Not logged in [Login - Register]
Go To Bottom
Printable Version | Subscribe | Add to Favourites ตั้งหัวข้อใหม่
[*] posted on 7/9/16 at 10:42 [ QUOTE ]

อ้าง "ตำราการปล่อยนก" เป็นของหลวงปู่ปานจริงหรือ?


อ้าง "ตำราการปล่อยนก" เป็นของหลวงปู่ปานจริงหรือ?


...ช่วงเดือนกันยายน 2559 ที่ผ่านนี้ มีสมาชิกแจ้งข่าวเรื่อง "พิธีการปล่อยนก" หรือ "ปฏิทินการปล่อยนก" เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ตัวเอง โดยอ้างว่าเป็น "ตำราหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค"

ด้วยเหตุนี้ จึงมีความกังขาระหว่างลูกศิษย์หลวงพ่อฯ ด้วยกัน เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นไปได้แค่ไหน เนื่องจากยังไม่เคยเห็นวัดท่าซุงเผยแพร่ตำรานี้มาก่อน

ในฐานะที่เป็นวัดของครูบาอาจารย์ หากมีตำราพิเศษอะไรก็ต้องรู้กันไปทั่ว โดยเฉพาะคนที่เคยทันหลวงพ่อก็บอกว่า ยังไม่เคยทราบพิธีนี้มาก่อนเลย

...แต่อย่างไรก็ตามเว็บวัดท่าซุงเป็นเพียงส่วนกลางเท่านั้น ขอทำหน้าที่แค่เป็นสื่อนำข้อเท็จจริงมาเล่าสู่กันฟัง ผิดถูกอย่างไร จะมาว่ามาตำหนิกันไม่ได้

เพราะข้อมูลเหล่านี้เผยแพร่เป็นหลักฐาน ทั้งหนังสือและสื่อออนไลน์มานานหลายปีแล้ว ท่านผู้อ่านสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง ว่าพอจะเชื่อถือแล้วนำไปปฏิบัติได้แค่ไหน

ถ้ายังงั้นเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ก็ขอเชิญท่านผู้อ่านติดตามต้นแบบฉบับก่อน คือตำราของหลวงพ่อวัดท่าซุง เพราะถ้าเป็นพิธีสืบเนื่องมาจากหลวงปู่ปาน ผู้เป็นครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อ ท่านก็จะต้องนำมาถ่ายทอดให้พวกเรารับทราบแล้ว

...ลองอ่านคำถาม - คำตอบดูก่อนนะ อย่าเพิ่งวิพากย์วิจารณ์ อ่านลงไปให้ครบถ้วนจนหมดข้อความ แล้วก็พิจารณาด้วยปัญญาของท่าน และไม่ควรตำหนิท่านผู้หนึ่งผู้ใด

ควรนำไปเทียบเคียงกับหลักปฏิปทาหรือพิธีกรรมใดๆ ของท่านที่ผ่านมาว่า พอจะเป็นไปได้แค่ไหน เรื่องนี้จึงขอให้คิดว่าเป็นธรรมดาของโลก

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาแล้วก็ย่อมเสื่อมลง ผลที่สุดก็ผุพังไปเป็นธรรมดาก็แล้วกันนะครับ..สาธุ


การปล่อยสัตว์


ผู้ถาม – หลวงพ่อเจ้าขา ดิฉันได้ยินมาว่าอย่างนี้ ว่าการปล่อยเต่าอายุจะยืน ปล่อยปลาเป็นการต่ออายุ ปล่อยนกเป็นการสะเดาเคราะห์ มีท่านหนึ่งเขามาบอกว่า

ชีวิตเราต้องหม่นหมองเพราะผัวระยำบ้าง เพราะเมียระเยมบ้าง เขาว่าต้องปล่อยหอยขม ชีวิตจะสดชื่น ความขมจะหมดไป ไม่ทราบว่าการปล่อยหอยขมนี่ ความขมจะหายไปและอายุจะเป็นประการใดเจ้าคะ "

หลวงพ่อ - เอาอย่างนี้นะ จะเล่านิทานให้ฟัง ตามพระสูตร ใช่ไหม.. ก็ไปนั่งอยู่ที่ใกล้ข้างหน้าพระจุฬามณี

