"บทความ" จาก..หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่มพิเศษ (ตอนที่ 3 )
ลูกศิษย์บันทึก เล่มพิเศษ
จัดพิมพ์โดย..คุณ อินทิรา สังขพิทักษ์ และคุณ มาลิดา ปานทวีเดช
( ลิขสิทธิ์เป็นของ "ทีมงานเว็บวัดท่าซุง" )
☺....ทางทีมงานฯ ขอเสนอข้อมูลที่นับวันจะหายาก นั่นก็คือ "จดหมายของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ" ที่ท่านได้ตอบกับบุคคลต่างๆ
ที่เคารพนับถือท่าน สมัยก่อนเทคโนโลยียังไม่เจริญ จำเป็นต้องอาศัยการโต้ตอบทางจดหมาย นับว่าดีที่สุดในสมัยนั้น ซึ่งจะเป็นการตอบด้วยตนเองของหลวงพ่อฯ
ต้นฉบับจะเป็นการพิมพ์ดีดของท่านเอง สมัยก่อนในห้องส่วนองค์ของท่านที่วัดท่าซุง จะมีเครื่องพิมพ์ดีดวางอยู่ นั่นคือเป็นแหล่งที่มาของหลักฐานต่างๆ เหล่านี้
......ด้วยเหตุนี้ ทางทีมงานฯ ขอขอบคุณและอนุโมทนาในความวิริยะอุตสาหะของ คุณ อินทิรา สังขพิทักษ์ และคุณ มาลิดา ปานทวีเดช
ที่ได้ใช้เวลาว่างจากงานประจำ แล้วช่วยพิมพ์ส่งมาให้ลงให้อ่านกันเป็นตอนๆ หวังว่าผู้ชมทางเว็บไซด์วัดท่าซุงทุกท่าน
คงจะได้ความรอบรู้และเข้าถึงลีลาการตอบจดหมายของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ได้เป็นอย่างดี
จดหมาย จาก หลวงพ่อ รวบรวมโดย พล.อ.ท. ม.ร.ว. เสริม ศุขสวัสดิ์ (30 ม.ค. 2535)
หนังสือ จดหมายจากหลวงพ่อ นี้ท่านเขียนถึงข้าพเจ้าบ้าง ถึงภรรยาของข้าพเจ้า (คุณเฉิดศรี สุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา
หรือคุณอ๋อย) บ้าง ถึงบรรดาศิษย์ทุกคนบ้าง มีข้อความบอกให้ทราบกิจกรรม และอุปสรรคในการสร้างวัดท่าซุง (การสร้างเพิ่มเติมจากของเก่า) เป็นบางตอน
บางฉบับก็เป็นคำสอน
นอกจากพิมพ์ขึ้นเพื่อให้เป็นหลักฐานในทางประวัติแล้วยังมีความประสงค์ให้จัดจำหน่ายเป็นรายได้สำหรับทำนุบำรุงวัดจันทาราม (ท่าซุง)
ให้ยั่งยืนต่อไปสมกับที่หลวงพ่อได้ลงทุนลงแรงในการสร้างเพื่อส่งเสริม และดำรงพระพุทธศาสนาไว้ ขออนุโมทนากับท่านผู้บริจาคเงินซื้อด้วย
พล.อ.ท. ม.ร.ว.เสริม ศุขสวัสดิ์
30 ต.ค. 2535
หมายเหตุ บางคนเคยกล่าวหาว่าหลวงพ่อเป็นคอมมิวนิสต์บ้าง ค้าไม้เถื่อนบ้าง ข้อความในจดหมายจะแสดงให้เห็นว่าความจริงเป็นอย่างไร
สารบัญ
46. คุณรัช กองสมบัติ
47. แก้ข้อข้องใจของคุณรัช
48. คุณสมควร โชคชัย
49. คุณ สำราญ
50. คุณจตุรงค์
51. ลูกโต
52. สมศรี
53. ลูกรัก
54. น.ส.พรทิพย์ ยุทธวงศ์
55. ท่านประธานกองทุนโลกทิพย์
56. อนุโมทนา
จดหมาย จาก หลวงพ่อ รวบรวมโดย พล.อ.ท. ม.ร.ว. เสริม ศุขสวัสดิ์ (30 ม.ค. 2535)
57. จดหมายวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2513
58. จดหมายวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2513
59. จดหมายวันที่ 9 พฤษภาคม 2513
60. จดหมายวันที่ 15 พฤษภาคม 2513
61. จดหมายวันที่ 25 พฤษภาคม 2513
62. จดหมายวันที่ 16 มิถุนายน 2513
63. จดหมายวันที่ 2 กรกฎาคม 2513
64. จดหมายวันที่ 4 กรกฎาคม 2513
65. จดหมายวันที่ 30 กรกฎาคม 2513
วิธีจับจิต
วิธีฝึกทิพยจักขุญาณ
66. จดหมายวันที่ 14 สงหาคม 2513
67. จดหมายวันที่ 28 สิงหาคม 2513
68. จดหมายวันที่ 19 กันยายน 2513
69. จดหมายวันที่ 1 ตุลาคม 2513
70. จดหมายวันที่ 10 ตุลาคม 2513
71. จดหมายวันที่ 14 ตุลาคม 2513
72. จดหมายวันที่ 1 พฤศจิกายน 2513
73. จดหมายวันที่ 21 พฤศจิกายน 2513
74. จดหมายวันที่ 27 พฤศจิกายน 2513
75. จดหมายวันที่ 19 ธันวาคม 2513
46
วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๑๗ มกราคม ๒๕๒๘
คุณรัช กองสมบัติ ที่นับถือ
จดหมายของคุณ อาตมาเพิ่งได้อ่านเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๒๘ ทั้งนี้เพราะไปกรุงเทพฯ สอนพระกรรมฐานที่ ซอยสายลม และมีภาระอื่นจึงกลับวัดช้า
พออ่านจดหมายก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ที่ไม่ทราบว่าเพราะอะไรจึงเป็นอย่างนั้น วันที่มอบเงินนั้น พระครูวิหารกิจจานุยุต
เจ้าอาวาสเธอก็รับด้วย พร้อมด้วย นายเจริญ ทรงพร เดิมทีเดียวเงินได้ทั้งหมด ๒๔๐,๐๐๐ บาทเศษ
อาตมาจึงเอาเงินที่ติดตัวไปจากวัด ๑๐,๐๐๐ บาทเศษสมทบ จึงเป็นเงินทั้งสิ้น สองแสนห้าหมื่นบาทเศษ
ได้ขออนุญาตเจ้าของเงินว่า ขอให้เป็นมูลนิธิของโรงเรียนปานอุทิศ ๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือสองแสนบาทเศษให้กับวัด
ทั้งนี้เพื่อสนองคุณ หลวงพ่อปานที่ท่านมีคุณแก่อาตมามาก วิชาความรู้ทางพระได้จากท่านมหาศาล ที่เอามาสอนกันอยู่เวลานี้
ยังเอาออกใช้ไม่ถึง ๑๐ เปอร์เซ็นต์
แต่ทว่า ก่อนที่จะนำขบวนไป ท่านก็มาบอกถึงปฏิปทาของทางวัดบางนมโค ปัจจุบัน อาตมาก็คิดแต่เพียงว่า
จะพาคนไปไหว้สำนักของครูบาอาจารย์
คุณอรุณ ชยนฺโต รองเจ้าอาวาส วัดท่าซุง องค์นี้ ก่อนอุปสมบท รับราชการมาแล้วในตำแหน่งสูง เธอได้แนะนำทาง วัดบางนมโค มาแล้วว่าควรทำอย่างไร แต่เป็นการบังเอิญที่ทางวัดมีงาน ท่านจึงไม่มีโอกาสทำตามคำแนะนำ จึงมีผลไม่ถึง ๕๐ เปอร์เซ็นต์
ที่คิดว่าทางวัดจะพึงได้ แต่นั่นก็ช่างเถอะ
เรื่องที่แจ้งไม่ตรงตามที่บอกไว้นี้ต้องคิด เพราะเป็นเรื่องใหญ่ คุณกับคุณถวัลย์ มาขออาตมา
อาตมาใช้เวลาล่วงมาหลายปีจึงให้ ทั้งนี้ก็ต้องการดูคุณ เมื่อเวลาล่วงมาพอสมควร เห็นคุณทำจริงและทำถูก วันที่ไป วัดบางนมโค นั้น
ตั้งใจไปพบคุณและ คุณถวัลย์
แต่เป็นการบังเอิญที่ทราบว่า คุณถวัลย์ เพิ่งตาย ก่อนไปถึงไม่นานและก็ไม่พบคุณเสียด้วย ถ้าพบกัน คิดว่าคงถวายวัดเพื่อเป็นการให้ค่าเช่าที่นั่งสัก
๕๐,๐๐๐ บาท อีก ๒๐๐,๐๐๐ บาทจะมอบให้มูลนิธิของโรงเรียน เพราะคุณและ คุณถวัลย์ อุตส่าห์เดินทางมาหาหลายครั้ง
ทางวัดเองไม่มีการติดต่อกันเลย เป็นที่น่าเสียดายที่วันนั้นคุณไม่อยู่ จึงต้องมอบไปในรูปนั้น ที่ตั้งใจมาจริงๆ แล้ว มาเพื่อมูลนิธิตรง
เมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๒๘ ครูใหญ่ ขอเรียกอย่างนี้ก็แล้วกันนะ เวลานี้เขาเรียกกันว่า อาจารย์ใหญ่ คำว่า อาจารย์ แปลว่า
ผู้ประพฤติทั่ว คือประพฤติดี ประพฤติถูก ไม่มีการหลงผิด
