(ตอนที่ 20 บันทึกพิเศษ ประวัติในชาติอดีต) หลวงพ่อตามหา "ลูกสาว"
สารบัญ (เลือกคลิกที่รายการ)
[01] ตอนที่ ๑ หลวงพ่อตามหา "ลูกสาว"
[02] ตอนที่ ๒ ครูนนทา อนันตวงษ์
[03] ตอนที่ ๓ หลวงพ่อเจอลูกสาวแล้ว โดย ครูจันทร์นวล นาคนิยม
[04] ตอนที่ ๔ ระพี เลขะกุล
[05] ตอนที่ ๕ ครูนนทา อนันตวงษ์
[06] ตอนที่ ๖ อำลาอาลัย..คุณป้าครูนนทา
[07] ตอนที่ ๗ บันทึกพิเศษ (๑)
[08] ตอนที่ ๘ บันทึกพิเศษ (๒)
[09] ตอนที่ ๙ บันทึกพิเศษ (๓)
[10] ตอนที่ ๑๐ บันทึกพิเศษ (๔)
[11] ตอนที่ ๑๑ บันทึกพิเศษ (๕)
[12] ตอนที่ ๑๒ บันทึกพิเศษ (๖)
[13] ตอนที่ ๑๓ บันทึกพิเศษ (๗)
[14] ตอนที่ ๑๔ บันทึกพิเศษ (๘)
[15] ตอนที่ ๑๕ บันทึกพิเศษ (๙)
[16] ตอนที่ ๑๖ บันทึกพิเศษ (๑๐)
[17] ตอนที่ ๑๗ บันทึกพิเศษ (๑๑)
[18] ตอนที่ ๑๘ บันทึกพิเศษ (๑๒)
[19] ตอนที่ ๑๙ บันทึกพิเศษ (๑๓)
[20] ตอนที่ ๒๐ บันทึกพิเศษ (๑๔ จบ) โอวาทของท่านแม่
อารัมภบท
...ตามที่มีผู้นำ "บันทึกพิเศษ" ของหลวงพ่อฯ มาโพสต์ในเฟซบุค แต่การคัดลอกจากเว็บไซด์วัดท่าซุงสู่เฟซบุค มีอันต้องคลาดเคลื่อน
เนื่องผู้อ่านก็ไม่มีโอกาสไปทบทวนว่า เรื่องราวเหล่านี้มีที่มาอย่างไร โดยเฉพาะการคัดลอกต่อๆ กันมา ทำให้การอ้างอิงไม่ถูกต้อง
ผู้เขียนจึงขอชี้แจงว่า "บันทึกพิเศษ" นี้ได้ถูกตัดตอนออกไป แล้วก็ไม่ทราบว่าปรากฏอยู่ในหนังสือ พ่อสอนลูก เล่มที่ ๑ (๑๘ กันยายน ๒๕๔๖) หน้าที่ ๔๙ - ๕๓
เพิ่งทราบจาก "ธัมมสุขโข" ที่คัดลอกมาโพสต์ในเฟซบุคของตนเอง ในหัวข้อว่า "ท่านแม่เล่าให้ฟัง" ซึ่งหัวข้อเดิมชื่อว่า "โอวาทท่านแม่"
โดยที่คนอ่านรุ่นหลังก็ไม่รู้ว่ามีที่มาอย่างไร
ประวัติความเป็นมา "บันทึกพิเศษ" หลวงพ่อเล่าเรื่องประวัติในชาติอดีต เดิมอยู่ในหนังสือ "ลูกศิษย์บันทึก" โดย ดร.ปริญญา นุตาลัย ซึ่งได้นำฉบับสำเนาไปลง
(แต่ก็นำไปลงเฉพาะบางตอน)
แต่ต้นฉบับจริงเป็นสมบัติของพระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต เก็บไว้ตั้งแต่ยังไม่ได้บวช ซึ่งได้นำเรื่องนี้ลงในหนังสือตอบปัญหา เล่มต้นๆ มาแล้ว
สำหรับ "บันทึกพิเศษ" ฉบับนี้หลวงพ่อท่านเล่าไว้เมื่อปี 2512 พิมพ์อ่านกันเป็นการภายใน พระอาจารย์ชัยวัฒน์ช่วยงานที่บ้านสายลมตอนเป็นฆราวาส
เจ้าของบ้านคือ คุณอ๋อย ได้มอบให้ ต่อมาท่านเจ้าคุณฯ ขอยืมไปถ่ายเอกสารให้โยมคนหนึ่ง แล้วไม่ทราบว่าหลุดไปลงในหนังสือลูกศิษย์บันทึกได้อย่างไร
โดยเจ้าของต้นฉบับเดิมก็ไม่รู้เรื่องมาก่อน
ในตอนนี้ มีสมาชิกต้องการอ่านฉบับเต็มกัน ผู้เขียนจึงขอนำมาให้อ่านกันเต็มที่ แต่ก็ต้องขอย้อนความเป็นมาก่อนว่า
เพราะเหตุใดหลวงพ่อจึงต้องเล่าประวัติในชาติอดีต
ซึ่งไม่ปรากฏมีในหนังสือเล่มไหนของวัดมาก่อนเลย ผู้เขียนจึงเก็บหนังสือเล่มนี้ไว้อ่านแต่เพียงผู้เดียว เพราะถือว่าเป็นมรดกตกทอดที่ล้ำค่าหาประมาณมิได้
ฉะนั้น ต้นฉบับ "บันทึกพิเศษ" นี้จัดพิมพ์ใหม่โดย คุณทวีทรัพย์ ศรีขวัญ และ คุณมาลิดา ปานทวีเดช จึงเป็นสมบัติส่วนตัวที่จะต้องสงวนสิทธิ์ไว้
ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอกออกไป อนุญาตเพียงแค่แชร์ออกไปเท่านั้น
