผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ๒ คน มีชื่อว่า "อินทร์จา" และ "ชาติไวย" ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการไปแจ้งว่า เวลานี้ถึงกำหนด ๗ วันตามมติของคณะกรรมการแล้ว ต้องทำตามคำสั่งนี้นะ ในเวลานั้นมีลูกน้องคนสนิทอยู่กับอาจารย์ "สองปอม" ๒ - ๓ คน ภายหลังคงนำข่าวนี้ไปบอกพรรคพวกของตนเองว่า ผู้ช่วยผู้ใหญ่สองคนนี้ทำเกินกว่าเหตุ แค่นี้ทำไมถึงกับต้องไล่ออกไปด้วย

แต่หารู้ไม่ว่าผู้ที่สอนอรรถธรรมคนนี้ ได้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้มานาน ๑๐ กว่าปี ไม่ได้ร่วมหมู่ร่วมคณะกันแต่อย่างใด ไม่เคยร่วมกิจกรรมอะไรในหมู่บ้านเลย คณะกรรมการเห็นว่าเป็นความผิดยืดเยื้อมานานหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องที่ทำผิดในปัจจุบันด้วย จึงเป็นเหตุให้ต้องประมวลรวมทั้งหมดให้ออกไป อีกทั้งระเบียบแบบแผนที่ผู้ใหญ่บ้านคนก่อนวางไว้ เคยมีผู้ทำกฎระเบียบเช่นนี้มาแล้ว มีการตักเตือนและคาดโทษไว้ก่อน แล้วผู้ใหญ่บ้านคนก่อนยังมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรอีกว่า หากภายหลังมีผู้ใดทำผิดเช่นนี้อีก ให้ไล่ออกไปจากหมู่บ้านสถานเดียว เพื่อเป็นการเตือนไม่ให้บุคคลอื่นปฏิบัติตามอีก นี่เป็นกฎที่วางไว้นานแล้ว คณะกรรมการหมู่บ้านในปัจจุบันนี้ จึงไม่สามารถจะฝ่าฝืนได้จำต้องรักษากฎระเบียบที่วางไว้

ในระหว่างที่บุคคลนี้ยังไม่ยอมออกจากหมู่บ้าน มีคนจากเมืองหลวงที่มีความเชือถือ ได้อุทิศบ้านให้ไปทุกวันที่ ๑๕ ของเดือน แต่ก็ยังอุทิศให้ผู้ใหญ่บ้านอรรณะไปทุกต้นเดือนเหมือนเดิม ภายหลังเจ้าของบ้านได้ทำหนังสือ ๑ ฉบับ ไปติติงคณะกรรมการหมู่บ้าน ว่าเหตุแค่นี้น่าจะตักเตือนกันได้ ทำไมถึงต้องขับไล่ด้วย ผู้ใหญ่อรรณะได้นำหนังสือฉบับนี้ให้แก่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านชาติไวยอ่าน แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด เพราะยังไม่มีโอกาสอธิบายเรื่องราวทั้งหมด ต่อมาผู้ใหญ่บ้านให้ทำหนังสือถึงผู้ปกครองเขต ที่มีตำแหน่งใหญ่กว่าผู้ใหญ่บ้าน เพื่อขอเจ้าหน้าที่มาบังคับให้ออกไป เพราะผู้ใหญ่บ้านมีสิทธิ์ตามกฎหมาย เนื่องจากเกินเวลา ๗ วันแล้ว พร้อมทั้งทำหนังสือติดประกาศแจ้งคนในหมู่บ้านทราบ

แต่เรื่องนี้คนนอกหมู่บ้านไม่ทราบรายละเอียด เพราะมีแต่เพียงคำสั่งให้ออกไปเท่านั้น เรื่องนี้เป็นมรรยาทของคณะกรรมการหมู่บ้าน ที่มีใจเป็นธรรมไม่อยากประจานผู้เสียหาย แต่เพราะการไม่ชี้แจงความจริงนี้เอง นานเข้าจึงทำให้คนภายหลังเอาไปพูดคลาดเคลื่อนแบบไม่รู้จริง ต่างตำหนิติเตียนคณะกรรมการที่ผู้ใหญ่บ้านคนเก่าแต่งตั้งไว้ แล้วพยายามโฆษณาอาจารย์ของตนเองว่าเป็นผู้เห็นธรรมแล้ว พยายามชักชวนคนใหม่ๆ เข้าเป็นพรรคพวก และยุยงให้เกลียดชังผู้หลักผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน สร้างความร้าวฉานให้เกิดขึ้นในสังคมนี้ ได้สร้างบาปกรรมอย่างมหันต์โดยไม่รู้ตัว (หรืออาจจะรู้ตัวก็ได้)

คนที่เพิ่งมาหรือคนเดิมที่มีอคติอยู่แล้ว (คำว่าอคติ คือรักเคารพเป็นห่วงอาจารย์ของตนเอง) จึงตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีโดยปริยาย เพราะอาจมีสปายสายลับจากลัทธิอื่นปลอมปนเข้าไป เพื่อวางแผนล้มล้างหมู่บ้านของตนเอง สำหรับเรื่องนี้ได้มีคนพยายามทำมาตั้งแต่สมัยผู้ใหญ่บ้านคนเก่ามีชีวิตอยู่แล้ว เมื่อปีที่แล้วก็มีหนังสือตักเตือนจากผู้หลักผู้ใหญ่ในส่วนกลาง ว่ามีหมู่บ้านหลายแห่งที่ตกเป็นเป้าหมาย ขอให้ระมัดระวังบุคคลที่จะเข้ามาทำลาย โดยเฉพาะมีชื่อหมู่บ้านของเราอยู่ในบัญชีนี้ด้วย เวลานี้ถ้าใครสังเกตดีๆ จะเห็นได้ว่าเริ่มเป็นจริงตามข่าวนี้แล้ว

ทิดถึกขอเล่าต่อไปอีกว่า ในตอนนี้มีคนของอาจารย์ "สองปอม" นำเรื่องนี้เข้าไปร้องเรียนต่อผู้ปกครองมณฑล (ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นเรื่องของภายในหมู่บ้าน) อันเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือทั่วทั้งเขตแดน มีนิวาสถานอยู่ในเมืองหลวงโน่น มีตำแหน่งรักษาการสูงสุด โดยได้เข้าไปรายงานข้อมูลแต่ฝ่ายเดียวหลายครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งคณะจากอาจารย์ "สองปอม" ได้เข้าไปรายงานและขอคำแนะนำที่อยู่ใหม่ ด้วยอาการที่ลุกลี้ลุกลน แต่บังเอิญในวันนั้นมีบุคคลกลุ่มหนึ่ง ชื่อ "ทิดต้อน" กำลังนั่งสนทนากับผู้ใหญ่ท่านนี้อยู่ก่อน (ทิดต้อนบอกว่าคนกลุ่มนี้ไม่รู้จักตนมาก่อน จึงนั่งฟังได้อย่างสบาย) จึงได้รับฟังได้ยินเรื่องราวทั้งหมด พร้อมกับได้ยินคำถามเรื่องจะหาที่อยู่ใหม่ที่ไหนดี ก็ได้ยินคำตอบว่าให้อาจารย์ "สองปอม" ออกไปหาที่อยู่ใหม่ให้ไกลๆ ออกไป (เหมือนกับท่านจะรู้ล่วงหน้าถ้าอยู่ใกล้ๆ จะมีแต่เรื่องยุ่ง เพราะภายหลังก็ไม่ได้ทำตามคำแนะนำของท่าน) แต่หลังจากคนกลุ่มนี้ลุกออกไปแล้ว ทิดต้อนจึงได้นำเรื่องราวทั้งหมดมาเล่าให้น้องสาวของ "เจ้าของบ้าน" ที่อุทิศให้ผู้ใหญ่บ้านอรรณะและอาจารย์สองปอม มาพักในเวลาไล่เลี่ยกัน

ในตอนนี้ถ้าทิดต้อนไม่มาได้เห็นได้ยินด้วยตนเอง ท่านทั้งหลายลองมองเหตุการ์ต่อไป จากคนที่เคยรักเคยชอบกัน จากคนที่เคยเป็นเหมือนญาติ เป็นเหมือนพี่เหมือนน้องกันเริ่มเปลี่ยนไป คือจะมีคนมาหาเริ่มแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือคนของฝ่ายผู้ใหญ่บ้านเดิม และคนของอาจารย์คนนี้ ถ้าหากมีการแบ่งเวลาสอนอรรถธรรม ลูกพี่ออกมาทำกิจกรรมต้นเดือน ลุกน้องออกมาทำกิจกรรมกลางเดือน นี่จะเป็นสิ่งที่สมควรหรือไม่ ท่านผู้มีธรรมอยู่ในใจ คงจะเริ่มมองเห็นภาพเหตุการณ์ได้ดี คงไม่อยากให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน แล้วรอยร้าวนี้เกิดจากผู้ใด ใครเป็นคนเริ่มสร้างความแตกแยก ทำให้แตกความสามัคคีกันก่อน ใครเป็นคนสร้างภาพให้เห็นว่าหมู่บ้านนี้ เวลามีการจัดงานใหญ่ในหมู่บ้าน มีคนแบ่งกลุ่มแยกกันไปร่วมงาน ถ้าคนจากหมู่บ้านอื่นมาเห็นคงขำพิลึก ทั้งนี้เป็นเพราะแค่เหตุเพียง "นกตัวเดียว" เท่านั้นเอง (แต่ภายหลังกลับโยนบาปให้ "บุคคลคนเดียว" อีกเช่นกัน)

เป็นอันว่าความจริงทั้งหมดได้ถูกเปิดเผยขึ้น (ทั้งนี้ยังไม่เคยเปิดเผยออกสู่สาธารณะ เพราะเห็นแก่คุณธรรม เพื่อจะไม่ให้เข้าใจว่าผู้ใหญ่รังแกผู้น้อย นี่..ทิดถึกได้ยินมาเองนะ) เมื่อทิดต้อนซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของน้องสาวของเจ้าของบ้านนี้ กลับมาเล่าความจริงทั้งหมดว่า ผู้ใหญ่สูงสุดท่านนี้บอกว่า คนที่นำเรื่องนี้มาเล่านะ ท่าทางอาการร้อนรนเหลือเกิน แล้วทิดต้อนก็เล่าให้ท่านฟังถึงความเป็นจริงทั้งหมด พร้อมกับถามว่าการที่นำตาข่ายไปดักนกเช่นนี้ ศีลจะขาดหรือไม่ ท่านบอกว่าอยู่ที่เจตนา หากเจตนาเพื่อป้องกันสถานที่ ไม่มีเจตนาที่ไปฆ่ามันตาย มันก็ไม่ผิดศีลและไม่เป็นบาปแต่อย่างใด ทิดต้อนคนนี้ก็ซักถามต่อไปว่า แล้วเหตุที่อาจารย์คนนี้อยู่ในหมู่บ้านมานาน แต่ไม่เคยร่วมกิจกรรมเลย มีการมั่วสุมในที่พักที่อยู่ เวลาคุยกันหมู่มากก็เสียงดังรบกวนถึงไปถึงบ้านอื่น แต่คนกลุ่มนี้ก็ไม่รู้ว่าเขารำคาญ ผู้ใหญ่สูงสุดท่านนี้ก็บอกว่าไม่ถูกต้องนะ แล้วก็รำพึงต่อไปว่า...น่าสงสารผู้ใหญ่อรรณะ..!

ด้วยเหตุนี้จึงเกิดความแจ่มแจ้งแก่เจ้าของบ้าน ภายหลังก็เข้าใจเหตุการณ์ได้เป็นอย่างดี จึงไม่ได้ให้อาจารย์คนนี้ไปพักที่บ้านในเวลากลางเดือนอีกเลย นี่เป็นความจริงที่เกิดขึ้น โดยทิดต้อนได้เล่าเรื่องนี้ให้ผู้ใหญ่บ้านอรรณะฟังด้วยตนเอง แล้วผู้ใหญ่บ้านอรรณะก็นำมาเล่าให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านชาติไวยอีกทีหนึ่ง จึงเชื่อว่าเป็นความจริงทุกประการ ภายหลังทางผู้ปกครองเขตได้ส่งเจ้าหน้าที่ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ของบ้านเมือง ไปเชิญอาจารย์ "สองปอม" ให้ออกไปจากหมู่บ้าน แต่ทางกรรมการไม่ได้ประกาศให้ทราบโดยทั่วไป

เพราะเหตุนี้เองคนที่ไม่เข้าใจในเรื่องราวทั้งหมดต่างไม่พอใจ ออกไปหาซื้อที่อยู่ใหม่แล้วตั้งหมู่คณะสอนอรรถธรรมกันเองใกล้หมู่บ้าน บางคนก็โพนทนาว่าผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยทำเกินกว่าเหตุ ต่างยุยงไม่ให้คนอื่นไปหาหรือไปร่วมงานต่างๆ (โดยเฉพาะผู้ช่วยชาติไวย บอกว่าโดนหนักกว่าใคร) มีคนบางคนที่อาศัยอยู่ภายใน ไม่รู้ผิดรู้ถูก ไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ บ้างก็ชักชวนคนใหม่ให้ไปหา แล้วกลับมาหลบพักอาศัยหลับนอนกินอยุ่ในบ้านเดิมของตนเอง ช่างเป็นนกเร่รอนที่อกตัญญูไม่รู้คุณค่าแต่อย่างใด สร้างความร้าวฉานให้เกิดขึ้นต่อหมู่บ้าน ทำนองว่าเข้าทางโจรนั่นเอง (ใครมีเอกสารที่แจ้งเตือนไว้ล่วงหน้า ว่าให้ระวังลัทธิอื่นเข้ามาทำลาย กรุณาส่งมาให้ด้วยนะครับ)

นี่ทิดถึกไม่ได้กล่าวหาว่าใครมาทำลายนะ เพียงแค่เตือนให้ระวังอย่าไปเข้าทางเขาเท่านั้นเอง เพราะตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา หมู่บ้านที่เคยร่มเย็นเป็นสุข หมู่บ้านที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายเคยสร้างให้ คนเคยเป็นคนกลุ่มเดียวกัน ภายหลังก็ต้องมาจบสิ้นกันไป บางคนก้ไม่ทักทาย บางคนก็ไม่มองหน้ากัน บางคนจะเอาสิ่งของไปให้ ก็พูดกันท่าว่าไม่ต้องเอาไป หรือมีกิจกรรมใดๆ เกิดขึ้นก็ห้ามไม่ให้ไป เน้นแต่เรื่องปฏิบัติตามแนวของตนเองต่อไป จะเห็นว่าบุคคลคนเดียวเท่านั้นที่เป็นเหตุทำให้คนที่นับถืออีกฝ่ายหนึ่ง ต่างก็รังเกียจคนอีกกลุ่มหนึ่ง คนของฝ่ายกลุ่มที่ก่อเรื่องก็รังเกียจคนอีกกลุ่มหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างโยนความผิดเข้าหากัน แล้วก็แยกไปทำกิจกรรมกันเอง แตกแยกกันไปอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขร่วมเดินทางด้วยกันมาก่อน

ทั้งนี้ด้วยความเข้าใจผิดนิดเดียวจาก "นกพิลาปเป็นเหตุ" แท้ๆ แล้วกลับมาเพ่งโทษโยนบาปให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน คนที่ได้รับหน้าที่แทนคณะกรรมการ เหตุการ์ณเช่นนี้จึงเป็นอุทาหรณ์สอนใจให้ระมัดระวังไว้ อย่าดูหมิ่นเพียงแค่ "น้ำผึ้งหยดเดียว" ที่จะเป็นเหมือนเช่นกับ "ภิกษุชาวเมืองโกสัมพี" ที่ในสมัยพุทธกาลต้องทะเลาะกันเพราะเหตุน้ำในห้องส้วมเพียงนิดเดียวเท่านั้นเอง ซึงต่อไปนี้พวกเราจะไม่รอรับลูกอย่างเดียว จะลุกขึ้นมาชี้แจงแถลงไข ขอให้ทุกคนหันหน้าเข้ามาหากัน แล้วรวมพลังช่วยกันรักษาความสามัคคีดังเดิม เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเป้าหมายของลัทธิอื่นต่อไป.

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 9/8/10 at 10:36 [ QUOTE ]


.......ส่วนที่กล่าวถึงพระในวัดท่าซุงที่ออกไปก่อนเข้าพรรษาอีกรูปหนึ่งนั้น ยังไงก็อยากให้ทราบว่ามติสงฆ์ให้ท่านออกไปจากวัดแล้ว ไม่ได้ลาออกไปเองนะครับ หากท่านไปกระทำการใดๆ ไม่เกี่ยวกับวัด นี่เป็นทางวัดแจ้งให้ทราบ อีกทั้งทีมงานฯ ได้รับแจ้งทางอีเมล์ว่า มีการลงข่าวในเวปไซด์ (ขอสงวนชื่อ) ประกาศกันครึกโครม น่าจะเป็นเวปเดียวกับที่คุณเอามาโพสต์ดังนี้ว่า

ด่วน !!! เชิญบูชาสมเด็จองค์ปฐมยอดธงเสาร์ ๕ ปี ๕๓ วัดท่าซุง เสกเพิ่มเติมโดยหลวงปู่ละมัย

(มีรูปภาพประกอบด้วย แต่ขอสงวนไม่นำมาลง)

เนื่องจากพระเดชพระคุณหลวงพี่ติ... แห่งวัดท่าซุง ได้ทำการจัดสร้างสมเด็จองค์ปฐมยอดธง โดยใช้พิมพ์เดียวกับสมเด็จองค์ปฐมที่หลวงพี่สม....ท่านเคยจัดสร้างรุ่นแรก

โดยทั้งนี้วัตถุประสงค์การจัดสร้างจัดทำ ได้กราบเรียนหลวงพ่ออนันต์ แล้วเป็นที่เรียบร้อยในคราวเดียวกับที่หลวงพี่ไพ.......กราบเรียนเรื่องสมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๔มวลสารหลักเป็นชนวนองค์ปฐมใหญ่แห่งวัดท่าซุงครับ

โดยพระที่จัดสร้างจำนวน ๑๐,๐๐๐ องค์ โดย เกือบทั้งหมดได้นำไปแจกจ่ายให้กับทหารในภาคใต้ คงเหลือไว้สำหรับบอกบุญเพื่อสร้างสมเด็จองค์ปฐมทองคำหน้าตัก ๕ นิ้วเท่านั้น

กระผมจึงได้ขอถวายงานในการนำส่วนที่เหลือนี้มาบอกบุญแก่พี่น้องสมาชิกทุกท่านให้ได้ร่วมในมหาบุญนี้ด้วยกันครับ

@@@@@ ช้าหมดอดจริง ๆ ด้วย เพราะพระดีราคาเบาไม่ต้องปั่นกระแสกันอีกต่อไปครับ @@@@@


เรื่องนี้ทางพระผู้ใหญ่ของวัดที่ได้รับกล่าวอ้าง คงทราบแต่เพียงว่าจัดสร้าง ท่านคงไม่ทราบว่ามีการให้นำไปวางให้ทำบุญหลายแห่ง ใครมีข้อมูลอะไรก็แจ้งมาได้ครับ นอกจากนี้ยังมีอีกเวปหนึ่งที่ลงคล้ายๆ กันดังนี้

มหาบุญมหากฐินปลดหนี้ปี ๒๕๕๓ วัด.......
กำหนดวันทอดกฐิน ณ วัด................. จ.กาญจนบุรี
วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๓

เนื่องด้วยการก่อสร้างพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม ที่ในขณะนี้ ยังขาดปัจจัยอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ทางคณะทำงานสะพานบุญ ทำการบอกบุญกฐินปลดหนี้วัด............ประจำปี ๒๕๕๓
ในกฐินปลดหนี้ครั้งนี้ กระผมในนามตัวแทนของเว็บ .......com จึงขอกราบเรียนแจ้งให้ท่านผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านทราบ
โดยได้นำวัตถุมงคลที่มีบางส่วน สละมาเพื่อกองกฐิน
หรือร่วมบูชาวัตถุมงคลสำหรับผู้ที่จะเป็นเจ้าภาพกฐิน มีรายการดังนี้

รายการเพิ่ม ปิดรายการแล้วครับ
-กองละ ๑๕๐๐ บาท พระสมเด็จองค์ปฐม (แก่ทอง) วัดท่าซุง พ.ศ. 2548
หลวงพี่ติ.... 1 องค์ พระสมเด็จองค์ปฐม (แก่ทอง) วัดท่าซุง พ.ศ. 2548
เนื่องด้วยหลวงพี่ติ.... และ หลวงพี่ส... วัดท่าซุง ได้ร่วมกันสร้าง พระสมเด็จองค์ปฐม ขึ้นจากชนวนทองแท่ง สมเด็จองค์ปฐมองค์ใหญ่ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี โดยถอดพิมพ์มาจากพระกริ่งสมเด็จองค์ปฐม วัดท่าซุง จำนวนจัดสร้างทั้งสิ้น 2,000 องค์ วัตถุประสงค์เพื่อนำไปมอบกับทหาร ตำรวจ ที่ปฎิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากสร้างเสร็จ ได้ผ่านการพุทธาภิเษก ถึง 2 ครั้ง ครั้งแรก ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ ครั้งที่ 2 พุทธาภิเษก เสาร์ 5 วัดท่าซุง ในปีเดียวกัน สำหรับพระชุด นี้เป็นชุดที่ได้มาจากหลวงพี่เพ.... เตชพโล รับมอบมาจากหลวงพี่ติ.. .


....นี่เป็นข้อมูลในเว็บต่างๆ ที่มีชื่อของพระวัดท่าซุงบางรูปเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยญาติโยมที่เคารพนับถือ อาจจะไม่ทราบพฤติกรรมที่ออกไปทำภายนอกวัด อาจจะหันมาตำหนิติเตียนคณะสงฆ์วัดท่าซุงเหมือนกับที่เคยทำมา จึงได้ขอแจ้งเตือนกันไว้ก่อน โดยเหตุการณ์นี้ที่นับวันจะเริ่มเข้าข่าย "ธุรกิจบุญ" เข้าไปแล้ว เริ่มจะทำชื่อเสียงให้วัดหรือทำให้มัวหมองก็ไม่รู้ได้ เพราะมีการบอกว่าขอสร้างเพื่อนำไปแจกทหารตำรวจภาคใต้ แต่ทำไมวัตถุมงคลเหล่านี้ถึงไปโผล่จำหน่ายในที่หลายๆ แห่ง

....อีกทั้งมีเวปไซด์ที่มีพลังดังๆ ต่างก็ไม่ทราบเรื่องภายในเหล่านี้ ตกเป็นเครื่องมือโฆษณาต่อไปอีก สร้างความเสียหายไปทั่ว จึงได้มีคนร้องเรียนมาหลายรายเช่นนี้ โดยเฉพาะมีการนำวัตถุมลคล (มีรูปภาพประกอบ) กล่าวอ้างว่าเป็นของวัดท่าซุงด้วย อาศัยบุญสร้างพระนำหน้า จึงไม่รู้ว่าเป็นของจริงแท้หรือไม่ ใครรู้บ้างช่วยตรวจสอบด้วยก็แล้วกัน เวลานี้มีคนแจ้งว่ามีจำหน่ายกันหลายเวปหลายแห่งให้เกร่อไปนะ ช่วยกันหน่อยนะ อย่าไปเชื่อข้อมูลเหล่านี้ ถ้าอยากจะทำบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐมก็ไปทำบุญกับท่านเจ้าอาวาสวัดนั้นโดยตรง ถ้าอยากจะบูชาพระเครื่องของหลวงพ่อฯ ก็ให้ไปทีวัดท่าซุงเลย...ของแท้แนนอนละครับ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 9/8/10 at 10:57 [ QUOTE ]


ชัดเจนแล้วครับ..ผมก้อสงสัยมานานแร่ะ..รักและเคารพองค์หลวงพ่อเป็นที่สุด รักและเคารพหลวงพี่พระครูปลัดอนันต์ หลวงพี่พระครูสังฆรักษ์สุรจิต หลวงพี่โอ หลวงพี่อาจิน หลวงพี่ชัยวัฒน์ และท้ายสุด รักวัดท่าซุงมากๆครับ โมทนา...

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 10/8/10 at 03:21 [ QUOTE ]


Thanks for the true story and acknowledge

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 10/8/10 at 08:44 [ QUOTE ]


ขออธิบายคำว่า "สาขาวัดท่าซุง"


......พบกันในวันนี้ ทิดถึกอยากจะนำข้อกังขาของท่านผู้อ่านหลายท่าน ที่ได้เคยถามปัญหาหลายครั้งหลายหนว่า

"..สำนักนี้เป็นสาขาวัดท่าซุงหรือป่าว สำนักโน้นเป็นสาขาของวัดด้วยหรือไม่..?"