แต่ทว่าอาจารย์ใหญ่สมัยนี้คล้ายกาละมังรั่ว เห็นทั่วไปไม่ค่อยจะได้เรื่องได้ราว มีความรู้ผิด ปฏิบัติผิดกันมาก กินเหล้าเมายา จริยาก็แสนจะทุเรศ
ใช้อารมณ์ในทางไม่ถูกต้อง มีมากที่วัดที่อาตมาอยู่ คณะที่หวาดหวั่นที่สุดคือ คณะครูที่ดีเธอก็มีมาก แต่ที่เละก็ไม่น้อย ทำให้เอือมชื่อนี้
มาเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคมนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อลงไปถึงที่รับแขก พบพระท่านหนึ่ง เมื่อเดินเข้าไปทักท่าน ท่านบอกว่าท่านมาจาก
วัดบางนมโค มากับอาจารย์ใหญ่ โรงเรียนปานอุทิศ เหลียวไปก็พบ ผ่องศรี ทรงกำพล (นามสกุลเดิมของเธอ
นามสกุลสามีเธอว่าอย่างไรไม่ทราบ) และประทุม ทรงไตรย์ สองคนนี้เดิมเป็นคนดีมาก และเธอก็ยังดีอยู่ อีกคนหนึ่งชื่อ พุด
เป็นผู้ใหญ่บ้าน
เธอถามอาตมาว่า จำได้ไหม ศัพท์ว่า จำได้ไหม นี้ปกติไม่อยากฟัง เพราะคนเราถ้าพบกันเป็นปกติก็ต้องจำได้ แต่ถ้านานเป็นสิบๆ
ปีจะจำอะไรกันได้ เพราะต่างคนต่างแก่ รูปร่างหน้าตาเปลี่ยนแปลงไปตามๆ กัน ถ้าเป็นคนที่รักและหวังดีต่อกันจริง
ก็ต้องไปมาหาสู่กันบ้างตามสมควร แต่นี่นานเกินยี่สิบปีจะจำอะไรกันได้
ท่านอาจารย์ใหญ่อาตมาไม่รู้จักเลยแม้แต่เงาของชื่อ เธอแจ้งความประสงค์ที่มา เธออยากจะขออนุญาตเอาเงินที่มอบให้มูลนิธิ ๕๐,๐๐๐
บาทนั้นไปทำอย่างอื่นนอกเหนือจากมูลนิธิ ตามที่คุณเขียนจดหมายมานั้นตรงตามความเป็นจริง
จึงได้บอกเธอว่า อนุญาตไม่ได้ เพราะเป็นเงินของท่านผู้มีจิตศรัทธา ไม่ใช่เงินของฉัน
ต่อมาเธอขอร้องให้ไปช่วยสร้างที่กินอาหารของนักเรียน อาตมาก็รับไม่ได้อีก เพราะเขตนี้ขาดตอนการติดต่อกันนานแล้ว
และเมื่อคราวที่มา วัดบางนมโค ถ้าคุณอรุณ ไม่ล่วงหน้าไปก่อน อาจจะไม่มีที่นั่ง
และยังแถมมีพระแก่ด่าอาตมาให้ พันโทนิกร ฟังเล่นเย็นๆ ใจอีก ความจริงเรื่องนี้ไม่ได้โกรธ เพราะรู้จักคน บางนมโค
ดีมากด้วยอยู่มานาน ที่ดีจริงๆ ก็มาก ที่ไม่อยากพบสวรรค์ก็เยอะ
เป็นอันว่าจดหมายของคุณมีประโยชน์และตรงตามความเป็นจริงทุกประการ คุณเป็นคนน่ารักมาก ขอให้ทรงความดีนี้ไว้เป็นปกติเถิด
อาตมาอนุญาตให้คุณมาที่วัดนี้ได้เสมอ แต่ต้องปฏิบัติตามระเบียบของวัด และรายงานตัว อย่าถามว่า จำได้ไหม
ถ้าถามแบบนั้นอาจจะนั่งไม่สบาย เพราะอาตมาไม่คบคนเบ่ง
น่าเสียดายปฏิปทาของ หลวงพ่อปาน นะ
ท่านอุตส่าห์สร้างความดีให้เป็นทุนของสถานที่และมอบความดีทุกประการทั้งหมดให้แก่ทุกคนที่เคารพท่าน เวลานี้ปฏิปทานั้นหาไม่ได้เลย ความจริงก็เป็นปกติธรรมดา
ที่โลกนี้เป็น อนิจจัง หาความดีคนดีที่เที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้ โลกนี้เป็นทุกขัง
ติดมากคิดมากเกินไปก็เป็นทุกข์ โลกนี้เป็นอนัตตา
จงอย่าคิดว่าใครเขาจะเคารพเราว่าเป็นครูบาอาจารย์เขา แต่ถ้าหากจะมีอะไรที่เป็นประโยชน์ เขาอาจจะอ้างว่าคนนั้นเป็นครูบาอาจารย์ เขาเป็นศิษย์ใกล้ชิด
เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อประโยชน์เท่านั้น แต่ถ้าหากมีทุกข์ จะต้องหันเข้าไปพึ่งพาอาศัยก็จะไม่มีหวังเลย ที่เธอไม่กระทืบซ้ำนั้นดีแล้ว
อาตมามีศิษย์อยู่ไม่ใช่คนหนึ่ง มีหลายคน เมื่อยามทุกข์ เธอไม่เคยปรากฏหน้าให้พบเลย
พอเธอได้ยี่ห้อเข้านิดหน่อยเลยปล่อยคำด่าฝากมาให้อาตมาพอแรง พออาตมาลืมตาอ้าปากได้เธอเที่ยวไปคุยกับใครต่อใครว่า อาตมาเป็นกรรมวาจาจารย์ของเธอ
เรื่องอย่างนี้ไม่มีอะไรน่าตำหนิ เพราะเป็นธรรมดาของคนเลว ที่จำต้องแสดงตามบทที่กรรมเลวบังคับให้แสดง ทั้งนี้เพื่อกลับไปอบายภูมิตามเดิม
ที่พระครูวิหารกิจจานุยุต เจ้าอาวาส และคุณเจริญ ทรงพร บอกว่า ให้เอาเงินไปใช้เป็นอย่างอื่น
และครูใหญ่โรงเรียนมาขออนุญาตใช้อย่างอื่นนั้น ก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าทำไมจึงตัดสินใจอย่างนั้น
อาจจะเป็นเพราะโลกนี้ศิวิไลซ์เกินไปกระมังจึงตัดสินใจตรงกันข้ามกับความเป็นจริง
แต่คิดว่าทุกอย่างคงเป็นไปตามสภาพของจิตใจ และท้องที่ไม่มีอะไรต้องคิด ที่คุณบอกมาว่าอาจต้องทำให้อาตมาวุ่นวายใจนั้น
เรื่องความวุ่นวายใจนั้นปล่อยทิ้งไปนานแล้ว เพราะสมัยที่อยู่วัดบางนมโค ระยะเมื่อ หลวงพ่อปาน
มรณภาพแล้ว สถานที่นี้มีความวุ่นวายเป็นปกติ เป็นครูทดสอบอารมณ์ได้เป็นอย่างดี จึงไม่มีอะไรที่จะต้องวุ่นวาย
ขอโทษ คุยนานเกินไป คุณอาจจะเป็นโรคเส้นประสาทเพราะอาตมาคุยก็ได้ อ่านแล้วอาจจะอ่านไม่ทันจบ อาจจะต้องกินยาระงับประสาทก็ได้ ทางที่ดีควรปรุงยาแก้ลม
บาทจิต แจกคณะที่มีความจำเลอะเลือนให้กินไว้เป็นปกติ คุณจะได้บุญมาก ขอคุณจงมีความสุขสมหวัง และให้คิดไว้ตามความเป็นจริงว่ามีคุณคนหนึ่ง ที่อาตมารักความดีของคุณ
พระสุธรรมยานเถร
◄ll กลับสู่สารบัญ
47
แก้ข้อข้องใจของคุณรัช
คุณรัช กองสมบัติ ได้มีจดหมายมาถามเรื่องเงินที่มอบให้เป็น กองทุนมูลนิธิ โรงเรียนปานอุทิศ ที่
วัดบางนมโค ตามใจความในจดหมายเธอถามว่าเงินจำนวน ๒๕๐,๐๐๐ บาทเศษ (สองแสนห้าหมื่นบาทเศษ) นั้น อาตมามอบให้เป็นเงินมูลนิธิของ
โรงเรียนปานอุทิศ ใช่ไหม
ขอตอบตามความเป็นจริงว่า ใช่ ความจริงขณะรับ ได้มอบให้ คุณเจริญ ทรงพร รับแทนเจ้าอาวาส
แต่ท่านเจ้าอาวาสก็อยู่ร่วมกัน ได้ประกาศทางขยายเสียงหลายครั้งว่า มอบให้ทางวัดสองแสนเศษ อีกห้าหมื่นบาทมอบให้เป็นเงินมูลนิธิของโรงเรียน
ก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องสงสัยเลย
แต่ตามจดหมายของคุณรัช บอกมาว่า ผู้รับมอบเงินบอกว่า ให้เป็นเงินใช้จ่ายของโรงเรียน เรื่องนี้ก็ต้องคิด คนรับมอบ เคยพูดกับเธอ เธอก็ได้ยินตามปกติ หูไม่หนวก ตาไม่บอด ทำไมประสาทความทรงจำจึงเลอะเลือนแบบนั้น
ท่านเจ้าอาวาสคือ พระครูวิหารกิจจานุยุต ก็อยู่ด้วย น่าจะแก้ข้อข้องใจได้ ทำไมจึงปล่อยให้เป็นเงินค่าใช้จ่ายของโรงเรียน
ถ้าเป็นเงินค่าใช้จ่ายของโรงเรียน ก็คงจะเรียบร้อยตามระเบียบ
ท่านสาธุชน เรื่องนี้ต้องคิดและติดตามให้มาก เพราะเวลานี้ คนที่รับการทำบุญจากท่านผู้ใจบุญ ประสาทฟั่นเฟือนมีมาก
เขาบอกมาอย่างหนึ่ง เข้าใจไปอีกอย่างหนึ่ง เงินที่ทำบุญก็เลยเป็นเงินส่งเสริมบาปไป
ความจริงที่ไป วัดบางนมโค คราวนี้ มีความประสงค์เพียงให้คนที่ไม่เคยไปวัด ได้รู้จักวัดที่อาตมาเคยอาศัยและศึกษามาก่อน
