Not logged in [Login - Register]
Go To Bottom
Printable Version | Subscribe | Add to Favourites ตั้งหัวข้อใหม่
[*] posted on 8/1/13 at 13:33 [ QUOTE ]

ฝึกมโนมยิทธิที่บ้านสายลม (โพสต์ในเว็บอื่น)


บ้านสายลม (ครั้งที่ 1)


อย่าตำหนิเขา ถ้าเรายังไม่ดีพอ (โพสต์ในเว็บ amshare.diaryclub.com)

.......เมื่อวาน (07/03/10) ได้มีโอกาสไปบ้านสายลมซะที (เดือนนึงเปิดบ้าน 1 ครั้ง)
ตั้งใจว่าจะมาฝึกมโนมยิทธิที่นี่ตั้งหลายครั้งแล้ว แต่มีเหตุให้ต้องเลื่อนทุกที

พอรอบนี้ก็ดันติดธุระวันเสาร์อีก กะว่ายังไงวันอาทิตย์ต้องไม่พลาดแน่ ๆ
เพราะไม่งั้นก็ต้องรอเป็นต้นเดือนหน้าอีก
แต่แล้วก็ดันมาเกิดเหตุอีก เช้ามืดดันท้องเสียอาหารเป็นพิษอีกซะงั้น
เล่นซะเราอ่อนเพลียไปเลย ตื่นเช้ามาก็นั่งคิดเลย เอาไงดี จะไปดีมั้ยเนียะ
กลัวไปปวดท้องระหว่างทาง หรือขณะที่กำลังฝึกอยู่ ลังเลอยู่นานเลย
แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไป เพราะไม่อยากต้องรอถึงเดือนหน้า (เผื่อติดธุระอีก)

ไปถึงบ้านสายลม (พหลโยธิน ซ.8) ในซอยร่มรื่นดี มีของขายมากมาย
พอเข้าไปในตึกก็มุ่งตรงไปชั้น 3 เลยบูชาดอกไม้ ธูป เทียนตามกำลังศรัทธา
สำหรับเราไม่เคยฝึกก็ต้องขึ้นไปชั้น 3 เพราะชั้น 2 สำหรับผู้ฝึกญาณ 8
นั่งรอเวลา สังเกตุว่ามีคนทยอยมาเรื่อย ๆ จากห้องโล่ง ๆ กลายเป็นแน่นไปเลย
แม้กระทั่งเด็กเล็ก ๆ น่าจะเรียนไม่เกิน ป.4-5 ได้ ก็ยังมาฝึกกันเลย

พอได้เวลาก็แบ่งเข้าตามห้องที่เค้าจัดเอาไว้ แต่ละห้องก็จะมีครูผู้ฝึกห้องละ 1 คน
ครูก็จะอธิบายเหตุและผล ที่มาที่ไปของการฝึกมโนมยิทธิ และก็บอกขั้นตอนการฝึก
ให้เราปฏิบัติตามเรื่อย ๆ เริ่มฝึกประมาณ 12.30 น. - 14.30 ได้ (ถ้าจำไม่ผิดนะ)
ห้องที่เราเข้าไปรวมกันได้ประมาณ 20 กว่าคน ทำเอาห้องเล็กไปเลย