ทิดถึกก็ไม่ได้รู้เอง จึงได้นำปัญหาเหล่านี้ไปกราบเรียนท่านผู้รู้ภายในวัด เฉพาะท่านที่เคยอยู่ใกล้ชิดกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อมาก่อน เพราะจะรู้เรื่องเบ็ดเตล็ดอะไรดีๆ พระผู้ใหญ่ท่านนี้ (ขอสงวนชื่อ) ได้เคยติดตามองค์หลวงพ่อมาก่อน คือเวลาท่านไปรับแขกที่ศาลานวราช ระหว่างปีพ.ศ. ๒๕๒๐ - ๒๕๒๑ ท่านได้ยินว่า (รีเลย์จากคำพูดของท่านเลยนะครับ) คือมีคนถามเรื่องนี้ในระหว่างที่รับแขก ท่านบอกสั้นๆ ว่า

....."อาตมาไม่คิดที่จะตั้งเป็นสาขาของวัดท่าซุงหรอก...แล้วท่านก็ยกตัวอย่างสำนักที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง (ไม่สามารถบอกชื่อได้อีกเช่นกัน) ต่างคนต่างสอน..แบ่งเป็นหมู่เป็นคณะ ภายหลังก็ทะเลาะกันเอง.."
(เวลานี้ให้สังเกตกันเองก็แล้วกัน ว่ามีใครได้กระทำในสิ่งที่ครูบาอาจารย์ไม่พึงประสงค์กันบ้าง)

ซึ่งสมัยนั้นสำนักแห่งนี้รุ่งเรืองมาก เพราะปรมาจารย์ของท่านเก่ง แต่ภายหลังมีการแยกกลุ่มแยกคณะกันสอนวิชานี้ ปรากฏว่าภายหลังสำนักใหญ่แห่งนี้ ตามที่มีคณาจารย์แยกออกไปสอนกันหลายแห่ง แล้วแต่ละแห่งถึงแม้จะมีครูบาอาจารย์เป็นต้นแบบเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ต่อกันเท่าไร ต่างแยกกันทำกิจกรรมของตนเป็นอิสระทั้งสิ้น

เป็นเพราะสาเหตุนี้เอง ใครเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อของเราเก่าๆ มานาน จะไม่เคยเห็นพระเดชพระคุณท่านตั้งสำนักโน้นเป็นสาขาวัดท่าซุง ตั้งสำนักนี้เป็นสาขาวัดท่าซุง เปนเพียงท่านได้ให้การอุปภัมภ์พระต่างวัด ที่เคารพนับถือท่านเท่านั้น โดยการบริจาคเป็นเหล็กเส้น ๑ รถบรรทุกบ้าง บริจาคเป็นปูนซึเมนต์บ้าง เป็นต้น

ฉะนั้นถ้าในสมัยปัจจุบันนี้ มีผู้เขียนป้ายหรือบอกไว้ในเวปไซด์หลายแห่ง โปรดเข้าใจว่ไม่ได้เป็นสาขาของวัดท่าซุงอย่างแน่นอน ถ้าเป็นสาขาของวัดจริงๆ ด้วยความจำเป็นที่จะต้องตั้งที่ต่างประเทศ เพราะเหตุมีผู้ประสงค์จะนิมนต์พระไปสอนธรรมะ คือที่ "สำนักปฏิบัติธรรมที่ประเทศเยอรมนี" นั่นเป็นการส่งพระภิกษุของวัดท่าซุงออกไปอยู่ประจำ แล้วรักษากฎระเบียบของวัดท่าซุงเป็นหลัก นี่จะเรียกว่า "สาขาวัดท่าซุง" อย่างแท้จริงนะครับ

(สำหรับที่สำนักสงฆ์ "ป่าละอู" เป็นการอุปถัมภ์จากหลวงพ่ออนันต์นะครับ เพราะไม่มีการส่งพระจากวัดท่าซุงไปอยู่ประจำ ส่วนเจ้าสำนักท่านก็เคยอยู่แถวนั้นมาก่อน)

ทีมงานฯ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 10/8/10 at 10:08 [ QUOTE ]


กราบขอบพระคุณและโมทนาในคำชี้แจงเกี่ยวกับสาขา วัดท่าซุง เคยเป็นผู้หนึ่งที่สงสัยเช่นกันค่ะ ชัดเจนมาก อย่างนี้ หากสำนักใดกระทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมด้วยประการใด ๆ ก็ตาม และอาจเป็นที่เสื่อมเสียมาถึงทางวัดใหญ่ ก็ขอให้เข้าใจตามที่ท่านชี้แจงไว้นะคะ ว่า มีเพียงแห่งเดียวเท่านั้น คือ "สำนักปฏิบัติธรรมที่ประเทศเยอรมนี"

นอกนั้นเป็นแต่เพียงท่านให้การอุปถัมภ์ ด้วยเมตตาจิต ค่ะ

หากสำนักใดที่ใช้ชื่อว่า เป็น สาขาวัดท่าซุงและเข้าใจเจตนารมณ์ท่าน ขอให้ตระหนักและขอความกรุณาอย่าทำให้วัดพ่อ ต้องมัวหมองด้วยการกระทำใด ๆ นะคะ สาธุ.

หมายเหตุ กระทู้นี้ดีค่ะ ได้คลายข้อสงสัยหลายเรื่อง ที่คาใจมานาน โมทนากับทุกคำถามและทุกคำตอบ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 10/8/10 at 11:40 [ QUOTE ]


It's very clear with lot of things that people wondering, and need to be told and knowing what is going on to Wat Thasung.
Thanks to Support Team


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 10/8/10 at 16:01 [ QUOTE ]


เหตุใดจึงต้องเปิดเทปเสียงหลวงพ่อฯ บวงสรวงด้วย ?


.....ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านแล้วเข้าใจยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคุณเพียงฯ ที่เข้ามาถามกระทู้นี้ ทีมงานฯ จึงถือโอกาสชี้แจงไปด้วยหลายเรื่อง ทั้งที่ไม่ได้มีการเตรียมเรื่องมาก่อนนะครับ เป็นการตอบไปตามความเป็นจริง..และจังหวะที่มีสถานการณ์เช่นนั้นจริงๆ หากมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีกก็แจ้งมาได้นะครับ

เพราะพวกเราทีมงานฯ หลายคนไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากนัก โดยเฉพาะภายในวงการเวปไซด์ แต่เมื่อได้เข้ามาช่วยงานวัดท่าซุง จึงได้เข้าไปพบเห็นอะไรมากมาย จะเป็นเรื่องคำสอนก็ดี หรือวัตถุมงคลของวัดก็ดี มีคนนิยมชื่นชมกันมาก ส่วนใหญ่ก็ศรัทธาเลื่อมใสพระเดชพระคุณหลวงพ่อของเรา ตั้งใจจะปฏิบัติตามคำสอนแนะนำ ขวนขวายจะไปฝึกปฏิบัติถึงที่วัด

แต่ในขณะเดียวกับความนิยมนั้น ทีมงานก็ยังเห็นจุดเสื่อม (คำว่า เลื่อม - เสื่อม คล้ายกัน) ที่มีบุคคล (บางกลุ่ม) ถือโอกาสในความศรัทธานั้น พยายามชักชวนคนอื่นเข้าร่วมเป็นพวกของตนเอง แล้วตั้งเป็นกลุ่มเป็นคณะ ซึ่งมองดูก็เห็นเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเข้าไปในรายละเอียดมากๆ จะเริ่มส่อเค้าถึงเรื่องชื่อเสียงและธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

หลวงพ่อของเราสอนให้อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่อวดอ้างทะนงตน พยายามสั่งสอนปฏิบัติตนให้พ้นทุกข์ แต่ภายหลังท่านสิ้นสังขารไป บุคคลเหล่านี้เริ่มอาศัยชื่อเสียงของท่าน โดยมียี่ห้อ "วัดท่าซุง" รับประกันด้วย สร้างกลุ่มสร้างคณะ มีการชักชวนมวลชนเข้ามาหาอาจารย์ของตนเอง ตั้งชื่อตั้งเสียงกันตามแต่จะเรียก มีการไปมาหาสู่เป็นสังคมแนวร่วม บางแห่งก็ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามแนวทางของครูบาอาจารย์ที่แท้จริง แต่บางแห่งเริ่มประพฤติผิดเพี้ยน เวลาทำพิธีบวงสรวงจากที่เคยเปิดเทปก็ไม่ต้องเปิดแล้ว ทำพิธีอัญเชิญท้าวมหาราชกันเอง

ในเรื่องนี้ "ทิดถึก" อีกแล้ว..ขอทำหน้าที่ชี้แจง ซึ่งเป็นความรู้จากสำนักใหญ่ ไม่มีการอ้างว่ารับคำสั่งจากเบื้องบนอย่างแน่นอน เพราะพระผู้ใหญ่ท่านนี้ได้ยินได้ฟังมาจากองค์หลวงพ่อเอง อีกทั้งสามารถไปตรวจสอบเรื่องนี้กับพระผู้ใหญ่ท่านอื่น ที่เคยอยู่ใกล้ชิดกับองค์หลวงพ่อมาก่อนได้ทุกประการ เรื่องการบวงสรวงนี้ ทิดถึงได้รับคำบอกเล่าจากพระผู้ใหญ่ในวัดท่าซุงว่า การที่คณะศิษย์ทั้งหลายต้องเปิดเทปเสียงหลวงพ่อนั้น เป็นเพราะหลวงพ่อท่านบอกว่า

"...ท้าวมหาราชทั้ง ๔ เป็นพระอริยเจ้า การที่เราไปเชิญหรือไปเรียกใช้ท่านนั้น ถือว่าเป็นการไม่สมควร แทนที่จะเป็นคุณก็จะเป็นโทษเป็นบาปต่อตนเองได้.."

แล้วเราจะทำอย่างไรดีกันล่ะ เรื่องนี้ไม่ยากองค์หลวงพ่อท่านบอกต่อไปว่า ทั้งนี้ต้องมีการติดต่อกับท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ นะซิ ว่าท่านอนุญาตให้บุคคลใด สามารถกล่าวเชิญท้าวมหาราชนั้นได้ (โดยไม่จำเป็นต้องเปิดเทปเสียงหลวงพ่อ) ท่านก็จะมาตามคำเชิญและช่วยเหลือสงเคราะห์ตามที่ต้องการได้ ในจำนวนนั้นก็มีการอนุญาตบุคคลท่านหนึ่งให้ทำพิธีนี้ได้ นั่นก็คือ พล.ต.ศรีพันธุ์ วิชพันธุ์ ซึ่งใครๆ ก็รู้จักในนาม "พี่แดง" เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เคยติดตามหลวงพ่อมานาน ผู้ตั้งจิตปรารถนาพุทธภูมิ (ปัจจุบันนี้พี่แดงได้เสียชีวิตไปแล้ว)

ฉะนั้นในสมัยก่อนเวลามีการเดินทางไปที่จังหวัดจันทบุรี คือไปพักที่บ้านคุณพี่สมบูรณ์ เวสารัชชานนท์ หากมีการตั้งศาลพระภูมิตามบ้านแถวนั้น พี่แดงจะรับหน้าที่เป็นผู้ทำพิธีนี้ได้ เรื่องนี้คนที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเก่าๆ จะรู้เรื่องดี สามารถตรวจสอบได้จาก "คณะกองทุน" ได้นะครับ กลุ่มนี้เป็นลูกศิษย์เก่าแก่มานานจะรู้เรืองดีว่า....

ถ้าหากใครที่ไม่ได้รับอนุญาตจากท้าวมหาราชก่อน หากไปทำพิธีกล่าวอัญเชิญเอง จะมีเหตุจนได้สักวันหนึ่ง พระผู้ใหญ่ที่วัดท่าซุงเล่าต่อไปอีกว่า ให้ดูตัวอย่างสมัยก่อนมีพระภิกษุผู้เฒ่ารูปหนึ่งมีที่พักกุฏิอยู่หน้าตึกอินทราพงษ์ ปัจจุบันรื้อไปสร้างเป็นโรงครัวใหม่ (หลังศาลาหลวงพ่อ ๕ พระองค์หลังใหม่) ได้ทำพิธีบวงสรวงในขณะที่องค์หลวงพ่อไม่อยู่วัด ปรากฏว่าหลังจากนั้นได้ตกบันไดกุฏิลงมา ภายหลังหลวงพ่อบอกว่า พระองค์นี้โดนเทวดาท่านถีบลงมา เพื่อเป็นการสั่งสอนเท่านั้นเอง ที่ทำพิธีบวงสรวงโดยพละการ


คราวนี้มีผู้กราบเรียนถามท่านว่า ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไร เพราะหากมีความจำเป็นดังกล่าว เช่นไม่มีเทปเสียงหลวงพ่อบวงสรวงเป็นต้น องค์หลวงพ่อท่านได้แนะนำว่า ถ้าหากท้าวมหาราชท่านไม่ได้อนุญาตไว้ ขอให้เริ่มต้นกล่าวคำว่า "สัคเค กาเม จะรูเป...." ไปจนจบก็ได้ แต่ห้ามกล่าวคำเริ่มต้น จากคำที่ว่า "ปุริมัญจะ ทิสัง ราชา ธะตะรัฏโฐ ปะสาสะติ...." เป็นอันขาด (เวลานี้มีพิธีบวงสรวงที่ไหน พระผู้ใหญ่ที่วัดท่าซุงจะไม่มีการกล่าวเอง เพราะท่านรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีนั่นเอง และท่านก็ไม่ตีตนเสมอครูบาอาจารย์ของท่านด้วย นี่ไม่ได้ว่าใคร อย่ากินปูนร้อนท้องกันนะ)

นี่เป็นเกล็ดความรู้ที่ทีมงานฯ อยากจะถ่ายทอดผ่านเว็บไซด์ เพื่ออาศัยสื่อเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านจริงๆ และเป็นการรักษาปฏิปทาของครูบาอาจารย์ที่แท้จริง โดยอาศัยสืบถามข้อมูลจากพระภิกษุที่ทันหลวงพ่อ และที่ปฏิบัติอยู่ใกล้องค์ท่านมาก่อน ในอันที่จะเสริมสร้างเกล็ดความรู้ต่างๆ เผื่อจะมีผู้ที่กระทำการไม่ถูกต้อง จากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี หรือจะเริ่มทะนงหลงตนเองก็ดี เป็นต้น ที่เริ่มทำการลบหลู่ดูหมิ่นวิชาการต่างๆ แล้วกระทำการให้คนรุ่นหลังได้เห็นในที่สาธารณชน คนที่ไม่รุ้อิโหน่อีเหน่ต่างก็ชื่นชมนึกว่าทำถูกทำดี แต่หารู้ไม่ว่าได้ทำตัวเสมอครูบาอาจารย์ไปแล้ว

จากคำถามที่ตั้งไว้ว่า "เหตุใดจึงต้องเปิดเทปเสียงพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ในการทำพิธีบวงสรวงทุกครั้ง ?" ท่านผู้อ่านคงแจ่มแจ้งดีแล้วนะครับ หากไปที่ไหนพบบุคคลที่ทำไม่ถูกต้อง ไม่ต้องไปคัดค้าน ไม่ต้องไปตำหนิ ไม่ต้องไปด่าไปว่า ปล่อยให้เขาทำต่อไปเถิด เราเพียงแค่รู้เท่าทันแล้วไม่ไปสนับสนุนเท่านั้นก็พอแล้วครับ

....เรื่องนี้จบแล้วหรือยัง..ยังครับ ยังไม่จบ ยังมีเรื่องอื่นอีกมาก ที่จะขยายความรู้ให้ผู้อ่านรุ่นหลังได้เข้าใจ อยากจะตั้งกระทู้นี้ว่า "ทันรู้ - รู้ทัน" จังเลย เพราะยังมีข้อสงสัยบางท่านอีก ซึ่งเป็นเรื่องภายนอกแล้วละ ไม่เกี่ยวกับภายในวัด แต่มันมีเรื่องเกี่ยวข้องเป็นที่สงสัยของพวกเราในอดีตมานาน สงสัยต้องเล่าเป็นนิยายอีกละมั้ง..ดีไหมครับ ถ้าเล่าตรงๆ กลัวโดนชกหน้านะ ตั้งชื่อเรื่องไรดีละ เรื่อง.. "ทายกันทำไม..กรรม?" ดีไหม ถ้าดีอยากรู้ก็โพสเข้ามาได้ หากไม่อยากรุ้ก็จะผ่านไปนะครับ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 10/8/10 at 18:24 [ QUOTE ]


ขออ่านเพื่อนำไปเป็นข้อคิดปฏิบัติครับ อ่านแล้วไม่คิดเพ่งโทษผู้ใด ขออนุโมทนาครับ

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 10/8/10 at 20:24 [ QUOTE ]


รบกวนโพสให้รู้บ้างเถิดขอรับ อย่าพึ่งผ่านเลย โมทนาสาธุ

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 10/8/10 at 20:51 [ QUOTE ]


ทีมงานคะ มาจั่วหัวเรื่องไว้อย่างนี้แล้วจะทิ้งกันไปก็กระไรอยู่นะคะ ดิฉันคิดว่าคงมีผู้อยากรู้อีกมากมาย แต่อาจไม่กล้าที่จะบอก ดิฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ขอรู้เพื่อความไม่ประมาทแห่งตนเองค่ะ ส่วนใครจะเป็นอย่างไร เมื่อรู้ก็สักแต่ว่ารู้จะไม่เอาจิตไปปรุงแต่ง

ประวัติศาสตร์หากไม่มีการบันทึกข้อมูลที่ถูกต้องไว้ อีกหน่อยก็จะผิดเพี้ยนกันไปใหญ่ ขอให้เล่าเป็นนิทานก็ดีค่ะ จะคอยติดตามอ่าน


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 13/8/10 at 10:13 [ QUOTE ]


ทำไมพระ (ที่วัดท่าซุง) จึงไม่ใช้ชื่อ "ฉายา..ภิกขุ"


ก่อนจะออกไปเรื่องภายนอก ขอวกกลับเข้าไปภายในหมู่บ้านอีกครั้งนะครับ เพราะเพิ่งไปเจอเวปชื่อดังโฆษณาน่าเลื่อมใส (ใครพบเห็นเพิ่มเติมจากนี้ กรุณาส่งมาให้ด้วยนะครับ) ในที่นี้ขอนำมา ๒ เวปก่อนนะครับ แต่ไม่สามารถจะนำชื่อออกมาได้ คงต้องให้ผู้อ่านสังเกตเอาเอง

เนื่องจากมีการแสวงหาเป็นแนวร่วมกัน จากบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านนี้แล้ว แล้วออกไปมีกิจกรรมร่วมกัน โดยอาศัยเวปดังเป็นกระบอกเสียงให้ มีการแจ้งข่าวบอกบุญไปทั่ว จากคนที่ไม่ค่อยรู้ความจริง เมื่อลงข่าวแล้วจะมีการโฆษณาคุณธรรมอาจารย์ของตนเองไปด้วย ชักนำให้หาผลประโยชน์ร่วมกัน จัดงานกันเป็นทีม เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ที่ย่างเข้ามาในสายนี้ จึงไม่ค่อยจะรู้ธรรมเนียมที่ครูบาอาจารย์สั่งสอนมา ต่างพากันอวดอ้างสรรพคุณกัน แบบไม่รู้ตัวว่าได้ทำลายชื่อเสียงของหมู่บ้านนี้ให้ย่อยยับไปแล้ว

......เวปแรกที่ ๑ (มีคำว่า "ท่า" นำหน้าเหมือนกัน) ได้ลงข่าวชวนร่วมบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐมทองคำ พร้อมรับ สมเด็จองค์ปฐมยอดธงพิธีเสาร์ ๕ ปี ๕๓ วัดท่าซุง


โดยโฆษณาเหมือนกับเวปที่ลงไว้ตอนแรก (แต่เป็นคนละเวปกันนะครับ) ว่า

"......อธิษฐานจิตชนวนเพิ่มเติมด้วยพระเมตตาของหลวงปู่.......... แห่งสวนสมุนไพร จ.เพชรบูรณ์ และหลวงปู่........... ที่วัดใหม่........... จังหวัดพิจิตร

เนื่องจากพระเดชพระคุณหลวงพี่ส..... คุณาธิโก (ติ....) แห่งวัดท่าซุง ได้ทำการจัดสร้างสมเด็จองค์ปฐมยอดธง โดยใช้พิมพ์เดียวกับสมเด็จองค์ปฐมที่หลวงพ่อส......ท่านเคยจัดสร้างรุ่นแรก

โดยทั้งนี้วัตถุประสงค์การจัดสร้างจัดทำได้กราบเรียนหลวงพ่ออนันต์เป็นที่เรียบร้อยแล้วในคราวเดียวกับที่หลวงพี่ไพ.......กราบเรียนเรื่องสมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๔ มวลสารหลักเป็นชนวนสมเด็จองค์ปฐมใหญ่แห่งวัดท่าซุงครับ

เพื่อป้องกันความสับสน จึงขอเรียนว่าพระชุดนี้ มิได้เป็นพระที่ได้รับการรับรองว่าออกในนามวัดท่าซุง หากแต่ว่าได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเสาร์ ๕ ปี ๕๓ (พิธีเดียวกับรุ่น ๔)

ซึ่งหากท่านใดสงสัยในพุทธคุณ หรือพุทธานุภาพ ก็บอกได้ว่าเป็นรุ่นที่มีประสบการณ์แล้ว โดยพระที่จัดสร้างจำนวน ๑๐,๐๐๐ องค์ โดย เกือบทั้งหมดได้นำไปแจกจ่ายให้กับทหารในภาคใต้

การที่กระผมและทีมงานได้นำพระชุดนี้มาบอกบุญนั้น มิได้เป็นไปเพื่อการสร้างกระแสปั่นราคาแต่อย่างใด แต่ว่า อยากให้คนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในงานบุญสร้างพระเป็นหลัก พร้อมรับวัตถุมงคลที่สูงค่ายิ่ง

วัตถุประสงค์หลักงานบุญนี้เพื่อสร้างสมเด็จองค์ปฐมทองคำหน้าตัก ๕ นิ้วเท่านั้น โดยจะถวายหลวงพ่อส ณ อาศรมบ้านส..... ซึ่งกระผมและคณะสะพานบุญเป็นผู้อาสาขอนำมาบอกบุญต่อเอง

กระผมจึงได้ขอถวายงานในการนำส่วนที่เหลือนี้มาบอกบุญแก่พี่น้องสมาชิกทุกท่านให้ได้ร่วมในมหาบุญนี้ด้วยกันครับ เปิดให้ร่วมบุญถึงวันที่ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓

และจะมีพิธีหล่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำหน้าตัก ๕ นิ้ว ในเดือน...... พุทธศักราช ๒๕๕๓ สาเหตุที่ผมเพิ่งจะนำมาลงหลังจากงานพิธีนั้น เป็นเพราะ รอการอนุญาตจากหลวงพี่ครับ ยังมีเนื้อเงิน และเนื้อทองคำแท้ซึ่งจัดทำในคราวเดียวกัน


เรื่องการหล่อพระทองคำถือว่าเป็นบุญ คงไม่มีใครปฏิเสธบุญใหญ่เช่นนี้ ทางทีมงานไม่คิดจะขวางบุญใครให้เป็นบาป ได้แต่อนุโมทนาอยู่ในดวงใจ แต่เรื่องที่ลงข่าวอ้างว่า หลังจากขออนุญาตหลวงพ่ออนันต์สร้าง เพื่อนำไปแจกให้ทหารตำรวจภาคใต้ โดยนำเข้าพิธีปลุกเสกวันเสาร์ ๕ ที่วัดท่าซุงแล้ว ยังได้นำไปให้หลวงปู่ ๒ รูปปลุกเสกอีก พร้อมทั้งถ่ายรูปนำมาลงเวปด้วย แสดงว่ายังไม่มั่นใจพิธีครูบาอาจารย์ของตนเองที่เคยอาศัยอยู่นะ นอกจากนี้ท่านที่ออกจากนอกหมู่บ้านไปแล้วเหล่านี้ ยังมีกิจกรรมร่วมต่อเนื่องกัน ภายหลังที่ออกไปอยู่ที่อื่นแล้ว ซึ่งครูบาอาจารย์ไม่เคยสั่งสอนให้ลูกศิษย์ทำเช่นนี้ ด้วยการลงโฆษณาจัดรถจัดการเดินทางเป็นทริปๆ



เวปที่ ๒ (เป็นเวปใหญ่ชื่อดังมีพลังมากมาย)

Ko........... ทีมงานเว็บ.... (ค....)