และเพื่อสนองคุณ หลวงพ่อปาน เท่านั้น มิได้ไปหวังแย่งชิงความดีหรือทรัพย์สินอะไร ตั้งใจช่วยวัดเป็นครั้งสุดท้าย เพราะแก่แล้ว
คงจะไปไม่ไหวอีก
และเห็นเจ้าอาวาสก็มีความสามารถดีมาก เป็นพระครู เป็นพระอุปัชฌาย์ เป็นพระธรรมทูต ได้รับพัดพัฒนาจากกรมการศาสนา
รู้สึกว่าเป็นอะไรหลายอย่างที่ทางวัดนี้ไม่เคยได้เป็นมาก่อน เห็นตามหนังสือที่เธอเอาไปให้ที่ วัดพระแก้วเมื่อวันที่เข้ารับพระราชทานสัญญาบัตร
และพัดยศ อ่านแล้วรู้สึกว่าเธอเป็นพระมีโชคดี ที่มีตำแหน่งหลายอย่าง ก็ดีใจ
การที่มอบเงินให้สองแสนบาทเศษ ก็เพราะเมื่อคราวเดินทางไปก่อนที่เดินทางไปจริง เพื่อสำรวจทางและเวลา เธอบอกว่า เมื่อปี ๒๕๑๘
อาตมาพาคณะไปเยี่ยมวัด ได้มอบเงินไว้สองหมื่นบาทเศษ แนะนำให้เธอบูรณปฏิสังขรณ์กุฏิ
เธอบอกว่า เธอทำสิ้นเงินไปสองแสนบาทเศษ คล้ายกับเธออุทธรณ์ว่า เพราะให้ไว้แค่สองหมื่นบาท แต่เธอต้องจ่ายไปสองแสนบาทเศษ
(ความจริงเธออาจจะไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่อาตมาก็มาคิดเองว่า เพราะแนะเธอ เธอจึงต้องลำบากหาเงินถึงสองแสนบาท) จึงตั้งใจจะหาเงินให้ในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน
๒๕๒๗
จึงพาคณะไปชมบริเวณวัด แต่บังเอิญตรงกับงานประจำปีพอดี สถานที่ที่เธอจะให้พบกับญาติโยมจึงหายาก ความตั้งใจคิดว่า ถ้าเธอจัดสถานที่ตามที่ คุณอรุณ แนะนำไป เมื่อได้พบปะกับญาติโยมที่เคยรู้จักกันมา และลูกหลานที่ไปเข้าออกในการทำบุญง่ายๆ โอกาสเล่าความเป็นมาของวัด
คิดว่าวันนั้นคงได้เงินไม่น้อยกว่าห้าแสนบาท
แต่ก่อนไป หลวงพ่อปาน ท่านบอกก่อนสามวาระว่า ที่ที่จะพบคนนั้น ทางวัดจัดให้ไม่ได้
เพราะเป็นสถานที่ที่เคยให้ร้านค้าในงานเช่าขายของ เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็ต้องถือเอาเรื่องความจำเป็นเป็นสำคัญ ที่ไหนก็ได้ ถ้าไม่มีที่พัก
พอไปถึงวัดไหว้รูปหล่อ หลวงพ่อปาน แล้วก็กลับ เท่านั้นก็พอ
เพราะเมื่อวันไปสำรวจทาง ได้บอกเจ้าอาวาสไว้แล้วว่า อย่าคิดว่าผมเป็นแขกคนพิเศษ ให้ถือว่าผมมาเพื่อไหว้หลวงพ่อท่านเท่านั้นก็พอ
ไม่ต้องจัดสถานที่เป็นพิเศษ ฉะนั้นเรื่องสถานที่จึงไม่มีอะไรน่าตำหนิทางเจ้าอาวาสหรือกรรมการวัด
แต่ก็เป็นอาการปกติของ บางนมโค บางคณะ คือ พันโทนิกร ได้ไปที่กุฏิ หลวงพ่อปาน ไปพบพระวุฑฒบรรพชิต คือ พระแก่องค์หนึ่งอยู่ที่นั่น ท่านเจริญพรอาตมาให้
พันโทนิกร ฟังจนคนฟังรู้สึกว่าเหลือเฟือ เรื่องอย่างนี้ก็ไม่น่าตำหนิกัน เพราะเป็นปกติธรรมดาของพระแก่
คนบวชเมื่อภายแก่ โดยมาก แต่ไม่ใช่ทุกคน มักจะหนีความลำบากจากการเป็นฆราวาสเข้าอาศัยผ้าเหลืองเลี้ยงชีพ
เรื่องศีลธรรมนั้นไม่ใคร่จะสนใจ ถือการได้ลาภสักการะเป็นสำคัญ เมื่อเห็นอาตมาไปพอดีกับมีงานวัด ก็อาจจะคิดว่า
คงจะไปอาศัยงานวัดที่มีคนมาในงานเพื่อหาเงินเพื่อตนเอง เธอจึงพูดอย่างนั้น
ตามความรู้สึกของเธอที่มีความต้องการเป็นปกติ แม้แต่สมัยพระพุทธเจ้าก็มีเหมือนกัน
เธอนินทากระทั่งพระพุทธเจ้ามีเรื่องมากมายที่พระบวชเมื่อภายแก่สร้างเป็นวินัยไว้ ความจริงก็ดี ถ้าเธอไม่หลงใหลมัวเมาในลาภสักการะจนลืมตัวว่าตนเองบวชเป็นพระ
และไม่สร้างความชั่วร้ายทำให้เสื่อมเสียพระพุทธศาสนา พวกพระที่บวชรุ่นหลังก็จะไม่มีวินัยที่ต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้พลั้งพลาดลงนรก
เมื่อเป็นเช่นนั้น อาจจะพลาดท่าเสียที บวชเข้ามาเพื่อหวังความดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือพระนิพพาน
อาจจะลื่นไถลกลายเป็นสัตว์นรกไปก็ได้ ความดีของพระที่บวชเมื่อภายแก่ ที่สร้างความเสียหายให้มีพระวินัยจึงชื่อว่า เป็นคุณใหญ่สำหรับพระที่บวชภายหลัง
ที่ตั้งใจเอาดี จะไม่ต้องลงอเวจีเหมือนพระแก่ทั้งหลายเหล่านั้น
เธอคงไม่ทราบความจริงว่า อาตมาจะไปหาเงินให้วัด จึงพูดอย่างนั้น คงไม่มีอะไรเป็นเจตนาร้าย อาจจะเป็นปกตินิสัยของเธอที่บวชเมื่อแก่เท่านั้นเอง
มีหลายคนมาถามว่า เจ้าอาวาสคือ พระครูวิหารกิจจานุยุต เธอเคยพูดให้ฟังว่า อาตมาเป็นกรรมวาจา (คู่สวดเธอ)
[color=red]เรื่องนี้ขอรับว่าใช่ แต่เรื่องคู่สวด หรือกรรมวาจาจารย์ อนุสาวนาจารย์ก็ตาม มีพระหลายองค์ที่ไม่ได้ถือว่ามีความสำคัญ เพราะอาจจะคิดว่า
เป็นเพียงรับจ้างสวดให้เพื่อมีโอกาสได้ห่มผ้าเหลืองเท่านั้นก็ได้
ฉะนั้นกรรมวาจาจารย์หรืออนุสาวนาจารย์ กับพระที่รับการสวดในวันอุปสมบทจะถือว่ามีจริยา ศรัทธาปฏิปทา ความดีความชั่วเสมอเหมือนกันไม่ได้ กรรมวาจาฯ
อาจจะมีศักดิ์ต่ำกว่าพระที่สวดให้ก็ได้ ตัวอย่างอาตมาเป็นหลวงตา แต่ทว่าพระผู้ที่สวดให้ ได้รับสัญญาบัตรเป็นพระครู
และมีตำแหน่งหลายตำแหน่ง มีวาสนาบารมีดีกว่าคู่สวดถมไป ครูบาอาจารย์เป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาของลูกศิษย์ถมไป
บางทีอาจารย์ยังเป็นปุถุชน แต่ลูกศิษย์ของตนเป็นพระอรหันต์มากมาย ตัวอย่างใน พระไตรปิฎก มีเยอะ
ฉะนั้นการที่เธอรับว่าอาตมาเป็น พระกรรมวาจาจารย์ จึงไม่ควรคิดว่าจะมีความดีความชั่วเสมอกัน
ให้ถือว่าความดีความชั่วเป็นเรื่องส่วนของแต่ละบุคคล
ที่พูดมายืดยาวอย่างนี้ ไม่มีอะไรเป็นจุดหมายปลายทาง พูดเพื่อความเข้าใจเท่านั้น แต่อาตมาดีใจที่สามารถได้รับความเมตตาจากบรรดาลูกรักทั้งหลาย
ปลดเปลื้องพันธะด้วยจำนวนเงินสองแสนบาทเศษ ได้ให้แก่เธอ เพื่อเป็นการตัดความหนักใจที่เธอทำตามอาตมาแนะนำ
และให้เงินไว้เพียงสองหมื่นบาท แต่เธอต้องหาเพิ่มอีกเกือบสองแสนบาท ความดีของลูกรักทุกคนที่ทำให้หมดพันธะครั้งนี้ ต้องถือว่าเป็นความดีอย่างมหันต์
ของลูกรักและทุกท่านที่มีจิตเมตตา จงมีความปรารถนาสมหวังตามที่ตั้งใจจงทุกประการ
และขอทุกคนจงอย่าถือวาจาที่พระแก่คนนั้น เธอด่าอาตมา ให้ถือว่าเป็นการวัดกำลังใจ ถ้าจิตใจเราหวั่นไหวเพราะคำด่า เราก็แพ้กิเลส
หากเรามีอารมณ์ใจปกติ ตามแบบฉบับของพระพุทธเจ้าที่ถูกพระแก่นินทา ท่านเฉยไม่ว่าและไม่หนักใจ เราจะได้มั่นใจตนเองว่า เราเป็นลูกของพระตถาคตแน่
(พระสุธรรมยานเถร)
◄ll กลับสู่สารบัญ
48
ที่ ๒๓๐/๒๕๒๘ วัดจันทาราม อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๑๓ มีนาคม ๒๕๒๘
