ท่องแดนแผ่นดินธรรม วัดท่าซุง..วันนี้ที่เปลี่ยนไป (โพสต์จากเว็บอื่น)
ท่องแดนแผ่นดินธรรม ตอน 55.
วัดท่าซุง...วันนี้ที่เปลี่ยนไป โดย..ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
.........เมื่อครั้งที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำยังสถิตอยู่ วันนั้นพุทธศาสนิกชนแห่แหนกันมาเพียบพร้อม หนาตาแบบเนื่องแน่น
มีทั้งที่มาร่วมงานบุญแล้วกลับไปในวันเดียวและมีทั้งมาแล้วพร้อมที่จะนุ่งขาวห่มขาวอยู่ปฏิบัติธรรมตามคำสอนของหลวงพ่อ บนพื้นที่วัด 500 ไร่
มีอาคารสถานพุทธธรรมเหลือเฟือ มากพอเพียงที่จะรองรับและสะดวก ปลอดภัย ได้ใจได้บุญ
แต่วันนี้เปลี่ยนไปอย่างไร หลังจากสิ้นหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
/
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
เดิมวัดท่าซุงนี้สร้างมาตั้งแต่ปีพ.ศ.1863 ก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีถึง 30 ปี
เปลี่ยนถ่ายเจ้าอาวาสวัดหลายองค์จนถึงยุคที่พระสงฆ์นิยมออกธุดงค์ จึงปล่อยให้วัดชำรุดทรุดโทรมนานถึง 47 ปี ต่อเมื่อพ.ศ.2511 หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
(พระพรหมยานไพศาลภาวนานุสิฐมหาคณิสสร) ได้มาเป็นเจ้าอาวาส หลังจากบวชเรียนมานานถึง 31 พรรษา ขณะนั้นวัดท่าซุงมีพื้นที่ 6 ไร่เศษ
ต่อมาท่านได้บูรณะวัดเรื่อยมาจนกระทั่งมีพื้นที่กว้างถึง 289 ไร่ ปัจจุบันนี้ 500 ไร่
ศพที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
หลวงพ่อฤาษีลิงดำเดิมชื่อสังเวียน เกิดที่บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี บวชครั้งแรกอายุ 20 ปีที่วัดบางนมโค อ.เสนา จ.อยุธยา
เป็นลูกศิษย์พระเกจิดังหลายองค์อาทิเช่น หลวงพ่อปาน หลวงพ่อจง ฯลฯ ได้ศึกษาสำเร็จนักธรรมตรีโทเอกและเปรียญธรรม 3 ประโยค ได้จำจรไปจำวัดต่างๆทั้งในกรุงเทพ
ธนบุรี และต่างจังหวัด ผ่านการศึกษาพระกรรมฐานจนลึกซึ้ง
รูปปั้นหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
เมื่อท่านมาเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าซุง หรือวัดจันทาราม หรือวัดหลวงพ่อฤาษีลิงดำปีพ.ศ.2511
ท่านได้บูรณธปฏิสังขรณ์วัดจนรุ่งเรืองเป็นที่เคารพนับถือทั่วไป ท่านได้เทศธรรมผ่านเทปมากกว่า 1,000 เรื่อง พิมพ์หนังสือสอนธรรมมากกว่า 1,000 เล่ม
สร้างวัด สร้างพระ สร้างโรงพยาบาล สร้างโรงเรียน ส่งเสริมการศึกษา ถ้านับมูลค่าเป็นเงินมากกว่า 600 ล้านบาท
พระพุทธชินราชจำลอง
ท่านมุ่งเน้นคำสอนให้มุ่งสู่พระนิพพานด้วยกาย วาจา ใจ สอนกรรมฐาน 10 ทัศ มหาสติปฏิฐานสูตร ดังนั้น
ท่านจึงได้สร้างวิหารแก้ว(ปิดอาคารด้วยกระจกสะท้อนแสง) 100 เมตร เพื่อเป็นสถานปฏิบัติธรรมแก่ญาติโยมพุทธบริษัท เพื่อฝึกมโนมยิทธิครึ่งกำลัง ทำวัตรเย็น
เจริญกรรมฐาน ผมไม่รู้ว่าศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำมีมากมายเพียงใด แต่ประเมินจากอาคารญาติโยมพักแรมแล้ว น่าจะมากมายนับพันคน หรือ อาจจะมากกว่า
ปีพ.ศ.2532 ท่านได้พระสมณศักดิ์ พระราชพรหมยาน ไพศาลภาวนานุสิฐมหาคณิสสร ปีพ.ศ.2535 วันที่ 30 ตุลาคม 2535 เวลา 16.10
น.ท่านได้ละสังขารสู่สัมปรายภพด้วยความสงบ แต่ช่างน่าอัศจรรย์ที่ศพของท่านไม่เน่าเปื่อยเช่นปุถุชนคนทั่วไป
ทางคณะกรรมการวัดจึงได้นิมนต์ศพของท่านสถิตในโลงแก้วเพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้มาเคารพกราบไหว้ บนวิหารแก้ว 100 เมตร
พระพุทธชินราชจำลอง..งดงาม