ท่านที่ต้องการร่วมเดินทางไปถวายผ้าป่ากับเว็บพ......กำหนดการ วันอาทิตย์ที่ ... สิงหาคม 2553

05.00 น. ออกจาก......ถึงอาศรมบ้านส...........
08.15 น. กราบท่าน......... พร้อมสนทนาธรรมกับท่าน.............
10.10 น. ออกจากบ้านส..... ไปวัดท่าซุง
10.15 - 11.10 น. สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 3 แห่ง และทำบุญในวิหาร 100 เมตร วัดท่าซุง

ฝึกสมาธิ จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1. คนที่ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ ให้ฝึกที่วิหาร 100 เมตร ระหว่างเวลา 11.45 - 14.00 น. (จะมีรถมารับเวลา 14.10 น. เพื่อพาไปบ้านส........)
กลุ่มที่ 2. คนที่ฝึกมโนมยิทธิได้แล้ว ให้ฟังธรรมและนั่งกรรมฐานที่บ้านส...... ระหว่างเวลา 13.00 - 14.30 น.
21.30 น. ถึงกรุงเทพ ฯ โดยสวัสดิภาพ




หลังจากลงข่าวเรื่องการจัดรถแล้ว (จะเรียกจัด "ทัวร์" บ้างได้ไหมเนี่ย) กลัวคนที่ไปจะไม่มั่นใจ ลูกศิษย์คนนี้จึงรับอาสายืนยันคุณธรรมให้อาจารย์ของตนเองต่อไปอีกว่า (อย่าลืมว่าเวปนี้เผยแพร่ไปทั่วโลก เขาบอกว่ามีคนเข้าชมนับแสน ไม่รู้ว่าช่วยส่งเสริมหรือประจานกันแน่)

Ko......ทีมงานเว็บพ......... (ค.....)

ความเชื่อส่วนตัวของผมนะครับ
ท่านจิต........... ท่านเป็นพระที่จบกิจแล้ว
และพระที่จบกิจแล้วหลายรูปได้รับรองท่านว่าจบกิจแล้วเช่นกัน
ดังนั้น การที่ร่วมบุญกับท่าน เราย่อมได้รับอานิสงส์เต็มที่ครับ
ที่สำคัญ คือ ท่านจิต.......... เป็นพระที่มีวาจาสิทธิ์มาก ๆ
ท่านพูดคำไหน คำนั้นครับ

...............................................................................................................

คนไกลวัด999 อ้างอิง: ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Ko............

ผมก็คิดแบบคุณค.....นั่นแหละครับ (ถ้าให้อุปมาเหมือน นาดี ปลูกข้าวย่อมให้ผลผลิตที่ดีอุดมสมบูรณ์ฉันนั้น) ผมอยากไปด้วยแต่ติดตรงอยู่ไกลตามชื่อนี่แหละครับ จริงๆผมอยากได้รับพร รวยๆๆนะลูกนะ แบบที่หลวงพ่อชอบว่าหนะ




ทำไมพระที่วัดท่าซุงจึงไม่ใช้ชื่อ "ฉายา" เรียกตัวท่านเอง

.......แต่ภายในเวปนี้ เขาไม่เรียกชื่ออาจารย์ของเขานะ จะเห็นว่าเขาเรียกคำลงท้ายของ "ฉายา" ซึ่งเรื่องนี้ขอเล่าเป็นเกล็ดสักเล็กน้อย เผื่อว่าคนสมัยนี้อาจจะยังไม่ทราบ โดยพระผู้ใหญ่ท่านนี้เล่าให้ทีมงานฯ ฟังว่า

สมัยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ยังมีชีวิตอยู่ ในสมัยนั้นท่านให้ความอุปการณะต่อพระภิกษุที่อยู่ต่างวัดหลายแห่ง หลายจังหวัดด้วยกัน บางแห่งก็เดินทางไปเป็นประจำทุกปี จนกระทั่งท่านกลับมาถึงวัด มีอยู่วันหนึ่ง พระอาจารย์รูปนี้ได้ส่งจดหมายมากราบเรียนหลวงพ่อฯ เรื่องภารกิจต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย พระอาจารย์รูปนี้ได้ลงท้ายว่า "อัคคปัญโญภิกขุ" (ชื่อนี้เป็นแค่ยกตัวอย่างนะครับ)

ในขณะที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ อ่านจดหมายจบนั้น ท่านบอกว่าการเขียนชื่อของตนเองด้วย "ฉายา" เช่นนี้ ท่านบอกกับพระที่นั่งฟังอยู่กับท่านว่า "เป็นอุปกิเลส" (คงหมายถึงเป็นกิเลสอย่างละเอียด เหมือนกับจะอวดว่าตนเองมีชื่อ เท่ห์ๆ น่าเลื่อมใสแบบนี้นั่นเอง)

เรื่องที่นำมาเล่านี้ไม่ได้หมายความว่านำเล่าเป็นการยกย่องพระภายในวัดท่าซุง ว่าท่านไม่มีอุปกิเลสนะครับ เพียงแต่นำมาเล่าเป็นเกล็ดความรู้เท่านั้น ส่วนพระอื่นที่เขาใช้ชื่อ "ฉายา" ก็อย่านำไปตำหนิติเตียนท่าน เพราะครูบาจารย์แต่ละองค์ท่านจะสั่งสอนเรื่องจริยามารยาทไม่เหมือนกัน

นี่เป็นเรื่องที่พระผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ประสงค์จะนำมาเล่าให้ศิษย์รุ่นหลัง หรือศิษย์รุ่นใหม่ ได้รับรู้รับทราบ เพื่อจะได้แยกแยะว่า จริยาวัตรข้อไหน ที่พระวัดท่าซุงยังรักษาอยู่ได้ ญาติโยมควรสังเกตไว้ให้ดี จะได้ไม่ตกเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่ออยู่ในเวลานี้

พระผู้ใหญ่ท่านนี้ยังย้ำอีกว่า แม้จะเป็นพระที่ยังอยู่ในวัดก็ตาม หากปฏิบัติผิดไปจากธรรมเนียม เช่นกับพระที่ออกไป ๒ - ๓ รูปนี้ โดยมีแกนนำที่เป็นแนวร่วม ทำในลักษณะที่ไม่เหมาะสม ญาติโยมทั้งหลายไม่ควรให้ความเคารพนับถือ ไม่ควรส่งเสริม ไม่ควรยกย่อง ไม่ว่าจะสั่งสอนธรรมก็ดี หรือทำวัตถุมงคลกันเองก็ดี เท่ากับทำลายชื่อเสียงของสำนักตนเองไปด้วย

เพราะข้อความเหล่านี้ มันแสดงให้เห็นถึงความโอ้อวด เพื่อแสดงให้สำนักอื่นเขารู้ ไม่รู้ว่าเขาจะหมั่นไส้เอาหรือป่าว แต่ถ้าสำนักอื่นเขาตำหนินะ คิดว่าเขาคงไม่ตำหนิแค่ลูกศิษย์เท่านั้นนะ น่าจะรวมถึงวัดที่ตนเคยซุกหัวอาศัยอยู่ และครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนมา แล้วน่าจะถูกเหมารวมทั้งพระในวัดด้วยทุกองค์ด้วยละมั้ง (นี่คิดมากเกินไปหรือป่าว น่าจะคิดไม่มากนะ เพราะการกระทำเช่นนี้ คนคิดน้อยๆ ก็น่าจะมองออกอยู่แล้ว)

การจัดรถนำคนใหม่และคนเก่าไปที่วัดนั้น มีการแยกคนใหม่ไปฝึกมโนมยิทธิ (จากครูฝึกของวัดโดยได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าอาวาสแล้ว) แล้วมีการแยกคนเก่าไปฟังธรรม (จากครูฝึกที่ทางวัดได้มีมติจากเจ้าอาวาสให้ออกไปจากวัดแล้ว) ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณดูซิว่า ภาพรวมหรือภาพลักษณ์จะเป็นเช่นไร คงจะมองไม่จืดนะ รอยร้าวที่เกิดขึ้นเพราะใครทำ และใครเป็นผู้เริ่มต้นกันก่อน ถ้าข้อธรรมะที่สอนจากอาจารย์สองแห่ง ถ้าสมมติว่าไม่ไปแนวเดียวกัน แล้วอะไรจะเกิดขึ้น

เมื่อคนเดิมที่กระทำผิดไว้เช่นนี้ แล้วต่อไปภายหลังคนที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง กลับทำซ้ำลงไปแบบเดิมอีก เท่ากับทำกับทำลายความตั้งใจ ฝ่าฝืนวัตถุประสงค์พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ หรือไม่...ที่ท่านเคยบอกไว้แล้วว่า

ฉันไม่คิดจะตั้งที่ไหนเป็นสาขาหรอก จะให้มีการสอนรวมกันที่วัดท่าซุงแห่งนี้ ใครอยากจะได้วิชามโนมยิทธิ ให้มาฝึกกันที่วัดแล้วนำกลับไปฝึกสอนกันเอง. ดังนี้แล...

ปล. หลังจากเขียนบทความจบแล้ว มีคนเล่าให้ฟังว่ามีคณาจารย์รูปหนึ่ง (ในจำนวนที่นำวัตถุมงคลไปปลุกเสก) ท่านได้ตำหนิวิชา "มโนมยิทธิ" ของหลวงพ่อฯ ด้วย (ท่านใดได้ยินคำนี้เช่นกัน กรุณาแจ้งข้อมูลมาด้วย) ซึ่งพระที่นำของไปให้ท่านปลุกเสกนี้ คงไม่ทราบเบื้องหลังว่าเขารังเกียจอาจารย์ของตนเอง ทั้งๆ ที่ได้นำคนไปทำบุญกันมากมาย ผลสุดท้ายเขาก็ไม่ต้อนรับ ต้องกระเสือกกระสนไปอยู่ที่อื่น คำที่เคยพูดว่า.."ไล่ปลาออกจากน้ำเสีย" เพิ่งเข้าใจคำนี้อย่างลึกซึ้งวันนี้เอง...นี่ข่าวเขาเล่ากันแบบนี้ ทีมงานฯ เพียงแต่นำมาถ่ายทอดเท่านั้น.

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 13/8/10 at 20:53 [ QUOTE ]


หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
โอวาทหลวงพ่อ ตอนที่ ๑๒

ถ้าเราทุกคนปรับปรุงใจตนดีแล้ว มันก็ไม่มีเรื่องยุ่งกับคนอื่น ไม่สร้างคนอื่นให้มีความเร่าร้อนใน การที่จะเพ่งโทษคนอื่น ต้องรู้ตัวว่าเราเลวเกินไป นี่จงรู้สึกตัวไว้เสมอ รู้สึกตัวว่า

เรามันเลว เลวมากจนกระทั่งขังไว้ในใจไม่ได้ มันจึงอุตส่าห์ไหลออกมาทางวาจา ไหลออกมาทางกาย นี่แสดงว่าความเลว มันล้นออกมาจากจิต ในข้อนี้ต้องคิดไว้เป็นประจำ

อย่าทะนงตนว่าเป็นคนดี ถ้าดีแล้ว ปากไม่เสีย กายไม่เสีย
ถ้าปากเสีย กายเสีย ความเลวมันล้น มีความดีไม่ได้

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เป็นโลกธรรม ถ้าเราติด
เราก็มีความทุกข์ ลาภที่เรามีมาได้แล้ว มันก็หมดเสื่อมไปได้ ถ้าเรายินดีในการได้ลาภ ไม่ช้ากำลังใจก็ต้องเสีย สลดใจ เมื่อ ลาภหมดไป คำสรรเสริญก็เช่นเดียวกัน คำสรรเสริญไม่ใช่ของดี ถ้าเราติดในคำสรรเสริญ เราก็จะมีแต่ความทุกข์ เพราะว่าไม่มีใครเขามานั่งตั้งตา นั่งสรรเสริญเราตลอดวัน คนที่เขาสรรเสริญ เราได้ เขาก็ติเราได้ ฉะนั้นจงจำไว้ว่าพระพุทธเจ้าตรัสว่า นินทา ปสังสา เป็นธรรมดาของชาวโลก ชาวโลกทั้งหมดเกิดมาต้องพบนินทาและสรรเสริญ

นี่ท่านมาติดลาภติดสรรเสริญก็ถือเป็นอุปกิเลส อย่างหนักจงจำไว้ว่า อารมณ์ใดที่ประกอบไปด้วยความรัก ประกอบไปด้วยความโลภ ประกอบไปด้วยความโกรธ ประกอบไปด้วยความหลง พระพุทธเจ้ากล่าวว่าเป็นอารมณ์ของติรัจฉาน คือ มันขวางจากความดี ฉะนั้นอาการของเดรัจฉานทั้งหมดอันพึงจะผิดทางจิตก็ดี ทางวาจาก็ดี ทาง กายก็ดี จงอย่ามี จงระมัดระวังกำลังใจเป็นสำคัญ อย่าเอาอารมณ์ของเดรัจฉานเข้ามาใช้ในจิต และก็จงอย่าเพ่งเล็งบุคคลอื่น จงอย่าสนใจกับอารมณ์ของคนอื่น จงอย่าสนใจกับจริยา ของบุคคลอื่นให้พยายามปรับปรุงใจตนเองเป็นสำคัญ และให้ทรง พรหมวิหาร ๔ มี อิทธิบาท ๔ ฟังแล้วก็ต้องจำ จำแล้วก็ต้องประพฤติปฏิบัติ ถ้าทำไม่ได้

จงรู้ตัวว่าเลว เกินไป คน เลวเขาไม่เรียกว่าคน เขาเรียกว่า สัตว์ในอบายภูมิความรักที่มันเกิด เราเข้าใจว่ามันดี เข้าใจว่ามันสวย เข้าใจว่ามันสะอาด อารมณ์อย่างนี้เป็นอารมณ์ของตัณหา ดึงไปอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น นี่พระทุกองค์ เณรทุกองค์ ฆราวาสทุกท่านจงดูตัวไว้เสมอว่า เรามีจุดบกพร่องขนาดไหน อย่าปล่อยให้กิเลสมันล้นจากใจ ถ้าจะเลวให้ เลวอยู่แค่ในใจอย่าให้มันไหลมาทางตา อย่าให้มันไหลมาทางปาก อย่าให้มันไหลมาทางกาย อย่าถือเหตุภายนอกที่เข้ามาว่ากวนใจเรา เหตุภายนอกนี่ห้ามเขาไม่ได้ ความวุ่นวายในกิจการงาน กิจที่เหตุที่จะต้องแบกภาระต่าง ๆ เป็นเรื่องของการเกิดถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา งานมันเหนื่อยเท่าไร เราต้องเข้าใจมันเป็นเรื่องของงาน ว่าเราเกิดมาทำไม ถ้ารู้ว่างานมันยุ่งแล้ว เกิดมาทำไม เรามันเกิดมาแล้วนี่ เราก็ต้องยุ่งแบบนี้ เมื่อยุ่งมาแล้วก็ต้องยุ่งเพื่อใช้หนี้ เพื่อไม่ยุ่งต่อไป ทำทุกสิ่งทุกอย่างให้มันครบถ้วน อย่าทำจิตใจให้มันเข้าไปกวนประสาทตัวเอง ถือ ว่าภาระหน้าที่มีอย่างไร ทำไปเพื่อความอยู่เป็นสุข เราชำระหนี้ส่วนที่เป็นอกุศล เพราะการอดทนต่อความทุกข์นี่เป็น ภารกิจของเรา

ข้าพเจ้าขอนอบน้อมกับคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน โดยขอยึดถือคำสอนในข้อนี้ของหลวงพ่อเป็นคุณธรรมประจำใจ และจะไม่โต้ตอบหรือแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่ข้าพเจ้าทำล้วนเป็นการเทิดทูนบูชาคุณของหลวงพ่อ และขอให้ดวงจิตของหลวงพ่อพระราชพรหมยานบนพระนิพพานโปรดรับรู้และรับทราบในการกระทำของลูกด้วย

หมายเหตุ : ขออนุญาตโพสต์เพื่อเตือนสติตนเองครับ ไม่มีเจตนากระทบถึงใคร


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 13/8/10 at 22:32 [ QUOTE ]


อ่านแล้วชื่นใจค่ะ คุณ komodo ที่ยกเอาคำสอนของท่านมาเตือนสติกัน อ่านอีเมล์ข้างบนเห็นมีชื่อ k.. คงหมายถึงคุณ komodo ใช่ไหมค่ะ ขอโมทนาด้วย แต่คิดว่าคงเข้าใจเจตนาของผู้ทำเว๊บนะคะ ที่ได้เตือนสติพวกเรา ธรรมดาของผู้มีประสบการณ์ย่อมเห็นอะไรที่เรายังมองไม่ถึง การเทิดทูนบูชาคุณของหลวงพ่อ ยังไม่สายเกินไปที่จะแก้ไขด้วยการทำตามที่ท่านแนะนำ เพราะเมื่อได้อ่านแล้วก็คิดว่าการที่พระผู้ใหญ่ฝากมาเตือน ในฐานะที่ท่านอยู่กับหลวงพ่อมาก่อน ท่านย่อมมองเห็นเหตุการ์ได้ไกลกว่าพวกเรานะคะ

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 13/8/10 at 23:00 [ QUOTE ]


ยังไงหนอ...

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 14/8/10 at 06:43 [ QUOTE ]


เมื่อเดือนที่แล้วได้ไปพักปฏิบัติธรรมกับเพื่อนที่วัด ระหว่างที่พักอยู่นั้นมีคนในวัดชักชวนให้ไปที่บ้านปฏิบัติธรรมข้างวัด (ที่ตั้งชื่อเลียนแบบว่า "อาศรม") ต่อมาก็มีคนอยู่กลุ่มหนึ่งเดินทางมาพักที่วัด ก็ได้ชวนให้อ่านหนังสือของคุณหมอท่านหนึ่งเช่นกันคะ
พวกเราก็แปลกใจว่าเพราะปกติก็ไปค้างปฏิบัติธรรมทุกปี แต่ทำไมในปีนี้คนที่พักอาศัยประจำอยู่ในวัดกลับไปยกย่องพระอาจารย์รูปหนึ่งที่อยู่ข้างวัด ชวนให้ไปหาท่านไปฟังธรรมกัน อีกกลุ่มหนึ่งก็บอกให้อ่านหนังสือที่ไม่ใช่ของวัด มันอะไรเกิดขึ้นในวัดค่ะ ทั้งที่ภายในวัดก็เปิดเทปหลวงพ่อสอนอยู่เป็นประจำอยู่แล้วนี่คะ

อีกอย่างหนึ่งเวลามีคนมาจากต่างประเทศ คนที่อยู่ประจำในวัดจะห้อมล้อมเต็มไปหมดเลยคะ แต่ถ้ามาจากต่างจังหวัดอย่างพวกเรา รู้จักกันสักพักเขาก็ไม่สนใจแล้วละคะ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 14/8/10 at 10:39 [ QUOTE ]


ถ้อยคำที่เวปดังใช้โฆษณาในเวปไซด์ ที่ทางวัดท่าซุงไม่รู้เรื่องด้วย



แจกฟรี DVD หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
แจกฟรี CD เสียงคำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และท่านจิตโต ทั่วโลก


รวมคำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง 1 ชุด มี 2 แผ่น DVD ชุดนี้ผมได้รับแจกมา เมื่อได้ฟังธรรมะของหลวงพ่อแล้ว รู้สึกว่าฟังเข้าใจง่าย ได้ข้อธรรมมากมาย จากพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ฟังแล้วปลาบปลื้มปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง เหมือนหลวงพ่อท่านมาสอนเราเอง ก็อยากให้คนอื่นๆ มีโอกาสได้ฟังธรรมะขององค์หลวงพ่อเช่นเดียวกับเรา

แล้วท่านก็เคยบอกด้วยว่า ธรรมะที่ท่านสอนเป็นธรรมะของพระพุทธเจ้า ถ้านำไปเผยแพร่เป็นสาธารณะก็เอาไปเผยแพร่ได้เลยไม่ต้องขอ ดังนั้นผมจึงได้เริ่มโครงการนี้ขึ้นมาครับ หากท่านใดรับไปแล้วนำไป ไรท์แจกต่อๆ กันไปเพื่อเป็นธรรมทานก็จะเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ครับ สาธุๆ




.......นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาก สำหรับคนที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อทั่วไป ไม่ว่าเก่าหรือใหม่ อยากจะถามคนที่ทำแบบนี้ แล้วที่อ้างว่าเป็นลูกศิษย์ของท่านด้วยนะ

๑. ตามที่อ้างคำของพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่า

......"แล้วท่านก็เคยบอกด้วยว่า ธรรมะที่ท่านสอนเป็นธรรมะของพระพุทธเจ้า ถ้านำไปเผยแพร่เป็นสาธารณะก็เอาไปเผยแพร่ได้เลยไม่ต้องขอ.."

ถามว่าได้ยินกับหูของตนเองหรือไม่ เพราะทีมงานฯ ได้สอบถามผู้ที่อยู่ในวัดมาก่อน แม้แต่เจ้าหน้าที่จำหน่ายที่ตึกรับแขกในวัดท่าซุง ไม่เห็นมีใครบอกว่าเคยได้ยินกัน คุณหูแว่วไปเองหรือป่าว สมมุติว่าถ้าเป็นจริงเช่นนั้น ทางวัดทำไมไม่ทำแจกเองละ ปล่อยให้คุณมาทำแจกทำไมให้เปลืองทุนเปลืองแรงนะ ข้อนี้ไม่โมเมไปหน่อยรึ อ้างว่าธรรมทาน แต่ลิขสิทธิ์เวลานี้เป็นของท่านเจ้าอาวาสองค์ใหม่แล้วนะ ตามกฎหมายเขาแจ้งความติดคุกเอาง่ายๆนะ

ความจริงเรื่องนี้ คนที่มาทีหลังแต่อยากจะยกย่องให้อาจารย์ของตนเองดัง น่าจะฟังคำของพระเดชพระคุณหลวงพ่อสักหน่อยกันไหม ทีมงานขอรีเลย์มาจากพระในวัดรุปหนึ่ง ท่านได้ยินหลวงพ่อเล่าไว้ว่า ในสมัยที่ "หนังสือประวัติหลวงพ่อปาน" พิมพ์ออกมาใหม่ๆ ท่านได้แจกให้ชาวบ้านแถวนั้นหลายสิบคน ภายหลังท่านถามว่าอ่านหนังสือบ้างแล้วหรือยัง มีคนตอบว่ายังไม่ได้อ่านเลยครับ ตั้งแต่นั้นมาท่านไม่แจกให้ใครอีกเลย ท่านบอกว่า ถ้าไม่ซื้อกันเสียบ้างก็ไม่รู้คุณค่า ให้ฟรีนี่ไม่มีประโยชน์เลย...! นี่ให้สังเกตไว้ว่าบุคคลเหล่านี้ ได้ทำตามวัตถุประสงค์ของครูบาอาจารย์บ้างหรือไม่

๒. เป็นการกระทำที่เหมาะสมหรือ ที่แจกซีดีครูบาอาจารย์ และแจกซีดีของลูกศิษย์ด้วยกัน ไม่ทำให้คนเขาดูหมิ่นว่า เป็นการตีตนเสมอท่าน หรือลอกเลียนแบบ หรือว่าวัดรอยเท้าของท่านหรือไม่ ถ้าจะแจกทำไมไม่แจกเฉพาะซีดีอาจารย์ของตนเอง ไม่น่าจะดึงเอาครูบาอาจารย์มาเหยียบย่ำทำลายด้วย หรือผู้อ่านเห็นว่าการกระทำเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เหมาะสม เป็นสิ่งที่สมควร เป็นสิ่งที่ประเสริฐ สมกับเป็นลูกศิษย์ที่ดีมีความกตัญญู และมีคุณธรรม เพราะเป็นบอกว่าธรรมทานอันสูงสุดจริงหรือ ?

๓. อ้างว่าเป็นเวปเผยแผ่พระพุทธศาสนา แล้วมีการบอกบุญหาทุนทำเซฟเวอร์เปนของตนเอง ถามใครก็บอกว่าช่วยกันทำเวปเป็นการกุศล แล้วค่าโฆษณาเวปตามที่เห็นนี่ (แต่ก่อนนี้ไม่เห็นมีรับจ้างโฆษณา) และรายได้อื่นๆ เกี่ยวกับวัตถุมงคลที่ทำขึ้น หรือหนังสือธรรมะที่เคยพิมพ์ออกจำหน่าย และอื่นๆ อีกไม่รู้นะ ผลประโยชน์เหล่านี้ทั้งหมดนี้ตกไปอยู่กับผู้ใดบ้าง บอกว่าทำเป็นบุญเป็นกุศลนะ มีการแจ้งมีการเปิดเผยบัญชีรายรับรายจ่ายหรือไม่ ?