สำหรับตอนนี้จะเริ่มเรื่อง "ลูกสาว" ของท่านก่อน ตามที่ท่านเรียกว่า "ลูกใกล้" หมายถึงเคยเกิดกับท่านแม่ศรีมาก่อน ส่วน "ลูกไกล" จะเป็นอย่างไร
จะลงให้อ่านในตอนต่อๆ ไป
หลวงพ่อตามหา "ลูกสาว" สองคน
"...ก่อนอื่นขออนุญาตเล่าความเป็นมาลูกศิษย์หลวงพ่อคนนี้ ซึ่งนับว่าเป็นรุ่นแรกๆ ที่อยู่ในจังหวัดอุทัยธานี ทั้งๆ ที่สมัยก่อนนั้น
พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้มาอยู่วัดท่าซุงใหม่ ๆ
มักจะถูกต่อต้านจากเจ้าถิ่น ทั้งที่รอบวัดท่าซุงและเข้าไปถึงในตัวจังหวัด มีทั้งผู้ว่าฯ นักการเมือง นักหนังสือพิมพ์ และบรรพชิตด้วยกัน
แต่การที่จะนำเรื่องนี้มาอธิบายสักเล็กน้อย เพราะเหตุว่า "คุณครูนนทา อนันตวงษ์" เป็นคนอุทัยธานีนั่นเอง ที่แปลกไม่เหมือนคนอื่นๆ
การที่ครูนนทาเข้ามาเลื่อมใสหลวงพ่อนั้น มันมีเหตุที่มาที่เจ้าตัวไม่ยอมเล่า ข้าพเจ้าจึงขอเล่าแทนก็แล้วกัน
ในที่นี้จึงต้องขออภัยที่จะต้องนำเรื่องส่วนตัวของท่านมาเล่าสักเล็กน้อย เพราะจะได้มีความรู้แก่ลูกศิษย์รุ่นหลังๆ
ถ้าหากใครได้เคยอ่านหนังสือ "ประวัติหลวงพ่อปาน" มาแล้ว คงจะจำได้ว่าตอนที่หลวงพ่อบวชใหม่ๆ แล้วนั่งพิงตุ่มน้ำขึ้นไปบนดาวดึงส์
แล้วไปเทศน์โปรดท่านปู่พระอินทร์ ท่านย่าและท่านแม่ศรี ท่านได้เล่าไว้ดังนี้
"...มีอยู่คนหนึ่งที่ท่านบอกว่าเป็น "ภรรยาเอก" ที่เคยอยู่ร่วมกันมาหลายแสนชาติ คนนี้ชื่อว่า "พรรณวดีศรีโสภาค" คุณเรียกแกสั้น ๆ
ว่า "แม่ศรี"
แกเข้ามาหา..แกแต่งตัวสวยกว่านางฟ้าอื่นทั้งหมด ทรวดทรงสวยมาก ท่านทางมีอำนาจ ท่านบอกเขามีอำนาจควบคุมเวชยันตวิมานของโยม
ท่านแนะนำตัวท่านว่าเคยเป็นพ่อฉันมาหลายแสนชาติ ท่านออกปากอนุญาตในการทัศนาจรดาวดึงส์ บอกว่ามาเมื่อไรก็ได้ โยมอนุญาตทุกสถานที่
ฝ่าย "แม่ศรี" แกก็บอกว่า ลูกแกลงมาเกิด ๒ องค์ ให้ฉันติดตามสอนจะได้กลับมาที่เดิมหรืออาจไปสูงกว่าเดิม พระอินทร์ท่านเตือนแม่ศรีว่า
พระยังหนุ่มอยู่ยังไม่ควรพบลูก รอเมื่อถึงกาลอันสมควรจะพบกันเอง เมื่อท่านแนะนำแล้วก็ถามแม่ศรีว่าเธอทำไมไม่มาเกิด เธอตอบว่าท่านจะลงไปบวช
ถ้าฉันไปเกิดด้วย..ท่านก็ทนบวชไม่ไหว.."
(ครูนนทนา เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2558)
...ขออธิบายคำว่า "ลูกลงมาเกิด ๒ องค์" นี้ ท่านไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเป็นใคร แต่ภายในจะรู้ว่า ลูกสาวคนโตของท่านแม่ศรีนี้ คือ
ครูนนทา อนันต์วงศ์ และลูกสาวคนที่สองคือ คุณสิริรัตน์ โรจนวิภาต หรือ "คุณตุ๋ย" นั่นเอง ภรรยาของท่านเจ้ากรมอาทร โรจนวิภาต
ที่ได้มาพบหลวงพ่อเป็นรุ่นแรกๆ แล้วก็สนิทสนมกันมาก เหมือนกับเคยเป็นพี่น้องกันมาก่อนจริงๆ
ฉะนั้น สมัยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ ครูนนทาจะเป็นผู้จัดเตรียมอาหารถวายหลวงพ่อทุกวัน และเป็นผู้ทำบัญชีคนที่ทำบุญกับหลวงพ่อ
นับว่าได้ปฏิบัติหน้าที่สมกับที่เป็นลูกสาวคนโต แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ ท่านเจ้ากรมอาทรเสียชีวิตไปแล้ว
แต่ทางคุณสิริรัตน์ก็ยังนิมนต์ท่านเจ้าอาวาสวัดท่าซุงองค์ปัจจุบันไปฉันเพลที่บ้าน ก่อนที่จะเดินทางเข้าบ้านสายลมเป็นประจำทุกเดือน
จึงขอเล่าเสริมไว้เพียงเท่านี้.."