พอพระศรีอาริย์มา เทวดากลุ่มหนึ่ง นางฟ้ากลุ่มหนึ่ง นุ่งชุดสีแดง กลุ่มหนึ่งนุ่งชุดสีเขียว กลุ่มหนึ่งนุ่งชุดสีเหลือง กลุ่มหนึ่งนุ่งชุดสีขาว เป็น ๔ กลุ่ม ก็เลยถามพระศรีอาริย์ว่า

บริวารของท่านทำไมแต่งตัวไม่เสมอกัน ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ขนาดหนัก จะเป็นพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว ท่านบอกว่า เป็นเรื่องของเขา

ในสมัยที่เขาเป็นมนุษย์เขานิยมสีแดง เขาก็ต้องมีเครื่องทิพย์เป็นพื้นสีแดง นิยมสีเขียว พื้นสีเขียว ทีนี้ถ้าปล่อยหอยขมนะ ชาติหน้าจะขื่นขมใหญ่..." (หัวเราะ)

ผู้ถาม – อ๋อ...ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น"

หลวงพ่อ - ใช่ ๆๆ"

เด็กเป็นโรคประหลาด


ผู้ถาม – กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง เมื่อเดือนที่แล้วปรากฏว่ามีเด็กหญิงคนหนึ่ง ป่วยแบบประเภทที่เรียกว่าประหลาด

คือไปหาหมอโรงพยาบาลไม่บอกอาการ เอ็กซเรย์ก็แล้ว ตรวจก็แล้ว ปรากฏว่าไม่มีโรคอะไรเลย แต่จริง ๆ แล้วเด็กเจ็บที่หัวใจเป็นอย่างมาก

ก่อนที่เด็กจะเจ็บนี้ ปรากฏว่ามีผู้ชายสองคน แต่งตัวมีเครื่องประดับมาไล่จับเด็กผู้หญิงคนนี้ บอกให้ใส่เครื่องประดับซะ จะได้กลับไปที่เดิม แต่ว่าไม่ยอมอยากกลับ อยากจะอยู่ที่นี่ต่อไป

สองเทวดาโมโหมากบอกว่าแล้วค่อยดูกันว่าใครจะแน่กว่ากัน ก็ปรากฏว่าตั้งแต่นั้นมา เด็กก็เลยเจ็บป่วยรักษาไม่หายแก้ไม่ตก หลวงพ่อขอรับ มีทางเมตตาที่จะแนะนำแก้ไขได้บ้างหรือไม่ขอรับ "

หลวงพ่อ - ไม่ยากหรอก"
ผู้ถาม – วัดนี้ไม่เคยมีอะไรยากเลยนะ"

หลวงพ่อ - ก็สบายไม่มีปัญหา... (หัวเราะ) วัดก็ไม่ยาก เท่าที่พูดมานี่น่ะ มองเห็นนก มองเห็นไก่ มองเห็นปลา ให้ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยไก่

ไม่จำกัดตัวนะ อย่างละตัวก็ได้ ใช้ได้ แล้วก็บอกว่า ขออยู่ต่อจนกว่าจะครบอายุขัย นั่นแหละเขาเป็นเจ้าของเก่า"

การปล่อยนก เราจะได้บุญไหม


ผู้ถาม - หลวงพ่อคะ ถ้าหากเราจะทำบุญด้วยการปล่อยนก เราจะได้บุญไหมคะ..?

หลวงพ่อ : ได้

ผู้ถาม - ทีนี้มาคิดดูอีกที ถ้าเราไปซื้อมาปล่อยบ่อยๆ เขาก็จะไปจับนกมาอีก อย่างนี้เรียกว่าเป็นความผิดหรือเปล่าคะ ?

หลวงพ่อ : ความคิดนี่ไม่ผิด แต่ว่าขาดดีไปนิด ถ้าเราซื้อมาปล่อยมันก็ไม่ตาย ถ้าเราไม่ซื้อมาปล่อยเขาอาจจับมาแกงก็ได้

นกตัวนั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่ฆ่าให้ตายแต่ก็เสียอิสรภาพ ถ้าเราปล่อยไปนกตัวนั้นก็พ้นจากการถูกขัง และเขาถือเป็นการให้อภัยแก่ชีวิตสัตว์เหมือนกัน

ผู้ถาม - จะไม่เป็นการส่งเสริมให้คนนั้นเขาทำบาปหรือคะ ?