สำหรับความรู้สึกเราที่เริ่มฝึก ครูบอกว่าขั้นนี้เป็นขั้นพื้นฐาน ไม่ต้องใช้สมาธิมากมาย
ขอแค่ให้ทำใจสบาย ๆ ใช้แค่จิตรู้สึก ไม่ใช่ความคิดนะ เหมือนง่าย แต่..ก็เผลอใช้ความคิดซะมากกว่า
ครูถาม ให้เราใช้จิตรู้สึกแล้วตอบเลย ไม่ต้องรีรอ ไม่มีคำว่าผิดหรือถูก ตอบตามจิตรู้สึก
ก็ตอบเหมือนคนอื่นเค้าบ้าง ต่างจากคนอื่นเค้าบ้าง และก็มักจะเผลอใช้ความคิดไปหาคำตอบซะงั้น
พอหมดเวลาการฝึก ครูก็จะถามว่าใครรู้สึกว่าไม่ได้บ้าง ก็มีคนยกมืออยู่ประมาณ 3 คนได้
ก็เป็นเรื่องปกติสำหรับผู้ฝึกใหม่ ก็ไม่เป็นไร เดือนหน้าก็ให้มาลองฝึกใหม่
กลับไปบ้านก็ให้ฝึกเรื่อย ๆ อย่าละทิ้ง เพราะถึงได้แล้วถ้าไม่กลับไปฝึกต่อ มันก็ต้องกลับมาเริ่มกันใหม่อีก

สรุปเรารู้สึกเองว่าพอจะเข้าใจแค่คร่าว ๆ แต่ไม่มั่นใจความรู้สึก
เพราะส่วนใหญ่ใช้ความคิดมากกว่าจิต คงต้องฝึกอีกนานเลย
ต้องการผู้รู้แนะนำแบบตัวต่อตัวกันเลยทีเดียว 555+

ปล.
~ อากาศร้อนมากมาย โอ้ละหนอ โลกมันหมุนเร็วขึ้นทุกวัน!!
~ เรื่อย ๆ ไม่ก้าวหน้าเท่าไหร่ ติดอะไรอยู่นะ (ผู้รู้ชี้แนะด้วยคร่า)
~ เรื่องของคนอื่น ก็คือคนอื่น ไม่เกี่ยวกับเรา




บันทึกการฝึกมโนมยิทธิ ครั้งแรกของผม ที่บ้านสายลม


By ghosthead (โพสต์ในเว็บ ourmanomayitti.com เมื่อ 2011-3-27 16:44)

.........ผมไปฝึกที่บ้านสายลม วันอาทิตย์ ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ผมพักอยู่แถวบางมด ก็ นั่งรถเมล์มาลงที่สถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่ แล้วขึ้นรถไฟฟ้าไปลงสถานีอารีย์ ไปถึงเวลาประมาณ 10.30 น. ก็ไปหาข้าวกิน แล้วก็เดินเข้าซอยไป ตกใจคนเยอะมากๆมีของขายเพียบเลย นึกว่ามีตลาดนัดในซอย เมื่อเดือนก่อนเคยมาซื้อหนังสือคู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน และ หนังสือการฝึกมโนมยิทธิ คนแทบไม่มี พอเดินเข้าไปในตึกก็ไปหยอดเหรียญทำบุญที่ตู้ก่อน แล้วก็เห็นบริเวณบันไดทางขึ้น เค้ามีป้ายบอกว่าดอกไม้ธูปเทียนสำหรับผู้มาฝึกใหม่

ผมก็เดินไปรับแล้วก็หยอดตู้ทำบุญไปอีก 20 แล้วก็เอาเหรียญใส่ในพานด้วย 1 บาท แล้วก็เดินขึ้นไปชั้น3 ตอนเดินผ่านชั้น2 เห็นเป็นห้องสำหรับผู้ฝึกญาณ 8 พอขึ้นไปถึงชั้น 3 ก็ไหว้พระ ถวายดอกไม้ธูปเทียน เอาเงิน1บาท หยอดตู้ทำบุญ แล้วก็เดินเข้าไปนั่งรอมีคนมาก่อนผมเยอะมากๆ ผมก็เดินเข้าไปนั่งด้านหลัง บนชั้น3 นี้ ยังแบ่งเป็นห้องเล็กๆ อีก ประมาณ 10 ห้อง พอได้เวลา12.00น. เค้าก็ให้ผู้ฝึกใหม่ไปเข้าห้อง 1 กับ 2 ห้องที่ผมเข้าไปมีผู้มาฝึกประมาณ 30 คน ได้ เรียกว่าล้นออกไปข้างนอกเลยครับเข้าไปนั่งสักพัก ครูฝึกท่านก็มา ท่านชื่อ ครูแป๊ว ชื่อจริงท่านพัชรี (ถ้าเขียนผิดหรือจำผิดต้องกราบขออภัยด้วยครับ) ท่านใจดีมาก อายุท่านประมาณ 72 ปี ท่านชวนคุยสักพัก ก็มีเสียงจากลำโพงเป็นเสียงหลวงพ่อฤาษีลิงดำแนะนำการฝึกมโนมยิทธิ