เรื่อง รับนักเรียนประจำ
เจริญพร คุณสมควร โชคชัย ที่นับถือ
คุณเคยเสนอกรมฯ ไว้ว่า ทางมูลนิธิฯ จะรับนักเรียนประจำด้วยนั้น นโยบายนี้ยังคงมีอยู่ และจำทำเมื่อถึงวาระอันสมควร เพราะการรับนักเรียนประจำ ต้องมีสถานที่พักมีผู้ควบคุมที่ดี และต้องคัดเลือกนักเรียนที่มีความประพฤติดี มีธรรมสูงพอควร เรียนดี
ถ้ารับส่งเดชโดยไร้การพิจารณาและเห็นคุณสมบัติก่อน จะกลายเป็นรับและเลี้ยงโจรไป
ตัวอย่างเช่นครู ครูเป็นบุคคลตัวอย่าง และต้องเป็นตัวอย่างที่ดี เมื่ออาตมาเป็นนักเรียน ครูไม่มีใครสูบบุหรี่ ดื่มสุราเมรัย
มีมารยาทเลวทราม ครูประเภทนี้ถึงแม้ว่าจะมีไม่มา แต่ก็ทำให้คนที่เป็นครูด้วยกันถูกเหยียดหยามไปตามๆ กัน คณะบุคคลที่มาที่วัดนี้ที่ผ่านมา
คณะบุคคลที่ฝ่ายต้อนรับต้องหนักใจมากที่สุดก็คือคณะครู
แม้ส่วนใหญ่จะดีก็มีส่วนน้อย ที่มาทุกครั้งทำเลว ไม่มีระเบียบวินัย แม้พระรัตนตรัยก็ไม่เคารพ เลวมาก มีปะปนมาทุกครั้ง
ทำให้ครูที่ดีต้องเสียไปด้วย
ทั้งนี้ทางราชการเมื่อเวลารับครู ท่านจะเพ่งเล็งระเบียบข้าราชการพลเรือนหรือวินัยของครูหรือไม่ก็ไม่ทราบ จึงมีคนที่เป็นครูเลวประเภทนี้ปะปนอยู่
คนเลว แม้จะมีจำนวนน้อย ก็ทำให้คนดีส่วนใหญ่เดือดร้อนและมัวหมองได้
นักเรียน เธอเป็นเด็ก พยายามลอกแบบครูอยู่แล้ว แต่แบบที่ดีนักเรียนจำยาก ส่วนแบบที่เลวนั้นเธอจำง่าย ถ้าเห็นครูประพฤติตัวเลวๆ
ได้ เธอก็อาจจะคิดว่า เป็นความประพฤติดีที่ควรปฏิบัติตามได้ เธอก็จะปฏิบัติตามนั้น ฉะนั้นเวลานี้นักเรียนผู้ใหญ่คือนักเรียนมัธยมและอุดมศึกษา
จึงมีความประพฤติไม่ใคร่สมควรแก่ฐานะ
เมื่ออาตมาเรียนหนังสือ พอขึ้นมัธยมแล้ว ครูถือว่าเป็นผู้ใหญ่ ต้องวางตัวให้เหมาะสม เป็นตัวอย่างที่ดีของนักเรียนชั้นประถม
พอเข้าเรียนวิชาแพทย์ ต้องวางตัวเป็นผู้ใหญ่มาก เป็นผู้ใหญ่ของนักเรียนมัธยม
ฉะนั้น การที่จะรับเด็กเข้าประจำ ยังรับเวลานี้ไม่ได้เพราะ
๑. สถานที่ ยังไม่มีที่ ที่มีอยู่แล้วเป็นที่ของผู้เจริญวิปัสสนา ไม่สมควรให้นักเรียนอยู่ปะปน
๒. ผลงานยังไม่มี คนช่วยทุนยังไม่ปรากฏ เพราะคนที่ทำบุญที่วัดนี้เขาไม่ยอมโง่ เขาใช้ปัญญาพิจารณาก่อน เมื่อเห็นสมควรเขาจึงจะให้ ถ้าให้แบบโง่ๆ ทำคนแบบเลวๆ
วัดและสถานที่คงไม่กว้างขวางใหญ่โตอย่างนี้
๓. การรับ ต้องดูความประพฤติ ปัญญาในการเรียน ความเพียร ต่อสู้อุปสรรค มีธรรมดีตามที่เห็นสมควร และต้องดูตระกูล ตระกูลนี้ไม่ได้ดูความร่ำรวย
ดูเพียงว่าเป็นตระกูลที่พอจะมีเหตุผลไหม เท่านั้น
อาตมาเคยเลี้ยงเด็กมาเกินพันคน มีประสบการณ์พอ เราให้กินให้เรียน บางคนทำไม่ดี ตักเตือน ว่ากล่าวเข้า กลายเป็นศัตรูตลอดกาล คนอกตัญญูประเภทนี้
ปัจจุบันนี้มีเกือบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ต้องพิถีพิถัน บางคนป่วยไข้ไม่สบาย เป็นไส้ติ่งอักเสบ หมอผ่าตัด พ่อแม่ก็มาด่าฉัน หาว่าเอาลูกเขาไปผ่าท้อง
แล้วก็เป็นศัตรูไปอีก
ฉะนั้น เรื่องการรับนักเรียนประจำ มีในนโยบาย ขอให้แจ้งทางกรมฯ ว่ายังไม่รับอย่างกรมฯ รับครูอาจจะได้คนประเภทครูเลวเข้ามา
ทำลายความหวังดี มีสภาพเหมือนการรับโจรไว้ในบ้าน ถ้ากรมฯ เห็นว่าจำเป็นต้องรับ มิฉะนั้นผิดสัญญา ก็ให้กรมฯ ถอนใบอนุญาตไปได้เลย เพราะการตั้งโรงเรียน กรมฯ
ไม่เสียอะไรเลย
อาตมาเองต้องจ่ายเงินเกินร้อยล้านบาท และต้องจ่ายต่อไปอีกไม่รู้ว่าจะเป็นกี่ร้อยด้วย และถอนใบอนุญาตฉันจะชอบใจมาก จะได้ไม่ต้องเสียเงิน ไม่เดือดร้อน
ไม่มีคนโง่ๆ มาทำให้รำคาญใจ
ขอคุณเอาหนังสือนี้ให้ทางกรมฯ ได้อ่านและพิจารณา ถ้ามีความเห็นเสมอกันทำงานร่วมกันได้ ถ้ามีความเห็นไม่เสมอกัน ก็ขอให้เลิกรากันไป
เจริญพร
พระสุธรรมยานเถร
◄ll กลับสู่สารบัญ
49
วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๒๔ กรกฎาคม ๒๕๒๘
คุณ สำราญ
ฉันอ่านข้อความที่คุณนำลงพิมพ์ในหนังสือ วิวัฒน์ แล้ว รู้สึกประทับใจในความดีของคุณ เพราะคุณลงได้เรียบร้อย
ไม่ดัดแปลงสำนวนจนเสียหาย คุณบันทึกเสียงไปตอนไหนฟังไม่ชัด รวมทั้งจริยามารยาทของคุณก็เรียบร้อย สมเป็นศาสนิกชนที่แท้จริง
ความดีของคุณทำให้เป็นที่ประทับใจของผู้ได้เห็นเป็นอย่างยิ่ง ขออนุโมทนาในความดีของคุณ ขอคุณและคณะหนังสือพิมพ์ วิวัฒน์ และครอบครัวของคุณ
จงเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไปเถิด
ข้อความคลาดเคลื่อน
มีข้อความบางตอนที่คลาดเคลื่อน ทั้งนี้ฉันทราบดีว่า ไม่ใช่เจตนาของคุณทำให้คลาดเคลื่อน ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะฉันป่วย อาการป่วยเครียดมาก ก่อนคุณมา ๒
๓ วัน เวลาประมาณ ๒๑.๐๐ น. อาการเครียดจนถึงกับคิดว่า คงไม่พ้นวันนี้อาจจะตาย
จึงตัดสินใจรวบรวมกำลังใจพิจารณาดูว่า เราห่วงอะไรบ้าง งาน คน หรือทรัพย์สิน ดูแล้วไม่มีอะไรเป็นห่วง แม้แต่ร่างการก็ไม่มีอะไรที่จะห่วง จิตก็เป็นสุข
คิดว่าถ้าบังเอิญตายเวลานี้ เราก็เป็นสุข ในที่สุด มันก็ไม่ตาย อาการป่วยคราวนี้มีเสมหะมาก ไอมาก พูดกับใครก็ไม่ไหว ต้องนั่งเฉย เป็น พระเตมีย์ใบ้
ที่ไม่ใบ้คืออาการไอ ต้องเอาผ้าปิดปากเวลาไอเสมอ
ลงไปรับแขกพูดกับใครก็ไม่ได้ ให้รองเจ้าอาวาสพูดแทน มาบรรเทาอาการไอเอาเมื่อก่อนหน้าคุณมา ๑ วัน วันที่คุณมาพอพูดประโยคยาวๆ ได้บางประโยค
แต่เสียงบางตอนก็ขาดหายไป เลยทำให้ผู้รับฟัง ฟังไม่ครบถ้อยคำ ทำให้ได้ข้อความพลาด หรือขาดไป ข้อความที่พลาดหรือขาดไป
อาจทำให้ผู้ที่กล่าวถึงเสียหายโดยที่ท่านผู้นั้นไม่มีความผิด หรือไม่ทำอย่างนั้น ซึ่งถ้าบังเอิญมี ก็ต้องขออภัยท่านผู้นั้นไว้ในที่นี้ด้วย
สันติบาล
มีข้อความตอนหนึ่งที่พูดถึงตำรวจสันติบาล ในตอนที่ว่า มีนายทหารอาการชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งมาบอก ตอนนี้อ่านแล้วเป็นว่า สันติบาลท่านนั้นไปบังคับ
คุณชม้อย ความจริงแล้ว ไม่ใช่
ความจริงมีดังนี้ เมื่อ คุณชม้อย ออกมาแล้ว ท่านสันติบาลท่านนั้นซึ่งเป็นเพื่อนกับท่านนายทหารอากาศสืบมาหรือรับข่าวมาว่า คุณชม้อย
ต้องการออกมาเคลียร์บัญชี และจะเริ่มจ่ายตั้งแต่วันที่ ๑ ถึง ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๒๘ นี้ เท่าที่สันติบาลท่านนั้นสืบมาได้ความว่า บุคคลผู้เสียประโยชน์