ทีมงานฯ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 14/8/10 at 11:18 [ QUOTE ]


จะยังไงก็ช่างเถิด ใครก็ตามเรียกตัวเป็นศิษย์วัดท่าซุงก็ควรยึดถือเอาปฏิปทาของหลวงพ่อเป็นแบบ อย่าออกนอกลู่นอกทาง ถ้าเผอิญมีใครเขาติติงอะไรมาก็ความหันกลับมามองตัวเองเป็นอันดับแรกว่าเราประพฤติตัวไม่เหมาะสมจริงตามเขาว่าไหม ออกนอกลู่ทางที่หลวงพ่อวางไว้ให้อย่างดีแล้วหรือไม่ ถ้าจริงก็ปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ให้สมกับที่เรียกตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อ

การยกเอาคำหลวงพ่อมาโพสต์บอกว่าเพื่อเตือนสติตนเอง ไม่มีเจตนากระทบถึงใคร อันนี้ใจของท่านย่อมทราบดีว่าจริงๆ แล้วท่านมีเจตนากระทบคนอื่นหรือไม่ ท่านมุสาหรือไม่ จะเตือนสติตัวเองทำไมมาโพสต์เป็นสาธารณะ ธรรมดาคนจะเตือนสติตัวเองน่าจะอ่านหรือฟังธรรมอยู่คนเดียวมีใช่หรือ

การสนใจจริยาบุคคลอื่น หรือการเพ่งโทษ อันนี้เห็นมามาก พอเห็นใครเขาพูดถึงบุคคลอื่นเข้าหน่อยก็ว่าเขาสนใจจริยาคนอื่น บอกว่าผิดคำสอนหลวงพ่อทันที ไม่ดูว่าที่พูดเขามีเจตนาอย่างไร หลวงพ่อพูดถึงพระเทวทัตบ่อยๆ ถ้าบังเอิญพระเทวทัตท่านมาได้ยินเข้าแล้วกล่าวหาว่าหลวงพ่อสนใจจริยาของท่าน เพ่งโทษท่าน เราจะคิดอย่างไร

ธรรมดาการสอนหรือการชี้แจง หรือการแนะนำเตือนสติกันก็อาจต้องยกตัวอย่างหรือเปรียบเทียบให้เห็น ก็ควรดูเจตนาของผู้พูดจะดีกว่า ต้องแยกแยะเจตนาเสียก่อน

อีกอย่างที่เห็นมามากนะครับ คือการยกเอาธรรมะมาใช้ทะเลาะกัน เอาชนะกันในเรื่องส่วนตัว (ใจจริงไม่ได้คิดยกเอามาสอน) ธรรมะเป็นของสูงนะครับ ถ้าระลึกอยู่เสมอว่าธรรมะเป็นของสูงก็จะไม่มีทางกระทำเช่นนี้เป็นแน่ แต่โดยมากที่เห็นมานะครับ ผู้กระทำเช่นนี้กลับมักได้รับคำยกย่องชมเชยว่าเป็นผู้มีธรรม ท่านทั้งหลายลองพิจารณากันดูเถิด


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 14/8/10 at 11:35 [ QUOTE ]


การเรียกชื่อตัวเองด้วยฉายา นั้นกระผมมีความรู้สึกเห็นพ้องตามคำปรารภของหลวงพ่อครับ ว่าเป็นกิเลส เพิ่มความถือตัวถือตนให้กับตนเอง

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 14/8/10 at 12:14 [ QUOTE ]


การที่ทางวัด (โดยเวบมาสเตอร์) มาชี้แจงเรื่องของวัด โดยเฉพาะเรื่องที่มีผลกระทบต่อชื่อเสียงของวัดและหลวงพ่อ ที่เกิดจากการบริหารภายใน เช่นมีพระถูกให้ออกจากวัดนั้น ดีมากครับ ขอโมทนาอย่างสูง และการที่แจ้งถึงธรรมเนียมหรือข้อวัตรบางอย่างที่ควรหรือไม่ควรปฏิบัติที่หลวงพ่อเคยพูดไว้ให้ทราบนั้นก็ โมทนาด้วยอย่างสูงครับ แต่ที่ไม่เห็นด้วยคือไม่ควรไปก้าวก่ายอ้างถึงบุคคลคณะอื่นว่าทำไม่ถูกไม่ควร ถ้าจะทำก็ทำให้ถูกกฏหมายเลยครับเช่น ฟ้องศาลไปเลย การไปว่ากล่าวอย่างที่พาดพิงลงอินเตอร์เน็ตนี้ ผมว่า ยิ่งทำให้ทางวัด หรือเวบหรือหลวงพ่อเสื่อมเสียมากกว่าครับ ถ้าท่านเวบมาสเตอร์จะกล่าวถึงข้ออันเป็นสิทธิ์หรือคำสอนหลวงพ่อที่เคยสอนไว้เป็นข้อๆ คราวๆ ไป คนที่มาอ่านย่อมพิจารณาได้เองบ้างว่า มันหมายถึงการกระทำไหน ที่ไหนครับ

ด้วยความนับถือและเคารพอย่างสูง


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 14/8/10 at 12:41 [ QUOTE ]


ขอบคุณ เด็กข้างสวนไผ่ มากครับที่ให้สติ และให้คำแนะนำ ทีมงานฯ ยินดีรับฟังข้อคิดเห็นนะครับ แต่ขออนุญาตนำเว็บอื่นที่นำมาเป็นตัวอย่างออกไป เพราะจะทำให้คุยยากขึ้น ผมอยู่ไกลจากวัดมาก ผมได้เปิดอ่านแล้ว แต่คุณอาจจะอยู่ข้างวัด หรือข้างสวนไผ่ คงมีเวลาน่าจะอ่านกระทุ้ทั้งหมดให้ละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ

จะเห็นว่าทางทีมงานฯ ไม่ได้ก้าวก่ายอ้างถึงบุคคลอื่นในทางเสียหาย เพียงแต่นำมาชี้แจงการกระทำให้คนอ่านพิจารณากันเองอยู่แล้ว คนในบ้านทะเลาะมีปากเสียงกันบ้าง เช่น พี่ว่ากล่าวตักเตือนน้องด้วยความหวังดี อย่างนี้ถึงกับขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่หนักไปหน่อยเหรอครับ ทำไมไม่มองดูการกระทำที่ชี้แนะไปละครับ

แล้วที่บอกว่าการพาดพิงลงในอินเตอร์เน็ตต่างๆ ไม่ทำให้เวปหรือหลวงพ่อเสียหายหรือ ความจริงเวปที่ดังๆ เอาไปลง เวปอื่นก็พลอยลอกต่อไปอีกหลายเวป ผมก็คร้านที่จะนำมาเล่านะ และเวลานี้เว็บวัดท่าซุงไม่เสียหายอะไร แต่วัดของหลวงพ่อเรานั่นแหละเสียหายป่นปี้ไปหมดแล้ว ถ้าคุณเด็กข้างสวนไผ่จะหวังดีต่อทีมงานจริงๆ ก่อนที่จะเสื่อมเสียไปมากกว่านี้ ทำไมไม่มาให้คำแนะนำตั้งแต่ทีแรกละครับ

ทั้งที่เรื่องนี้ผ่านมาหลายปีแล้วนะ นี่จะเอาความดีกันแค่ไม่กี่นาทีเองเหรอ คนที่เขาเตรียมเรื่องนี้มานานนะ มันทั้งเหนื่อยและหนัก เห็นใจกันบ้าง คุณไปย้อนอ่านทบทวนกระทู้ทั้งหมดในเวปนี้แล้วหรือยัง ถ้าอ่านแล้วจะพบว่าทีมงานฯ ได้ตักเตือนเบาๆ ก่อน โดยไม่ระบุชื่อไม่ระบุเวป โดยเฉพาะท่านเวปมาสเตอร์ตัวจริง (ไม่ใช่ตัวปลอมอย่างพวกเรานะครับ) ท่านยังให้ความเมตตาอยู่เสมอ เพราะถ้าท่านจะมีอคติจริงๆ ท่านคงชี้แจงความจริงไปนานแล้ว ไม่เคยถือโทษโกรธตอบ แต่ท่านบอกว่ายังไม่ได้อะไร มีคนถามเหมือนกัน ว่าหลวงพี่ชัยวัฒน์เป็นพระอรหันต์แล้วยัง (คงได้ยินคนข้างวัดพูดกันมากละมั้ง) ท่านฝากบอกว่ายังไม่ได้อะไรเลย อาจจะยังมีสิทธิ์ลงนรกอยู่นะ แล้วท่านก็ฝากบอกว่าอย่ามาหาเรื่องกันมาก ท่านยังมีอารมณ์สัตว์นรกอยู่นะ ไม่เหมือนผู้ที่บอกว่าได้ๆ กัน น่าจะรู้ล่วงหน้าว่าการพูดการตำหนิผู้บังคับบัญชา จะต้องมีสภาพเป็นเช่นนี้

พวกเราถึงได้เตือนไงครับ คนที่ไม่เชื่อเขาก็ไม่เชื่อเหมือนเดิม กาลเวลาผ่านมาหลายปี ถ้าไม่พูดออกมาตรงๆ ก็ยังไม่เห็นรู้สึกตัวกัน กลับยิ่งโหมชักชวนคนใหม่ๆ เข้าแบ่งกลุ่มแบ่งคณะกันมากขึ้น นี่ก็ถึงเวลาที่จะเตือนกันแรงๆ นะครับ แต่ก็เตือนด้วยความปรารถนาดี ไม่มีจิตคิดร้าย คิดอิจฉาริษยากันแน่นอน เอาเหตุเอาผล จะเห็นว่าจะว่ากล่าวใคร จะมีการเอาหลักฐานมาให้ดูด้วย อย่างกรณีที่แจกซีดีไปทั่วโลกนี่นะ ผมว่าจะเวอร์ๆ ไปหน่อยไหม ถ้าเป็นสมัยหลวงพ่ออยู่ละ ทำแบบนี้โดนแน่ ท่านบอกเป็น "อุปกิเลส" เหมือนกัน คืออวดอ้างครูบาอาจารย์เกินไปไงละครับ

สำหรับคำสอนของหลวงพ่อที่อยู่ในลิขสิทธิ์ของวัด มันไม่มีเป็นข้อๆ คราวๆ นะ มันเป็นสิทธิ์ทั้งหมดของวัดท่าซุงโดยชอบธรรมอยู่แล้ว การที่นำเวปเหล่านี้มาลงไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น คุณเด็กข้างสวนไผ่ก็คงจะเห็นอยู่ในเวปนี้มานานแล้ว ทำไมไม่นำเสนอมาตั้งแต่ตอนแรกละ คนอ่านทุกคนก็พิจารณาได้ในกระทู้เหล่านี้ ส่วนใหญ่เขาเข้าใจกันดีจากที่โพสต์เข้ามา แต่มีแปลกอยู่คนเดียว ที่คุณเด็กข้างสวนไผ่เท่านั้น ที่อยู่ข้างวัดเสียเปล่า แต่เพิ่งจะมาเตือน เพิ่งจะมากลัววัดเสียหาย เพิ่งจะออกมาแสดงความหวังดีกับเวปหรือกับหลวงพ่อในตอนนี้ เพียงแค่ไม่ฟ้องร้องถึงศาล ความจริงทีมงานฯ เอามาลงแค่เตือนกันเท่านั้น คงไม่ถึงกับเสียหาย ถ้าเวปวัดท่าซุงเสียหายจริงๆ ทำไมไม่คิดออกมาช่วยเหลือกันบ้างละ อย่าเพียงแค่พูดอยู่ข้างๆ สวนไผ่ซิครับ ออกมาช่วยกันหน่อย คนทำในทีมงานฯ ก็หนักแย่อยู่แล้ว บางคนก็ติดเรียน บางคนก็ติดเกม..เอ้ย ไม่ใช่..ติดงาน รายได้ก็ไม่มี..ทำเวปฟรีให้ทุกอย่าง แถมยังจะถูกด่าอีก

ทีมงานฯ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 14/8/10 at 14:54 [ QUOTE ]


จากคำพูดที่ว่า.....

"แต่ที่ไม่เห็นด้วยคือไม่ควรไปก้าวก่ายอ้างถึงบุคคลคณะอื่นว่าทำไม่ถูกไม่ควร ถ้าจะทำก็ทำให้ถูกกฏหมายเลยครับเช่น ฟ้องศาลไปเลย การไปว่ากล่าวอย่างที่พาดพิงลงอินเตอร์เน็ตนี้ ผมว่า ยิ่งทำให้ทางวัด หรือเวบหรือหลวงพ่อเสื่อมเสียมากกว่าครับ"

น่าคิดนะคะที่ผู้โพสท่านนี้กล่าวว่า ทีมงานเว๊ปวัดท่าซุงไปก้าวก่ายพาดพิงบุคคลคณะอื่น แต่ไม่ฟ้องศาล กลับกลัวว่าจะทำให้ทางวัดหรือเว็บหรือหลวงพ่อเสื่อมเสีย เพียงแค่นำมาเตือนในเน็ตเท่านั้น แต่ไม่กลัวบุคคลคณะอื่นที่ว่าที่ทำผิดนั้น
จะทำให้วัดหรือให้หลวงพ่อเสื่อมเสียบ้าง มันเป็นพวกไหนกันแน่ค่ะ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 14/8/10 at 15:57 [ QUOTE ]


ขอให้กำลังใจกับทีมงาน การนำหัวข้อเรื่องจากเวปอื่นมาชี้แจง เป็นการกระทำที่เหมาะสม ยึดหลักตามแนวคณะสงฆ์วัดท่าซุงอย่างแท้จริง เพราะถ้าไม่มีเหตุ เราก็จะไม่ทราบความจริง บรรดาลูกศิษย์เก่าใหม่ ที่ยึดตามแนวหลวงพ่อจะได้ไม่ไขว้เขว ข้าพเจ้าเคยนึกสงสัยมานานว่าเพราะเหตุใดลุงยกทรงถึงย้ำเตือนกับข้าพเจ้าเสมอว่า "ยึดตามแนวหลวงพ่อและวัดท่าซุงนะ" บัดนี้เพิ่งรู้ว่าที่ประกาศตนเป็นลูกศิษย์นั้น เป็นศิษย์แท้หรือเทียม

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 14/8/10 at 17:44 [ QUOTE ]


ดิฉันเคยคิดค่ะว่า..เสียดายที่มาวัดไม่ทันสมัยที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่..และเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้กราบแทบท้าวเลยซักครั้ง จนเมื่อปี ๒๕๔๕ ได้มีโอกาสมาวัดเป็นครั้งแรก ได้พบหลวงพ่อหน้าพระอุโบสถเป็นความรู้สึกปีติมาก ไม่สามารถบอกใครได้ ได้แต่ตั้งจิตว่า..ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปขอหลวงพ่อได้โปรดน้อมนำดวงจิตของลูกไปสู่ทางที่ถูก..ทางที่ตรง ที่หลวงพ่อได้นำไปก่อนแล้วโดยมิให้ลูกมีโอกาสหลงทางแม้ซักครั้งด้วยเถิด ตั้งแต่บัดนั้นมาดิฉันได้พยายามหาโอกาสมาปฏิบัติธรรมทุกๆปี และพยายามดูจริยาของผู้ที่เป็นคนเก่าๆที่เคยได้รับคำสอนมาก่อนเสมอ ตลอดหลายปีมาก็ไม่เคยผิดหวัง เพราะเจอต้นแบบดีดีมากมาย และแอบภูมิใจเสมอว่า ลูกหลวงพ่อน่ารักน่าเลื่อมใสทั้งนั้นเลย
แต่เมื่อไม่นานนี้เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงมากมาย เกิดอะไรขึ้นกับลูกหลานของพ่อ..ทำไม..ดิฉันมีความรู้สึกว่าลูกหลานของพ่อคลายศัทธาจากคำสั่งและคำสอนของพ่อได้มากขนาดนี้..รุ้สึกสงสารพ่อ..จับใจ..ท่านอุตส่าห ์เสียสละกำลังกายใจเพื่อลูกมากมาย เพื่อวันนี้หรือ...


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 14/8/10 at 17:53 [ QUOTE ]


ขอเป็นกำลังใจ ให้ผู้จัดทำ โปรดอย่าท้อถอยในการทำงานเพื่อ..หลวงพ่อ..และที่สำคัญเพื่อกลุ่มลูกหลานรุ่นหลังที่ยังมาไม่ทันอีกมากมายด้วยค่ะ
ขอกราบโมทนา ทุกอย่างค่ะ อด..ทน อดกลั้น ต่อความเหนื่อยยากอ่อนล้านะคะ ขอเป็นกำลังใจสุดยิ่งค่ะ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 14/8/10 at 21:03 [ QUOTE ]


สมัยเรียนกฏหมาย ยังมีการยก คดีตัวอย่าง จากคดีจริง ๆ มาเปรียบเทียบให้เรียน ดังนั้น การที่ทีมงานยกตัวอย่างจากของจริงมาให้ดู คงไม่ผิดมังคะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะหาว่าพูดยกเมฆ เอาเอง หรืออย่างไรดีคะ ? ดิฉันก็โง่ ๆ อยู่ด้วย
ที่พูดไม่ได้เข้าข้างใครหรือ ข้างใดข้างหนึ่งนะคะ เพียงแต่วิเคราะห์ตามเหตุปัจจัย ดิฉันขอเป็นผู้ฟังที่ดี่ค่ะ
สุดท้ายขอให้รักกันเหมือนเดิมด้วยนะคะ อภัยทาน เป็นทานที่น่าสรรญเสริญยิ่ง


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 14/8/10 at 21:09 [ QUOTE ]


การชี้แจงเป็นเรื่องที่ดี หากทางทีมงานเว็บฯ ไปพบเจอหรือมีใครแจ้งมา ในเรื่อง "ที่จะทำให้เข้าใจผิดหรือผิดไปจากระเบียบที่หลวงพ่อได้วางไว้" "ว่าที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร"

แต่อยากให้ใช้คำที่ตรงๆ ไปเลย และเน้น แก้ในสิ่งที่ผิดหรือเข้าใจผิด มากกว่า การใช้สำนวนออกแนวกระทบกระเทียบ หรือเหน็บแนม แบบนี้อ่านแล้วก็ตะขิดตะขวงใจอยู่

ชี้แจงแบบเรียบๆ จะดีกว่านี้นะคะ แล้วอีกอย่าง ถ้ามีคนท้วงติง ทีมงานก็ต้องรับฟังด้วย เรื่องการชี้แจง แบบไหนจะเหมาะสม จะชี้แจงเรียบๆ หรือ จะแต่งนิยาย หรือจะไปพูดเทียบอะไร คือ อยากให้ระวังๆ มากๆ เดี๋ยวจะเหมือนกับว่า ว่าเขาแต่เราทำกิริยาไม่งามซะเอง

รับไว้พิจารณาด้วยแล้วกันนะคะ แล้วก็ถ้ามีคนไม่เห็นด้วยหรืออย่างไร ทีมงานก็ตั้งใจทำเว็บเพื่อเผยแพร่ข่าวสารของทางวัดจริงๆ แล้ว ก็ต้องอดทดและมุมานะต่อไปนะคะ

ขอบคุณค่ะ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 15/8/10 at 01:28 [ QUOTE ]


Quote:
Originally posted by หยก
อ่านแล้วชื่นใจค่ะ คุณ komodo ที่ยกเอาคำสอนของท่านมาเตือนสติกัน อ่านอีเมล์ข้างบนเห็นมีชื่อ k.. คงหมายถึงคุณ komodo ใช่ไหมค่ะ ขอโมทนาด้วย แต่คิดว่าคงเข้าใจเจตนาของผู้ทำเว๊บนะคะ ที่ได้เตือนสติพวกเรา ธรรมดาของผู้มีประสบการณ์ย่อมเห็นอะไรที่เรายังมองไม่ถึง การเทิดทูนบูชาคุณของหลวงพ่อ ยังไม่สายเกินไปที่จะแก้ไขด้วยการทำตามที่ท่านแนะนำ เพราะเมื่อได้อ่านแล้วก็คิดว่าการที่พระผู้ใหญ่ฝากมาเตือน ในฐานะที่ท่านอยู่กับหลวงพ่อมาก่อน ท่านย่อมมองเห็นเหตุการ์ได้ไกลกว่าพวกเรานะคะ


โมทนาครับ ผมเจตนาเตือนตนเองมิให้ตอบโต้ใด ๆ เพราะปกติ ผมจะต้องตอบคำถามหรือข้อสงสัยที่พาดพิงถึงผม แต่ด้วยความเคารพหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ประกอบกับเว็บนี้เป็นเว็บที่ได้รับสิทธิ์ในการเผยแพร่จากวัดท่าซุง การโต้ตอบใด ๆ ย่อมทำให้ผู้อื่นมองว่า ลูกหลานหลวงพ่อเกิดความแตกแยกกัน ดังนั้น ผมจึงขอไม่โต้ตอบใด ๆ เพราะผมเชื่อว่า ทุกคนก็เคารพและเทิดทูนหลวงพ่อเหมือนกัน

สำหรับโพสต์เตือนตนของผมนั้น ผมโพสต์เพื่อเตือนตนว่า เมื่อใดที่ผมเข้ามาอ่านโพสต์นี้ ผมจะเห็นคำสอนหลวงพ่อ และจะเตือนตัวเองว่า เรายังเลวอยู่ ดังนั้น อย่าไปโต้ตอบคนอื่นเขา ไม่ว่าใครจะมองผมในแง่มุมใดก็ตาม ผมเชื่อว่า เจตนาที่บริสุทธิ์ของผมนั้น หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านรับรู้ และคำสอนที่ท่านได้มอบไว้แก่ลูกหลานให้ "พิจารณาความเลวของตนเอง มากกว่าพิจารณาคนอื่น" เป็นเรื่องที่พวกเราทุกคนต้องรับฟัง และพิจารณาว่า หลวงพ่อท่านหมายถึงอะไร ผมไม่ต้องการโต้ตอบ หรือ โต้แย้งใด ๆ เพื่อให้กระทบถึงวัดท่าซุง แม้หลายเรื่องที่ทีมงาน ฯ อาจจะได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องมา ทำให้เข้าใจผิดได้

ผมขอโมทนาในความตั้งใจทำเว็บของทีมงาน ฯ และตระหนักดีว่า เว็บธรรมะทุกเว็บ ไม่ว่าจะเป็นเว็บใด ๆ ล้วนต้องการเผยแพร่พระศาสนา และรักษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ทั้งสิ้น

แต่ในฐานะที่ผมเคารพรักหลวงพ่อพระราชพรหมยาน และรักวัดท่าซุง ผมขออนุญาต "เสนอความเห็น" ต่อทีมงาน ฯ ว่า

"การพิมพ์ข้อความใด ๆ ของท่านในเว็บวัดท่าซุงนั้น ผู้ที่เข้ามาอ่าน (อาจจะ) เข้าใจว่าเป็นความเห็นของวัดท่าซุง ดังนั้น ผมขอความกรุณา อย่านำความเห็นส่วนตัวของทีมงาน ฯ มาใช้ในการกล่าวพาดพิงบุคคลอื่นใดในทางเสียหาย และทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นความเห็นจากทางวัด เพราะโดยปกติวัดท่าซุงจะไม่ตอบโต้กับบุคคลอื่น กรณีที่ทีมงาน ฯ อ้างถึงความเห็นของพระผู้ใหญ่ท่านใด กรุณาระบุชื่อของพระรูปนั้นด้วย เพื่อที่ผู้ถูกพาดพิงจะได้เข้าไปเรียนชี้แจงและทำความเข้าใจให้ถูกต้องได้

ผมขอเสนอเพิ่มเติมว่า ในฐานะที่ท่านเป็นทีมงานเว็บวัดท่าซุงนั้น ท่านควรระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในการกระทำที่ (อาจจะ) กระทบกระเทือนถึงวัดท่าซุงให้มาก เพราะวัดเป็นเขตอภัยทาน เว็บของวัดก็ย่อมเป็นเขตอภัยทานเช่นกัน เรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องในอดีตที่ผ่านมา แม้บุคคลนั้นจะทำดีหรือไม่ดีก็ตาม ไม่ควรรื้อฟื้น เพราะเราไม่รู้ภูมิธรรมของผู้ถูกกล่าวหาในปัจจุบันว่าเป็นเช่นไร นอกจากนั้นเราควรจะพิจารณาจากสิ่งที่บุคคลนั้นทำในปัจจุบันโดยใช้หลักเมตตาธรรม เช่นเดียวกับพระพุทธองค์โปรดพระองคุลีมาล หรือ พระเทวทัตแม้จะทำผิดเพียงใด แต่สุดท้ายก็ยังมีโอกาสกลับมาตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าได้ เป็นต้น