จากนั้นก็ สวดมนต์สมาทานศีล ให้บริสุทธิ์ จากนั้น ก็นั่งภาวนา กำหนดลมหายใจเข้าท่องนะมะหายใจออกท่องพะทะ ทำอารมณ์สบายๆ เบาๆ เป็นอุปจารสมาธิ ขณะนั้นผมเห็นรูปพระพุทธเจ้าที่เคยเห็นตอนนั่งสมาธิที่บ้าน ท่านเดินเข้ามาหาผม แต่ผมไม่รู้ชื่อของท่านยังไม่ทันถาม ท่านก็บอกว่า ตถาคตชื่อ สมณโคดม แล้วท่านก็บอกว่า ตามตถาคตมาท่านลอยขึ้นไป ผมก็ลอยตามท่านไปด้วย ท่านพาไปที่พระจุฬามณี ท่านเดินนำเข้าไปผมก็เดินตามท่านไปเข้าไปเป็นวิหารกว้างมาก ทางเดินนั้นปูด้วยพรมสีแดงผืนใหญ่ยาวเป็นทาง มีคนอยู่เยอะมาก ทั้งพระทั้งเทวดานางฟ้าแต่ผมไม่กล้ามอง ก้มหน้าเดินตามพระพุทธเจ้าท่านอย่างเดียว

สักพักท่านก็หยุดผมมองเห็นแท่นใหญ่ยาวมาก เหมือนที่พระท่านนั่งเวลาไปสวดตามงานต่างๆ ผมเห็นพระพุทธเจ้าท่านนั่งเรียงมายาวมาก องค์แรกน่าจะเป็นสมเด็จองค์ปฐม แล้วพระพุทธเจ้าสมณโคดม ท่านก็เดินไปนั่งต่อริมทางขวาสุด ผมก็เดินตามท่านไปแล้วท่านก็ขึ้นไปนั่ง แล้วท่านก็บอกให้ผมขึ้นไปนั่งข้างๆท่าน ผมก็ตกใจเลยครับ บอกผมมิกล้าครับ ขอนั่งที่พื้นนี่ล่ะครับ แล้วก็กราบท่านกราบแบบฝังเลยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาเลย แล้วจิตผมก็คิดถึงคนในห้องก็ยังได้ยินเค้าท่อง "นะมะพะทะ" กันอยู่ ผมก็ไม่รู้เอาไงดี ก็เลยท่อง "นะมะพะทะ" มั่ง

พระพุทธเจ้าท่านเห็นท่านก็ยิ้ม ไม่ได้ว่าอะไร แล้วซักพักก็ได้ยินอาจารย์ท่านพาเพื่อนๆ มาที่พระจุฬามณี แล้วผมก็ขออนุญาตพระพุทธเจ้า ลาท่านออกมารวมกับเพื่อนๆ ข้างหน้าทางเข้าจุฬามณี พระพุทธเจ้าท่านก็ยิ้มๆ ไม่ได้ว่าอะไร แล้วตัวผมก็แวบออกมาอยู่ข้างนอกรวมกับเพื่อนๆ แล้วอาจารย์ท่านก็แนะนำให้รู้จักกับเทวดาทั้ง2 ที่เฝ้าอยู่ตรงทางเข้า ชื่อท่านมเหสักขา กับท่านปัญจสิกขะ ผมก็แปลกใจนะว่าไม่เห็นตอนแรกที่มาถึง ผมอาจไม่ได้มองเพราะก้มหน้าเดินอย่างเดียวมั้ง