ไม่ยอมให้ คุณชม้อย จ่าย
ถ้า คุณชม้อย จ่ายครบถ้วน พวกเธอจะเสียหน้า เพราะพยายามออกข่าวว่า คุณชม้อย ไม่มีเงิน เล่นประเภทงูกินหาง กินไปกินมาหางหมด
เลยกินพุงตัวเอง จึงตั้งเกณฑ์ให้ คุณชม้อย จ่ายเพียง ๑๐ หรือ ๑๕ เปอร์เซ็นต์ แล้วล้มละลาย ส่วนที่เหลือยกประโยชน์ให้ ชม้อย ไป
ความจริงท่านได้ข่าวมา ๓ ข้อ ฉันจำได้ข้อเดียว ในที่สุดของท่าน สันติบาลท่านนั้นได้มาตรงความจริงทุกข้อ เป็นอันว่าท่านเป็นผู้ให้ข่าวถูกต้อง
ควรยอมรับนับถือในความสามารถในการหาข่าวของท่าน ไม่ใช่ท่านสันติบาลไปบังคับ คุณชม้อย ข้อความที่ลงไปคลาดเคลื่อน เพราะเสียงที่ฉันพูดขาดตอนเป็นวรรคๆ
คุณไม่มีความผิด ท่านสันติบาลไม่เสียงหายตามนั้น เสียงของฉันที่ออกไปมันไม่ชัด ขอท่านสันติบาลโปรดให้อภัยด้วย
ภัยจากผู้ยักเงิน
ท่านนายทหารอากาศท่านั้นได้บอกให้ทราบว่า คุณชม้อย มีภัยหลายด้าน อีกด้านหนึ่งก็คือภัยจากคนอยากได้มาก
บุคคลเหล่านั้นรับเงินจากผู้ลงทุนเพื่อเข้าในวง คุณชม้อย แต่ผู้รับเงินไปเห็นว่า คุณชม้อย จ่ายผลประโยชน์เพียง ๖.๘ เปอร์เซ็นต์
ส่วนทางชาจีนจ่าย ๘ เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่านั้น พวกนั้นเลยทำสัญญาเอง
อาจจะเซ็นชื่อ ชม้อย ในสัญญาหรือเซ็นอย่างอื่น คิดว่าถ้าชื่ออื่นผู้ลงทุนคงไม่ยอม แล้วเอาเงินไปเล่นชาจีน ต่อมาชาจีนกระปุกแตก
ก็เลยไม่มีอะไรจ่าย กำไรที่ได้มา ๑ เปอร์เซ็นต์เศษๆ ก็หมดไป เลยไม่อยากให้ ชม้อย จ่าย และถ้า ชม้อย จ่ายอาจจะเก็บ ชม้อย เสียเลย
ท่านบอกว่าพวกที่เอาเงินที่จะมาลง ชม้อย ไปลงชาจีนนั้นมีจำนวนหลายสิบล้าน ที่มีข่าวว่า คุณชม้อย พูดว่าถูกหัวหน้าสายปลอมลายเซ็นนั้น
เมื่อมาทบทวนถ้อยคำของท่านนายทหารอากาศผู้นั้นแล้วตรงกันแน่ จุดนี้อีกจุดหนึ่งที่ทำให้ คุณชม้อย หวาดภัย เป็นอันว่า คุณชม้อย
จ่ายเต็มอาจจะต้องตายเพราะภัยตามที่กล่าวมา
คุณชม้อยไม่จ่ายอาจจะตาย
ถ้าคุณชม้อย ไม่จ่าย หรือจ่ายเป็นส่วน ๑๐ หรือ ๑๕ เปอร์เซ็นต์ ภัยจากผู้ลงทุนอาจจะมาถึง คุณชม้อย นั่นคือ ตาย
ทั้งนี้เว้นไว้แต่ศาลสั่งให้ล้มละลาย ก็ต้องจ่ายปันส่วนเงินที่พบ ส่วนอื่นเก็บไว้ได้ คุณชม้อย จึงเป็นคนที่น่าสงสาร อันตรายมีรอบด้าน ทำถูกก็มีภัย
ทำผิดก็มีภัย
ควรสรรเสริญกองปราบฯ
ฉันคิดว่า คุณชม้อย จะจ่ายได้สะดวกเพราะการคลี่คลายของกองปราบฯ ให้ทั้งความคุ้มครอง ทั้งพยายามคลี่คลายทุกอย่าง คิดว่า
เงินที่มีในที่ทุกสถานจะเอาเข้ารวมกันได้ เพราะความคุ้มครองของกองปราบฯ และในที่สุดก็จะจ่ายได้
กองปราบฯ ทำงานหนักและเหน็ดเหนื่อยมาก ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับคราวนี้ต้องถือว่ากองปราบฯ เป็นกำลังสำคัญให้ได้เงิน ถ้าบังเอิญ คุณชม้อย
จ่ายทุนคืนครบ และจ่ายผลประโยชน์ให้สัก ๓ เดือน ผู้รับเงินน่าจะช่วยค่าเหนื่อยให้กองปราบฯ สักคนละ ๑๐ เปอร์เซ็นต์จากผลที่ได้รับ
ก็จะทำให้มีกำลังใจแก่ตำรวจผู้ทำความดี ช่วยให้ทุกคนมีความสุข
เหตุที่เงินไม่รวมตัว
เหตุที่เงินไม่รวมตัว ฉันติดว่าเงินกลัวสรรพากรมากกว่า ไม่ใช่มุ่งโกง เพราะมีคนมาแจ้งข่าวเสมอว่า ภาษีดุ สรรพากรเก่ง เวลานี้หาทางหลบภาษีกันเป็นแถว
ขอเงินช่วยรัฐ
คุณสำราญ สมมุติว่าคุณเป็นผู้บริหารประเทศ ผลที่ คุณชม้อย จ่าย และผู้ถือหุ้น คุณคิดไหมว่าถ้าพูดอย่างเพื่อน ขอตรงๆ
จากผู้รับประโยชน์เลยว่า ๑ ปี ขอประโยชน์จากผู้ถือหุ้น ๑ เดือน เอากันว่า ๑๒ เดือน ขอ ๑ เดือน เท่านี้คุณคิดว่าได้ไหม...?
ฉันคิดว่าเหลือแหล่ คนไทยชอบพูดดี หรือใครไม่เชื่อก็ลองทำดู คนไทยไม่ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ พูดดีเมื่อไรคนไทยหยวนเมื่อนั้น
พอทีกระมั้ง ฉันยังป่วยอยู่ อาการเครียด ที่ลุกจากที่นอนมาเขียนก็เพราะเกรงท่านสันติบาลท่านให้ข่าวถูกต้อง แต่หนังสือออกไปผิดความจริง
เพราะเสียงฉันพูดไม่ชัด ก็เลยต้องรีบลุกขึ้นเขียน ทั้งๆ ที่กำลังป่วย
อีกตอนหนึ่งที่ต้องแก้ ก็คือ หลวงปู่ปาน อยู่ วัดบางนมโค อ.เสนา จ.อยุธยา ไม่ใช่อยู่ วัดท่าซุง
และฉันก็ไม่ใช่ว่านับถือหลวงพ่อปานแค่ ๑๐ ปี ตระกูลฉันนับถือท่านทั้งตระกูล ฉะนั้นฉันต้องถือว่า ฉันเป็น
ลูกศิษย์หลวงพ่อปาน ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่
หนังสือของคุณ เขียนบทความเรียบร้อยดี อ่านสบายใจ ฉันอยากเป็นสมาชิกด้วย แต่เป็นสมาชิกประเภทฟรี ถ้าไม่ขัดข้องส่งให้ด้วยนะ ถ้าฤกษ์งามยามดี
ขออนุญาตเขียนลงบ้างได้ไหม โดยเฉพาะหนังสือฉบับนี้เอาลงพิมพ์ให้ด้วย ขอจบแค่นี้นะ พูดมากเกินไป ผู้อ่านจะหาว่าคนแก่ขี้บ่น
(พระสุธรรมยานเถร)
◄ll กลับสู่สารบัญ
|
|
50
คุณจตุรงค์
จดหมายของคุณลงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ ถามมาว่า ทำไมคนที่เป่ายันต์เกราะเพชรแล้วจึงตายโหงได้ ขออนุญาตตอบคุณสั้นๆ
ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตอบพระมาแล้วอย่างนี้
เรื่องท่านมหากาล
พระโสดาบัน ตายโหง
เรื่องคำว่า ตายโหง ไม่ทราบว่าใครเป็นคนคิดคำพูดนี้ขึ้นมาก่อน ในพระศาสนาไม่มี ที่ใช้คำว่า ตายโหงมาในที่นี้
ก็ขอพูดตามที่คุณเขียนมา มิฉะนั้นจะลงกันไม่ได้ ความจริงแล้วการตาย จะตายแบบไหนก็ตาม ถือว่าตายตามวิถีทางการเกิดมาทั้งสิ้น เพราะคนเราเมื่อเกิดแล้ว
ในที่สุดก็ตายเหมือนกันหมด
เรื่อง ท่านมหากาล มีดังนี้ ท่านผู้นี้เป็นพระโสดาบัน และนอนพักอยู่ในวิหารที่พระพุทธเจ้าพัก
ตอนเช้าตื่นขึ้นมาล้างหน้าข้างสระน้ำ เวลานั้นเป็นเวลาพอดีที่โจรที่ปล้นชาวบ้าน นำของติดมือมาด้วย ถูกชาวบ้านกวดมากระชั้นชิด
เมื่อเธอเห็นว่าหนีแบบแบกของไปด้วยคงหนีไม่ทัน
จึงโยนห่อของที่ปล้นมาได้นั้นลงไปที่ใกล้ ท่านมหากาล ล้างหน้า แล้วก็วิ่งหนีไป เมื่อชาวบ้านที่กวดโจรมาถึงที่ตรงนั้น
เห็นห่อของจำของได้ คิดว่า ท่านมหากาล ปล้นของมา แล้วทำตนเป็นคนรักษาศีลปฏิบัติธรรม เลยช่วยกันทุบเสียตาย
คุณอย่าลืมว่า ท่านมหากาล ตายนั้น ตายที่ใกล้วิหารที่พระพุทธเจ้าพักอยู่ ปกติ ท่านมหากาล
เป็นคนดี ไม่เคยมีศัตรู พระก็เลยพากันสงสัยว่า ท่านมหากาล เป็นคนดี เป็นพระโสดาบันด้วย