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่ด้านบน
|
|
ตอนที่ 2
...ก่อนที่จะได้อ่าน "บันทึกพิเศษ" ของหลวงพ่อฯ ผู้เขียนขอนำ "บันทึกของลูกศิษย์"จากเล่ม ๑ มาให้อ่านกัน
เพื่อเป็นการปูพื้นฐานให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจไว้ก่อนว่า ลูกสาวคนโตในอดีตชาติของหลวงพ่อมีอาชีพอะไร และก่อนจะได้พบหลวงพ่อมีเหตุอะไรบ้าง เป็นต้น
ครูนนทา อนันตวงษ์
"...หลังจาก คุณเอก อนันตวงษ์ สามีข้าพเจ้าถึงแก่กรรมด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๓
ได้ทิ้งอาชีพ "แพขนานยนต์" รับส่งรถข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่าง อุทัย - มโนรมย์ นับว่าเป็นงานหนักและเสี่ยงอันตราย ความหนักใจก็มีอยู่บ้างเป็นธรรมดา
โดยเฉพาะเรือยนต์โยงแพที่เป็นอุปสรรคอยู่เสมอ เพราะเสียอยู่บ่อยครั้ง อาจารย์ต่อม ช่างฟิตเรือ ได้แนะนำให้ไปหาหลวงพ่อ
ซึ่งเวลานั้นประจำอยู่ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า บอกว่าท่านเป็นพระที่ดูหมอแม่น ข้าพเจ้าดีใจ จึงรีบไปกราบท่าน จึงเป็นครั้งแรกที่รู้จักหลวงพ่อในฐานะ
"พระหมอดู"
ท่านทำนายว่า "เคยเลี้ยงหมู และหมูได้มาทวงหนี้"
(ซึ่งเรื่องนี้ก็ทายถูก เพราะแต่ก่อนสามีมีอาชีพเป็นข้าราชการอยู่ที่สหกรณ์ เคยเลี้ยงหมู ๔ - ๕ ตัว แต่ไม่ได้เลี้ยงเป็นอาชีพ ก็ช่วยกันเลี้ยง
แต่เลี้ยงแบบเล่นๆ เท่านั้น)
หลวงพ่อจึงแนะนำให้ตั้งเครื่องสังเวย โดยให้มีหัวหมู ๓ หัว บายศรีและเครื่องเซ่นอื่นๆ ครบเครื่อง ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามนั้น
ตั้งแต่นั้นมาเรือก็ทำงานเป็นปกติ ข้าพเจ้าจึงยึดหลวงพ่อเป็นที่พึ่งมาเรื่อยๆ เวลามีทุกข์ ก็ไปกราบท่านเป็นประจำ
จนรู้จักชอบพอกับ พล. อ.อ. อาทร (ยศปัจจุบัน) และ สิริรัตน์ (ตุ๋ย) โรจนวิภาต , พิมพา, วาสนา, สิริรัตน์, ฉลวย และอีกหลายๆ ท่าน
จึงชวนกันไปกราบหลวงพ่อเป็นประจำ ท่านโปรดเมตตาสอนธรรมและบันทึกเทปธรรมะให้ฟัง มีความรู้สึกว่า
ไม่เคยพบพระที่ประเสริฐสุดที่สอนธรรมได้ประทับใจและซาบซึ้งมาก่อน
จึงติดธรรมะของหลวงพ่อ จนภายหลังมีความเบื่อความวุ่นวายกับอาชีพที่ทำอยู่ และเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง จึงตัดสินใจลาออกจากอาชีพครูก่อนเกษียณ ๕ ปี
ต่อมาก็เลิกอาชีพ "แพขนานยนต์" เมื่อวางอาชีพ และสละลูกสาวคนเดียวที่มีครอบครัวเป็นหลักฐานแล้ว โดยให้เธออยู่อิสระกับครอบครัวของเธอตามลำพัง
ส่วนข้าพเจ้าก็เข้าวัดเต็มตัว โดยย้ายเข้ามาอยู่ที่วัดท่าซุงเลย
สมัยนั้นมี พี่วงศ์ พี่เฟือง (พี่ชายและพี่สะใภ้ของหลวงพ่อ) อาจารย์สบสุข (ครูยุ้ย เวลานี้เสียชีวิตไปแล้ว - ท่านไปสบายแล้ว)
เป็นเพื่อนเข้าวัดปฏิบัติธรรม
หลวงพ่ออบรมสั่งสอนเพื่อให้พ้นทุกข์ทั้งสามโลก และทางธรรมในหลายรูปหลายแบบตามจริตของคน แล้วแต่ใครจะเลือกปฏิบัติตามปฏิปทาของตน
รายละเอียดและคำสอนมีอยู่ในหนังสือ - เทปคำสอน เป็นจำนวนมากมาย
ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเป็นนิ่ว คุณหมอวีวรรณ คำนวณกิจ แนะนำให้ผ่าตัดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ จำได้ว่าป็นวันอาทิตย์ นอนที่โรงพยาบาล ๑ คืน
คืนนั้นไม่ได้ให้ใครไปนอนเป็นเพื่อน เพื่อต้องการอยู่ตามลำพัง ฟังเทปวิปัสสนาญาณ ๙ ของหลวงพ่อจนหลับ
รุ่งขึ้นหมอพาไปเอกซเรย์ ปรากฏว่าก้อนนิ่วหลุดไป เป็นเพราะบารมีหลวงพ่อและเทพเจ้าทั้งหลายตามที่อธิษฐานจิตไว้ก่อน จึงปลอดจากการผ่าตัด
ข้าพเจ้าดีใจในความมหัศจรรย์ครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะกลัวเจ็บจากการผ่าตัดเป็นที่สุด นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์อีกหลายๆ อย่าง จะไม่นำมากล่าวในที่นี้
เพราะเกรงจะเป็นเรื่อง "นอกเหตุเหนือผล"
เนื่องจากพระคุณความดีอันล้นพ้นของหลวงพ่อ ที่มีต่อข้าพเจ้ามากจนสุดที่จะพรรณนาได้หมด ประกอบด้วยความศรัทธาอันแรงกล้า
และความเลื่อมใสในองค์หลวงพ่อมีอยู่มาก
จึงได้มอบกายถวายชีวิตรับใช้ในกิจของพระพุทธศาสนาด้วยความเต็มใจและจริงใจในทุกๆ ด้านที่มีความสามารถจะทำได้.."