จากนั้นก็เดินเข้าไปกราบพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ แล้วก็ไปดูพระเขี้ยวแก้ว กับพระเมาลี ของพระพุทธเจ้าสมณโคดม จากนั้นก็ไปกราบปู่พระอินทร์กะท่านย่า ไปดูวิมานของตัวเอง ผมเห็นนางฟ้ากวาดสนามหญ้าอยู่ 2 คน ผมก็เดินเข้าไปน้องเค้าก็ยกมือสวัสดี ผมก็สวัสดีตอบเค้าแล้วก็ถามน้องเค้าว่า พักอยู่ที่วิมานนี้เหรอครับ น้องนางฟ้าก็ตอบว่า เจ้าค่ะ แล้วผมก็ถามน้องนางฟ้าว่าเค้ามาจากไหน น้องนางฟ้าก็ทำภาพให้ผมดู ว่าเธอทั้ง 2 คือ ดวงวิญญาณที่อยู่ตรงรางรถไฟหน้าวัดเสมียนนารี

ผมเองก็อึ้งเลยครับ ไม่คิดว่าเหตุการณ์ในตอนนั้นจะเป็นเรื่องจริง ผมคิดว่าเป็นอุปทาน คือเรื่องมีอยู่ว่าตอนผมนั่งรถไฟสปรินเตอร์กลับจากไปเยี่ยมบ้านที่เชียงใหม่ ตอนขณะที่รถไฟผ่านหน้าวัดเสมียนนารี ผมนึกไปถึงเรื่องที่เคยฟังจากรายการเดอะช็อคของพี่ป๋อง "กมล ทองพลับ" ว่ามีผีผู้หญิง 2 คน ชอบไปเรียกแทกซี่ให้มาส่งที่หน้าวัดเสมียนนารีบ้าง ส่งในวัดบ้าง แล้วพอรถจอดก็หายตัวไปเลย บางคนโดนหนัก ก็จะเห็นน้องเค้าคลานอยู่ที่รางรถไฟในสภาพสยองขวัญ เล่นเอาคนขับแท็กซี่ช็อคสลบไปเลย เรื่องก็มีประมาณนี้ล่ะครับ

กลับมาในตอนที่ผมกำลังนั่งอยู่บนรถไฟผ่านหน้าวัด และนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทันใดนั้นในสมาธิจิตของผมได้เห็น วิญญาณของน้องสาวทั้ง 2 เป็นวิญญาณที่มีสีดำ หน้าตาเศร้าหมอง น้องทั้งสองยกมือขึ้นมาพนมไว้ที่อกค้างไว้ แล้วก็ก้มหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น ตอนนั้นผมคิดว่าน้องเค้ามาขอส่วนบุญล่ะมั้ง ตอนนั้นผมคิดถึงคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านว่า วิญญาณเค้ามีเวลาแค่แป๊ปเดียวต้องรีบให้ ไม่งั้นไม่ทันกิน ผมก็รีบพูดในใจว่า

"....บุญใดที่ข้าพเจ้ามี ก็ขอให้เธอทั้งสองได้รับเช่นเดียวกับตัวข้าพเจ้า"