ปกติพระโสดาบันมีอารมณ์ที่ทรงอยู่ในใจเป็นปกติ ที่เรียกว่าองค์ของพระโสดาบันมีดังนี้
๑. มีความรู้สึกว่าชีวิตนี้จะต้องตาย พยายามทำความดีไว้เป็นปกติ ด้วยคิดว่าตายแล้วไม่ต้องการไปอบายภูมิ มุ่งตรงไปนิพพาน
๒. ไม่สงสัยในความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ยอมรับนับถือมั่นคง และแน่นอน
๓. ฆราวาสที่เป็นพระโสดาบัน มีศีล ๕ รักษาได้เป็นปกติ ไม่รักษาศีลหลอกชาวบ้าน หรือโกหกตัวเอง มีความจริงจังในการรักษาศีล
ท่านมหากาล ท่านดีขนาดนี้ท่านยังถูกฆ่าตาย หรือต้องตายโหงตามที่คุณถามมา ทั้งๆ ที่ท่านมีคุณสมบัติครบ
อยู่ในสำนักของพระพุทธเจ้าด้วย คนที่ เป่ายันต์เกราะเพชร ถ้ามีความมั่นคงจริง ก็เป็นคนเคารพพระพุทธเจ้าเป็นต้นเหมือนกัน
แต่หลายท่านอาจมีความดีไม่เท่า พระโสดาบัน
และไม่ได้อยู่ในสำนักของพระพุทธเจ้าแน่นอน เพราะพระพุทธเจ้าท่านนิพพานไปนานแล้ว ทำไมจะตายโหงไม่ได้ ตามที่คุณบอกมาว่า
ท่านทั้งสองเป็นผู้ทรงศีลทรงธรรมแน่นอน ท่านมหากาล ที่พูดมานี้ ท่านก็ทรงมั่นคงมาก และพระพุทธเจ้าทรงยอมรับว่าเป็น พระโสดาบัน
ก็ต้องตายในสภาพคล้ายคลึงกัน ยันต์เกราะเพชร นั้นก็บทพระพุทธคุณนั่นเอง พระพุทธเจ้าท่านคุ้มครองให้
ท่านมหากาล ไม่ถูกฆ่าตายไม่ได้ คนที่รับ ยันต์เกราะเพชร ไปแล้ว เมื่อกรรมเก่าตามมาทันอย่าง ท่านมหากาล
ยันต์เกราะเพชร ก็คงยันไม่อยู่ ต้องตายเหมือนกัน แต่ทว่าถ้าคนที่รับ ยันต์เกราะเพชร ไปแล้ว
มีความมั่นคงในพระพุทธคุณ และรักษาศีล ๒ ข้อได้เป็นปกติ ยันต์เกราะเพชร คงจะช่วยยันไว้ไม่ให้ลงอบายภูมิแน่
เว้นไว้แต่ผู้รับแล้วจะรักษาแบบศรัทธาหัวเต่า คือรักษาบ้าง ละเมิดบ้าง ถ้าอย่างนี้ ยันต์เกราะเพชร
ก็คงยันกันอบายภูมิไม่ได้ถนัด
กรรมในอดีตของท่านมหากาล
เมื่อ ท่านมหากาล ตายแบบนั้น พระท่านแปลกใจจึงถามพระพุทธเจ้า พระท่านปรารภว่า คนดีๆ อย่าง
ท่านมหากาล ไม่ควรตายแบบนี้ พระพุทธเจ้าท่านก็ยอมรับว่า มหากาล ตายไม่สมควรแก่ความดีในชาตินี้
แต่ มหากาล ตายสมควรแก่กรรมที่ทำไว้ชาติก่อนที่ตามมาสนอง ท่านก็เล่าประวัติ ท่านมหากาล ว่า
สมัยหนึ่ง ท่านมหากาล เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เส้นทางเปลี่ยวที่เป็นป่า เพราะคนที่เดินทางผ่านทางนั้นมีอันตรายเสมอ
พระราชาจึงให้ ท่านมหากาล สมัยนั้นคุมกำลังไปให้ความปลอดภัย
แต่ในที่สุด ท่านมหากาล ท่านก็เป็นตัวภัยเสียเอง เมื่อมีชายคนหนึ่งหนุ่ม มีเมียสาวและสวยมากมาด้วยกันเพียงสองคน
เดินทางผ่านมา ท่านมหากาล เห็นเมียนายหนุ่มนี้เข้าก็ชอบใจ บอกว่าอย่าเพ่อไปเลยค้างที่บ้านก่อน
เพราะทางนี้เปลี่ยวและมีอันตรายมาก ถ้าเดินไปค่ำตามทางจะไม่ปลอดภัย ในที่สุดสองผัวเมียก็พักที่บ้าน ท่านมหากาล
ท่านมหากาล ก็หาทางฆ่าผัวเสียเอาเมียมันมาครอง
พระพุทธเจ้าท่านยืนยันว่า ท่านมหากาล ตายสมควรแก่กรรมชั่วที่ตัวทำไว้ในชาติก่อนตามมาสนอง อาตมาคิดว่า
ท่านทั้งสองคงจะประเภทเดียวกับ ท่านมหากาล ถึงแม้จะไม่เหมือนกันเลยทีเดียว ก็คงมีระบบคล้ายคลึงกัน จึงมีอาการตายคล้ายกัน
รวมความแล้ว ยันต์เกราะเพชร ห้ามคนตายตามกฎของกรรมไม่ได้
(พระสุธรรมยานเถร)
◄ll กลับสู่สารบัญ
51
วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๙
ลูกโต ลูกรัก
เงินที่ฝากมาทำบุญ พ่อได้รับแล้ว ดีใจด้วยที่คนป่วยหายเป็นปกติ พ่อจัดการเรื่องเงินให้เป็นไปตามประสงค์ทุกประการ การเขียนจดหมายมันยากเหลือเกิน
เพราะอาการทางร่างกาย พ่ออยากจะเขียนให้ทุกคนที่ส่งข่าวและทำบุญมา แต่ก็โงหัวไม่ขึ้น วันนี้โชคอำนวย พอมีเวลาและมีแรงบ้าง จึงรีบเขียนแต่ก็คงเขียนได้ไม่มาก
ปี ๒๕๓๐ ที่จะมาอเมริกา
ขอให้ทุกคนเข้าใจตามความเป็นจริง อย่าให้มีเรื่องบาดหมางกันเรื่องที่พัก หมอสุภรณ์ เธอก็มีศรัทธาดี เมื่อเธอตั้งใจอย่างนั้นก็เฉลี่ยกันไป
ลูกโตเองก็ต้องนั่งโงกหลับ เพราะเหนื่อยมาแล้ว การมาคราวนี้คนจะพักโรงแรมกันมาเพราะเห็นใจเจ้าของบ้าน อย่างลูกโต เป็นต้น เป็นตัวอย่างที่ดี
และเพื่อความสะดวกของผู้มาและผู้รับ
เรื่องกินทุกข์น้อย แต่เรื่องขี้ทุกข์ใหญ่มาก ถ้าอั้นท้องก็เกิดอาการเป็นพิษเป็นภัย จึงตัดสินใจพักโรงแรมกันทุกคน
เว้นไว้แต่บางคนที่คอยอยู่เป็นเพื่อนพ่อเท่านั้น อาจจะเป็นพระสักองค์ หรือสององค์
เรื่องกรรมเก่าของเขา เขาทำของเขาเองลูก ให้เป็นเรื่องของเขา มีอยู่เรื่องหนึ่งไม่ทราบว่าใครโทรไปหาหลวงพ่อ บอกว่า หลวงปู่โง่น มาที่อเมริกา เอาพระมาแจกและบอกว่าพ่อให้มาแจก เรื่องนี้ผิดจากความจริง ท่านมาท่านไม่ได้บอกให้พ่อทราบก่อน
และพ่อก็ไม่ได้สั่งท่านให้แจกพระตามเสียงที่โทรไป เธออาจจะฟังผิดไปก็ได้
แต่พ่อก็ไม่ลืม เป็นเรื่องผิดถูก ท่านแจกก็เป็นเรื่องที่ท่านจะเมตตา แต่ข่าวนี้พลาดไป ให้ระวังข่าวให้มาก เพราะมีอะไรเพี้ยนๆ
อยู่มาก ฟังแล้วควรสอบสวน ถ้าไม่ถูกไม่ตรงก็ต้องวางเฉยและเฉยไปเลย ไม่สนใจต่อไปอีก
บอกทุกคนด้วยว่า พ่อรักและคิดถึงทุกคน อยากจะตอบจดหมายทุกคน แต่ร่างกายไม่อำนวย จดหมายฉบับนี้ขอให้ถือว่า
พ่อส่งให้แก่ลูกรักทุกคนโดยทั่วถึงกัน
และขอให้ทุกคนมีความสุขสมหวังตามที่ตั้งใจจงทุกประการ ใครอยากรวยก็ขอให้รวย ใครอยากสบายก็ขอให้รวยและสบายด้วย ใครอยากไปนิพพาน
ก็ขอให้รวย สบาย และไปนิพพานได้ในชาตินี้ด้วยกันทุกคนเถิด
(พระสุธรรมยานเถระ)
◄ll กลับสู่สารบัญ
52
วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๙
สมศรี ลูกรัก
จดหมายของลูก พ่อได้รับนานแล้ว ที่ไม่ได้ตอบเพราะร่างกายพ่อป่วยมาก เวลาที่มันคลายตัวพอจะตอบจดหมายได้ไม่มี
วันนี้อาการพอดีขึ้นบ้างจึงหาทางตอบจดหมาย
เรื่องกำหนดการเดินทางต้องสุดแล้วแต่เครื่องบิน ทางทัวร์บอกว่าต้องรออยู่ที่ ซิดนีย์ ถึงวันที่ ๔ จึงจะมีเครื่องบินข้ามมาที่ นิวซีแลนด์
ที่กำหนดไว้ว่าจะพักที่ใดกี่วันจึงต้องเลื่อนไป ที่พัก เวลลิงตัน น้อยไป เพราะต้องแบ่งวันไปพักที่ โรโตรัว
การมาคราวนี้มากันมาก และมีคนเฒ่าคนแก่มามาก ที่พักก็ขอพักโรงแรม จงอย่าให้ใครจัดบ้านหรือวัดไว้เลย ที่บอกมาว่า
ท่านพระครูสมัย ท่านจัดสถานที่ให้นั้น ก็ต้องขอขอบคุณท่าน แต่บอกท่านด้วยว่าพักไม่ได้ ทั้งนี้เพราะความสะดวกสู้พักโรงแรมไม่ได้