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่ด้านบน
|
|
ตอนที่ 3
...ก่อนที่จะดำเนินเรื่อง "หลวงพ่อตามหาลูกสาว" กันต่อไป ผู้เขียนใคร่จะหาบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ลูกสาวมายืนยัน
เพราะเรื่องแบบนี้ควรจะมีบุคคลอื่นอ้างอิงด้วย
โดยเฉพาะบุคคลที่ใกล้ชิดหลวงพ่อมานาน ได้แก่ "ครูจันทร์นวล นาคนิยม" ซึ่งอยู่ที่จังหวัดชัยนาท จึงเป็นผู้ที่ได้พบหลวงพ่อมาก่อนครูนนทาเสียอีก
...หมายเหตุ ฆราวาสที่อยู่ใกล้ชิดหลวงพ่อ คือมีหน้าที่ดูแลหลวงพ่อ (ที่ตึกริมน้ำ) คือ ครูนนทา, ครูจันทร์นวล, ครูยุ้ย (สบสุข), คุณป้าสมจิตร แม่ครัวก็มี
คุณเอี่ยมศรี และแม่คือ คุณป้าสะอาด
ฉะนั้น ถ้าไม่ได้อ่านบันทึกของครูจันทร์นวล นาคนิยมก่อน นับว่าเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ที่ผู้อ่านภายหลังจะได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
ครูจันทร์นวล นาคนิยม จึงเป็นพยานยืนยันเรื่องนี้ได้ดีว่า "การตามหาลูกสาวในอดีตชาติ" ไม่ใช่เป็นเรื่องเหลวไหล
หรือเป็นเรื่องเพ้อฝันของคนที่หลงอดีตแต่อย่างใด เพื่อเป็นการรับรองในเรื่องนี้ จึงขอนำบันทึกของครูจันทร์นวล นาคนิยม จ.ชัยนาท
มาให้อ่านกันก่อน...
หลวงพ่อเจอลูกสาวแล้ว
โดย ครูจันทร์นวล นาคนิยม
"...หลังจากหลวงพ่อลาพุทธภูมิแล้ว ท่านแม่ศรีมาบอกให้หลวงพ่อตามหาลูกสาว 4 คน มีคุณสิริรัตน์ (ตุ๋ย) โรจนวิภาต, คุณนนทา อนันตวงษ์, คุณระพี เลขะกุล
และอีกคนจำไม่ได้
คุณสิริรัตน์ เป็นโยมอุปัฏฐากอยู่กับ "หลวงพ่อสำเภา" ที่ วัดสะพาน จ.ชัยนาท บังเอิญหลวงพ่อไปที่วัดสะพาน ไปเจอคุณสิริรัตน์ที่นั่น
พอกลับมาถึงวัดโพธิ์ภาวนาก็เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า เจอลูกสาวแล้ว 1 คน อยู่ที่วัดสะพาน
ต่อมา มีคนนิมนต์หลวงพ่อมาที่ จ.อุทัยธานี หลวงพ่อก็มาเจอ คุณนนทา อนันตวงษ์ พอกลับมา จ.ชัยนาท ก็เล่าให้ข้าพเจ้าฟังอีกว่า ไปเจอลูกสาวอีก 1 คนแล้ว
ส่วนคุณระพีนั้น จำไม่ได้ว่าหลวงพ่อเจอกันยังไง แต่หลวงพ่อมาเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า เจอลูกสาวอีกคนอยู่ จ.ยะลา ชื่อ "ระพี" ส่วนคนที่ 4
นั้นหลวงพ่อไม่ได้เล่าให้ฟัง
เมื่อหลวงพ่อลาพุทธภูมิแล้ว และตัดลัดไปนิพพานในชาตินี้เลย พระท่านก็มาบอกหลวงพ่อว่า หลวงพ่อต้องเก็บลูกๆ ทั้งหมด หลานๆ ทั้งหมด
ตลอดจนญาติและบริวารที่เคยติดตามกันมา ตั้งแต่เมื่อครั้งอดีตชาติ ทั้งที่เคยร่วมออกรบทัพจับศึก ร่วมทุกข์ร่วมสุขทั้งหมดไปด้วย
รวมทั้งเก็บบริวารขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ยังตกค้างอยู่, เก็บบริวารของท่านปู่พระอินทร์ ท่านย่า ท่านแม่ศรี,
และบางส่วนที่เป็นบริวารของหลวงปู่ปานที่ต้องการตัดลัดไปในชาตินี้ ก็เก็บไปด้วย
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ปัจจุบันนี้ ลูกๆ หลานๆ บริวารทั้งหลาย ที่จะขอติดตามหลวงพ่อ และยึดแนวการปฏิบัติและปฏิปทาของหลวงพ่อ
เพื่อเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาตินี้ มีจำนวนนับแสนขึ้นไป หลวงพ่อเคยพูดว่า
"...ฉันอุตส่าห์ยอมทนทุกขเวทนาอยู่กระทั่งทุกวันนี้ เพื่อรอโปรดลูกหลานให้ทั่วหน้ากัน อุตส่าห์ปักหลักรออยู่
แต่บางคนมาถึงแล้วแทนที่จะรีบๆ แต่กลับค่อยๆ เดินกระย่องกระแย่งอีก กว่าจะเข้ามาถึงก็เล่นให้รอเสียเหนื่อยเลย.."
...หมายเหตุ ใครที่ได้อ่านเรื่องนี้จบแล้ว อย่าให้ระบุว่าเป็นใครมั่งนะ ที่เข้าข่ายในเรื่องนี้ อ่านแล้ว..ไปพิจารณาตัวเองเสียให้ดี
แล้วรีบเร่งทันที อย่าให้หลวงพ่อต้องผิดหวังกันนะ
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่ด้านบน
|
|
ตอนที่ 4
ระพี เลขะกุล
...เมื่อตอนที่แล้ว "ครูจันทร์นวล นาคนิยม"ได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อหลวงพ่อได้เจอ ครูนนทา อนันตวงษ์ เป็นครั้งแรก
แล้วกลับมาเล่าให้ฟังว่า ไปเจอลูกสาวอีกหนึ่งคนแล้ว
ส่วนคุณระพีนั้น จำไม่ได้ว่าหลวงพ่อเจอกันยังไง แต่หลวงพ่อมาเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า เจอลูกสาวอีกคนอยู่ จ.ยะลา ชื่อ "ระพี" ด้วยเหตุนี้ จึงขอนำบันทึกของ
คุณระพี เลขะกุล มาเล่าให้ฟังก่อน..