จากนั้นน้องทั้งสองก็กราบ พอน้องเค้าเงยหน้าขึ้นมาก็กลายเป็นนางฟ้าใส่ชุดไทยสวย มีเพชรประดับส่องแสงเป็นประกายเลย แล้วน้องทั้งสองก็พนมมือไว้ที่อก หน้าตายิ้มแย้มมีความสุขแล้วตัวน้องทั้งสองก็ลอยหายไป ผมเองคิดว่าเป็นอุปทานนึกไปเอง แต่วันนี้ได้มาเจอน้องทั้งสองอีกครั้ง จึงได้เชื่อแล้วว่าเป็นเรื่องจริง แล้วก็ไปเที่ยวสวน ไปดูผลไม้ทิพย์ อาจารย์ให้ลองเด็ดมากิน ผมเด็ดมาเห็นเป็นเหมือนผลทับทิม ตอนกินเหมือนเนื้อทับทิมมันละลายเข้าไปในปากกลายเป็นไอน้ำ ยังไม่ทันเคี้ยวเลย สักพักมีเทวดาขี่ม้าผ่านมาอาจารย์บอกให้พวกเราขออนุญาต ท่านขอลองขี่ม้า ท่านก็อนุญาต แล้วก็ขึ้นไปขี่ โอ้..เหมือนนั่งม้าบินเปกาซัส บินขึ้นบินลง สนุกดีมาก เหมือนอยู่ในดินแดนเทพนิยาย

ต่อไปเที่ยวเมืองนิพพาน ไปกราบหลวงปู่ปาน และหลวงพ่อฤาษีลิงดำด้วย จากนั้นก็ไปเที่ยวนรกต่อ ได้ไปกราบท่านพระยายมและขออนุญาตไปดูคนที่ทำผิดศีล 5 เห็นคนโดนลงโทษน่ากลัวมาก เห็นคนอยู่ในกระทะทองแดงด้วย คนที่ปีนต้นงิ้ว เห็นคนที่ชอบดื่มเหล้าโดนกรอกปากด้วยของเหลวร้อนๆ จากนั้นก็ขึ้นมากราบลาพระพุทธเจ้า ปู่พระอินทร์ ท่านย่า หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษี และพ่อแม่ในชาติก่อนๆ จากนั้นเสียงกริ่งก็ดังขึ้น ก็ลืมตาขึ้นมา แล้วอาจารย์ก็ให้แผ่เมตตาแก่เจ้ากรรมนายเวร

ลืมเล่าตอนไปวิมานบนนิพพานผมอยากรู้ว่าบนนี้มีเกมให้เล่นมั้ย ก็ลองเสกเครื่อง PS3 ขึ้นมา เล่นเกม bio 5 สนุกจริงๆ ยิงซอมบี้บนวิมานในเมืองนิพพาน

..ขอให้ทุกท่านอย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่ผมเล่า แต่ขอให้ทุกท่านลองไปฝึกมโนมยิทธิ เมื่อฝึกได้แล้ว ไปนิพพานได้แล้วลองทำแบบเดียวกับผมดู ถ้าท่านทำได้ แล้วจึงค่อยเชื่อผม..

ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วซึ่งความหมายของคำว่า.. นิพพานัง ปรมัง สุขัง

จบ. ครับ



GhostHead โพสต์เมื่อ 2011-9-18 20:20 |

.......ผมขอเล่าเหตุการณ์สำคัญ ที่เกิดขึ้นในขณะที่กำลังจะเดินเข้าห้องฝึก
คือ ขณะนั้น ได้มีครูฝึกหญิงท่านหนึ่ง ท่านได้พูดด้วยเสียงที่ดังพอสมควร ซึ่งน่าจะได้ยินกันหมด
ท่านพูดว่า "ขอทางให้พระด้วยค่ะ" แล้วต่อจากนั้นก็ "ขอที่นั่งให้พระด้วยค่ะ"

แล้วผมก็คิดว่ามีพระมาฝึกมโนฯ ด้วย พอมองไปมองมา มองไม่เห็นพระซักองค์ มีแต่ฆราวาสชาย-หญิง
ซึ่งวันนั้นถ้าใครเดินไปห้องสำหรับผู้ฝึกใหม่เหมือนผม ก็ต้องได้ยินกันทุกคนแน่ครับ
ก็เป็นความสงสัยที่ยังค้างคาใจมาจนทุกวันนี้ครับ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
ตั้งหัวข้อใหม่

Go To Top