พ่อเองร่างกายไม่ดีต้องใช้ส้วมมากครั้งต่อหนึ่งวัน และเวลาที่จะรับแขกก็ตามใจแขกผู้มาไม่ได้ ด้วยร่างกายไม่อำนวย แขกบางท่านท่านก็เอาแต่ใจตนเอง
อ้างว่ามาไกล เรื่องยุ่งยากอย่างนี้มีมาแล้วที่อเมริกา จึงขอตัดบทเป็นการพักโรงแรมทุกสถานที่
การพักที่โรงแรม การเจริญกรรมฐานก็มีผลดี เพราะมีห้องจำกัด เสียงไม่รบกวนกัน พักก็สะดวก หากคนไทยหรือเทศที่มีศรัทธาก็จัดอาหารไปให้เท่านั้นพอแล้ว
พ่อขอฝากความขอบคุณมายัง ท่านพระครูสมัย ด้วย ที่ท่านตั้งใจเมตตาด้วยความจริงใจ และขอขอบคุณคนไทยทุกคน มีลูกเป็นหัวหน้า
ที่เมตตาสงเคราะห์คราวที่แล้วมา แจ้งข่าวไปให้ ชาวโอ๊คแลนด์ ทราบด้วย พ่อแยกจดหมายไม่ไหวมันไม่มีแรง ขอพักเขียนเท่านี้
อนึ่ง เพื่อความสะดวกในการเดินทางคราวนี้ พ่อขอตัดรายการมา ออสเตรเลีย ออกจะตรงมานิวซีแลนด์เลย โดยพักที่โอ๊คแลนด์ ๒ คืน โรโตรัว ๑ คืน
มาเวลลิงตัน ๒ คืน แล้วข้ามไปเกาะใต้ พักที่เกาะใต้ ๒ คืน แล้วเดินทางกลับ
ที่สุดนี้ ขอลูกและคณะ จงมีความสุขสมหวังตามที่ตั้งใจ จงทุกประการเถิด
(พระสุธรรมยานเถระ)
◄ll กลับสู่สารบัญ
53
ลูกรัก
จดหมายที่ลูกเขียนมานั้นอ่านจบนานแล้ว ที่ตอบล่าช้ามากก็เพราะพ่อป่วย เมื่อคราวไปเชียงใหม่ลูกไปหาหรือเปล่าก็จำไม่ได้ งานมันยุ่ง และแรงไม่มี
หูตาลายไปหมด เพราะยังป่วยอยู่มาก นักบวชตามที่ลูกเขียนมา อ่านแล้วก็จำปฏิปทาไม่ได้หมด เป็นอันว่าจำได้บางตอน ขอตอบให้เข้าใจบางตอนตามที่พอจำได้
ที่ท่านบอกว่า พ่อเป็น มิจฉาทิฏฐิ นั้น เชื่อท่านได้เลย เพราะพ่อเป็นมิจฉาทิฏฐิ ในปฏิปทาของท่าน เพราะคำว่า
มิจฉาทิฏฐิ แปลว่า มีความเห็นไม่เหมือนกัน เพราะพระพุทธเจ้าสอนไว้ พ่อพอจำได้ว่า จงอย่าสนใจในจริยาของคนอื่น ถ้าสนใจเขา เราจะเลวมากขึ้น
ทั้งนี้เพราะเราลืมพิจารณาความประพฤติปฏิบัติของตัวเอง
พ่อขอไปตามทางที่พระพุทธเจ้าสอนก็แล้วกัน พ่อยอมรับว่าเหล่ากอของพระสงฆ์ปกติ เป็นเหล่ากอโง่ และพ่อเองก็อยู่ในเหล่ากอนั้น
เพราะพ่อและคณะพระทั้งหลายบวชตาม พระไตรปิฎก ขอยอมรับว่าโง่ตาม พระไตรปิฎก พ่อไม่เคยคิดเลยว่า พ่อฉลาดกว่าพระอรหันต์สมัยนั้น ทุกท่านเป็น
พระปฏิสัมภิทาญาณ
พ่อไม่ขอเอาความดีเข้าไปแตะกับท่าน เพราะจะอย่างไรก็ตามทุกท่านมีความดีเกินกว่าพ่อหลายแสนล้านเท่า เมื่อท่านผู้นั้นที่ไม่เชื่อ พระไตรปิฎก
ท่านเชื่อได้อย่างไรว่าพ่อเหมือนท่านดาบสทั้งสองที่เป็นอาจารย์ของพระพุทธเจ้า เรื่องนี้มีมาใน พระไตรปิฎก หรือว่าท่านมี พระไตรปิฎก
ของท่านอีกเล่มหนึ่ง
แต่บังเอิญเรื่องมาตรงกัน คนไม่ยอมรับ พระไตรปิฎก ก็หมายถึงไม่ยอมรับความมีจริงของพระพุทธเจ้า เท่านี้พอกระมังลูก
คนที่ไม่ยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า กับคนที่ยอมรับนับถือ อยู่ร่วมกันไม่ได้ ถ้าร่วมกันก็ขัดใจกัน แยกกันอยู่นั้นดีแล้ว เวลาตายก็แยกที่กันอยู่
พระพุทธเจ้าท่านว่า คนที่ยอมรับนับถือท่าน อย่างเลวตายแล้วไปอยู่สวรรค์ อย่างกลางไปพรหม คนที่ไม่นิยมขันธ์ ๕ ไปนิพพาน เราร่วมทางกันไปตามนี้ดีว่า
ลูกบอกว่า คนที่ไปที่นั่นก็อ่าน ธัมมวิโมกข์ แล้วทุกคน เรื่องนี้ห้ามกันไม่ได้ สุดแล้วแต่วาสนาบารมี ดูแต่ลูกศิษย์ พระสารีบุตร พอพระพุทธเจ้าเทศน์จบ ครึ่งหนึ่งเป็นพระอรหันต์ อีกครึ่งหนึ่งหันกลับไปอยู่กับ สัญชัยปริพาชก
จงอย่าคิดว่าคนที่อ่าน ธัมมวิโมกข์ แล้วเป็นพระอริยะ อย่างน้อยตั้งแต่ พระโสดาบัน ขึ้นไป คนทำ ธัมมวิโมกข์
ก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็น พระโสดาบัน หรือเปล่า ต่างคนต่างไปก็แล้วกัน คนที่ไม่ถือมงคลตื่นข่าว คือฮือไปฮือมานั้น
ต้องมีความดีตั้งแต่ พระโสดาบัน ขึ้นไป ขอจบเท่านี้นะ
ขอลูกรักและคณะ จงมีความสุขสมหวัง มีพระนิพพานเป็นที่ไปตามความต้องการเถิด
(พระสุธรรมยานเถร)
◄ll กลับสู่สารบัญ
วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๑๔ มิถุนายน ๒๕๒๙
ลูกรัก
พ่อได้อ่านจดหมายของลูกแล้ว ขอตอบว่า ถ้าอยากสวยขอให้พยายามทำใจให้เย็น ยิ้มไว้เสมอๆ มีอารมณ์ร่าเริงเป็นปกติ
ทุกคนเห็นเข้าจะรู้สึกว่าสวยและรักตลอดกาล ไม่เลิกรา จนกว่าจะเลิกยิ้ม เลิกยิ้มเมื่อไร หมดสวยเมื่อนั้น
ถ้าต้องการงานด้วย ให้ทำตามนี้
๑. สงเคราะห์เพื่อนฝูงหรือคนที่รู้จักตามที่จะสงเคราะห์ได้
๒. พูดดี พูดเพราะ
๓. ช่วยเหลือการงาน
๔. ไม่ถือตัวเกินไป
ทั้ง ๔ ข้อเมื่อทำ ยิ้มด้วยหัวเราะด้วย ทำอย่างนี้ คนทั้งโลกพบเห็นเมื่อไรรักเมื่อนั้น เพราะทั้งสวยทั้งงาม
พระสุธรรมยานเถร
วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๑๔ มิถุนายน ๒๕๒๙
ลูกรัก
พ่อได้อ่านจดหมายของลูกแล้ว ขอตอบว่าในขณะที่รู้สึกว่าคนเดินนั้น เป็นการแสดงของคนของท้าวมหาราช บอกว่าจะมีคนขึ้นบ้าน
ลูกไม่เชื่อท่านเอง การปลุกของท่านไม่ใช่มาเรียก บางคราวก็ทำให้นอนไม่หลับเมื่อง่วง เพราะเวลาอันตรายจะมามีระยะใกล้ เมื่อท่านเตือนแล้วไม่เชื่อ
ก็เป็นเรื่องที่ท่านช่วยต่อไปไม่ได้
ควรจะตำหนิตนเอง ไม่ใช่ตำหนิท่านท้าวมหาราช
พระสุธรรมยานเถร
วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๑๔ มิถุนายน ๒๕๒๙
ลูกรัก
พ่อได้อ่านจดหมายของลูกแล้ว ขอตอบว่าอาการป่วยหรือมีโทษทางร่างกาย เป็นบาปเก่าที่เคยฆ่าสัตว์และทรมานสัตว์
การบนพระ ถ้าเป็นเหตุเกินวิสัยท่านก็ช่วยไม่ได้ หลวงพ่อเองก็ป่วยเป็นประจำมาหลายสิบปีแล้ว ยังไม่หายเหมือนกัน กลุ้มใจไปทำไม
เมื่อกฎของกรรมลงโทษควรยอมรับด้วยอาการสงบ ชำระหนี้มันชาตินี้ชาติเดียวดีกว่า
พระสุธรรมยานเถร
◄ll กลับสู่สารบัญ
54
ตอบจดหมาย น.ส.พรทิพย์ ยุทธวงศ์
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ลูกรัก
ตามจดหมายของลูก ลงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๒๙ พ่อได้รับทราบเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๙ ตามใจความในจดหมายมีดังนี้
...ลูกได้อ่าน หนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับปีที่ ๗ ฉบับที่ ๖๘ เรื่องบุพกรรมของ พระสีวลี หน้า ๗๕ ข้อความที่ว่า การที่ พระสีวลี มีลาภ ก็เพราะอาศัยที่ไปล้อมเมืองเขาไว้..
.