"...ในช่วงปลายปี พ.ศ.2519 ข้าพเจ้าเริ่มคิดถึงเรื่องความตายขึ้นมาเป็นครั้งแรก กลัวการตายคนเดียว และเมื่อตายแล้วจะไปไหน กับใคร
ที่ๆ จะไปมืดหรือสว่าง ไม่มีทางทราบได้
ความคิดเหล่านี้ทำให้ข้าพเจ้ากลัวความตายจับใจ เพราะไม่สามารถหาคำตอบจากใครได้
แต่ข้าพเจ้าก็โชคดี ที่ในขณะนั้น ได้อ่านพบบทความเกี่ยวกับหลวงพ่อ พระมหาวีระ ถาวโร ในหนังสือนิตยสาร ขวัญเรือน ฉบับหนึ่ง
บรรยายถึงปฏิปทาและคำสอนบางตอนของหลวงพ่อ ซึ่งข้าพเจ้าอ่านแล้วรู้สึกประทับใจซาบซึ้ง และศรัทธาในองค์หลวงพ่อเป็นอย่างยิ่ง
คำสอนของท่านเรียบง่าย สั้น ตรงไปตรงมา สามารถเข้ใจได้โดยง่าย และคิดว่าจะปฏิบัติตามได้โดยง่ายด้วย ในตอนท้าย บทความบอกด้วยว่า
หลวงพ่อจะมาสอนพระกรรมฐานทุกต้นเดือน ที่บ้าน พล.อ.ต.ม.ร.ว.เสริม ศุขสวัสดิ์ (ยศในขณะนั้น)
ซึ่งท่านได้ยกบ้านของท่านในซอยสายลมถวายหลวงพ่อ เพื่อให้เป็นสถานที่สอน อบรม และปฏิบัติพระกรรมฐานแก่บุคคลทั่วไป
ความดีนี้ข้าพเจ้ารู้สึกชื่นชมและอนุโมทนาด้วยเป็นอย่างมาก อยากจะทำดีเช่นนั้นอย่างท่านบ้างถ้ามีโอกาส
จากเหตุจูงใจเหล่านี้ ข้าพเจ้าจึงได้เขียนจดหมายแนะนำตัว และกราบขอเป็นลูกของท่านคนหนึ่ง และขอร่วมทำบุญถวายหลวงพ่อเป็นประจำตั้งแต่นั้นมา
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2520 ข้าพเจ้าได้มีโอกาสถวายการต้อนรับหลวงพ่อ และคณะศิษย์จำนวนหนึ่งที่บ้าน (จังหวัดยะลา)
หลวงพ่อท่านได้เมตตาไปเยี่ยมข้าพเจ้าและครอบครัวเป็นครั้งแรก ทำให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสถวายบ้านที่อยู่อาศัย ให้เป็นเสมือนวัดของท่านแห่งหนึ่ง
สมตามเจตนารมณ์ของข้าพเจ้าแต่แรกด้วย และเพื่อเป็นสถานที่สอน อบรม พระกรรมฐานและมโนมยิทธิแก่ลูกหลานชาวยะลา
และจังหวัดใกล้เคียงเป็นครั้งคราวตามควรแก่โอกาสที่หลวงพ่อจะโปรดเมตตา
นับจากนั้นมา ข้าพเจ้าก็ค่อยๆ ได้เรียนรู้พระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากการสอนของหลวงพ่อ จากเทปและวีดีโอเทป และหนังสือชุดต่างๆ
ของหลวงพ่อมากมาย
ทำให้รู้สึกว่าตัวเองหายโง่ขึ้นมาหน่อยหนึ่ง ไม่รู้สึกกลัวตายอีกต่อไปแล้วสิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้า เกี่ยวกับองค์หลวงพ่อมีมากมายหลายอย่าง
แต่พอจะสรุปได้เป็นข้อใหญ่ๆ ดังนี้คือ
...1. คำสอนง่ายๆ ของหลวงพ่อที่อธิบายสิ่งที่ยากให้ดูเป็นของง่าย เข้าใจได้เร็วและปฏิบัติตามได้ด้วย เราสามารถเลือกเป็นเทวดา พรหม
หรือเข้านิพพานได้เลย ถ้ามีอิทธิบาท 4 และปฏิบัติตามคำสอนได้อย่างจริงจัง
...2. ความเมตตาของหลวงพ่อนั้น ยิ่งใหญ่สุดจะประมาณได้ ท่านมีเมตตาต่อคนทั่วไปทั้งใกล้ และไกลโดยทั่วหน้า และสม่ำเสมอ เป็นที่ประจักษ์ในหมู่ลูกหลาน
และลูกศิษย์ทั้งหลายเป็นอย่างดี
...3. เจโตปริยญาณที่แจ่มชัดของท่าน ไม่ว่าจะคิดนึกอะไรอยู่ในใจ เป็นทุกข์สุขอย่างไร ท่านย่อมทราบได้เสมอ ถ้าท่านต้องการ
สิ่งนี้ข้าพเจ้าต้องยอมรับ เพราะประสบกับตนเองมาหลายครั้งแล้ว ท่านได้เมตตาสั่งสอน
แนะนำให้โดยตรงจุดทุกครั้งโดยไม่ได้กราบเรียนด้วยวาจาเลย นับเป็นพระคุณอย่างสูงที่สุดแก่ข้าพเจ้าจริงๆ
นอกจากนี้ ข้าพเจ้ายังทราบดีว่า หลวงพ่อต้องทนทรมานกายเพียงใด จากโรคภัยไข้เจ็บที่มีอยู่เป็นประจำของท่าน ในการเดินทางทุกครั้ง
เพื่อไปเยี่ยมเยียนลูกหลานและพุทธบริษัททั้งหลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เพื่ออบรมสั่งสอนให้ทุกคนละชั่ว กระทำความดี และทำใจให้บริสุทธิ์ผ่องแผ้วตามแนวทาง ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ท่านนำคณะครูฝึกมโนมยิทธิมาฝึกสอนให้ทุกครั้ง หลวงพ่อจะพอใจมาก ถ้าครูผู้ฝึกรายงานให้ทราบว่า มีผู้เข้าถึงอารมณ์พระนิพพานได้เป็นจำนวนมาก
ท่านมุ่งหวังผลของการปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นที่ตั้ง โดยไม่คำนึงถึงความเหนื่อยยากทั้งหลาย
หรือแม้อาการป่วยไข้ของท่านที่มีอยู่เป็นประจำเลย
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ข้าพเจ้าตั้งใจมั่นคงว่า จะขอรับใช้สนองพระคุณหลวงพ่อท่าน จนสุดกำลังความสามารถ จนกว่าชีวิตจะหาไม่.."