ผมขอเรียนปรึกษาทีมงาน ฯ ว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ที่ทีมงาน ฯ จะเสนอข้อความหรือความเห็นใด ๆ ที่ต้องการโพสต์ในเว็บวัดท่าซุง ให้ท่านเจ้าอาวาสพิจารณาก่อนเผยแพร่ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวัดโดยตรง และเป็นธรรมต่อบุคคลอื่นที่ถูกพาดพิง ที่สำคัญ คือ เพื่อป้องกันการโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและอาจจะกระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงของวัดท่าซุงได้ และจะเป็นการรักษาชื่อเสียงของหลวงพ่อพระราชพรหมยานและวัดท่าซุงอันเป็นที่รักของเราทุกคนได้ นอกจากนั้น ยังเป็นการป้องกันข้อครหาว่า ทีมงาน ฯ โพสต์ข้อความด้วยความเห็นส่วนตัวโดยพลการอีกด้วย"

สำหรับความเห็นต่างระหว่างทีมงาน ฯ กับเว็บไซต์อื่น ๆ นั้น ผมเชื่อว่า หากเราเปิดใจคุยกัน และทำความเข้าใจให้ตรงกัน ผมมั่นใจว่า ปัญหาต่าง ๆ จะคลี่คลายได้ในที่สุด ผมเชื่อว่า หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านคงจะดีใจหากลูกหลานเป็นปึกแผ่นเดียวกัน ปัญหาบางเรื่องเป็นเพียงเส้นผมบังภูเขาครับ แค่ลดทิฐิระหว่างกันลง และกรุณาอย่าโยงให้เป็นปัญหาของวัดกับเว็บเลยครับ เพราะจริง ๆ แล้ว เป็นปัญหาระหว่าง ทีมงาน ฯ กับ ทีมงานเว็บอื่น ๆ มากกว่า ซึ่งเราต้องช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่ขยายปัญหาให้ลุกลาม และกลายเป็นการเผาบ้านตนเองครับ

ขอร้องนะครับว่า ช่วยกันรักษาสมบัติพ่อให้ด้วยมือของพวกเราทุกคนดีกว่า อย่าให้สมบัติอันล้ำค่าของหลวงพ่อ ต้องถูกทำลายด้วยมือของลูกหลานของหลวงพ่อเลยครับ

กรรมใดที่เคยล่วงเกินทุกท่าน ก็ต้องกราบขออโหสิกรรมทุกท่านไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
และขอยืนยันว่า ที่โพสต์มาทั้งหมดมิได้ประสงค์ที่จะตำหนิใคร แต่ที่จำเป็นต้องโพสต์
ก็เพื่อเตือนสติตนเอง และผู้ที่เกี่ยวข้องให้นึกถึงหลวงพ่อพระราชพรหมยานให้มาก ๆ
ท่านใดที่ได้มโนมยิทธิแจ่มใส ก็สามารถไปกราบเรียนปรึกษาหลวงพ่อที่พระนิพพานได้

ก็ขอจบการแสดงความเห็นเพียงเท่านี้ หากทีมงาน ฯ เห็นว่า ไม่เหมาะสม
โปรดลบโพสต์นี้ออกจากระบบด้วยนะครับ

โมทนา

หมายเหตุ : ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผม ไม่เกี่ยวข้องกับเว็บใด ๆ ทั้งสิ้น


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 15/8/10 at 06:22 [ QUOTE ]


ตามความเห็นคิดว่าการชี้แจงอ้อมๆก็ดีนะคะ เพราะเป็นเรื่องภายในที่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น สมัยพระเดชพระคุณท่านอยู่ก็ต้องเล่าเป็นนิทาน เพราะคนอ่านไม่เหมือนกัน การเขียนตรงๆในที่สาธารณะเช่นนี้ คงเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ได้ ส่วนการคุยเรียบๆคงไม่ยาก เราก็หาอ่านกันเป็นประจำอยุ่แล้ว แต่ที่มีกระทบกระเทียบกันบ้างคงเป็นสำนวนการเขียนที่ติติงมากกว่า แต่อย่างไรก็ไม่สำคัญเท่าเนื้อหาสาระ ที่เราไม่เคยรู้ละเอียดมาก่อนนี่เลยซิคะ

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 15/8/10 at 09:41 [ QUOTE ]


อยากไปนิพพาน ครับ

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 15/8/10 at 10:01 [ QUOTE ]


ผมไม่ทันร่วมสร้างวิหารทานที่หลวงพ่อได้สร้างไว้มากมายแต่ผมจะร่วมรักษาให้คงไว้กับหลวงพ่อพระครูปลัดอนันต์ สิ่งใดที่หลวงพ่อสร้างและสั่งสอนขอให้พวกเราที่ใช้คำว่า ลูกศิษย์ได้ร่วมมือกันรักษาและสามัคคีกันอย่าได้ขัดแย้ง หลวงพ่อเดิมพันด้วยชีวิตของท่านทุกลมหายใจ-ท่านมีแต่ธรรมะของพระพุทธเจ้าคำว่าลูกศิษย์อย่าใช้แค่เพียงลมออกจากปาก มันจะต้องออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจหวนระลึกถึงวันที่หลวงพ่อจะจากพวกเราไป หัวใจที่ประดุจดั่งเพชรของท่านไม่ยอมไปโรงพยาบาล ท่านจะไปโปรดลูกศิษย์ที่บ้านสายลม ทั้งๆๆๆที่สังขารท่านไม่ไหวแล้ว ขณะนี้ที่บ้านพ่อมีเรื่องไม่ค่อยดี ขอให้พี่ๆๆน้องๆๆสามัคคีกันไว้อย่าไปเข้าทางภายนอกบ้าน นึกถึงบารมีของหลวงพ่อไว้ หัวใจของผมถวายวัดท่าซุงหมดแล้ว รักและเทิดทูนองค์หลวงพ่อพระราชพรหมยานชั่วชีวิตจะหาไม่ ผมขออนุโมทนาทุกดวงจิตที่ปฎิบัติดีตามคำสั่งสอนของหลวงพ่อ

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 15/8/10 at 14:24 [ QUOTE ]


เป็นลูกที่ดีของหลวงพ่อกันดีกว่า

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 15/8/10 at 15:51 [ QUOTE ]


......ผมยินดีทำตามคุณ pizzawithaj ที่แนะนำให้เขียนตอบเรียบๆ ตรงไปตรงมานะครับ

......และขอโมทนาคุณ kodomo เช่นกันครับกับคำที่ว่า "ผมไม่ต้องการโต้ตอบ หรือ โต้แย้งใด ๆ เพื่อให้กระทบถึงวัดท่าซุง แม้หลายเรื่องที่ทีมงาน ฯ อาจจะได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องมา ทำให้เข้าใจผิดได้"

......ทางทีมงานฯ ก็มีเจตนาเช่นเดียวกันครับ แต่เมื่อได้รับข้อมูลว่า มีเวปที่จำหน่ายวัตถุมงคลของวัดท่าซุงรวมอยู่ด้วย จึงจำเป็นต้องคุยกันยาวสักหน่อย คุณ kodomo กรุณาอ่านต่อไปว่า คณะทีมงานฯ ที่ช่วยกันค้นหาข้อมูลมานี้ถูกต้องไหม ท่านผู้อ่านกรุณาช่วยกันตรวจสอบด้วยนะครับ



......."พระเครื่อง" วัดท่าซุงมีชื่อเสียงไม่ใช่น้อย ถ้าหากมีการนำประวัติผู้ที่เกี่ยวข้องมาเล่า เพื่อเป็นการประโคม คงได้ลูกค้าอีกมากมาย แถมโฆษาแถมท้ายอีกว่า "ห้อยพระหลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุงไว้ จะไม่ตายก่อนอายุขัยและกระดูกจะไม่หัก" ใครเป็นลูกศิษย์วัดท่าซุงที่แท้จริง ลองไปคิดตรองดูซิครับ ว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นจริงอย่างไร ใครเชี่ยวชาญวัตถุมงคลวัดท่าซุงจริง น่าจะไปหาข้อมูลมาเพิ่มเติมว่าเป็นเช่นนั้นหรือ ถ้าไม่เป็นจริง ใครเสียหาย เวปดังไม่เสียหายกลับได้สตางค์ แต่วัดท่าซุงซิครับ แล้วหลวงพ่อที่บอกว่าเคารพนับถือละ เชื่อได้ไหมครับ

.....และการที่บอกว่า "ผมขอโมทนาในความตั้งใจทำเว็บของทีมงาน ฯ และตระหนักดีว่า เว็บธรรมะทุกเว็บ ไม่ว่าจะเป็นเว็บใด ๆ ล้วนต้องการเผยแพร่พระศาสนา และรักษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ทั้งสิ้น" ทีมงานฯ อยากให้คิดรอบคอบนะครับ ว่าเวปที่ดีมีพลังมหาศาล น่าจะเป็นเวปตัวอย่างที่ดีในทางพระพุทธศาสนา แต่ทำไมถึงเข้าไปอยู่ในวงการนี้ได้ละครับ ถ้าไม่บอกว่ามีผลประโยชน์มหาศาลนะ



("วัตถุมงคลของวัดท่าซุง" วางตามแผงพระรวมอยู่ด้วย มีหลายแบบด้วยกัน ไม่รู้ว่าจริงหรือปลอม ใครเชียวชาญช่วยตรวจสอบ แล้วแจ้งมาด้วยนะครับ ** สังเกตให้ดีจะมีชื่อว่าใครเป็นผู้โพส ** ถ้าใครเคยเข้าไปอ่านกระทู้บ่อยๆ คงจำได้ว่าเป็นใคร มีสองชื่อแต่คนเดียวกัน ที่ไปโพสอยู่ในเวปใหญ่เกี่ยวกับ "ธรรมะ" แต่มาโพสอยู่ในเวปเกี่ยวกับ "พระเครื่อง" ด้วยนะครับ)

.......แล้วคุณบอกอีกว่า "การพิมพ์ข้อความใด ๆ ของท่านในเว็บวัดท่าซุงนั้น ผู้ที่เข้ามาอ่าน (อาจจะ) เข้าใจว่าเป็นความเห็นของวัดท่าซุง ดังนั้น ผมขอความกรุณา อย่านำความเห็นส่วนตัวของทีมงาน ฯ มาใช้ในการกล่าวพาดพิงบุคคลอื่นใดในทางเสียหาย และทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นความเห็นจากทางวัด เพราะโดยปกติวัดท่าซุงจะไม่ตอบโต้กับบุคคลอื่น กรณีที่ทีมงาน ฯ อ้างถึงความเห็นของพระผู้ใหญ่ท่านใด กรุณาระบุชื่อของพระรูปนั้นด้วย เพื่อที่ผู้ถูกพาดพิงจะได้เข้าไปเรียนชี้แจงและทำความเข้าใจให้ถูกต้องได้

.......ผมขอเสนอเพิ่มเติมว่า ในฐานะที่ท่านเป็นทีมงานเว็บวัดท่าซุงนั้น ท่านควรระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในการกระทำที่ (อาจจะ) กระทบกระเทือนถึงวัดท่าซุงให้มาก เพราะวัดเป็นเขตอภัยทาน เว็บของวัดก็ย่อมเป็นเขตอภัยทานเช่นกัน เรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องในอดีตที่ผ่านมา แม้บุคคลนั้นจะทำดีหรือไม่ดีก็ตาม ไม่ควรรื้อฟื้น เพราะเราไม่รู้ภูมิธรรมของผู้ถูกกล่าวหาในปัจจุบันว่าเป็นเช่นไร นอกจากนั้นเราควรจะพิจารณาจากสิ่งที่บุคคลนั้นทำในปัจจุบันโดยใช้หลักเมตตาธรรม เช่นเดียวกับพระพุทธองค์โปรดพระองคุลีมาล หรือ พระเทวทัตแม้จะทำผิดเพียงใด แต่สุดท้ายก็ยังมีโอกาสกลับมาตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าได้ เป็นต้น"


........เรื่องนี้แนะนำง่ายและก็ทำไม่ยากครับ เพราะเรื่องนี้ทางทีมงานฯ ไม่ได้เป็นต้นเหตุ ความจริงเรื่องเกิดขึ้นมานานเกือบสิบปี เวปวัดท่าซุงเปิดมาได้ ๒ ปี ทีมงานฯ ก็เผยแพร่ผลงานของวัดท่าซุงมาตลอด ช่วยทั้งงานในวัดและนอกวัด บางครั้งก็ชวนพรรคพวกมาช่วยกิจกรรมภายในวัด หรือไม่ก็ร่วมเดินทางไปกับหลวงพ่อพระครูปลัดฯ และหลวงพี่ชัยวัฒน์ เป็นต้น มีข่าวอะไรท่านก็เล่าให้ฟังเสมอ

........ทีมงานฯ หลายคนจึงถือว่ามีข้อมูลดีพอสมควร พอที่จะแก้ไขสถานการณ์ได้ในเวลาคับขัน อย่างเช่นกรณีที่มีการเดินขบวนปีที่แล้ว มีการลงข่าวในหนังสือพิมพ์ว่า หลวงพ่อฤาษีลิงดำพยากรณ์บ้านเมืองไว้อย่างนั้นอย่างนี้ ทางทีมงานฯ ก็สามารถอาศัยสื่อของวัด คือเวปไซด์นี้แหละ แจ้งข่าวความจริงไปให้เขาทราบ ซึ่งสามารถชี้แจงระงับเหตุการณ์ที่จะเสื่อมเสียให้กับทางวัดได้ทันท่วงที ในกรณีจะมีข้อซักถามบางเรื่อง ที่จะก่อชนวนให้แตกร้าวระหว่างกัน ทางทีมงานฯ ก็ปิดเวปบอร์ดในบางครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้มีเรื่องทะเลาะกัน แต่ถ้ามีเรื่องหรือมีเหตุสมควร อย่างกรณีที่จะมีงานครบรอบมรณภาพ ๑๘ ปี ในวันที่ ๒๕-๒๖ กันยายนนี้ ทางทีมงานก็เปิดกระทู้นี้ ให้สมาชิกได้เข้ามาโพสต์ข้อความ เพื่อแต่งบทกลอนหรือบทความถวายท่านได้ นี่ถ้าคุณ kodomo เข้ามาเยี่ยมชมบ่อยๆ จะเห็นว่าทางทีมงานฯ ก็ทำเวปด้วยดีอย่างมีความสงบสุขตลอด ๒ ปีที่ผ่านมา

......แต่เวลานี้เหตุการณ์ไม่เหมือนเดิม จากตัวอย่างหลักฐานในเวปที่คุณ kodomo โพสอยู่เป็นประจำ ถ้าไม่ชี้แจงเวปอื่น หรือบุคคลอื่นที่พาดพิงถึงวัดท่าซุงก่อน โดยเฉพาะกรณีสมาชิกท่านหนึ่ง คือ "คุณเพียงลมหายใจเข้าออก" ได้เข้ามาโพสต์ถามเรื่องวัตถุมงคลของวัดในกระทู้นี้ แต่มิใช่เป็นของวัดท่าซุงจัดสร้าง ทางทีมงานฯ ก็ต้องชี้แจงให้สมาชิกท่านนี้เข้าใจ แต่เมื่อได้เข้าค้นใน google กลับพบว่าเวปที่เรารู้จักกันดี ว่าเป็นเวปธรรมะที่มีชื่อเสียง มีคนเข้าชมกันนับแสน แต่ทำไมบุคคลกลุ่มเดียวกันนี้ ได้มีการจัดทำเวปเข้าไปในลักษณะเป็นตลาดพระเครื่องไปแล้ว

........มันทำให้คนอื่นมองดูแปลกๆ ถึงแม้จะใช้คำว่า "ประมูล" หรือ "แลกเปลี่ยน" ก็ตาม ใครๆ ก็รู้ว่ามันเป็นธุรกิจพระเครื่อง ต้องมีการซื้อ มีการขาย มีการเก็งกำไร มีการปั่นเพื่อสร้างกระแส ด้วยการลงประวัติคณาจารย์ในเวปใหญ่ให้ดัง แล้วผลประโยชน์กับบุญกุศลที่จัดทำนี่ มันมิเป็นที่คลางแคลงใจของคนที่เขาให้ความศรัทธาในเวปดังแห่งนี้หรือ โดยเฉพาะเวปนี้ (ส่วนใหญ่) เข้าไปมีกิจกรรมกับผู้ที่อยู่นอกวัดท่าซุงทั้งสิ้น คุณธรรมความดีในปัจจุบัน พวกเราทีมงานฯ เคารพนับถืออยู่แล้วครับ แต่ไม่จำเป็นต้องไปประกาศทั่วเวป ว่าท่านโน้นได้ขั้นนี้ ท่านนี้ได้ขั้นโน้น มันไม่ใช่จริยาของผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นลูกศิษย์วัดท่าซุง สมัยหลวงปู่ปานท่านยังบอกว่า พระองค์นี้มีจริยาคล้ายพระอรหันต์เท่านั้นนะครับ (ขอโทษ..จำเป็นต้องพูดตรงๆ อย่างที่คุณ pizzawithaj แนะนำนะครับ )



(คุณ komodo ตอนเด็กๆ น่ารักดีนะครับ)

......เวปเหล่านี้ซึ่งมีคุณ komodo เป็นทีมงานระดับสำคัญด้วย อีกทั้งคุณก็มีกิจกรรมวัดท่าซุงก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ก็มีออกภายนอกวัดท่าซุงทั้งสิ้น เช่นมีการจัดทอดผ้าป่าที่ข้างวัดบ้าง มีการจัดกิจจกรรมที่วัดแถวเมืองกาญจน์บ้าง เป็นต้น ซึ่งทางทีมงานฯ ได้เข้าไปอ่านการโต้ตอบของคุณ kodomo ในเวปบอร์ดเหล่านี้ จะเห็นว่าคุณมีความรู้ในเรื่องการเขียนบทความ มีความรู้ในทางผุ้สื่อข่าว (Reporter) ระดับมืออาชีพมาก่อน จึงคงไม่สามารถจะโต้ตอบกับคุณได้หรอก เพราะตามที่คุณบอกว่า

......."สำหรับความเห็นต่างระหว่างทีมงาน ฯ กับเว็บไซต์อื่น ๆ นั้น ผมเชื่อว่า หากเราเปิดใจคุยกัน และทำความเข้าใจให้ตรงกัน ผมมั่นใจว่า ปัญหาต่าง ๆ จะคลี่คลายได้ในที่สุด" ทีมงานฯ ทุกคนก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งนะครับ ถ้าไม่มีปัญหาดังกรณีตัวอย่างดังต่อไปนี้



(มีการคัดลอก "กระทุ้คลิปเสียง" ออกไปโดยไม่ได้ติดต่อแจ้งขออนุญาต ทั้งที่แจ้งเตือนไว้แล้ว)

......ถ้าเป็นคุณได้เห็น copy ตัวอย่างเวปดังต่างๆ ที่ว่านี้ มีลักษณะเช่นนี้ ผมอยากจะถามคุณ Kodomo ว่า เราจะเปิดคุยกันได้อย่างไร ในเมื่ออุดมการณ์ไม่ตรงกันเสียแล้วนะ ซึ่งเรื่องนี้คงต้องย้อนไปถามผู้อ่านทั้งหลาย จะมีความเห็นเป็นเช่นใดกันบ้าง หรือว่าใครกันที่ทำให้ดังคำของคุณ kodomo ว่าจริงหรือไม่ กับการที่คุณกล่าวว่า

...... "จะกระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงของวัดท่าซุงได้ และจะเป็นการรักษาชื่อเสียงของหลวงพ่อพระราชพรหมยานและวัดท่าซุงอันเป็นที่รักของเราทุกคนได้"

......."ขอร้องนะครับว่า ช่วยกันรักษาสมบัติพ่อให้ด้วยมือของพวกเราทุกคนดีกว่า อย่าให้สมบัติอันล้ำค่าของหลวงพ่อ ต้องถูกทำลายด้วยมือของลูกหลานของหลวงพ่อเลยครับ" ทางทีมงานฯ เห็นด้วยกับคุณทุกอย่างนะครับ แต่ทำไมยังมีการฝ่าฝืนระเบียบของเวปอีกตัวอย่าง เช่น



(คัดลอก "กระทู้บูรพาจารย์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ" ออกไป ไม่ได้แจ้งขออนุญาตเช่นกัน)

.......ในกรณีเช่นนี้ ทีมงานฯ อยากถามคุณและผู้อ่านทุกท่านว่า ใครเป็นผู้ทำลาย..ใครเป็นผู้รักษาสมบัติพ่อให้ด้วยมือ โดยเฉพาะเหตุที่เกิด ผู้ใดเป็นผู้ก่อ ซึ่งเป็นอีกกรณีหนึ่งที่มีการแจ้งในเวปเดียวกันอีกนั่นแหละครับ คนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้นึกว่าคงขออนุญาตมาแล้ว ต่างก็ "โมทนาสาธุ" กันยกใหญ่ เพื่อจะได้คะแนนสะสมเยอะๆ (แต่หารู้ไม่ว่าไปกินแรงคนอื่นเขามาทั้งนั้น) ส่วนคนที่มาอ่านก็เข้ามาโพสแนะนำให้อ่านหนังสือของคนอื่นนะ ไม่ได้แนะนำให้อ่านหนังสือของวัดท่าซุงหรอก แปลกดีไหมละ ถ้าท่านผู้อ่านจะสังเกตให้ดี เวปใหญ่จะไม่ลิงค์ให้เวปวัดท่าซุงไว้เลย ทั้งๆ ที่คนมีระดับอย่าง คุณ kodomo น่าจะช่วยเหลือกันได้

..... สำหรับคุณ VANCO ทีมงานเว็บพลังจิต (เต้) ได้คัดลอกออกไปอีกจาก "หนังสือพรสวรรค์ รวมเล่ม" ซึ่งจู่ๆ ก็โพสว่าเป็น "ธรรมโอวาทของสมเด็จพระพุทธกัสสป" ถ้าคนอ่านทีหลังฉุกคิดได้ว่า ใครกันที่สามารถฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ได้ คงจะเลื่อมใสผู้นั้นว่าเป็นผู้วิเศษไปแล้ว เพราะในบทความที่คัดลอกไป ก็ไม่อ้างว่าคัดลอกมาจากกระทู้ไหน ซึ่งภายในกระทู้นี้ได้แจ้งเตือนก่อนแล้วว่า "ห้ามคัดลอกออกไป" เกรงผู้อื่นไม่เข้าใจจะปรามาสกันได้ ใครกันละครับที่ทำให้เวปวัดท่าซุงเสียหาย

ธรรมโอวาทของสมเด็จพระพุทธกัสสป

.......มีผู้ปรารถนาจะฟังธรรมที่เข้าสู่ระดับจิตตนได้อย่างเบื้องปลายอยู่มาก ฉะนั้นฉันจะสอนเรื่องของสมาธิ อานิสงส์จากบุญที่ได้กระทำมาเป็นเบื้องแรก พุทธบริษัทที่มีจิตใจมุ่งมั่นในการทำบุญนั้น
1. ต้องมีศรัทธาในจิตตน ถึงจะมีแรงดลใจให้บุญได้เกิดขึ้นแล้ว เกื้อหนุนขึ้นมา
2. เมื่อมีศรัทธาเป็นแรงนำขึ้นมาก็ต้องมี ขันติ ตามมา ขันติความอดทน อดทนเพื่อธรรม ธรรมคือพระนิพพาน
3. เมื่อมีขันติตามมาในเบื้องรองแล้ว ต้องมีสัจจะ เป็นบรรทัดเป็นทางที่จะทำให้พวกเธอทุกคนได้ถึงที่หมายสมปรารถนา เบื้องแรกของธรรมในการปฏิบัติตนให้ถึงซึ่งอริยมรรคนั้น คือสัจจะหรือบำเพ็ญสัจจะบารมี


......นี่เป็นการคัดลอกออกไปโดยมิได้แจ้งขออนุญาตเช่นกัน เห็นคนทำเป็นตัวหลักหัวตอ อยากจะได้อะไรก็คัดลอกไปตามอำเภอใจ (คงถือว่ามาจากเวปใหญ่มีพลังละมั้ง หรือกลัวเสียหน้าว่าไปลอกเขามา) หากว่าไปทำจริยามารยาทเช่นนี้ที่ไหน ใครรู้ว่าเป็นศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุง เขาก็หาว่าครูบาอาจารย์ไม่สั่งสอน แล้วอับอายขายหน้า หรือเสียชื่อเสียงมาถึงหลวงพ่อ หรือถึงวัดท่าซุงไหมครับ

