Not logged in [Login - Register]
Go To Bottom
Printable Version | Subscribe | Add to Favourites ตั้งหัวข้อใหม่
[*] posted on 5/12/11 at 17:59 [ QUOTE ]

ท่องแดนแผ่นดินธรรม วัดท่าซุง..วันนี้ที่เปลี่ยนไป (โพสต์จากเว็บอื่น)


ท่องแดนแผ่นดินธรรม ตอน 55.

วัดท่าซุง...วันนี้ที่เปลี่ยนไป

โดย..ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ


.........เมื่อครั้งที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำยังสถิตอยู่ วันนั้นพุทธศาสนิกชนแห่แหนกันมาเพียบพร้อม หนาตาแบบเนื่องแน่น มีทั้งที่มาร่วมงานบุญแล้วกลับไปในวันเดียวและมีทั้งมาแล้วพร้อมที่จะนุ่งขาวห่มขาวอยู่ปฏิบัติธรรมตามคำสอนของหลวงพ่อ บนพื้นที่วัด 500 ไร่ มีอาคารสถานพุทธธรรมเหลือเฟือ มากพอเพียงที่จะรองรับและสะดวก ปลอดภัย ได้ใจได้บุญ

แต่วันนี้เปลี่ยนไปอย่างไร หลังจากสิ้นหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

/

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ


เดิมวัดท่าซุงนี้สร้างมาตั้งแต่ปีพ.ศ.1863 ก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีถึง 30 ปี เปลี่ยนถ่ายเจ้าอาวาสวัดหลายองค์จนถึงยุคที่พระสงฆ์นิยมออกธุดงค์ จึงปล่อยให้วัดชำรุดทรุดโทรมนานถึง 47 ปี ต่อเมื่อพ.ศ.2511 หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระพรหมยานไพศาลภาวนานุสิฐมหาคณิสสร) ได้มาเป็นเจ้าอาวาส หลังจากบวชเรียนมานานถึง 31 พรรษา ขณะนั้นวัดท่าซุงมีพื้นที่ 6 ไร่เศษ ต่อมาท่านได้บูรณะวัดเรื่อยมาจนกระทั่งมีพื้นที่กว้างถึง 289 ไร่ ปัจจุบันนี้ 500 ไร่



ศพที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ


หลวงพ่อฤาษีลิงดำเดิมชื่อสังเวียน เกิดที่บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี บวชครั้งแรกอายุ 20 ปีที่วัดบางนมโค อ.เสนา จ.อยุธยา เป็นลูกศิษย์พระเกจิดังหลายองค์อาทิเช่น หลวงพ่อปาน หลวงพ่อจง ฯลฯ ได้ศึกษาสำเร็จนักธรรมตรีโทเอกและเปรียญธรรม 3 ประโยค ได้จำจรไปจำวัดต่างๆทั้งในกรุงเทพ ธนบุรี และต่างจังหวัด ผ่านการศึกษาพระกรรมฐานจนลึกซึ้ง



รูปปั้นหลวงพ่อฤาษีลิงดำ


เมื่อท่านมาเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าซุง หรือวัดจันทาราม หรือวัดหลวงพ่อฤาษีลิงดำปีพ.ศ.2511 ท่านได้บูรณธปฏิสังขรณ์วัดจนรุ่งเรืองเป็นที่เคารพนับถือทั่วไป ท่านได้เทศธรรมผ่านเทปมากกว่า 1,000 เรื่อง พิมพ์หนังสือสอนธรรมมากกว่า 1,000 เล่ม สร้างวัด สร้างพระ สร้างโรงพยาบาล สร้างโรงเรียน ส่งเสริมการศึกษา ถ้านับมูลค่าเป็นเงินมากกว่า 600 ล้านบาท



พระพุทธชินราชจำลอง


ท่านมุ่งเน้นคำสอนให้มุ่งสู่พระนิพพานด้วยกาย วาจา ใจ สอนกรรมฐาน 10 ทัศ มหาสติปฏิฐานสูตร ดังนั้น ท่านจึงได้สร้างวิหารแก้ว(ปิดอาคารด้วยกระจกสะท้อนแสง) 100 เมตร เพื่อเป็นสถานปฏิบัติธรรมแก่ญาติโยมพุทธบริษัท เพื่อฝึกมโนมยิทธิครึ่งกำลัง ทำวัตรเย็น เจริญกรรมฐาน ผมไม่รู้ว่าศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำมีมากมายเพียงใด แต่ประเมินจากอาคารญาติโยมพักแรมแล้ว น่าจะมากมายนับพันคน หรือ อาจจะมากกว่า


ปีพ.ศ.2532 ท่านได้พระสมณศักดิ์ พระราชพรหมยาน ไพศาลภาวนานุสิฐมหาคณิสสร ปีพ.ศ.2535 วันที่ 30 ตุลาคม 2535 เวลา 16.10 น.ท่านได้ละสังขารสู่สัมปรายภพด้วยความสงบ แต่ช่างน่าอัศจรรย์ที่ศพของท่านไม่เน่าเปื่อยเช่นปุถุชนคนทั่วไป ทางคณะกรรมการวัดจึงได้นิมนต์ศพของท่านสถิตในโลงแก้วเพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้มาเคารพกราบไหว้ บนวิหารแก้ว 100 เมตร



พระพุทธชินราชจำลอง..งดงาม

ส่วนอีกด้านหนึ่งของวิหารแก้ว 100 เมตร ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลอง เพื่อให้เป็นเครื่องสักการะกราบไหว้ บนวิหารแก้วแห่งนี้