หลวงพ่อ : จะไปส่งเสริมเขายังไง ถ้าเราไม่ซื้อก็ไม่เสียหายอะไร ถ้านกตัวนั้นอยู่นานๆ น่ากลัวตาคนนั้นแกแกงนะ หรือแกจะปล่อย ดีละ... ไม่มีใครซื้อ ฉันปล่อยเองก็ได้ ปล่อยลงท้องไปเลย..

ผู้ถาม - (หัวเราะ)
หลวงพ่อ : ว่าไง..จะปล่อยหรือไม่ปล่อย

โยมยิ้มไม่ตอบ หลวงพ่อจึงสรุปว่า

หลวงพ่อ : การปล่อยนกมันก็มีเมตตาส่วนหนึ่ง มันมีโอกาสให้นกเป็นอิสรภาพ นกไม่ถูกขัง และเงินที่ให้ไปเขาก็ได้เลี้ยงชีวิต เป็นอันว่าเราได้ ๒ ทาง เสียสตางค์ ๑ บาท ได้ ๒ ส่วน ดีไหม..

......ถ้าคิดว่าเราปล่อยนกอย่างเดียวเป็นการให้อภัยแก่นกเป็นเมตตาบารมี ถ้าเราซื้อนกปล่อย นกก็ไม่ถูกขัง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ตาย แต่ก็ลำบากต้องพลัดพ่อพลัดแม่ใช่ไหม

ถ้าเราซื้อคนที่ขายเขาก็ได้เงินไปใช้ให้เป็นประโยชน์ ก็เอาทั้ง ๒ ทางเลย ถือเป็นการให้ทานไป


อุปฆาตกรรม


ผู้ถาม – " หลวงพ่อคะ อุปฆาตกรรม หมายความว่าอย่างไรคะ ... ? "

หลวงพ่อ : " คำว่า อุปฆาตกรรม หมายถึงว่า กรรมที่มาตัดรอนระหว่างชีวิต คือ มันยังไม่หมดอายุขัยก็ตายเสียก่อน แทนที่จะมีอายุครบ ๖๐ ปีตามอายุขัย แต่อายุ ๓๐ - ๔๐ ปี กรรมที่เป็นอกุศลกรรม คือ ที่เราทำบาปไว้แต่ชาติก่อนด้วยจากปาณาติบาตมาตัดชีวิตเสียก่อน "

ผู้ถาม – " มีวิธีที่จะพ้นกรรมประเภทนี้ไหมคะ อย่างเช่นถ้าเราปล่อยปลา หรือ สะเดาะเคราะห์ อะไรพวกนี้แหละค่ะ ... ? "

หลวงพ่อ : " ปล่อยปลานี่เขาถือว่าตัดอุปฆาตกรรมได้ เราปล่อยสัตว์ให้รอดนี่มันจะกันได้ แต่ที่ให้หมอดูไปสะเดาะเคราะห์หมอบอกว่าต้องเสียเท่านั้นเท่านี้

พอสะเดาะเคราะห์เสร็จหมอหมดเคราะห์ไป ๓-๔ หมื่น คนที่สะเดาะเคราะห์เพิ่มเคราะห์ไป ๓-๔ หมื่น เป็นไง ... เราก็เอาแบบของเรานั่นแหละ ได้ผลแน่นอนกว่า "

ผู้ถาม – " ปล่อยปลาอะไรดีคะ ... ? "

หลวงพ่อ : " เขาไม่จำกัดว่าปลาอะไร แต่ว่าปลานั้นจะมันต้องไม่ตาย ต้องเป็นปลาที่มีชีวิต "

ผู้ถาม – " บางคนเขาก็บอกว่า ปลาที่เราปล่อยแล้วจะทานไม่ได้ใช่ไหมคะ ... ? "