......บุคคลเหล่านี้คงอยู่ในเวปเดียวกับคุณ ถึงแม้จะวงเล็บไว้ว่าไม่เกี่ยวกับเวปก็ตาม แต่คุณ kodomo ในฐานะที่ได้สมัครเป็นสมาชิกเวปวัดท่าซุงไว้นานแล้ว ย่อมรู้กฎระเบียบของเวปวัดท่าซุงได้เป็นอย่างดี ที่เห็นเพื่อนสมาชิกด้วยกันทำไม่ถูกต้อง ทำไมคุณ kodomo ไม่ช่วยทีมงานฯ ด้วยการแนะนำหรือตักเตือนเพื่อนของคุณ หรือไม่ก็แจ้งให้ Admin ของเวปใหญ่ ลบกระทู้นี้ออกไปเสีย เพราะถ้าหวังดีต่อชื่อเสียงของเวปและหลวงพ่อ หรือวัดท่าซุงจริงๆ ทำไมจึงไม่ชี้แจงให้พรรคพวกสมาชิกของคุณ ได้เข้าใจในเจตนาดีของทีมงานฯ เว็บวัดท่าซุงเสียทีละ ดังตัวอย่าง เช่น สมาชิกท่านนี้ได้แจ้งมาว่า

15/8/10 at 13:15
Message : สวัสดีค่ะ

.....หลายวันก่อน เพื่อนที่ทำงานเอา พระหลวงปู่ปาน (ไม่แน่ใจว่าพิมพ์ ขี่ไก่ หรือ อะไร) โดยที่ระบุว่า เป็นพระหลวงปู่ปานปลุกเสกที่วัดท่าซุง
อ่านโดยละเอียดก็คือ เป็นพระที่สร้างใหม่ พิมพ์เดียวกับที่หลวงปู่ท่านสร้างไว้สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่าถูกปลุกเสก ณ วันเสาร์ 5 เดือน พ.ค. 53 ค่ะ
เพื่อนก็เข้าใจว่า เป็นพระหลวงปู่ฯ ที่ถูกสร้างโดยวัดท่าซุง
แจ้งมาให้ทราบค่ะ เผื่อว่า อาจจะมีคนสอบถามมา จะได้ชี้แจงให้เข้าใจน่ะค่ะ

Kanjana


*** เห็นข่าวแบบนี้มากมาย มีผลประโยชน์อะไรกันในวงการ "พระเครื่อง" ตกใจไหมครับ ขณะนี้อะไรเกิดขึ้นกับวัดท่าซุง ชื่อเสียงของวัดที่หลวงพ่อสร้างไว้ ควรที่จะนิ่งดูดายหรือ ที่ว่ารักเป็นห่วงวัดท่าซุง และเคารพนับถือหลวงพ่อ แล้วนั่งงอมืองอเท้าอย่างนั้นหรือ คนที่ออกมาแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้ ที่กลัวว่าจะทำให้ชื่อเสียงของวัดเสียหายจริงหรืออย่างไร

......จากคำที่ว่า "จะเป็นไปได้หรือไม่ที่ทีมงาน ฯ จะเสนอข้อความหรือความเห็นใด ๆ ที่ต้องการโพสต์ในเว็บวัดท่าซุง ให้ท่านเจ้าอาวาสพิจารณาก่อนเผยแพร่ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวัดโดยตรง และเป็นธรรมต่อบุคคลอื่นที่ถูกพาดพิง ที่สำคัญ คือ เพื่อป้องกันการโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและอาจจะกระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงของวัดท่าซุงได้ และจะเป็นการรักษาชื่อเสียงของหลวงพ่อพระราชพรหมยานและวัดท่าซุงอันเป็นที่รักของเราทุกคนได้ นอกจากนั้น ยังเป็นการป้องกันข้อครหาว่า ทีมงาน ฯ โพสต์ข้อความด้วยความเห็นส่วนตัวโดยพลการอีกด้วย"

.......ถ้าเป็นเช่นนี้ ทีมงานฯ อยากจะขอถามคุณ Kodomo และกับผู้เยี่ยมชมทุกท่านว่า

"......ถ้าต้นข้าวเจริญงอกงามดีๆ ที่มีอยู่ในนามานาน หากวันหนึ่งมีวัชพืชเกิดขึ้น คนที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลอยู่แล้ว จำเป็นต้องกลับไปถามเจ้าของนาก่อนหรือครับ หรือว่าเวลามีเพลี้ยและแมลงลงในนาอีก คนที่มีหน้าที่ประจำอยู่แล้ว จำเป็นต้องไปขออนุญาตเจ้าของนาก่อนด้วยทุกครั้งหรือ คนที่ชำนาญคนที่ทำงานเป็น เขาทำกันยังไงบ้างละครับ ?

ขออนุโมทนาเช่นกันครับ

คณะทีมงาน ฯ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 15/8/10 at 19:33 [ QUOTE ]


โมทนากับการชี้แจงของทีมงาน ฯ ครับ

อย่างที่แจ้งไปแล้วนะครับว่า ผมมาโพสต์ในเว็บนี้ในนามส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับเว็บใด ๆ ทั้งสิ้น ประกอบกับตัวผมเองก็ไม่เคยละเมิดกฎข้อบังคับใด ๆ ของเว็บวัดท่าซุงดอทคอมสักครั้งเดียว ซึ่งที่ผ่านมาผมได้ให้เกียรติและปฏิบัติตามกฎของเว็บแห่งนี้อย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด

ที่ผมมาโพสต์ในครั้งนี้ ผมมาโพสต์ในนามส่วนตัว และผมมาอย่างเปิดเผยโดยใช้ชื่อเดียวกันกับที่ใช้ในเว็บพลังจิต ผมมาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ และมาด้วยความปรารถนาดีที่ต้องการให้ลูกหลานหลวงพ่อเข้าใจกัน

อย่างไรก็ดี คงปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายคนยังคงมองผมเป็นทีมงานเว็บพลังจิต ดังนั้นผมขออนุญาตแสดงความเห็นสักเล็กน้อย เพื่อให้ทีมงาน ฯ รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ

เรื่องที่ 1 เมื่อครั้งที่มีคนไปโพสต์แจ้งว่า เว็บวัดท่าซุงดอทคอมได้เปิดตัวนั้น ช่วงนั้นเว็บพลังจิตไม่มีผู้ดูแลห้องหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ (ถ้าผมจำไม่ผิด) โดยผมได้รับมอบหมายจากทางเว็บให้นำกระทู้ดังกล่าวปักหมุดเป็นกระทู้แนะนำในห้องหลวงพ่อฤๅษีลิงดำเอง และปักหมุดไว้นานพอสมควร จนไม่มีคนโพสต์สักระยะหนึ่ง ผมจึงเอากระทู้ดังกล่าวลงและเปิดให้กระทู้ปักหมุดอื่น ๆ ขึ้นมาแทน เพราะเข้าใจว่า ทุกคนคงรับทราบแล้ว (ถ้าประเด็นนี้ทำให้ทีมงาน ฯ เกิดความเข้าใจผิดว่า เว็บพลังจิตไม่ให้ความสำคัญในการช่วยประชาสัมพันธ์นั้น ก็ขอให้ตำหนิผมคนเดียวครับ เพราะผมเป็นคนเอากระทู้ดังกล่าวลงเอง)

เรื่องที่ 2 การแจ้งเตือนกระทู้ที่อ้างอิงจากวัดท่าซุงดอทคอมโดยตรงนั้น ผมทราบมาว่า ทีมงานได้แจ้งให้ทราบโดยทั่วกันแล้วว่า ถ้าพบการอ้างอิงจากเว็บวัดท่าซุงดอทคอมโดยตรงให้ลบหรือย้ายออก แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังคงมีหลายกระทู้ยังค้างในระบบอยู่เพราะเป็นกระทู้เก่า ถ้าเจอเมื่อไหร่เราก็ดำเนินการให้ครับ และเรามีปุ่มกดแจ้งลบอยู่แล้ว ซึ่งถ้าทีมงาน ฯ พบเห็นก็สามารถกดแจ้งลบได้ครับ

เรื่องที่ 3 ผมยืนยันว่า ทีมงานเว็บพลังจิตทุกคนชื่นชมอุดมการณ์ของทีมงานเว็บวัดท่าซุงดอทคอมที่สละทั้งกำลังกาย กำลังทรัพย์ และเวลาในการพัฒนาเว็บวัดท่าซุงดอทคอมแห่งนี้ ซึ่งในฐานะที่พวกเราก็เป็นอาสาสมัครที่ทำงานเพื่อพระศาสนาเช่นกัน ดังนั้นเว็บพลังจิตจึงไม่ทำการตอบโต้หรือชี้แจงใด ๆ ในที่สาธารณะ เพื่อแสดงความเคารพและให้เกียรติเพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน หรือ ถ้ามีการชี้แจงใด ๆ เราจะชี้แจงไปหลังไมค์มากกว่า

สำหรับประเด็นอื่น ๆ นั้น ผมขอหารือกับทีมงาน ฯ ว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ที่ทั้งสองเว็บจะนัดพบเพื่อทำความเข้าใจกันในเบื้องต้นก่อน ซึ่งผมยินดีจะเป็นผู้ประสานในการนัดผู้เกี่ยวข้องให้ และเมื่อคุยกันรอบแรกเรียบร้อยแล้ว ผมเชื่อว่า เราน่าจะได้แนวทางที่ดีในการดำเนินการร่วมกันระหว่าง 2 เว็บ จากนั้นเราก็ขออนุญาตเข้าพบท่านเจ้าอาวาสเพื่อขอคำปรึกษาในเรื่องนี้

สำหรับในส่วนของเว็บพลังจิตนั้น เท่าที่ผมทราบข้อมูลจากผู้บริหารเว็บ ผมทราบว่า ผู้บริหารเว็บพลังจิตยินดีขึ้นแบนเนอร์เว็บวัดท่าซุงดอทคอมไว้ในหน้าหลักของเว็บ และจะเพิ่มแบนเนอร์ให้ในห้องหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ รวมทั้งยินดีทำกระทู้ปักหมุด 1 กระทู้ในห้องหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เพื่อให้ทีมงานเว็บวัดท่าซุงได้แจ้งข่าวประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งชี้แจงเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์แก่สมาชิก เพราะที่ผ่านมา กิจกรรมต่าง ๆ ของเว็บพลังจิตก็เป็นไปในลักษณะของการเทิดทูนหลวงพ่อพระราชพรหมยานและวัดท่าซุงอยู่แล้ว ซึ่งในเรื่องนี้แล้วแต่ทีมงาน ฯ นะครับว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้หรือไม่

ประเด็นสุดท้ายที่ทีมงาน ฯ ถามผมในย่อหน้าสุดท้ายนั้น ผมขออนุญาตแสดงความเห็นจากประสบการณ์ส่วนตัวจากการทำงานของผมนะครับว่า

"ผู้ดูแลย่อมมีสิทธิและหน้าที่ที่จะดำเนินการแทนเจ้าของนาได้ แต่อยู่ภายในขอบเขตที่จำกัดและสามารถดำเนินการแทนได้ในบางเรื่องเท่านั้น ซึ่งเมื่อดำเนินการใด ๆ แล้วควรรายงานผลให้เจ้าของนาทราบเป็นระยะ เพราะคนที่ทำงานเป็น เขาย่อมให้เกียรติและตอบแทนความไว้วางใจที่เจ้าของนามีให้ โดยนำเสนอผลการดำเนินงานและรายงานความก้าวหน้าให้เจ้าของนาทราบเป็นระยะ เหมือนในตลาดหุ้น ที่ผู้บริหารของบริษัทต้องรายงานผลการดำเนินงานให้บอร์ดหรือผู้ถือหุ้นทราบเป็นระยะครับ"

ผมก็ขอเรียนปรึกษาทีมงาน ฯ เพียงเท่านี้ครับ ผมคงไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้วนะครับ แต่ผมจะรอคำตอบเรื่องการนัดหมายหารือร่วมกัน ส่วนบางเรื่องที่เห็นต่างกัน ถ้าเปิดใจรับฟังเหตุผลของกันและกัน ผมเชื่อว่า สามารถแลกเปลี่ยนความเห็นและหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกันได้ เพราะจริง ๆ แล้วปัญหาเรื่องนี้เส้นผมบังภูเขาครับ คุยกันแบบเปิดใจครั้งเดียวก็เรียบร้อยแล้วครับ

โมทนา


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 15/8/10 at 22:48 [ QUOTE ]


จากข้อความข้างบน ** สังเกตให้ดีจะมีชื่อว่าใครเป็นผู้โพส ** ได้เห็นชื่อแล้วตกใจค่ะ เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีการทำเว้ปในรูปแบบนี้ดัวย เลยพริ้นท์รูปมาให้ดูว่าใช่ไหม แลที่มีผู้กล่าวในกระทู้ว่า ให้ช่วยรักษาชื่อเสียงของเว้ปและหลวงพ่อ หรือวัดท่าซุง รวมถึงผลประโยชน์ด้วยหรือเปล่า หรือว่าแย่งผลประโยชน์ของวัดไปหมดแล้ว

ทำไมไม่พูดถึงจุดสำคัญนี้ด้วย ที่บอกว่าไม่ใช่สมาชิก แล้วที่รูปมีตัวหนังสือข้างล่างว่าอะไร

อีกทั้งมีบอกบุญค่าเซปเวอร์ด้วย ช่วยให้คนที่ทำบุญได้บุญ ขออนุโมทนาด้วย แต่ถ้ามีพระเครื่องให้ประมูลให้แลกเปลี่ยน ก็น่าจะมีรายได้จ่ายค่าเซปเวอร์อยู่แล้วนี่

ด้วยแบบนี้ความเห็นของเรา คิดว่าไม่น่าเจรจา เพราะสายเกินไปแล้ว เนื่องจากเว้ปดังกล่าวพัวพันกับวัตถุมงคลของวัด ตามที่เห็นในช่องรายการวัตถุมงคลต่างๆ มีบอกราคา มีแบ่งเกรด มีการชี้เป้าให้ด้วย ไม่รุ้ว่าผลประโยชน์เหล่านี้ไปอยู่ที่ไหน สงสัยเหมือนกัน
ถึงอย่างไรต้องขออภัยทีมงานฯด้วยค่ะ ที่ออกความเห็นเช่นนี้ก่อน แล้วคิดว่าก็ไม่จำเป็นต้องไปให้เปิดห้องหรือปักหมุดอะไร เพราะจะอาศัยผลประโยชน์ตรงนี้เป็นจุดขายต่อไปอีก

ใครคิดว่าไรก็ตาม วัดเสียหายมามาก จึงไม่อยากให้เสียหายไปมากกว่านี้ แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าคนทำงานไม่รายงานให้เจ้าของนา
ตอนท้ายขอเดือดร้อนแทนทีมงานฯ เพราะไม่จำเป็นต้องอ้างมีประสบการณ์ เหมือนจะอวดๆตัวนะ เราเข้ามาอ่านหลายครั้งแล้ว เห็นทีมงานทุกคนก็ช่วยทำข้อมูลให้เป็นอย่างดี ไม่เคยที่จะว่ามาตำหนิใคร เพิ่งจะเห็นพวกคุณนี่แหละ

น่าจะทำตามคำแนะนำนะ อย่าอ้างไปอ้างมาไม่เห็นเข้าประเด็นเลย สำคัญว่าคุณเข้าไปอยู่ในวังวนของเวปดังกล่าวนี้แล้ว เพราะในเนื้อความไม่เห็นคุณกล่าวถึงเรื่องธุรกิจพระเครื่องนี้เลย ตอนแรกกลับออกตัวว่าไม่ใช่ทีมงาน ทั้งที่รู้เรื่องภายในของเว้ปนี้ดี แต่ไม่กล้าเปิดเผย กลัวถูกสาวไส้ไปเรื่อยๆ แต่ตอนหลังเผลอไปกระมัง บอกว่าผมขอยืนยัน ทีมงานพลังจิตทุกคนชื่นชม...................



plj00.jpg - 79.75kb



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 15/8/10 at 23:07 [ QUOTE ]


ขอขอบคุณที่รับไว้พิจารณาค่ะ ขอโมทนาในความตั้งใจที่จะทำนุบำรุงรักษาศาสนาเหมือนกัน ขอเป็นกำลังใจให้คณะทีมงานเว็บวัดท่าซุงค่ะ ขอบคุณค่ะ

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 16/8/10 at 06:00 [ QUOTE ]






pal104.jpg - 52.47kb



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 16/8/10 at 06:09 [ QUOTE ]






pal101.jpg - 60.19kb



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 16/8/10 at 06:15 [ QUOTE ]


รูปภาพที่ 3 ครับ



pal102.jpg - 59.81kb



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 16/8/10 at 06:19 [ QUOTE ]


รูปภาพที่ 4 สมเด็จองค์ปฐมรุ่น 4 ปัจจุบัน ปลุกเสกเสาร์ห้าปีนี้ที่ผ่านมา ยกย่องว่ามีสถานะ "ยอดเยี่ยม" ราคาแจ้งไว้น่าตกใจ บางองค์ก็ n/a คงต้องต่อรองราคากัน



pal103.jpg - 56.79kb



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 16/8/10 at 06:29 [ QUOTE ]




กราบนมัสการด้วยความเคารพเป็นอย่างสูงครับ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 16/8/10 at 10:57 [ QUOTE ]


ติดตามอ่านเพื่อทราบข้อเท็จจริง และความกระจ่างแจ้งด้วยใจเป็นกลาง ไม่น่าเชื่อว่ามีการโพสต์ซื้อขายกันมากมายขนาดนี้
พระเครื่องของหลวงพ่อมีให้บูชาที่วัดอีกมากมายหลายรุ่น ตรงนี้แท้และได้บุญเต็มร้อยค่ะ เชิญไปบูชากันได้ที่วัดท่าซุง เงินส่วนนั้นได้ร่วมสร้างวัดของพ่อด้วยสิคะ

โมทนาค่ะ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 16/8/10 at 18:44 [ QUOTE ]


เป็นกำลังใจให้ทีมงานเว็ปวัดท่าซุงครับ

คัดลอกข้อความ ลิงค์ออกไปโดยไม่บอกกล่าว

ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ แทนที่จะช่วยๆเตือนกันมีไหมครับ??

เส้นผมบังภูเขาอย่างที่คุณKomodoว่าไหมครับ ผมชอบคำที่ทีมงานเว็ปวัดท่าซุงโพสไว้จังครับ


.......ในกรณีเช่นนี้ ทีมงานฯ อยากถามคุณและผู้อ่านทุกท่านว่า ใครเป็นผู้ทำลาย..ใครเป็นผู้รักษาสมบัติพ่อให้ด้วยมือ โดยเฉพาะเหตุที่เกิด ผู้ใดเป็นผู้ก่อ ซึ่งเป็นอีกกรณีหนึ่งที่มีการแจ้งในเวปเดียวกันอีกนั่นแหละครับ คนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้นึกว่าคงขออนุญาตมาแล้ว ต่างก็ "โมทนาสาธุ" กันยกใหญ่ เพื่อจะได้คะแนนสะสมเยอะๆ (แต่หารู้ไม่ว่าไปกินแรงคนอื่นเขามาทั้งนั้น) ส่วนคนที่มาอ่านก็เข้ามาโพสแนะนำให้อ่านหนังสือของคนอื่นนะ ไม่ได้แนะนำให้อ่านหนังสือของวัดท่าซุงหรอก แปลกดีไหมละ ถ้าท่านผู้อ่านจะสังเกตให้ดี เวปใหญ่จะไม่ลิงค์ให้เวปวัดท่าซุงไว้เลย ทั้งๆ ที่คนมีระดับอย่าง คุณ kodomo น่าจะช่วยเหลือกันได้


โมทนาสาธุ ครับ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 16/8/10 at 22:01 [ QUOTE ]


Quote:
Originally posted by webmaster

ขออธิบายคำว่า "สาขาวัดท่าซุง"


......พบกันในวันนี้ ทิดถึกอยากจะนำข้อกังขาของท่านผู้อ่านหลายท่าน ที่ได้เคยถามปัญหาหลายครั้งหลายหนว่า

"..สำนักนี้เป็นสาขาวัดท่าซุงหรือป่าว สำนักโน้นเป็นสาขาของวัดด้วยหรือไม่..?"

ทิดถึกก็ไม่ได้รู้เอง จึงได้นำปัญหาเหล่านี้ไปกราบเรียนท่านผู้รู้ภายในวัด เฉพาะท่านที่เคยอยู่ใกล้ชิดกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อมาก่อน เพราะจะรู้เรื่องเบ็ดเตล็ดอะไรดีๆ พระผู้ใหญ่ท่านนี้ (ขอสงวนชื่อ) ได้เคยติดตามองค์หลวงพ่อมาก่อน คือเวลาท่านไปรับแขกที่ศาลานวราช ระหว่างปีพ.ศ. ๒๕๒๐ - ๒๕๒๑ ท่านได้ยินว่า (รีเลย์จากคำพูดของท่านเลยนะครับ) คือมีคนถามเรื่องนี้ในระหว่างที่รับแขก ท่านบอกสั้นๆ ว่า

....."อาตมาไม่คิดที่จะตั้งเป็นสาขาของวัดท่าซุงหรอก...แล้วท่านก็ยกตัวอย่างสำนักที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง (ไม่สามารถบอกชื่อได้อีกเช่นกัน) ต่างคนต่างสอน..แบ่งเป็นหมู่เป็นคณะ ภายหลังก็ทะเลาะกันเอง.."
(เวลานี้ให้สังเกตกันเองก็แล้วกัน ว่ามีใครได้กระทำในสิ่งที่ครูบาอาจารย์ไม่พึงประสงค์กันบ้าง)

ซึ่งสมัยนั้นสำนักแห่งนี้รุ่งเรืองมาก เพราะปรมาจารย์ของท่านเก่ง แต่ภายหลังมีการแยกกลุ่มแยกคณะกันสอนวิชานี้ ปรากฏว่าภายหลังสำนักใหญ่แห่งนี้ ตามที่มีคณาจารย์แยกออกไปสอนกันหลายแห่ง แล้วแต่ละแห่งถึงแม้จะมีครูบาอาจารย์เป็นต้นแบบเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ต่อกันเท่าไร ต่างแยกกันทำกิจกรรมของตนเป็นอิสระทั้งสิ้น

เป็นเพราะสาเหตุนี้เอง ใครเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อของเราเก่าๆ มานาน จะไม่เคยเห็นพระเดชพระคุณท่านตั้งสำนักโน้นเป็นสาขาวัดท่าซุง ตั้งสำนักนี้เป็นสาขาวัดท่าซุง เปนเพียงท่านได้ให้การอุปภัมภ์พระต่างวัด ที่เคารพนับถือท่านเท่านั้น โดยการบริจาคเป็นเหล็กเส้น ๑ รถบรรทุกบ้าง บริจาคเป็นปูนซึเมนต์บ้าง เป็นต้น

ฉะนั้นถ้าในสมัยปัจจุบันนี้ มีผู้เขียนป้ายหรือบอกไว้ในเวปไซด์หลายแห่ง โปรดเข้าใจว่ไม่ได้เป็นสาขาของวัดท่าซุงอย่างแน่นอน ถ้าเป็นสาขาของวัดจริงๆ ด้วยความจำเป็นที่จะต้องตั้งที่ต่างประเทศ เพราะเหตุมีผู้ประสงค์จะนิมนต์พระไปสอนธรรมะ คือที่ "สำนักปฏิบัติธรรมที่ประเทศเยอรมนี" นั่นเป็นการส่งพระภิกษุของวัดท่าซุงออกไปอยู่ประจำ แล้วรักษากฎระเบียบของวัดท่าซุงเป็นหลัก นี่จะเรียกว่า "สาขาวัดท่าซุง" อย่างแท้จริงนะครับ

(สำหรับที่สำนักสงฆ์ "ป่าละอู" เป็นการอุปถัมภ์จากหลวงพ่ออนันต์นะครับ เพราะไม่มีการส่งพระจากวัดท่าซุงไปอยู่ประจำ ส่วนเจ้าสำนักท่านก็เคยอยู่แถวนั้นมาก่อน)

ทีมงานฯ

แล้วที่วังน้ำเขียว โคราช ล่ะครับ



เรียน คุณ wow

......ทีมงานฯ ได้เห็นชื่อคุณ wow มานานแล้ว ซึ่งอยู่ใน list member ระดับต้นๆ สถานที่แห่งนี้ได้เว้นไว้ เพราะต้องอธิบายยาว แต่ผมจะตอบสั้นๆ เพื่อให้ได้ใจความ จึงขอบคุณที่ถามมานะครับ

ตามที่รับทราบมาจากพระผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง มีตำแหน่งเป็น ผช.เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ได้ทราบว่า ในระหว่างที่หลวงพ่อพระครูปลัดฯ เดินทางไปเยี่ยม "สำนักวังน้ำเขียว" บ่อยๆ นั้น ท่านเจ้าสำนักปรารภว่ากำลังมีปัญหาเรื่องที่ดิน จากผู้มีอิทธิพลแถวนั้น หรือปัญหาจากเรื่องการปกครองของคณะสงฆ์ ซึ่งกาลเวลาผ่านมานาน ผมอาจจะจำไม่ได้แน่นอนนะครับ หลวงพ่อพระครูปลัดจึงอนุญาตให้ตั้งชื่อเป็น "สาขาวัดท่าซุง" เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันภัยต่างๆ
นะครับ ภายหลังก็รอดพ้นจากข้อสงสัยของบุคคลกลุ่มนั้นได้ เพราะสำนักนี้ยังไม่ใช่วัด เป็นเพียงแค่สำนักสงฆ์เท่านั้น และบริเวณนั้นก็มีอากาศดี มีภูมิทัศน์สวยงาม เหมาะที่ใครๆ อยากจะได้ที่ดินผืนนี้มาทำรีสอร์ท หรืออะไรสักอย่างนี่แหละครับ.