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่ด้านบน
|
|
ตอนที่ 5
นนทา อนันตวงษ์
จากหนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๓
"...ข้าพเจ้าเคยเขียนลงในหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม 1 มาแล้ว ข้าพเจ้าได้ติดตามรับใช้หลวงพ่อมาตั้งแต่ปี 2511
จนกระทั่งลาออกจากอาชีพเดิมที่เป็นครู และขายกิจการแพขนานยนต์ ย้ายมาอยู่ที่วัดท่าซุงเป็นการถาวร
หลวงพ่อท่านมีเมตตาแจกรูปให้ไว้เป็นที่ระลึก ภายใต้รูปท่านได้เขียนคำเตือนเป็นธรรมะให้รักษาเป็นอนุสติ ข้อความใต้รูปเขียนไว้ว่า
ขอมอบภาพนี้ไว้แด่ ลูกนนทา อนันตวงษ์ เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่ลูกนนทา ได้บำเพ็ญตนเป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนามาก จนทำให้
วัดบางวัดซึ่งมีความชำรุดทรุดโทรมมาก มีสภาพผ่องใสขึ้น
คติที่ควรสนใจ จงเห็นว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ การทิ้งโลก ไม่ผูกพันกับสมบัติของโลกทั้งหมด ทั้งสิ่งที่มีชีวิต และไม่มีชีวิต
คิดไว้ว่า สิ่งเหล่านี้มีประโยชน์เมื่อมีชีวิตเท่านั้น เมื่อสิ้นลมปราณแล้วก็หมดความหมาย การไม่ยึดมั่นในกายและสมบัติทั้งมวลนั่นแหละ เป็นเหตุของความสุข
คือทางตรงต่อพระนิพพาน
ลงนาม........................................
(พระมหาวีระ ถาวโร)
ให้ไว้ ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2511
...ข้าพเจ้าอยู่รับใช้หลวงพ่อได้นานจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ได้ เพราะจากคำเตือนใต้รูปหลวงพ่อที่เขียนไว้เป็นอนุสติ
คอยเตือนข้าพเจ้ามาโดยตลอด
ให้มีความอดทนและปฏิบัติภารกิจที่ควรทำ ให้เรียบร้อยและประกอบตนอยู่ในขอบเขตแห่งศีลธรรม คำสอนทั้งมวลที่หลวงพ่อได้พร่ำสอนตลอดมา
เพื่อมุ่งสู่จดหมายปลายทางคือพระนิพพานในชาตินี้เป็นที่สุด
ขอบารมีแห่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลายมีหลวงพ่อเป็นที่สุด
โปรดสงเคราะห์ให้ข้าพเจ้าได้สมหวัง ดังที่ตั้งปณิธานไว้ด้วยเถิด
หากกาลใด ตั้งแต่ในอดีตชาติทุกๆ ชาติ มาจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ แม้ว่าข้าพเจ้า ลูกนนทา อนันวงษ์ ได้เคยประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินพระรัตนตรัย และองค์หลวงพ่อ
ทั้งต่อหน้าก็ดี หรือลับหลังก็ดี หรือกระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี
ข้าพเจ้าขออาราธนาองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยะสงฆ์ทั้งหลาย มีหลวงพ่อเป็นที่สุด
ขอได้โปรดยกโทษให้ข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้ จนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพานด้วยเถิด
ท้ายที่สุดนี้ ข้าพเจ้าขออาราธนาบารมี พระพุทธานุภาพ แห่งองค์สมเด็จพระภควันบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธัมมานุภาพแห่งพระธรรมคำสอน
ขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระสังฆานุภาพแห่งองค์พระอริยสงฆ์สาวกทั้งมวลที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยดีแล้วนั้น
ขอโปรดช่วยอภิบาล คุ้มครองรักษาสุขภาพหลวงพ่อให้มีพลานามัยแข็งแรง สมบูรณ์ เพื่อจะได้เป็นหลัก สืบทอดอายุพระศาสนาให้ยิ่งยาวนานออกไปอีก
ตลอดจนอยู่เพื่อเป็นร่มโพธิ์แก้ว และเป็นกำลังใจในการเจริญรอยตามปฏิปทา ที่หลวงพ่อได้แนะนำชี้ทางสว่าง ของพระนิพพานให้กับลูกๆ หลานๆ และบริวารทั้งปวง
ได้ปฏิบัติตาม และได้ชื่นชมบารมีหลวงพ่อ อีกชั่วกาลนานเทอญ
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่ด้านบน
|
|
ตอนที่ 6
อำลาอาลัย..คุณป้าครูนนทา
จากเพจ - jatasung ชมรมคนรักหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์