เมื่อกว่า 20 ปีผมเคยสัญจรมากับชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ช่วงเวลานั้นผมรู้สึกว่า บนวิหารแก้ว 100 ปี มีแต่แม่ชีห่มขาวเดินยามตามตู้รับบริจาคทุกมุมเสา พร้อมกับเรียนร้องเชิญชวนให้บริจาคโภคทรัพย์ไม่ขาดสาย



วิหารแก้วแวววับจับตา งดงามด้วยแสงไฟสะท้อน

ครั้นวันนี้ ผมได้กลับไปกราบศพหลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระผู้ซึ่งได้ทำนายดวงชะตาบ้านเมืองเอาไว้เมื่อ 33 ปีก่อน ซึ่งในแวดวงการเมืองและการบ้านต่างจดจารกันไว้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่เพียงใดฤา

แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้ที่ผมเห็นคือความสงบงามบนวิหารแก้ว 100 เมตร ประดับประดาด้วยศิลปะที่งดงาม ไม่ว่าจะเป็นโลงแก้วหลวงพ่อ หรือเครื่องบูชาที่ตระเตรียมไว้ให้ญาติโยมสละทรัพย์บำรุงพระศาสนาแล้วยกไปประเคนแด่หลวงพ่อ หรือองค์พระพุทธชินราชจำลอง





พระธาตุและเครื่องบูชาให้เช่าถวาย

แม่ชีห่มขาวหายไปสิ้น ตู้บริจาคที่เคยมีมากมายเหลือกำลังก็เหลือเพียงไม่กี่ตู้เพื่อใส่ปัจจัยที่ศรัทธาจะบริจาคเพื่อขอเครื่องบูชาไปถวาย เป็นความเรียบง่ายและดูดีไม่มีวี่แววเชิงพาณิชย์ดังแต่เก่าก่อนเลย

ผมเดินไปถ่ายรูปแต่ละจุดด้วยความสงบ ระวังว่าจะไปรบกวนพุทธศาสนิกชนคนมาทำบุญ แล้วก็บรรจงถ่ายมาทีละภาพๆ เสียดายเวลาที่ทอดให้มีน้อยเกินไป หากจะถ่ายรูปให้งดงามดังภาพที่มองเห็น รายละเอียดมากมายหลายอย่างจึงจำต้องละเลยไป




ผมเดินไปเห็นศาลาที่พระเณรกำลัง "ฉัน" อาหารเพล ได้รูปมาฝาก จะได้เห็นจริยวัตรที่งดงามของพระสงฆ์ผู้สืบทอดพระศาสนา รอบศาลาเป็นต้นไม้ให้ร่มเงาได้อย่างดีเยี่ยม ลมเย็นพัดโชยให้พระสงฆ์และแม่ชีที่ปรนนิบัตรวัฎถากไม่ร้อนรน นอกจากนั้นยังได้เห็นรถรางขับเคลื่อนเพื่อรับส่งญาติโยมในราคามิตรภาพ 2 บาท/คน อันเป็นการอำนวยความสะดวกแก่พุทธบริทที่ไม่ได้เอารถรามาด้วย จากประตูวัดถึงวิหารแก้ว ไกลไม่น้อย เดินมาก็ได้เหงื่อพราวเต็มใบหน้า




เพียงได้ไปกราบไหว้ศพหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และพระพุทธชินราชจำลอง ก็อิ่มเอมใจแล้ว ได้เห็นสภาพที่งดงามด้วยความสงบปราศจากอาการทางการค้าจนเกินงาม ก็ยิ่งปลาบปลื้มที่วัดคือสถานแห่งศรัทธา ทุกอย่างทุกประการ "ตามแต่ใจจะให้" อันเป็นเครื่องแสดงถึงจริยธรรม ที่ไม่ใช่การข่มขู่ หรือเรียกร้อง

ถ้ามีเวลาละก้อพ่อแม่พี่น้องเอ๋ย ไปเที่ยวเมืองอุทัยธานีแล้วมานั่งทำสมาธิที่วิหารแก้วสักครู่ ก็น่าจะได้อานิสงค์ผลบุญและกุศลกลับไป



สื่อมวลชนจากส่วนกลางเยี่ยมชมปราสาททองคำ

เบื้องหน้าวิหารแก้ว มีแท่นสถิตรูปปั้นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ แต่อีกมุมหนึ่งมีรูปปั้นพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งอยู่ไกลกว่าองค์อื่นๆ

รถตู้เคลื่อนนำไปยังวิหารพระทองคำ ได้บันทึกภาพเพียงวิหารรูปทรงแปลกตา แต่ก็งดงาม ใกล้ๆกันเป็นสวนสมเด็จที่กว้างขวาง ปลูกต้นไม่ร่มครึ้มและสนามหญ้าเขียวขจี เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของพุทธศาสนิกชนคนพุทธที่เข้ามานั่งวิปัสสนากรรมฐานได้เดินและพักเพื่อผ่อนคลาย สูดอากาศบริสุทธิ์จากลมทุ่งริมนา


...กลับออกมาด้วยพนมมือขึ้นท่วมหัว เปล่งวาจาว่า..สาธุ สาธุ สาธุ พุทธศาสนาไม่มีวันเสื่อมสูญอย่างแน่นอน..!!!


อ้างอิง http://thongthailand.igetweb.com/index.php?mo=3&art=41906452


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 9/3/12 at 10:55 [ QUOTE ]


.

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
ตั้งหัวข้อใหม่

Go To Top