ทีมงานฯ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 16/8/10 at 23:28 [ QUOTE ]


ประกาศให้สมาชิกทุกท่านทราบ


ก่อนอื่นทีมงานต้องขออภัยคุณ kodomo ด้วยที่จำเป็นต้องนำกระทู้ของคุณมาพิจารณาก่อนนะครับ เพราะวันนี้มัวแต่ยุ่งไม่มีเวลาอ่านอีเมล์ของใคร เพราะอย่างไรก็ได้ชี้แจงไปหมดแล้ว ประเด็นสำคัญก็ยังไม่มีการชี้แจง หรือยอมรับที่จะปรับปรุงแก้ไข มีแต่ถ้อยคำที่เจตนาให้เบี่ยงเบนไป เพราะเวลานี้ส่วนใหญ่คนเข้าใจว่า มีการหวังผลโยชน์จากการเปิดเว้ปธรรมะ แต่เบื้องหลังก็ยังมีเว้ปค้าขายพระเครื่อง ซึ่งมีวัตถุมงคลของวัดท่าซุงเต็มไปหมด และผลประโยชน์มหาศาลนี้มิได้เกี่ยวเนื่องกับวัดท่าซุง ยังเป็นที่คลางแคลงใจของผู้ที่ศรัทธาเลื่อมใสต่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ คิดว่าคำตอบของคุณหรือของใครก็ยังไม่กระจ่างอยู่ดีนั่นเอง

อีกอย่างทางทีมงานฯ ไม่มีอะไรเป็นส่วนตัว เพียงแต่มีสมาชิก คือ "คุณเพียงลมหายใจ" เข้ามาถามเรื่องนี้เท่านั้น ทางเราจึงได้แต่ทำงานรักษาชื่อเสียงของวัดไปตามหน้าที่ แต่คุณก็เข้ามาตอบเป็นเรื่องอื่นๆไป ซึ่งก็มีความสำคัญเหมือนกัน แต่คุณก็ยังไม่นำเรื่อง "ธุรกิจผลประโยชน์จากวัตถุมงคลของวัดท่าซุง" มากล่าวเป็นประเด็นสำคัญ ไม่ทราบว่ามีอะไรมาขวางกั้น จึงไม่เห็นผลประโยชน์ของวัดเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยเหตุนี้คงไม่สามารถอ่านตอบอีเมล์เป็นการส่วนตัวได้ จึงต้องขออภัยคุณ websnow ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย เพราะกำลังมีภารกิจอยู่ จึงขอตอบกระทู้ของคุณ kodomo เมื่อวานนี้ ว่าคงจะเห็นด้วยกับสมาชิกที่แนะนำว่า

"ด้วยแบบนี้ความเห็นของเรา คิดว่าไม่น่าเจรจา เพราะสายเกินไปแล้ว เนื่องจากเว้ปดังกล่าวพัวพันกับวัตถุมงคลของวัด ตามที่เห็นในช่องรายการวัตถุมงคลต่างๆ มีบอกราคา มีแบ่งเกรด มีการชี้เป้าให้ด้วย ไม่รุ้ว่าผลประโยชน์เหล่านี้ไปอยู่ที่ไหน สงสัยเหมือนกัน ถึงอย่างไรต้องขออภัยทีมงานฯด้วยค่ะ ที่ออกความเห็นเช่นนี้ก่อน แล้วคิดว่าก็ไม่จำเป็นต้องไปให้เปิดห้องหรือปักหมุดอะไร เพราะจะอาศัยผลประโยชน์ตรงนี้เป็นจุดขายต่อไปอีก ใครคิดว่าไรก็ตาม วัดเสียหายมามาก จึงไม่อยากให้เสียหายไปมากกว่านี้"

ซึ่งทีมงานฯ คงจะปฏิเสธความหวังดีของสมาชิกท่านนี้มิได้ แล้วก็การเจรจาในสถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่จำเป็น เพราะทางทีมงานมิใช่คู่กรณีที่จะต้องเข้าไปพบหลวงพ่อพระครูปลัดฯ พร้อมกับพวกคุณ เนื่องจากทางเรามิได้ก่อ เพียงแต่ชี้จุดบกพร่องที่ทำให้เสียหายต่อชื่อเสียงของวัดท่าซุง ในเมื่อไม่มีการยอมรับแก้ไขในสิ่งที่เสียหาย คือยังไม่เอาเว้ปธรรมะออกจากวงการธุรกิจเหล่านี้ ถ้าหากมีการเจรจาหลังไมค์ จะเกิดความเข้าใจสงสัยได้ว่า ทีมงานเว้ปวัดท่าซุงไปตกลงผลประโยชน์อะไร หรือมีเอี่ยวกับธุรกิจพระเครื่องนี้ด้วยกันหรือเปล่า ยิ่งจะทำให้เสื่ยมเสียชื่อเสียงของวัดหนักเข้าไปอีก

ด้วยเป็นเพราะเหตุเช่นนี้ ทางทีมงานฯ เว้ปวัดท่าซุงจำเป็นต้องถอนตัวออกมา และขอประกาศว่า ถ้าเว้ปใดนำเว้ปวัดท่าซุงไปเปิด หรือไปอ้างอิง หรือนำไป link ทางเว้ปวัดท่าซุงไม่ขอรับผิดชอบด้วย เพราะอาจจะเกิดความสับสนหรือเข้าใจผิด ว่ามีการเจรจาตกลงอะไรกันหลังไมค์ แต่ทั้งที่ทางเว้ปวัดท่าซุงยังไม่ได้ตกลงที่จะนัดหมาย และยังไม่ได้ตกลงให้นำเวปวัดท่าซุงไปเปิด ทางคุณก็เปิดซะแล้ว เพราะนี่เพียงแต่คำตัดพ้อเล่นๆ ว่าไม่เห็นลิงค์เว้ปวัดท่าซุงให้เลย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องนานมาแล้ว ส่วนในตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้ว เพราะสมาชิกพลังจิตหลายท่านที่ดีก็เข้ามาอ่านกันมากมาย ส่วนที่คัดลอกข้อมูลไปก็คงยากที่จะแก้ไข แต่ทางเว้ปนะเสียหายไปแล้ว จึงขอบคุณในความหวังดีของคุณนะครับ

ความจริงพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ เคยสอนไว้แล้ว สถานที่ใดเขามีกฎระเบียบอย่างไร เราก็ต้องเคารพกฎระเบียบของเขาด้วย ลูกศิษย์ที่ดีต้องทำตามที่ท่านสอน ทางทีมงานฯ ได้พยายามรักษาสิทธิ์ผลประโยชน์ของวัด เพื่อจะได้ป้องกันพวกมิจฉาชีพ ที่อาศัยศรัทธาของคนเข้ามาแสวงหาประโยชน์เท่านั้น ถ้าทุกคนในเว้ปพยายามปฏิบัติตามระเบียบ เรื่องราวต่างๆเหล่านี้ก็ไม่เกิดขึ้น

ส่วนคำนำในการเปิดเว้ปที่บอกว่า "คณะผู้จัดทำเว็บท่าซุง" หวังใจว่าเว็บต่างๆ ที่นำคำสอนของหลวงพ่อฯ ไปเผยแพร่กันมานานแล้ว ซึ่งมีมากมายหลายเว็บ คณะผู้จัดทำเข้าไปสำรวจแล้วว่ามีเว็บอะไรบ้าง คงจะได้เข้ามาเยี่ยมชมกันอีกมากๆ เพื่อเป็นการรวมน้ำใจกันเป็นหนึ่งเดียวกัน"

นั่นเป็นการเปิดเว้ปด้วยมิตรภาพนะครับ เพราะตอนแรกทีมงานฯ นึกว่าคนที่เข้ามาทุกคนมีจริยามารยาทดี ไม่แอบนำข้อมูลใหม่ๆ ออกไปโพสเว้ปอื่น เพราะคลิปเสียงคลิปวีดีโอบางอย่าง ไม่ใช่เป็นของวัดนะครับ แต่เป็นของส่วนตัวของพระผู้ใหญ่บางองค์ ท่านยังไม่อยากให้นำออกไป ทางทีมงานก็ได้แจ้งเตือนไว้แล้ว

ส่วนที่หลวงพ่อพระครูปลัดอนันต์ กล่าวไว้ในวันเปิดเว็บนั้น ไม่มีคำไหนที่ท่านห้ามไม่ให้เว็บอื่นเผยแพร่คำสอนของหลวงพ่อ ถูกต้องแล้วละครับ เพราะท่านรู้จากหลวงพี่ชัยวัฒน์แล้วว่า แต่ละเว้ปได้นำข้อมูลของวัดไปหมดสิ้นแล้ว โดยที่วัดก็ยังไม่รู้ตัว ว่าใครเอาอะไรไปบ้าง แต่ก็ไม่มีคำไหนที่ท่านอนุญาตให้คัดลอกข้อมูลใหม่ๆ ออกไปจากเว้ปวัดท่าซุงนะครับ

แล้วประการสุดท้าย ไม่มีคำไหนที่ท่านบอกให้เว้ปธรรมะ ที่เคยทำความดีมีชือเสียงมาก่อน (โดยทำเว้ปตามอย่างเวปพระรัตนตรัย และเวปของคุณ Anime มาก่อน) จนมีคนเข้าชมเป็นจำนวนมาก แต่อาศัยช่องว่างตรงนี้แหละครับ ที่เดิมคณะผู้จัดทำได้เห็นว่าเว้ปสายหลวงพ่อน่าจะรวมตัวกัน แต่ภายหลังได้ทราบพฤติกรรมจากคนอื่นๆ เล่าไงครับ ว่าเบื้องหลังน่าจะมีการนำชื่อเสียงของครูบาอาจารย์เหล่านี้ ไปทำธุรกิจพระเครื่อง มีมูลค่าตามที่สมาชิกนำรูปภาพมาโพสต์ ประมาณ 153 ล้านบาท ส่วนที่ยังไม่นำภาพมาอีกก็ไม่รู้กี่ร้อยล้าน อีกทั้งมีการกล่าวอ้างถึงผู้เป็นที่เคารพของวัดท่าซุงในเวลานี้ แม้คุณ kodomo และคณะที่จัดทัวร์ไปวัดบ่อยๆ ก็อ้างว่าเคารพนับถือ พร้อมกับย้อนถามคนทำนาว่า ได้รายงานให้เจ้าของนาทราบทุกระยะหรือไม่ แต่เวลานี้มีชื่อของท่านที่ถูกนำมาแอบอ้างให้ด่างพร้อยใน "เว้บไซด์ค้าขายพระเครื่อง" ที่คุณสังกัดอยู่นี้ เรื่องเสื่อมเสียแบบนี้ พวกคุณไม่รู้บ้างหรือ ทำไมไม่รายงานให้ท่านทราบบ้าง ในเมื่อใครๆ ก็รู้กันทั้งนั้น

piaprakhueng วันที่โพส: อ. 13 เมษายน, 2010

.......พระคุณเจ้าท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันวัดท่าซุง..ท่านบอกที่บ้านซอยสายลมเมื่อต้นเดือน..เมษายน 2553ว่าการสร้าง..


สมเด็จองค์ปฐมลอยองค์ยากมาก..ท่านสั่งสร้างครั้งละมากๆ..แต่ก็ไม่ได้ตามที่ต้องการ..ได้แค่นิดเดียวเองทุกครั้งไป

"สมเด็จองค์ปฐมปางนิพพาน ปี 2540"ท่านก็สั่งทำเยอะแต่ก็ได้มานิดเดียว
"สมเด็จองค์ปฐมลอยองค์"ล้อมเพชรพิเศษ..ที่ระลึกงานเททองหล่อองค์ปฐมทองคำ ปี 2542..ท่านก็สั่งทำเยอะมาก

แต่ผลปรากฎว่าได้มาแค่ 1,000 องค์คือ..สีแดงกับสีดำ.. ต้องมาทำเสริมอีกทีหลังคือ..สีเขียวกับสีน้ำเงิน

และครั้งล่าสุดที่สั่งสร้างสมเด็จองค์ปฐมลอยองค์ที่..ปลุกเสก..เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2553 ท่านก็สั่งทำเยอะมาก
แต่ผลปรากฎว่าได้แค่นิดเดียว

สมัยที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ก็เหมือนกัน..สั่งทำสมเด็จองค์ปฐมลอยองค์เนื้อโลหะ ท่านสั่งเยอะมากแต่ก็ได้แค่นิดเดียว

หลวงพ่อเลยบอกว่าแล้วแต่"ข้างบนเขาจะให้"จะสั่งทำมากเท่าไร? ก็จะไม่ได้ตามที่ต้องการ เพราะข้างบนเขาให้แค่นี้

ดังนั้นผู้ที่มีสมเด็จองค์ปฐมลอยองค์ไว้ครอบครอง จงภูมิใจ และเก็บรักษาไว้ให้ดี ถือเป็นวัตถุมงคลที่สูงสุด หาสิ่งใดมาเปรียบเทียบไม่ได้อีกแล้ว

จองวัตถุมงคล โดย โอนเข้าบัญชี นาย.....


จะเห็นว่ามีการอ้างเอาคำพูดของท่านมาสร้างเครดิต แล้วปลุกปั่นให้เกิดความอยากได้ เพราะจะย้ำว่าของมีน้อย แล้วใครเสียหาย ใครได้ผลประโยชน์ แล้วมีใครเดือนร้อนแทนท่านบ้างไหม ไหนบอกว่าเคารพนับถือท่านละ นี่คือผลสุดท้ายก็เป็นไปตามคำเล่าลือ ตามหลักฐานต่างๆ ที่มีคนนำมาแสดงอยู่นี้ สมาชิกทุกคนเข้าใจหมดแล้ว คงไม่ต้องอ้างเรื่องธรรมะกันต่อไป จบกันแค่นี้เถอะครับ ทางทีมงานฯ คงไม่ชี้แจงอะไรอีก (ปฏิเสธการนัดหมายหรือลิงค์เว้ปกันเช่นนี้ ต้องทำตามที่สมาชิกแนะนำ หวังว่าคงไม่นำมาเป็นเหตุทีหลังอีกนะครับ) เพราะจะนำกระทู้เรื่องภายนอกมาให้อ่านกันอีก

ด้วยความเคารพนับถือทุกท่าน

คณะทีมงานฯ เว็บวัดท่าซุง

ปล. อ้างว่าได้ยินที่บ้านสายลม แสดงว่าคุณpiaprakhueng อยู่ในกลุ่มปฏิบัติธรรมของทีมงานเว้ปพลังจิตนี้ด้วย คงจะช่วยจัดรถทัวร์ไปตามสายวัดท่าซุง แต่ได้เข้าไปอยู่ในเว้ปพระเครื่องนี้ด้วย ขอให้สังเกตไว้ด้วยนะครับ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 17/8/10 at 08:05 [ QUOTE ]


โมทนาครับ ผมไม่ขัดข้องในการสกรีนโพสต์ของผมครับ เพราะเป็นสิทธิอันพึงมีของทีมงาน ฯ ครับ

สำหรับความเห็นที่ผ่านมา เราก็พยายามเจรจาให้เกิดการนัดพบเพื่อปรับความเข้าใจ รวมทั้งยินดีเข้าไปพบท่านเจ้าอาวาสพร้อมกันเพื่อขอคำยืนยันว่าท่านเจ้าอาวาสอนุญาตให้เว็บพลังจิตเผยแพร่จริงหรือไม่ นั่นเป็นเพราะเราต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของเราเช่นกันครับ ซึ่งถ้าทีมงาน ฯ แจ้งว่า "ไม่อนุญาตให้คัดลอกข้อมูลใหม่ ๆ นั้น" แสดงว่า ข้อมูลเก่าก็คงไม่ได้มีข้อห้ามใด ๆ นะครับ ดังนั้นการที่เว็บพลังจิตชี้แจงว่า เจ้าอาวาสอนุญาตไว้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ผิดใด ๆ เพราะเราได้ขออนุญาตจากท่านจริง และท่านได้อนุญาตเพื่อให้เราเผยแพร่เพื่อประโยชน์ของมหาชนครับ เรื่องนี้ขอให้ยุติเพียงเท่านี้นะครับ

สำหรับเนื้อหาใดที่มีการคัดลอกไปโดยที่เว็บวัดท่าซุงไม่อนุญาต (ที่เป็นลิขสิทธิ์ของพระชัยวัฒน์หรือข้อมูลใหม่ ๆ ที่ทีมงาน ฯ ได้จัดทำขึ้นเพิ่มเติม และห้ามเผยแพร่ที่อื่น กรุณาแจ้งให้เราทราบด้วย) ทางเว็บพลังจิตยินดีลบกระทู้ดังกล่าวออกให้ ซึ่งขอให้ทีมงาน ฯ แจ้งให้เราทราบด้วย เพราะเรียนตามตรงว่า เราไม่ทราบว่า มีกระทู้ใดบ้าง เพราะบางกระทู้ได้คัดลอกมานานแล้ว ดังนั้นถ้าทีมงาน ฯ เห็นกระทู้ดังกล่าวก็สามารถกดแจ้งลบ เราก็ยินดีดำเนินการให้ครับ เรื่องนี้ผมคิดว่า ถ้าเราช่วยกัน เรื่องนี้ก็จะยุติครับ และนับจากนี้ ถ้าทีมงาน ฯ ต้องการให้ลบกระทู้ใด ๆ ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของทีมงาน ฯ หรือ พระชัยวัฒน์ ให้ประสานมาที่ผมโดยตรงได้ เพื่อความรวดเร็วในการดำเนินการ

ในส่วนของคำชี้แจงหลายเรื่องที่พี่ WebSnow ชี้แจงไปทางอีเมล์แล้ว ผมมั่นใจว่า คงจะเป็นประโยชน์ในการพิจารณาของทีมงาน ฯ และอยากให้ทีมงาน ฯ ลองพิจารณาร่วมกันอีกครั้งดูว่า สิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อมหาชน รวมทั้งสิ่งใดที่ร่วมกันดำเนินการได้

เมื่อวาน ผมได้คุยกับพี่ WebSnow และได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันว่า ถ้ามีการเจรจาระหว่างทีมงาน ฯ ทั้งสองเว็บ เราก็เชื่อมั่นว่า ถ้าทั้งสองเว็บร่วมมือกันอย่างเป็นรูปธรรมและเชิญเว็บต่าง ๆ ที่เผยแพร่คำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยานมาหารือกัน เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาเว็บวัดท่าซุงให้เป็นศูนย์กลางของลูกหลานหลวงพ่อก็ไม่ใช่เรื่องที่ยาก

จริง ๆ แล้ว ผมไม่อยากให้ทีมงาน ฯ ฟังคำแนะนำของสมาชิกที่เสนอว่าไม่ควรเจรจา เพราะการเจรจาหาทางออก คือ สันติวิธี เพราะมีแต่เสมอตัว หรือ ได้ประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ซึ่งทางเรายินดีให้สมาชิกเข้ารับฟังด้วย หรือ ทีมงาน ฯ จะอัดเทปมาโพสต์ หรือ จะถ่ายวีดีโอมาโพสต์ เราก็ไม่ขัดข้อง เพราะเรามาด้วยความจริงใจ

สำหรับที่พาดพิงเรื่องที่ว่า เว็บพลังจิตพัวพันกับผลประโยชน์ในวงการพระเครื่องนั้น เราได้ชี้แจงวัตถุประสงค์ของการเปิดห้องพระเครื่องไปแล้ว แต่ทีมงาน ฯ ลบออกไป ซึ่งผมขอเรียนว่า พระบางรุ่นไม่มีที่วัดแล้ว ดังนั้นราคาให้เช่าภายนอก ก็เป็นราคาตลาดที่ผู้เช่าและผู้ให้เช่ายินยอมพร้อมใจกันเช่าในราคานั้น เราคงปฏิเสธไม่ได้ครับ และเว็บพลังจิตไม่มีส่วนแบ่งใด ๆ ในการให้เช่า ยกเว้นค่าบริการรายปี ที่เราคิดอัตราปีละ 900 บาท เพื่อเป็นการลงทะเบียนผู้ให้เช่าว่ามีตัวตน และเป็นการให้เขารู้จักสละทรัพย์เพื่อบำรุงพระศาสนาด้วย โดยรายได้ส่วนนี้เรานำไปใช้ซื้อซอฟต์แวร์หรือจ้างพัฒนาซอฟต์แวร์เพิ่มเติมให้เว็บ เช่น บิการ Voice Chat ซึ่งเป็นบริการสนทนาด้วยเสียงและภาพ ทำให้สมาชิกสามารถสื่อสารกันได้ทั่วโลกโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นต้น

ความเห็นส่วนตัวของผม ผมเห็นว่า เราควรจะให้เกียรติบุคคลอื่นในการนำวัตถุมงคลของหลวงพ่อไปให้เช่าเพื่อนำเงินมาเลี้ยงชีพนะครับ เพราะเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ส่วนคนที่ให้เช่าเพื่อหวังกำไรเยอะ ๆ และโฆษณาเกินจริง ผมว่าเขาไม่เจริญหรอกครับ เพราะเขาทำด้วยความโลภและเป็นการปรามาสพระด้วย

สุดท้ายนี้ ผมก็ยอมรับความเห็นของ "คณะทีมงาน ฯ เว็บวัดท่าซุง" นะครับที่เลือกปฏิบัติตามคำแนะนำของสมาชิกท่านหนึ่ง แต่การที่เว็บวัดท่าซุงได้แจ้งเจตนารมย์ตั้งแต่เปิดเว็บว่า ยินดีรับฟังคำแนะนำและข้อเสนอแนะจากสมาชิก

ดังนั้น ผมในฐานะสมาชิกคนหนึ่ง และผมเชื่อว่า สมาชิกอีกหลาย ๆ คนในเว็บนี้ที่ต้องการให้ปัญหานี้ยุติลง และหลายคนคงไม่สบายใจเท่าใดนักที่ ทีมงาน ฯ (บางท่าน) ใช้เว็บอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ในการพาดพิงบุคคลอื่นในทางเสียหาย

ตัวอย่างที่ผมเจอกับตนเอง คือ ผมอยากทราบเหตุผลว่า เหตุใดทีมงาน ฯ ถึงกล่าวพาดพิงผมในเรื่องที่ผมจัดกิจกรรมไปวัดท่าซุง และแวะข้างวัด รวมทั้ง การที่ผมจะพาคนไปทำบุญที่วัดในจังหวัดกาญจนบุรี

ผมอยากทราบว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องตรงไหน กรุณาแนะนำผมตรง ๆ ครับ และการที่ผมจะยกย่องครูบาอาจารย์ของผมนั้น ผมเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า "ความเชื่อส่วนตัวของผม" เพื่อเตือนสมาชิกที่เข้ามาอ่านอยู่แล้ว ดังนั้น ผมทำผิดตรงไหน และเหตุใดจึงกล่าวหาว่า พระข้างวัดสอนไม่ตรงกับหลวงพ่อ ทีมงาน ฯ เคยไปนั่งฟังธรรมหรือไม่