"...อำลาอาลัย..คุณป้าครูนนทา อนันตวงษ์ ที่แสนดีในความทรงจำ. ที่ตึกอินทราพงษ์ (ตึกริมน้ำ) ที่คุณป้าครูอยู่ประจำ
บ่อยครั้งคุณป้าครูจันทร์นวล นาคนิยม คุณวิวัฒน์-คุณวิชัย(คู่แฝด) แวะเวียนมาอยู่ด้วย คุณป้าครูนนทาท่านเป็นคนใจดี ใจเย็น พูดจานุ่มนวล
มีความโอบอ้อมอารีย์เป็นมิตรกับทุกๆ คน
สมัยนั้นท่านมีคุณแม่ คือคุณยายเชย โสภณดิลก มาพักอยู่ด้วย คุณป้าครูและคุณยายล้วนเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักมาก
ท่านเตือนเราอยู่บ่อยๆ ไม่ให้สุรุ่ยสุร่าย ควรประหยัดเข้าไว้ เมื่อหลวงพ่อท่าน(หลวงพ่อพระราชพรหมยาน) ฉันเพลเสร็จ คุณป้าก็จะให้เลือกกับข้าว ๑ อย่าง
ท่านบอกว่า "เอาไปไว้กินตอนเช้า จะได้ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อ"
ความเมตตาเอื้อเฟื้อของคุณป้ามีมากมายมหาศาล ใครเข้าใกล้ก็รักเคารพท่าน มาบัดนี้คุณป้าครูนนทาก็ดี คุณยายเชย คุณป้าครูจันทร์นวล
ลูกศิษย์รุ่นอาวุโสเก่าๆ ของหลวงพ่อหลายๆ ท่านละทิ้งสังขาร ไปพระนิพพานตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านกันหลายรายแล้ว
เป็นอุทาหรณ์ให้ลูกศิษย์รุ่นหลังๆ ก็จะได้รำลึกว่าอย่าลืมความตาย เพราะท่านทั้งหลายได้แสดงสัจธรรมให้เราได้เห็นแล้ว
ร่างกายนี้ไม่มีใครเอาไปได้ มีความตายเป็นที่สุด เราเดินตามรอยพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อนำมาสอนเรา
เราก็จะไม่ประมาทในชีวิต ตั้งใจตายชาตืนี้เป็นชาติสุดท้าย เราจะไม่กลับมาเกิดอีก ขอมีพระนิพพานเป็นที่ไปเท่านั้น
คุณป้าครูเอาสังขารสอนเราเป็นครั้งสุดท้าย นี่คืออริยสัจที่เป็นจริงตลอดกาล เกิด...แก่...เจ็บ...ตาย...เป็นของธรรมดา
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่ด้านบน
|
|
ตอนที่ 7
บันทึกพิเศษ (๑)
โดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร
"...ก่อนอื่นผู้จัดทำต้องขอแจ้งให้ทราบไว้ก่อนว่า "บันทึกพิเศษ" นี้เป็นบันทึกส่วนองค์ของท่าน ที่เรียกว่า
"ประวัติในชาติอดีต" ระหว่างพ่อกับลูกเท่านั้น
หากผู้อ่านท่านใดเห็นว่าไม่น่าเชื่อถือก็ต้องขออภัยด้วย เพราะเป็นเรื่องที่ท่านบันทึกไว้นานแล้ว ตั้งแต่สมัยมาอยู่วัดท่าซุงใหม่ๆ
ฉะนั้น จึงต้องขออนุญาตลงชื่อเดิมของหลวงพ่อ คือ "พระมหาวีระ ถาวโร" เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจไปตามเรื่องราวที่ท่านพิมพ์ไว้ด้วยตัวของท่านเอง
ซึ่งเป็นตอนที่ยังไม่ได้ฝึกมโนมยิทธิ (ปี ๒๕๒๑) จะเห็นว่า ท่านวางแผนจะไปเกิดในสมัยพระศรีอาริยเมตไตรยกัน
ต่อมาหลังจากได้ฝึกมโนมยิทธิกันแล้ว ท่านผู้อ่านจะสังเกตได้ว่า แผนการณ์ทุกอย่างได้จบลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ คือท่านปู่ ท่านย่า และท่านแม่
ตัดสินใจไปนิพพานเลย
สำหรับตอนที่ผ่านมาเป็นการปูพื้นฐานของครูนนทา อนันต์วงษ์ ก่อน เพื่อจะได้เข้าใจใน "บันทึกพิเศษ" ของท่าน
นับตั้งแต่หลวงพ่อบวชใหม่ๆ แล้วขึ้นไปพบกับ "ท่านแม่ศรี" ที่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อให้ตามหาลูกที่ลงมาเกิดแล้ว ตามคำที่ท่านได้เล่าไว้ดังนี้
"แม่ศรี" แกก็บอกว่า ลูกแกลงมาเกิด ๒ องค์ ให้ฉันติดตามสอนจะได้กลับมาที่เดิมหรืออาจไปสูงกว่าเดิม
พระอินทร์ท่านเตือนแม่ศรีว่า พระยังหนุ่มอยู่ยังไม่ควรพบลูก รอเมื่อถึงกาลอันสมควรจะพบกันเอง เมื่อท่านแนะนำแล้วก็ถามแม่ศรีว่า
เธอทำไมไม่มาเกิด เธอตอบว่าท่านจะลงไปบวช ถ้าฉันไปเกิดด้วยท่านก็ทนบวชไม่ไหว.."
ฉะนั้น นับเป็นเวลานานหลายสิบปีกว่าจะถึงวันนี้ คำว่า "วันนี้" หมายถึงวันที่หลวงพ่อได้พบกับลูก คือ "ครูนนทา" นั่นเอง
เมื่อครูนนทาได้มาอุปฐากดูแลหลวงพ่อที่วัดท่าซุงแล้ว คงเป็นไปตามความต้องการของผู้เป็นแม่ด้วย เมื่อลูกได้พบพ่อแล้วก็รู้จักทำบุญทำกุศล จึงมีเหตุให้เกิด
"บันทึกพิเศษ" ขึ้นมาดังต่อไปนี้
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่ด้านบน
|
|
.