หลวงพ่อ : " ถ้าปลานั้นมันจะต้องตาย เราก็เอาไปปล่อยเพื่อเป็นการช่วยชีวิต จะเป็นปลาอะไรก็ตาม สัตว์อะไรก็ตาม

เราปล่อยให้มันรอดชีวิตเป็นเมตตาจิตใช่ไหม จะต้องไปนั่งเลือกทำไม บางคนเลือกปล่อยปลานั้นปลานี่ บางทีปลาไม่ค่อยจะตายก็ปล่อย "

ผู้ถาม – " แล้วเราจะปล่อยแทนคนอื่นได้ไหม ... ? "

หลวงพ่อ : " ได้ ... แต่ว่าเขาไม่มีผลนะ "

ผู้ถาม – " ถ้าเราปล่อยแล้ว เราอุทิศส่วนกุศลได้ไหมคะ ... ? "

หลวงพ่อ : " ถ้าเขายังไม่ตาย ไปอุทิศส่วนกุศลเขาจะได้รับยังไงล่ะ เราเอาแบบนี้ซิ เราก็เอาปลาไปให้เขาซิ บอกว่าตั้งใจปล่อยปลานะ

ฉันหาปลามาปล่อยให้ปลามันรอดชีวิต เท่านั้นแหละถ้าเขาอนุโมทนา คือ ยินดีด้วยความเต็มใจ เป็นอันว่าเราปล่อยสัตว์ด้วยมีจิตเมตตา

คิดจะช่วยให้รอดพ้นจากการถูกขังก็ดี เห็นว่ามันจะต้องตายก็ดี อันนี้เป็นของดี เป็นการช่วยชีวิตเขา และเราก็รอดพ้นจากอุปฆาตกรรมด้วย



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 7/9/16 at 15:05 [ QUOTE ]


ปกิณกะธรรม

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง)


๑. หนี้กรรมการฆ่าสัตว์

ให้จำไว้ด้วยว่า สัตว์ทุกประเภทเนื้อแท้จริง ๆ เขาเป็นคน อาศัยคนที่ทำความชั่วทำตัวให้ตกในบาปอกุศล เมื่อตกอบายภูมิคือนรกมาแล้ว ผ่านนรก ผ่านเปรต ผ่านอสุรกายมาแล้วก็มาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นการชำระกรรมหนักขั้นสุดท้าย แต่ว่าไม่ใช่ชีวิตเดียวนะ

ชำระกรรมหนักขั้นสุดท้ายนี้ไม่ใช่ครั้งเดียว เคยฆ่าปลามากี่ตัวต้องเกิดเป็นปลาให้เขาฆ่าเท่านั้นครั้ง หนักใจตรงเกิดเป็นยุงละซี่ จำไม่ได้ถือว่าต้องใช้ชีวิตตามที่ฆ่าเขา พวกทำได้กำไรที่สุดคือพวกเรือตังเก โอ้โฮ วันหนึ่งแกล่อเป็นลำ ๆ เลย ไปเห็นใจหายวาบ ไอ้สัตว์ทุกประเภทก็คือคน ก็รวมความว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกันใช่ไหม ร่างกายเต็มไปด้วยความสกปรกโสโครก แล้วก็รักสุข เกลียดทุกข์เหมือนกัน

๒. อายุขัยและวิธีต่ออายุ

การต่ออายุก็ต้องทำให้มันถูก ถ้าทำไม่ถูกแล้วก็เสียเงินเปล่า ถ้าบังเอิญเป็นอายุขัยต่อเท่าไรก็ไม่สำเร็จผล เพราะเชื้อไฟเดิมดับ หมดบุญบารมีที่ทำมา การหมดบุญบารมีนั้นแม้อายุขัยก็ไม่แน่ บางคนเป็นเด็กก็หมดอายุขัย บางคนเป็นหนุ่มเป็นสาว บางคนวัยกลางคนบางคนก็ถึงวัยแก่ อายุขัยนี่ไม่แน่นอนนัก คำว่าอายุขัยนี่หมายความว่า ก่อนที่จะเกิดกฎของกรรมดีหรือกรรมชั่ว กำหนดชีวิตให้มาเท่าไร ถ้ากำหนดชีวิตมา ๒๐ ปี ก็ต้องแค่ ๒๐ ปี ๑๐ ปี ก็ต้อง ๑๐ ปี ๓ วันก็ต้อง ๓ วัน นี่เป็นอายุขัย ต่อไม่ได้ ถ้าตายก่อนนั้นเขาเรียกอุปฆาตกรรม หรือว่าอกาลมรณะ อย่างนี้ต่อได้