ส่วนอีกด้านหนึ่งของวิหารแก้ว 100 เมตร ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลอง เพื่อให้เป็นเครื่องสักการะกราบไหว้ บนวิหารแก้วแห่งนี้
เมื่อกว่า 20 ปีผมเคยสัญจรมากับชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ช่วงเวลานั้นผมรู้สึกว่า บนวิหารแก้ว 100 ปี
มีแต่แม่ชีห่มขาวเดินยามตามตู้รับบริจาคทุกมุมเสา พร้อมกับเรียนร้องเชิญชวนให้บริจาคโภคทรัพย์ไม่ขาดสาย
วิหารแก้วแวววับจับตา งดงามด้วยแสงไฟสะท้อน
ครั้นวันนี้ ผมได้กลับไปกราบศพหลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระผู้ซึ่งได้ทำนายดวงชะตาบ้านเมืองเอาไว้เมื่อ 33 ปีก่อน
ซึ่งในแวดวงการเมืองและการบ้านต่างจดจารกันไว้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่เพียงใดฤา
แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้ที่ผมเห็นคือความสงบงามบนวิหารแก้ว 100 เมตร ประดับประดาด้วยศิลปะที่งดงาม ไม่ว่าจะเป็นโลงแก้วหลวงพ่อ
หรือเครื่องบูชาที่ตระเตรียมไว้ให้ญาติโยมสละทรัพย์บำรุงพระศาสนาแล้วยกไปประเคนแด่หลวงพ่อ หรือองค์พระพุทธชินราชจำลอง
พระธาตุและเครื่องบูชาให้เช่าถวาย
แม่ชีห่มขาวหายไปสิ้น ตู้บริจาคที่เคยมีมากมายเหลือกำลังก็เหลือเพียงไม่กี่ตู้เพื่อใส่ปัจจัยที่ศรัทธาจะบริจาคเพื่อขอเครื่องบูชาไปถวาย
เป็นความเรียบง่ายและดูดีไม่มีวี่แววเชิงพาณิชย์ดังแต่เก่าก่อนเลย
ผมเดินไปถ่ายรูปแต่ละจุดด้วยความสงบ ระวังว่าจะไปรบกวนพุทธศาสนิกชนคนมาทำบุญ แล้วก็บรรจงถ่ายมาทีละภาพๆ เสียดายเวลาที่ทอดให้มีน้อยเกินไป
หากจะถ่ายรูปให้งดงามดังภาพที่มองเห็น รายละเอียดมากมายหลายอย่างจึงจำต้องละเลยไป
ผมเดินไปเห็นศาลาที่พระเณรกำลัง "ฉัน" อาหารเพล ได้รูปมาฝาก จะได้เห็นจริยวัตรที่งดงามของพระสงฆ์ผู้สืบทอดพระศาสนา
รอบศาลาเป็นต้นไม้ให้ร่มเงาได้อย่างดีเยี่ยม ลมเย็นพัดโชยให้พระสงฆ์และแม่ชีที่ปรนนิบัตรวัฎถากไม่ร้อนรน
นอกจากนั้นยังได้เห็นรถรางขับเคลื่อนเพื่อรับส่งญาติโยมในราคามิตรภาพ 2 บาท/คน อันเป็นการอำนวยความสะดวกแก่พุทธบริทที่ไม่ได้เอารถรามาด้วย
จากประตูวัดถึงวิหารแก้ว ไกลไม่น้อย เดินมาก็ได้เหงื่อพราวเต็มใบหน้า
เพียงได้ไปกราบไหว้ศพหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และพระพุทธชินราชจำลอง ก็อิ่มเอมใจแล้ว ได้เห็นสภาพที่งดงามด้วยความสงบปราศจากอาการทางการค้าจนเกินงาม
ก็ยิ่งปลาบปลื้มที่วัดคือสถานแห่งศรัทธา ทุกอย่างทุกประการ "ตามแต่ใจจะให้" อันเป็นเครื่องแสดงถึงจริยธรรม ที่ไม่ใช่การข่มขู่ หรือเรียกร้อง
ถ้ามีเวลาละก้อพ่อแม่พี่น้องเอ๋ย ไปเที่ยวเมืองอุทัยธานีแล้วมานั่งทำสมาธิที่วิหารแก้วสักครู่ ก็น่าจะได้อานิสงค์ผลบุญและกุศลกลับไป
สื่อมวลชนจากส่วนกลางเยี่ยมชมปราสาททองคำ
เบื้องหน้าวิหารแก้ว มีแท่นสถิตรูปปั้นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ แต่อีกมุมหนึ่งมีรูปปั้นพระเจ้าตากสินมหาราช
ตั้งอยู่ไกลกว่าองค์อื่นๆ
รถตู้เคลื่อนนำไปยังวิหารพระทองคำ ได้บันทึกภาพเพียงวิหารรูปทรงแปลกตา แต่ก็งดงาม ใกล้ๆกันเป็นสวนสมเด็จที่กว้างขวาง
ปลูกต้นไม่ร่มครึ้มและสนามหญ้าเขียวขจี เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของพุทธศาสนิกชนคนพุทธที่เข้ามานั่งวิปัสสนากรรมฐานได้เดินและพักเพื่อผ่อนคลาย
สูดอากาศบริสุทธิ์จากลมทุ่งริมนา
...กลับออกมาด้วยพนมมือขึ้นท่วมหัว เปล่งวาจาว่า..สาธุ สาธุ สาธุ พุทธศาสนาไม่มีวันเสื่อมสูญอย่างแน่นอน..!!!
อ้างอิง http://thongthailand.igetweb.com/index.php?mo=3&art=41906452
|