ผู้ถาม - "กราบเรียนหลวงพ่อที่เคารพ ในระยะนี้ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ลูกมีอารมณ์อยากจะด่าพระบ้าง ด่าหลวงพ่อบ้าง
ปรามาสพระพุทธเจ้าบ้าง ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรจึงจะหายครับ...?"
หลวงพ่อตอบ - เหตุที่จะเกิดได้เพราะการเจริญกรรมฐาน ถ้าการเจริญกรรมฐานดีขึ้นมาจะข้ามขั้นพอที่มารจะดึงไม่อยู่ อารมณ์นี้จะเกิด
เป็นเรื่องของพระยามาราธิราช เขาเรียก กิเลสมาร น่ะ มันเกิดเข้ามาคร่อมใจห้ามได้ดี ถ้าดีกว่านี้จะไม่ตกอยู่ในอำนาจของเขา เรียกว่าจะไม่ลงนรก
คิดจะทำจิตใจให้ฟั่นเผือไปโกรธนั่นโกรธนี่ เว้นนั่นเว้นนี่เสีย
แต่ว่ามันจะเป็นชั่วคราว บางทีก็สัก 4-5 เดือน และต่อไปก็หาย ถ้าอารมณ์ดีขึ้นมาก็ขอขมาโทษพระรัตนตรัย ขอขมาโทษพระพุทธเจ้า ถ้ามันฟุ้งก็ฟุ้งไป
ถ้าเลิกฟุ้งรู้สึกตัวขึ้นมาได้ก็ขอขมาโทษใหม่ อย่างนี้ไม่ช้าก็หายนะ ไม่เป็นไร
แม้แต่ฉันในช่วงเจริญฌานโลกีย์ มันก็มีเหมือนกันก่อนจะขึ้นอันดับสูงนะ นี่มันก็มีอาการอย่างนี้เป็นของธรรมดาที่ท่านบอกว่ากิเลสมารเข้าครอบงำจิต
เรายอมแพ้มันเราก็ตกต่ำแน่นอน มันอาจจะเผลอ ขอขมาแล้วเผลอก็ว่ากันไป มีสติใหม่ก็ตั้งใจขอขมาใหม่ ไม่ช้ามันก็เลิก
อย่าง อาจารย์ฉัตร ลูกศิษย์หลวงพ่อปานหนักกว่านี้ ไม่ใช่อารมณ์ด่าใครหรอก นั่นป่วยแบบท่าน โคธิกะ เลย บวมทั้งตัว ๑ ปี ไม่ขยายตัว
หลวงพ่อปานบอกว่าคุณฉัตรเอ้ย ! ลดกรรมฐานสัก ๑ วัดได้ไหม มันจะได้หาย อาการอย่างนี้ไม่ใช่อาการไข้ปกติ มันเป็นเรื่องกิเลสมารแกล้ง
อาจารย์ฉัตรบอกว่าผมพยายามทำมาตั้งหลายปี ยอมแพ้กิเลสมารวันเดียวผมยอมไม่ได้ ผมยอมตายพร้อมกับธรรมะดีกว่า พอปฏิญาณแบบนั้นรุ่งขึ้นหาย
มันสู้ไม่ได้มันเลยเลิก กลัวคนบ้า ไอ้นี่ก็เหมือนกัน อาการอย่างนีต้องสู้กันหลายวันหน่อย เพราะมันอารมณ์ทางจิตใจนะ นั่นมันครอบงำทางกายด้วย เปลื้องง่ายกว่า
จากหนังสือ ธรรมปฎิบัติ เล่ม ๑๕
วัดจันทาราม(ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
|