และถ้าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายจะต่ออายุแบบนี้ก็ต่อมันทุกวันก็หมดเรื่องกัน วิธีต่อทุกวันก็หมายความว่า ให้ทุกท่านมีความเคารพในพระรัตนตรัย คือพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์อย่างจริงจัง และต้องเว้นจากกรรมที่เป็นปาณาติบาต ถ้ามีเวลาเดินผ่านไปมีใครเขาหาปลาหาเต่าที่เขาจะฆ่ามันให้ตาย ก็ซื้อพอกำลังที่เราจะซื้อได้แล้วก็นำไปปล่อยในที่ปลอดภัย ไม่ใช่ปล่อยในหม้อข้าวหม้อแกงของเรานะ ไปปล่อยในสถานที่ที่เขาจะมีความสุขในแม่น้ำก็ได้ ในหนองคลองบึงก็ได้ ปล่อยให้เขารอดชีวิต

๓. วิธีต่ออายุป้องกัน อุปฆาตกรรม

ตามวิธีโบราณจารย์ ท่านสอนไว้อย่างนี้นะว่า วิธีต่ออายุใหญ่ คือถึงปีหนึ่งถ้าเป็นวันเกิดหรือเป็นวันสำคัญของเรา วันไหนก็ได้ ทำกับข้าวทำอาหารพิเศษตามที่เราพอใจเท่าที่ทุนจะพึงมี จัดการใส่บาตรแก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา แล้วก็ถ้าหากว่ามีเงิน ก็สร้างพระพุทธรูปสักองค์

พระพุทธรูปนี้จะเป็นพระดินเหนียวก็ได้ พระปูนซีเมนต์ก็ได้ เป็นปูนพลาสเตอร์ก็ได้หรือพระโลหะก็ได้ไม่จำกัด เพราะเป็นรูปพระแล้วมีอานิสงส์เสมอกัน แต่ต้องมีหน้าตักไม่น้อยกว่า ๔ นิ้ว ถวายไว้เป็นสมบัติของสงฆ์

หลังจากนั้นก็เอาสัตว์ที่จะพึงถูกฆ่าตาย อย่างที่เขานำเอามาขายเพื่อแกง หรือที่เขาทอดแหสุ่มปลาได้ ถ้ามีสตางค์ก็ไปซื้อเขาสักตัวสองตัวตามกำลังแล้วปล่อยไป และก็อุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร และเทวดาที่ปกปักรักษาชีวิตเรา

ท่านบอกว่าถ้าทำอย่างนี้เป็นนิจ คำว่าอุปฆาตกรรม คือกรรมที่เข้ามาลิดรอนก่อนอายุขัยก็ดี และอกาลมรณะการที่จะตายก่อนอายุขัยก็ดี จะไม่มีสำหรับผู้ที่ทำแบบนี้ แต่ทว่าถ้ากรรมอย่างนี้เข้ามาถึง แค่ป่วยไม่มากก็เป็นของธรรมดา


๔. วิธีช่วยคนป่วยใกล้ตาย

การช่วยคนป่วยหนักจริง ๆ อย่าปล่อยให้หนักจนกระทั่งไม่มีความรู้สึกตอนที่สติยังดีอยู่ให้นิมนต์พระไปสวดสักครั้งหนึ่ง ไม่ใช่สวดพระอภิธรรมแต่เป็นการสวดพระปริตร วงสายสิญจน์ล้อมรอบ ถ้าผู้ป่วยจะต้องตายเพราะสิ้นอายุขัยก็ต้องตายแน่ สายสิญจน์ป้องกันไม่ได้ แต่ว่าถ้าท่านผู้นั้นจะตายอย่าลืมว่าคนป่วยก็เหมือนคนที่ตกน้ำ ว่ายน้ำไม่เป็น เราส่งอะไรให้เกาะเขาก็จะเกาะส่งไม้ให้เกาะเธอก็เกาะ ส่งสุนัขเน่าให้เกาะเธอก็เกาะ เพราะต้องการมีชีวิตอยู่ก็เช่นกันถ้าคนป่วยเห็นพระสวดพระปริตร