ที่สำคัญ ไม่ควรนำเรื่องในอดีตที่ผ่านมานานมากแล้วมารื้อฟื้น เพราะทีมงาน ฯ ทราบอยู่แล้วว่า เรื่องนั้นเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกระหว่างลูกศิษย์หลวงพ่อ นอกจากนั้น ถ้า (สมมติว่า) มีคนนำหลักฐานบางอย่างมารื้อฟื้นเรื่องในอดีตของครูบาอาจารย์ของทีมงาน ฯ จะรู้สึกอย่างไร ใจเขาใจเรานะครับ ครูบาอาจารย์ของใคร ใครก็รัก ดังนั้น อย่าทำลายศรัทธาของบุคคลอื่นด้วยความเห็นของ ทีมงาน ฯ (บางคน) เลยครับ

ผมแบ่งคนใหม่ไปฝึกที่วิหาร 100 เมตร ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะผมให้เขาฝึกพื้นฐานที่ดีจากวัดท่าซุงโดยตรง ส่วนคนที่เคยฝึกแล้ว ก็ต้องหากิจกรรมระหว่างรอให้เขาทำ ใครอยากฝึกซ้ำที่วิหาร 100 เมตรก็สามารถฝึกได้ ทุกคนมีอิสระเต็มที่ครับ

ดังนั้น ผมเชื่อว่า กิจกรรมดังกล่าวเป็นสิทธิโดยชอบธรรมที่ของผม และเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของผู้ร่วมทริปทุกคนที่จะไปไหนก็ได้ โดยเฉพาะการที่ทีมงาน ฯ (บางท่าน) พาดพิงเรื่อง การจัดกิจกรรมที่วัดในจังหวัดกาญจนบุรีว่า ไม่เหมาะสม

ผมก็ขอให้ ทีมงาน ฯ (ท่านนั้น) ตำหนิพระอริยสงฆ์ที่ไปร่วมกิจกรรมที่วัดแห่งนี้ทั้งหมดด้วยครับ ซึ่งพระปลัดวิรัช โอภาโส สำนักสงฆ์ธรรมยาน (หลวงพ่อวิรัช)
ก็เมตตาไปร่วมงานด้วย


ผมก็ขอฝาก คณะทีมงาน ฯ เว็บวัดท่าซุงให้ช่วยควบคุมการตอบคำถามของทีมงาน ฯ (บางท่าน) ด้วยครับ เพราะพฤติกรรมของทีมงาน ฯ (บางท่าน) ในการตำหนิครูบาอาจารย์ของคณะต่าง ๆ เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างรอยร้าวขึ้นในหมู่ลูกหลานหลวงพ่อ และเป็นการเสี่ยงในการสร้างกรรมโดยไม่จำเป็น เพราะทีมงาน ฯ (บางท่าน) อาจจะจดจำแต่เรื่องในอดีต และอาจไม่ทราบว่า ภูมิธรรมของผู้ที่ทีมงาน ฯ (บางท่าน) ตำหนิในปัจจุบันเป็นเช่นไร ถ้าบังเอิญท่านผู้นั้นจบกิจจริง กรรมหนักจะเกิดกับทีมงาน ฯ (ที่ตำหนิ) และ สมาชิกที่เข้ามาตำหนิตาม

ดังนั้น ขอเถอะครับ เลิกตำหนิผู้อื่นได้แล้ว ถ้าไม่อยากร่วมมือกันก็ขออย่าให้เกิดการตำหนิหรือพาดพิงกันในที่สาธารณะครับ เพราะไม่เกิดประโยชน์เลย โดยเฉพาะการพาดพิงครูบาอาจารย์หรือบุคคลที่ผู้อื่นเคารพ เพราะรอยร้าวระหว่างคณะศิษย์กำลังเริ่มต้นขึ้นเพราะทีมงาน ฯ (บางท่าน) ไปพาดพิงครูบาอาจารย์ท่านอื่น เช่น ไปตำหนิอาหมอสมศักดิ์ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ตอบสั้น ๆ ก็จบแล้วครับว่า หนังสือดังกล่าวทางวัดไม่ได้จัดทำขึ้น เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน แต่ไม่ต้องขยายความเพิ่มเติม เป็นต้น

ในการตอบที่ผ่านมาของผม รวมทั้งเว็บพลังจิต จะเห็นได้ว่า เราไม่เคยดึงครูบาอาจารย์ของทีมงาน ฯ ลงมาเกี่ยวข้องเลย เพราะปัญหานี้เป็นเพียงความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากข้อมูลที่ได้รับของทีมงานทั้งสองเว็บเท่านั้น

ก็ขอตอบเท่านี้ครับ ถ้าไม่เหมาะสม ก็ต้องขออภัยด้วย และต้องขอขมากรรมและขออโหสิกรรมกับทุกท่านด้วยนะครับ หากมีข้อความใดล่วงเกินไป และขอยืนยันต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ว่า

การที่ผมมาตอบ เพื่อต้องการให้ปัญหายุติ และมาติเพื่อก่อ มิได้ติเพื่อทำลาย
ส่วนสมาชิกท่านใดจะมองผมในมุมใดนั้น ผมน้อมรับคำตำหนิจากทุกท่านครับ และจะปรับปรุงในโอกาสต่อไป

โมทนา


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 17/8/10 at 08:52 [ QUOTE ]


กระทู้ของคุณนี้เปิดให้อ่านกันได้ ขออภัยแต่จำเป็นต้องบล็อกเวปอื่นที่เข้ามาอ้างอิง ส่วนเรื่องขออนุญาตเผยแพร่ธรรมะวัดท่าซุงนั้น ทางหลวงพี่ชัยวัฒน์ได้แจ้งให้หลวงพ่อนันต์ทราบไปนานแล้ว ว่าข้อมูลที่ทาง "ทีมงานของเวปจัดทำ" อนุญาตให้อ่านได้ แต่จะต้องขอสงวนสิทธิ์ไว้ เพราะเป็นน้ำพักน้ำแรงของพวกเราทั้งสิ้น ไม่ว่าข้อมูลใหม่ข้อมูลเก่า อีกทั้งหลวงพี่ได้เคยสอบถามแล้ว ท่านยอมรับว่าได้มีคนมาติดต่อที่บ้านสายลม แต่ท่านไม่ได้รับโทรศัพท์และไม่เคยอนุญาตให้ใครแต่อย่างใด ไม่งั้นเวบอื่นๆ คงต่อว่ากันมาหลายรายแล้ว ส่วนเรื่องที่ใครที่เข้ามาคัดลอก เท่าที่พบได้เคยแจ้งอยู่ในกระทู้นานแล้ว
http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=581 แต่ไม่เห็นแก้ไขอะไรเลย คงมีการกระทำกันอยู่เรื่อยๆ บางรายก็เข้าไปคัดลอกในเวบตามรอยพระพุทธบาทอีกด้วย ทีมงานฯ คิดว่าคงแก้ไขยากนะครับ

.......ผมขอย้อนกระทู้เดิมที่ "ประกาศให้สมาชิกทราบ" ที่ค้างอยู่ก่อน และคำที่บอกว่าทีมงานฯ ได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อนนั้น จริงหรือไม่ครับ

........หลังจากได้ ปล. หมายเหตุไว้ไม่นาน มีสมาชิกแจ้งมาเดี๋ยวนั้นทันทีครับว่า ผู้ใช้ชื่อว่า "piaprakhueng" ที่โพสเวปพระเครื่อง amulet.palungjit.com ร่วมกับคนที่ชื่อ "websnow" หรือ "วีระชัย" ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเวบพลังจิต" ตามรูปภาพที่ลงผ่านไปแล้วนั้น เป็นสมาชิกกลุ่มเดียวกับ "สมาชิกเวบพลังจิต" แน่นอน และก็ต้องมีกิจกรรม "ธุรกิจ-บุญ" ร่วมกันมาก่อน ซึ่งการอ้างว่าเป็นอาชีพเลี้ยงชีวิตไปด้วยนั้น สมาชิกท่านอื่นฟังแล้วไม่ทราบรู้สึกยังไงกันบ้าง แสดงว่าเห็นด้วยทุกอย่างที่ทำกันนะครับ จึงขอ copy รูปภาพที่ส่งมาให้ดังต่อไปนี้ครับ



และเมื่อสมาชิกของเวปวัดท่าซุงท่านนี้ได้เข้าไปค้นหา พบว่า "piaprakhueng" มีอาชีพเปิดแผงให้เช่าพระอยู่ใน "ศูนย์พระเครื่อง" ชื่อดังแห่งหนึ่ง แล้วที่สำคัญเป็นแผงที่จำหน่ายวัตถุมงคลที่เวปพลังจิตเผยแผ่ธรรมะอยู่เวลานี้ สมาชิกท่านนี้บอกว่า พอจะนึกออกแล้วว่า เมื่อปีที่แล้วทำไมมีกระแสพระเครื่องของวัดท่าซุงมาแรงมาก พระบางรุ่นหมดไปอย่างรวดเร็ว น่าจะมีการปั่นกระแสราคาอย่างแน่นอน



พระบางรุ่นราคาถีบตัวสูงขึ้นมากมาย และแผงพระพระบางแห่งก็ถูกกว่าทางวัดอีก จึงเป็นที่สงสัยของสมาขิกคือ "คุณเพียงลมหายใจฯ" จึงมีการแจ้งมาถึงเวบวัดท่าซุง ว่าเป็นของวัดท่าซุงจริงหรือไม่ เป็นของแท้หรือของเทียมกันแน่ นี่เป็นข้อมูลที่เริ่มแรกจริงๆ ไม่เกี่ยวกับทีมงานฯ เลยนะครับ เพราะคุณเพียงฯ กลัวว่าจะสร้างความเสื่อมเสียมาถึงวัดท่าซุงละครับ เมื่อทีมงานฯ เข้าไปตรวจสอบ พบว่าเกิดขึ้นในเวบที่อ้างว่า เป็นเวบพุทธศาสนาที่มีผู้เข้าชมนับแสน มากที่สุดในโลก ว่างั้นนะ



โดยเฉพาะวัตถุมงคล "สมเด็จองค์ปฐม" ของวัดท่าซุง จากเวบที่เผยแผ่ไปทั่วโลก ชักชวนให้คนเคารพนับถือก็เป็นการดี จัดรถจัดทัวร์ไปหาพระที่ออกไปจากวัดบางองค์แล้ว หรือนิมนต์ท่านไปร่วมพิธี เช่น หลวงพี่ปลัดวิรัชเป็นต้น จึงขออนุโมทนาด้วย แต่ทีมงานมิได้มีเจตนาจะลบหลู่ใครครับ การเตือนมิได้ตำหนิ เพราะเรื่องเกิดมานาน แต่เพิ่งนำมาชี้แจง แสดงว่าไม่มีอคติกับพระที่ออกไปจากวัด หรือกลุ่มคนภายในเวปแห่งนี้แน่นอนครับ
แต่จากการกระทำของบุคคลกลุ่มเดียวกันนี้ คงจะแก้ตัวว่าไม่รู้จักกันคงเป็นไปไม่ได้ จะอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นกันก็เป็นไปไม่ได้ คงจะต้องรับผิดชอบร่วมกันแน่นอน เพราะหลักฐานเห็นชัดว่าได้เป็น "สินค้าแนะนำ" ไปแล้ว

เรื่องนี้คุณอาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่มันเสทือนใจต่อผู้เข้ามาเยี่ยมชมทั้งหลายยิ่งขึ้น เพราะได้ทำรูปแบบธุรกรรมเกี่ยวกับความเชื่อความศักดิ์สิทธิ์อย่างเต็มตัว อาศัยความนิยมเข้ามาในเวป ได้อ่านคำสอนคำเทศน์หลวงพ่อ เมื่อคนที่ได้อ่านเกิดศัรทธา อาจจะมีการติดต่อจำหน่ายวัตถุมงคลของหลวงพ่อไปด้วย แล้วนี่จะเรียกว่า "ขายสมบัติพ่อกิน" จะได้หรือไม่ครับ คุณ Kodomo หรือ คุณ Websnow ไม่ต้องชี้แจงเรื่องเผยแผ่ธรรมะอะไรให้โยกโย้อีกต่อไปเลย เพราะอะไรจึงได้เบี่ยงเบนประเด็นอยู่เรื่อย ก็เป็นเพราะมีเรื่องนี้ค้ำคออยู่ไงครับ ทำให้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

......จึงขอแจ้งให้สมาชิกในเวปแห่งนี้ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น "สมาชิกทั่วไป" หรือเป็น "สมาชิกสากล" หรือเป็น "สมาชิกพิเศษ" (มีช่างติดเพชรที่เคยอยู่ในวัดร่วมเป็นสมาชิกด้วย) หรือเป็น "สมาชิกควบคุมห้องหลวงพ่อ" (ศูนย์พุทธฯ) หรือที่เป็น "สมาชิกพิชิตภัยฯ" ไม่ต้องไปพิชิตที่ไหนอีกแล้ว ภัยที่มีก็อยู่ใกล้ตัวเรานั่นแหละครับ

...... ถ้ารักเคารพหลวงพ่อและวัดท่าซุงจริง ควรที่จะได้ใช้การพิจารณาตามที่หลวงพ่อสอนไว้ ใครเป็นเพื่อนใครเป็นญาติ ควรจะแจ้งเรื่องนี้ให้ทราบโดยทั่วกัน เลิกสนับสนุน ควรถอนตัวออกมาได้แล้ว มิฉะนั้นจะเข้าข่ายเข้าร่างแหอยู่ใน "ธุรกิจ-บุญ" เหล่านี้ได้ กิจกรรมใดๆ ที่จัดทำเป็นบุญกุศลก็ต้องขออนุโมทนาด้วย แต่ก็ต้องควรรับรู้รับทราบ เพื่อไม่ให้เสียเกียรติภูมิ เสียศักดิ์ศรี ที่เป็น "ลูกหลวงพ่อวัดท่าซุง" เสียเปล่า

ถ้าทุกท่านทุกกลุ่มถอนตัวออกมาแล้ว จนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน และไม่กลับเข้าไปเป็นแนวร่วมอีก หันมาช่วยทีมงานเว้ปวัดท่าซุงกัน มารวมกันต่อต้านพฤติกรรมเช่นนี้ เพื่อช่วยกันรักษาทนุบำรุง เพื่อไม่ให้กระกระเทือนชื่อเสียงพระเดชพระคุณหลวงพ่อสืบต่อไป แต่ก็ต้องทำด้วยความเมตตาปราณีกัน ทางทีมงานฯ ยินดีนัดหมายเจรจา และเรื่องอื่นก็คงไม่ยาก ขอโมทนาในเจตนาดีเช่นกันนะครับ

ทีมงานฯ เวบวัดท่าซุง


ปล. เรื่องหนังสือของคุณหมอนั้น ทีมงานฯ ไม่สามารถรีบรัดตอบเองได้ เพราะเป็นเรื่องของสงฆ์วัดท่าซุง จำเป็นต้องสอบถามท่านผู้รู้ แล้วนำมาปรึกษาหารือกันก่อน การตอบจึงจะถูกต้องและตรงตามความเป็นจริง เป็นการให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย การตอบสั้นๆ อาจจะไม่แจ่มแจ้งสำหรับบุคคลอื่นก็ได้ ในเมื่อมีกระทู้ถามมา มีสมาชิกท่านอื่นถามตอบกันมา แล้วคุณจะให้สั้นได้ยังไงละครับ

**** คำถามคำตอบต่อไปทีมงานฯ ขอแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า จะขอยุติไว้เพียงแค่นี้นะครับ..***


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 17/8/10 at 11:31 [ QUOTE ]


ผมเห็นด้วยกับทางทีมงานเป็นส่วนใหญ่นะครับ

แต่การขายพระเครื่องไม่เป็นความผิดแต่อย่างใดครับ ถึงท่านจะใช้คำพูดว่า "ขายพ่อกิน" หรือ "ขายสมบัติพ่อกิน" ก็ตามแต่ หลวงพ่อให้ทำได้ครับ

มีคนเคยถามหลวงพ่อว่า ได้พระคำข้าวมาองค์ละ 10 บาท จะเอาไปขายต่อองค์ละ 100 บาท แบบนี้จะเป็นโทษหรือไม่ หลวงพ่อบอกว่า ของของเรา เราจะขายเท่าไหร่มันก็เรื่องของเรา ไม่ผิด

และหลวงพ่อยังบอกว่าหลายครั้งว่า พระคำข้าวให้เก็บไว้ดีๆ โดยธรรมดาเป็นพระที่มีลาภมากอยู่แล้ว และต่อไปจะมีราคาองค์ละหลัก........ ใช้แก้จนได้ บ้านไหนยิ่งมีมากยิ่งรวย

ผมคิดว่าการขายพระเครื่องจะผิดก็ต่อเมื่อ

1. เอาพระเก๊มาขาย แต่บอกว่าแท้
2. เอาชื่อเสียงครูบาอาจารย์มาโฆษณาโดยไม่เคารพ
3. โฆษณาชักจูงด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ
4. โฆษณาโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะมีต่อครูบาอาจารย์
5. สร้างเองแล้วแอบเอาเข้าพิธี แล้วไปโฆษณาเกินจริง
6. เอาบุญบังหน้า


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 17/8/10 at 12:07 [ QUOTE ]


เว็บธรรมะจุดประสงฆ์หลักคือ เผยแพร่เป็นธรรมทานและ เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม คนจะเข้ามมากน้อยไม่ได้สน สนแต่ว่าคนเข้ามาแล้วได้ความรู้ในธรรมมากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่จะแสดงกิเลสว่า อันดับหนึ่ง หรือ คนเข้าเยอะเป็นแสนเป็นล้าน



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 17/8/10 at 12:29 [ QUOTE ]


โอ้...ร้อนแรงและชัดเจน อ่านไปด้วยหัวใจระทึก ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ย้อนอ่านไปมาหลายเที่ยว คล้าย ๆ คนหูอื้อก็ว่าได้ หัวใจจะวายเจ้าค่ะ.

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 17/8/10 at 12:31 [ QUOTE ]


ขอแถม คุณอุลตร้าแมนฯ อีกคำตอบนะครับ คิดว่าน่าจะจบได้แล้ว

ถูกต้องแล้วครับ คุณอุลตร้าแมนฯ แต่การที่ทีมงานฯใช้คำนี้ "ขายพ่อกิน" หรือ "ขายสมบัติพ่อกิน" อาจจะแรงเกินไป แต่การอธิบายคนอ่านย่อมรู้ว่ามุ่งหมายใครนะครับ การใช้ถ้อยคำหนักเบา ก็ต้องใช้ให้เหมาะสมกับข้อประพฤติต้วย ซึ่งหลักฐานที่พรินท์ออกมา บางคนอาจจะคิดว่าทำได้ เพราะเป็นสิทธิ์ของผู้ที่เช่ามาแล้วย่อมขายต่อได้ จะกำไรหรือขาดทุนอยู่ที่การต่อรอง

แต่การที่ทีมงานฯ ยกมาเป็นเหตุ ไม่ได้ตำหนิการทำธุรกิจเช่นนี้นะครับ เพราะส่วนใหญ่เขาก็ทำกันเป็นอาชีพทั่วไป ถือว่าถูกตามกฎหมายด้วย และเขาก็ไม่ได้ทำเวปไซด์เผยแพร่ธรรมะแบบนี้ แต่ที่ผมเตือนว่าคนทำเว้ปเผยแผ่ธรรมะสายวัดท่าซุงต่างหาก ที่มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้ด้วย แล้วอ้างคำพูดจากหลวงพ่อฯ อนันต์เพื่อเป็นการโฆษณาจูงใจ จุดนี้เป็นที่เสื่อมเสียถึงวัดท่าซุง คงเข้าใจตรงกันนะครับ

การที่นำมากล่าวไม่ใช่เฉพาะเวปเหล่านี้ แต่เป็นการเตือนให้บุคคลภายนอกทราบว่า ยังมีวัตถุมงคลของท่านที่ออกไปจากวัดด้วย ที่มีผู้แจ้งข่าวมาทางอีเมล์ ไม่ว่าจะเป็น "สมเด็จองค์ปฐม" หรือ "พระยอดธง" เป็นต้น มันหลายเรื่องนะ ทีมงานฯขี้เกียจขยายความมาก เพราะมีหลายกรณี จึงไม่สามารถจะชี้แจงมาก แค่นี้คนอ่านก็ตาลายไปหมดแล้ว

เอาเป็นว่าคุณอุลตร้าเขียนมาดีมากละครับ ทีมงานจะได้ย้ำอีกทีว่า ไม่ได้ใช้คำว่า "อาชีพขายพระเครื่องผิดหมด" นะครับ ตามความหมายของคุณอุลตร้าที่ไม่มีความผิด คงหมายถึงคนที่มีอาชีพแผงให้เช่าพระตามปกติ คือไม่มีการโหมลงข่าวโฆษณาชวนเชื่อเช่นนี้ ทีมงานจึงต้องแยกใช้คำว่า "ธุรกิจพระเครื่อง" ที่มีการลงทุนโฆษณาอย่างแพร่หลาย ซึ่งได้ชักจูงด้วยการกระทำในหลัก 5 ข้อของคุณอุลตร้าแมนฯ เพราะได้มีการตรวจสอบข่าวนี้แล้ว จากคำโฆษณาที่ลงในเวปนี้ว่า..

.......พระคุณเจ้าท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันวัดท่าซุง..ท่านบอกที่บ้านซอยสายลมเมื่อต้นเดือน..เมษายน 2553ว่าการสร้าง..

.......ท่านปฏิเสธว่าไม่ได้พูดให้มีความหมายเช่นนี้ เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของผู้ฟังเองต่างหาก ท่านบอกว่าปกติท่านก็ไม่มีนิสียที่จะใช้คำพูดแบบนี้อยู่แล้ว ซึ่งท่านจะชี้แจงให้ทราบภายหลังครับ.

*** ขอทุกท่านงดแสดงความเห็นได้ และที่สกรีนข้อความไปบ้าง ต้องขออภัยด้วยครับ ***


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 17/8/10 at 12:43 [ QUOTE ]


โมทนากับท่าน "ทีมงานฯ เวบวัดท่าซุง" คำตอบหลาย ๆ ข้อของท่าน
ผมเข้าใจถึงความปรารถนาดีของท่านและทีมงานครับ

ในส่วนของผม ผมก็คงจะไปดำเนินการตามที่แจ้งไว้นะครับว่า
กระทู้ใดที่เป็นลิขสิทธิ์ของทีมงาน ฯ และหลวงพี่ชัยวัฒน์ จะทยอยลบจากระบบให้ครับ
แต่ต้องขอเวลาผมไล่เช็คข้อมูลในเว็บวัดท่าซุง เปรียบเทียบกับที่มีคนไปโพสต์ไว้ก่อนนะครับ

สำหรับข้อความที่เว็บพลังจิตมีการ Copy จากเว็บอื่นนั้น ส่วนใหญ่เราอ้างอิงที่มาให้ครับ
แต่ถ้าทีมงาน ฯ เห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมจริง ๆ เดี๋ยวผมประสานและจัดการให้ครับ
ถ้าขาดตกบกพร่องส่วนใด รบกวนแจ้งมาได้ครับ หรือ ต้องการประชาสัมพันธ์ในเรื่องใด
เราก็ยินดีให้ความร่วมมือครับ



ผมก็ยุติการตอบเพียงเท่านี้ และขอขอบคุณ "ทีมงานฯ เวบวัดท่าซุง" อีกครั้งหนึ่งที่เอื้อเฟื้อพื้นที่
ในการแสดงความเห็นของผม ทั้งในฐานะที่ผมเป็นสมาชิกเว็บวัดท่าซุงคนหนึ่ง
ทั้งในฐานะที่ผมเป็นทีมงานและสมาชิกเว็บพลังจิต และในฐานะบุคคลที่ถูกพาดพิงในการดำเนิน
กิจกรรมต่าง ๆ นะครับ

สุดท้ายนี้ ผมกราบขอขมากรรมต่อพระชัยวัฒน์ในฐานะที่เป็น webmaster ตัวจริง
ทีมงานเว็บวัดท่าซุงทุกท่าน สมาชิกเว็บวัดท่าซุงทุกท่าน รวมทั้งผู้ที่เข้ามาอ่านทุกท่านด้วย
หากผมได้ล่วงเกินสิ่งใดไปก็กราบขออโหสิกรรมไว้ ณ โอกาสนี้ และขอให้เราไม่มีเวรและกรรมต่อกัน

หากวาระบุญเปิดคราวใด ก็ขอให้ได้ร่วมมีโอกาสร่วมกันเผยแพร่
และรักษาพระศาสนาให้ครบ 5,000 ปีครับ นอกจากนั้นถ้ามีเรื่องใด
แนะนำซึ่งกันและกันก็สามารถแนะนำได้ตลอดเวลาครับ

โมทนา


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
ตั้งหัวข้อใหม่

Go To Top