ลูกเขียนมาว่า แปลกใจที่การไปล้อมเมืองเขาไว้นั้นมันบาป ทำไมจึงเป็นปัจจัยให้เกิดมีลาภใหญ่ โดยใจความเป็นอย่างนี้ พ่อเองอ่านแล้ว
พ่อก็แปลกใจเหมือนกันว่า ทำไมหนังสือจึงพิมพ์ลงไปอย่างนั้น จะเป็นเพราะพูดขาดใจความหรือผู้ส่งต้นฉบับขาดการระมัดระวัง
ไม่ได้ตรวจตราให้ถูกต้องก่อนที่ข้อความอย่างนี้จะออกมา
เป็นเพราะการเล่าเรื่องสู่การฟัง อาจจะพูดพลาดขาดตอนไปก็ได้ เป็นอันว่าไม่โทษใครดีกว่า ควรโทษกฎของกรรม คำว่ากรรม คือการกระทำ พ่ออาจจะทำพลาดไปเอง
อย่างนี้สบายกว่าเยอะ ไม่ควรทำตนเป็นคนขี้แพ้ชวนตี ไปตีโพยตีพาย โวยวาย โทษโน่นโทษนี่ ไม่สมศักดิ์ศรีกับที่เป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส (ลูกพระพุทธเจ้า)
เป็นอันว่า ข้อความนั้นผิดหลายแสนเปอร์เซ็นต์ ความจริงเป็นดังนี้
๑. ท่านพระสีวลี มีลาภมาก เพราะถวายน้ำผึ้ง รวงผึ้งทั้งรวง ปิดรายการสังฆทานครั้งใหญ่
ทั้งนี้เพราะทานคราวนั้นที่คณะชาวเมืองถวาย เขาตั้งใจกันว่าจะให้มีของคบทุกอย่าง ไม่ให้อะไรที่ควรมีเป็นอาหาร ขาดตกบกพร่องแม้แต่อย่างเดียว
เป็นการบังเอิญอย่างยิ่งที่เขาเหล่านั้น หาน้ำผึ้งสดไม่ได้
พอดี ท่านสีวลี ในตอนนั้นเกิดเป็นชาวป่านำรวงผึ้งมา เพื่อจะให้เพื่อนในเมือง
มีโอกาสทำบุญปิดท้ายรายการมหากุศลที่ทุกคนต้องการให้เป็นมหาสังฆทาน เพราะเหตุนี้เอง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ท่านมีลาภมาก
เพราะถวายทานปิดท้ายรายการ ทำให้ครบทุกประการ
๒. ส่วนการปิดล้อมเมืองนั้น ไม่ใช่บุญ เป็นบาป ที่เป็นเหตุให้ต้องนอนสบายหรือไม่สบายก็ไม่ทราบ อยู่ในท้องแม่ถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน
ท่านที่รับอานิสงส์ร่วมกันก็คือ ท่านแม่ ที่ท่านช่วยแนะนำว่า ให้ปิดทางออกจากเมืองที่ไปล้อมอยู่นั้น
ปิดทั้งประตูใหญ่และประตูเล็ก ท่านเลยต้องอุ้มบาตรตุปัดตุป่องมาถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน พระลูกยอดรักของท่านจึงได้คล้อยเคลื่อนเลื่อนออกมาจากท้อง
เป็นอันว่าวางบาตรลงเสียได้ ไม่ต้องทรมานอุ้มบาตรต่อไป เป็นอกุศลกรรมใหญ่ที่ต้องคิดเหมือนกัน อันนี้พ่อไม่ทราบเหมือนกันว่าข้อความตอนนี้มันขาดหายไปอย่างไร
ต้องขอบใจ ลูกพรทิพย์ เป็นอย่างมากที่กรุณาส่งข่าวมาให้ทราบ
หนังสือธัมมวิโมกข์ พ่อเองก็ไม่ได้อ่านมานาน การผิดพลาดอาจจะมีได้แก่ท่านที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือทำไปแล้วไม่ได้ตรวจต้นฉบับ บางทีต้นฉบับถูก
แต่คนทำปลายฉบับทำพลาด เคยมีบ่อยๆ ในการจ้างพิมพ์หนังสือ หรือบางทีพ่อเผลอพูดขาดตอนไปเอง ก็อาจเป็นได้ทุกอย่าง แต่ทว่างานนี้เป็นภาระที่พ่อต้องรับผิดชอบ
พ่อก็รับเสียเลยก็หมดเรื่องกันไป
เรื่องที่น่าจะเกิดการผิดพลาดใหญ่
เรื่องที่น่าจะเกิดการผิดพลาดได้นั้นมีดังนี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๒๘ พ่อป่วยมากผิดปกติ เพราะปกติก็ป่วยอยู่แล้ว แต่ทว่าตั้งแต่วันที่ ๑๔
พฤษภาคม ๒๕๒๘ เป็นต้นมา ป่วยมากเกินปกติ จะทำอะไร ไปไหน แม้แต่ออกรับแขก ก็ต้องใช้อาการทนจนถึงขั้นทนไม่ไหว
ต้องนอนป่วย รับแขกไม่ได้เป็นเวลาคราวละหลายๆ วัน เมื่อปี ๒๕๒๘ ทั้งพรรษาพ่อลงสังฆกรรมไม่ได้เลย และในปี ๒๕๒๙ ก็ลงสังฆกรรมไม่ไหวเหมือนกัน
เมื่อกลางพรรษา ๒๕๒๘ พ่อป่วยขั้นจุดสุดท้ายปัสสาวะไม่ออก ๔ วัน ศาสตราจารย์นายแพทย์ ประสิทธิ์ ฟูตระกูล
ได้กรุณามาสวนเอาปัสสาวะออกให้
ตอนนั้นปลงกายแล้ว คิดว่าล่องแก้วกันคราวนี้แน่ มาปี ๒๕๒๙ นี้ ตัดสินใจ ตายดีกว่า ๓ ครั้ง แต่ก็ตายไม่ลง อาการมันหนักขึ้นทุกที
จนวันนี้อาการทางกายพอมีแรงขึ้นไม่ถึง ๑๐ วัน ตั้งแต่ ๑ พ.ย. ๒๙ จนถึงวันที่ ๑๖ พ.ย. ๒๙ อาการหนักเป็นพิเศษ อาหารหนักที่เรียกว่าข้าวหรือกับข้าว
เข้าปากเข้าท้องไม่ได้เลย ต้องอาศัยน้ำเกลือกับน้ำยาที่มีวิตามินมากๆ ที่เขาเรียกว่า อาหารเสริม
ช่วยพยุงร่างกาย หูฝ้าตาลาย มองอะไรไม่ค่อยถนัด ทุกอย่างต้องอาศัยพระ คือทั้งพระเล็กพระใหญ่ท่านช่วย งานประจำก็อาศัยพระและลูกที่อยู่ใกล้ช่วยทำ
แม้แต่เดิน พระและลูกก็ต้องคอยระวังเพราะเผลอเมื่อไรล้มเมื่อนั้น
เมื่อวันที่ ๑๖ พ.ย. ๒๙ เวลาประมาณ ๒๑ นาฬิกาเศษ ก้าวบันไดผิดขั้น ถลาจะหล่นบันได ถ้าไม่ได้พระและลูกช่วยไว้ก็คงนอนแผ่ ไม่ต้องพูดแล้ว
เมื่อป่วยมากและหล่นบันไดซึ่งเป็นพื้นคอนกรีต ลูกลองหลับตานึกดูเถอะ ว่าสภาพมันจะเป็นอย่างไร และในระยะที่ป่วยหนักนี้ งานที่พ่อไม่ยอมขาดนั่นก็คือ การสอนกรรมฐาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ ซอยสายลม เพราะที่นั่นคนมาก จำต้องไปเอง และก็ไปด้วยความเต็มใจ จะเป็นจะตายเพราะสอนกรรมฐาน
ขอขาดใจตายขณะสอนกรรมฐาน เพราะอาจจะมีมรณานุสสติเมื่อจะตาย ตายแล้วจะไปไหนก็ช่างมันเถอะ
พ.ศ.๒๕๒๙ นี้ป่วยหนัก เส้นประสาททางสมองนูนออกมาจะระเบิด ปวดศีรษะจนเกือบสิ้นใจ ได้อาศัยหมอ ๕ ท่าน คือ น.พ.มนตรี อมรพิเชษฐกุล,
น.พ.ชนะ สิริยานนท์, น.พ.จรูญ-พ.ญ.แสงโสม ปิรยวราภรณ์, น.พ.วัฒนะ ฐิตะดิลก ช่วยรักษาไว้ให้มีชีวิตทรงมาได้ และได้อาศัยหมอพิเศษอีกท่านหนึ่งคือ พล.อ.ต.ราเชนทร์ วรรณรส แห่งกองทัพอากาศ ช่วยฝังเข็มให้ ทำให้อาการดีขึ้น
และหมอ สมพร นิธิสกุล หมอผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง หมอนวดจริงๆ ไม่ใช่คนไข้นวดหมออย่างที่มีข่าว ช่วยนวดให้อาการดีขึ้นเร็ว
ต้องขอขอบใจทุกหมอที่เมตตา
มีเรื่องที่น่าแปลกใจก็คือนักนิมนต์ ยิ่งป่วยหนัก ก็ยิ่งมีคนนิมนต์มาก เมื่อนิมนต์ทั้งๆ ที่บอกว่าป่วย เธอก็ไม่พยายามฟัง
ขออย่างเดียวให้ทำงานให้เธอมีผลในงานก็แล้วกัน แทนที่พวกเธอจะถามอาการป่วย หรือช่วยรักษาพยาบาล เธอต้องการอย่างเดียวคืองานของเธอ
แต่ก็ไม่สามารถรับนิมนต์ได้
ไม่รับกิจนิมนต์
เรื่องนิมนต์ไปไหนนั้น ปิดประกาศไม่รับมาหลายปีแล้ว เพราะรู้ตัวว่าไม่ไหว น่าแปลกใจที่นักนิมนต์ไม่ยอมอ่าน การไปในงานนิมนต์ต้องใช้จ่ายเงินมาก
เนื่องจากพาหนะและคน ทั้งนี้เพราะไม่ทราบว่าจะไปล้มลงที่ไหน เมื่อไปแล้วก็เป็นเหตุให้ท่านที่มาไม่พบที่วัดเสียกำลังใจ
ลูกรักลองช่วยพ่อคิดหน่อยว่า ควรจะแนะนำนักนิมนต์ว่ายังไง
ที่หารือมานี้เพราะเห็นว่าลูกเป็นคนละเอียดรอบคอบและไม่นิ่งดูดาย ว่างๆ ช่วยเขียนส่งให้ ธัมมวิโมกข์
ลงความเห็นเรื่องนักนิมนต์ลงในนามของลูกด้วย จะดีมาก
เรื่องการผิดพลาดเพราะประสาทหลงลืมนี้อาจเป็นได้ พูดแล้วคิดว่าไม่ได้พูด หรือยังไม่ได้พูดคิดว่าพูดแล้ว อย่างนี้ ท่านพระสีวลี
นี้เป็นตัวอย่าง กำลังป่วยอาจจะพลั้งเผลอ โดยที่ยังไม่ได้พูด แต่ว่าพูดไปแล้ว ผู้คัดจากเทปบันทึกเสียงก็คัดไปตามนั้น เรื่องก็เลยออกมาผิดๆ
และผิดช้างเสียด้วย ไม่ใช่ผิดมด
พ่อต้องขออภัยลูก และญาติโยมที่อ่านทุกคน โปรดให้อภัยแก่คนแก่ที่กำลังป่วยไข้ใกล้จะตายด้วย
เรื่องอาการป่วยนี้ บางรายมาเห็นพ่อพูดแล้วคิดว่าไม่ป่วย เรื่องนี้อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนให้อดทน หรือทนอด พยายามอดกลั้นเข้าไว้
บางทีท่านที่ใช้การพิจารณานิดหน่อยจะสังเกตได้ เวลาลุกขึ้นยืน หรือเวลาเดิน ส่วนเวลาพูดนั้นจะสังเกตได้จากเสียง แต่ถ้าไม่สังเกตจริงจังอย่างนักนิมนต์
ก็คงไม่รู้อะไรเลย เพราะต้องการอย่างเดียวคือ ขอให้ฉันได้
เหนื่อยมากแล้วลูกรัก พูดไป นักจดก็จดไป ถ้อยคำสำนวนอาจจะไม่สละสลวยเหมือนเรียบเรียง ก็ขออภัยลูก และผู้อ่านทุกท่านด้วย ถ้ายังไม่ตายในเวลาใกล้ๆ นี้
ต่อไปวันหน้าคุยกันใหม่ | | |