ตอนที่ 8
บันทึกพิเศษ (๒)
โดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร
"บันทึกพิเศษ" ฉบับนี้เป็นบันทึกส่วนองค์ของท่าน ที่เรียกว่า "ประวัติในชาติอดีต" ระหว่างพ่อกับลูกเท่านั้น
หากผู้อ่านท่านใดเห็นว่าไม่น่าเชื่อถือก็ต้องขออภัยด้วย เพราะเป็นเรื่องที่ท่านบันทึกไว้นานแล้ว ตั้งแต่สมัยมาอยู่วัดท่าซุงใหม่ๆ
ฉะนั้น จึงต้องขออนุญาตลงชื่อเดิมของหลวงพ่อ คือ "พระมหาวีระ ถาวโร" เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจไปตามเรื่องราวที่ท่านพิมพ์ไว้ด้วยตัวของท่านเอง
สำหรับ "บันทึกพิเศษ" ตอนนี้ยังไม่เข้าเรื่อง "ประวัติในชาติอดีต" เพียงแต่ท่านเล่าเรื่อง "ไฟล้างโลก" และสมัย "พระศรีอาริยเมตไตรย"
ไว้เป็นความรู้พิเศษต่อไป
โปรดอย่านำไปเทียบกับตำรา เพราะนี่เป็นความรู้พิเศษ (เรื่องรู้เลยตาย) ของท่านเท่านั้น ถือว่าอ่านกันเล่นๆ ก็แล้วกัน โดยเฉพาะเรื่อง "ต้นกัลปพฤกษ์"
ท่านเคยเล่าไว้ดังนี้
"...ลูกหลานที่รัก ต้นกัลปพฤกษ์นี่นะเป็นต้นสารพัดนึก ถ้าเราต้องการอะไร เราต้องการเงินก็ได้ ต้องการทองก็ได้ ต้องการแก้วก็ได้ ต้องการเพชรนิลจินดาก็ได้
ต้องการผ้า ต้องการกะปิ พริก เกลือ ไปดึงจากต้นนี้แหละมันได้ทุกอย่าง เขาเรียกว่า "ต้นกัลปพฤกษ์" มันมีอยู่แต่เฉพาะในสวรรค์เท่านั้น ในเมืองมนุษย์ไม่มี
จะมีก็ในสมัยที่ "พระศรีอาริย์" ลงมาตรัส คนมีบุญมาเกิด จะปรากฏมีต้นกัลปพฤกษ์ขึ้นในสมัยนั้น จะหาคนจนไม่ได้..."
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่ด้านบน
|
|
ตอนที่ 9
บันทึกพิเศษ (๓)
โดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร
"...บันทึกพิเศษ" ฉบับนี้เป็นบันทึกส่วนองค์ของท่าน ที่เรียกว่า "ประวัติในชาติอดีต" ระหว่างพ่อกับลูกเท่านั้น
หากผู้อ่านท่านใดเห็นว่าไม่น่าเชื่อถือก็ต้องขออภัยด้วย เพราะเป็นเรื่องที่ท่านบันทึกไว้นานแล้ว ตั้งแต่สมัยมาอยู่วัดท่าซุงใหม่ๆ
ฉะนั้น จึงต้องขออนุญาตลงชื่อเดิมของหลวงพ่อ คือ "พระมหาวีระ ถาวโร" เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจไปตามเรื่องราวที่ท่านพิมพ์ไว้ด้วยตัวของท่านเอง
สำหรับ "บันทึกพิเศษ" ตอนที่แล้วได้นำเรื่องที่ท่านเล่า "ไฟล้างโลก" และสมัย "พระศรีอาริยเมตไตรย" ตอนนี้ขอเข้าเรื่อง "ประวัติในชาติอดีต"
ไว้เป็นความรู้พิเศษต่อไป
โปรดอย่านำไปเทียบกับตำรา เพราะนี่เป็นความรู้พิเศษ (เรื่องรู้เลยตาย) ของท่านเท่านั้น ถือว่าอ่านกันเล่นๆ ก็แล้วกัน ท่านเล่าไว้ดังนี้
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่ด้านบน
|
|
ตอนที่ 10
บันทึกพิเศษ (๔)
โดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่ด้านบน
|
|
ตอนที่ 11
บันทึกพิเศษ (๕)
โดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่ด้านบน
|
|
ตอนที่ 12
บันทึกพิเศษ (๖)
โดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่ด้านบน
|
|
ตอนที่ 13
บันทึกพิเศษ (๗)
โดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร
...ประวัติในชาติอดีต บรรยายโดย สมเด็จพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า "พระพุทธสิกขีทศพล" หลวงพ่อรับฟังมา เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๑๑ ได้จบไปแล้ว
...ต่อไปเป็น "บันทึกพิเศษ" หลวงพ่อท่านพิมพ์ไว้เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๑๑ เรื่องของงานบวงสรวงที่บ้าน "ครูนนทา" ซึ่งเป็นเรื่องที่หาอ่านยากมาก
อีกทั้งยังไม่เคยลงในหนังสือเล่มไหนมาก่อนด้วย
ถึงแม้อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวไปบ้าง แต่ต้องขออภัยลูกหลานครูนนทาด้วย ที่จะต้องขออนุญาตนำมาเผยแพร่ เพื่อเป็นประโยชน์ต่ออนุชนรุ่นหลังสืบต่อไป
ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ที่มีความเคารพนับถือทั้งหลาย จะได้ทราบว่าครูบาอาจารย์ท่านมีความอุตสาหะเพียงใด การสงเคราะห์ลูกอันเป็นสุดที่รัก
จึงเป็นหน้าที่ของพ่อที่จะพึงทำ
นี่คือตัวอย่างของท่าน แม้จะทุกข์กายเพียงใดในการนั่งพิมพ์หนังสือ แต่พ่อไม่เคยย่อท้อ เพื่อบรรจงข้อความทั้งหลายให้ลูกรับทราบ
จากความในใจของพ่อที่มีต่อลูก...!!!
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่ด้านบน
|
|
ตอนที่ 14
บันทึกพิเศษ (๘)
โดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร
|
|
ตอนที่ 15
บันทึกพิเศษ (๙)
โดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร
ลูกสาวคนโตชื่อ "วาสนา" คือ ครูนนทา
ส่วนลูกสาวคนเล็ก "กัลยา" คือ คุณสิริรัตน์ (ตุ๋ย)
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่ด้านบน
.
|
|
ตอนที่ 16
บันทึกพิเศษ (๑๐)
โดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร
|
|
ตอนที่ 17
บันทึกพิเศษ (๑๑)
โดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร
|
|
ตอนที่ 18
บันทึกพิเศษ (๑๒)
โดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร
|
|
ตอนที่ 19
บันทึกพิเศษ (๑๓)
โดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร
|
|
ตอนที่ 20
บันทึกพิเศษ (๑๔ จบ) โอวาทของท่านแม่
โดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร
|
|
|
|