ก่อนสวดมีการสมาทานศีลจิตของคนป่วยในตอนนั้นก็จะรับสมาทานศีลด้วยสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์ทำให้เป็นคนที่มีศีล เวลาที่มีการสวดพระปริตรจิตก็จะฟังพระสวดด้วยความเคารพจิตจะยึดอยู่กับพระ หลังจากพระกลับแล้วจิตจะจับอารมณ์นั้นตลอด ในขณะป่วยไม่มีโอกาสทำลายศีล เพราะกำลังป่วยไม่สามารถจะไปฆ่าใครหรือไปลักขโมยใคร ถือว่าเป็นคนป่วยที่มีศีลบริสุทธิ์ ถ้ามีการถวายทานด้วยไม่ว่าทานนั้นจะเป็นธูปเทียน ดอกไม้ ปัจจัยหรือโภชนาหารก็ตามถือว่าเป็นการถวายทานแก่พระสงฆ์ กำลังของทานจะช่วยคนป่วยได้อีกแรงหนึ่ง

อีกประการหนึ่ง ด้านอนุสสติ ถ้ามีพระพุทธรูปด้วย จิตของเธอจะจับพระพุทธรูปเป็นพุทธานุสสติ จำเสียงสวดมนต์เป็นธรรมานุสสติ การนึกถึงพระสงฆ์ที่สวดก็เป็นสังฆานุสสติ ถ้าเป็นอายุขัยที่จะพึงตาย บาปกรรมใด ๆ ที่ทำมาแล้วในกาลก่อนจะไม่มีโอกาสให้ผลในเวลานั้นเหลือแต่บุญอย่างเดียว ที่จะประคับประคองคนนั้นให้ไปสวรรค์ ไปพรหมโลก หรือไปนิพพาน

๕. อานิสงส์การถวายสังฆทาน

การถวายสังฆทาน ๑ ครั้งในชีวิตและถวายด้วยจิตที่บริสุทธิ์มีศรัทธาแท้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า ผลของสังฆทานนี้จะดลบันดาลให้แก่บุคคลผู้ถวายเกิดไปทุกชาติขึ้นชื่อว่าความยากจนเข็ญใจไม่มี ในแดนใดที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากลำบากขัดสนคนที่ถวายสังฆทานแล้วจะไม่ไปเกิดที่นั่น ผลที่ให้ไปไกลมาก กล่าวว่าแม้แต่พระพุทธญาณเองก็ยังไม่เห็นผลที่สุดของการถวายสังฆทาน

คำว่าไม่เห็นที่สุดของการถวายสังฆทาน หมายความว่าแม้แต่บุคคลผู้เป็นเจ้าของสังฆทาน บำเพ็ญบารมีแล้วเกิดไปอีกกี่แสนชาติก็ตาม จนกระทั่งเข้าพระนิพพาน อานิสงส์นั้นก็ยังไม่หมด นี่เป็นอำนาจของการถวายสังฆทาน

ทีนี้การถวายทานแก่พระ มีผลไม่เสมอกันอยู่อย่างหนึ่ง คือหมายความว่า ถวายทานแก่พระที่มีจิตกำลังฟุ้งซ่านไปด้วยอำนาจของนิวรณ์ ๕ ประการอย่างนี้ เราถวายกี่หมื่นกี่แสนอานิสงส์ก็ไม่มาก จะถวายสักเท่าไรอานิสงส์ได้แต่ว่าไม่มาก

ถ้าหากว่าถวายแก่ท่านผู้ปฏิบัติกรรมฐาน ถ้าหากเข้าถึงจิตบริสุทธิ์ เรื่องบริสุทธิ์แค่ไหนก็ช่าง อย่างน้อยที่สุดก็มี ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิบางท่านก็เข้าถึงฌานสมาบัติ บางท่านก็เป็นพระอริยเจ้าก็เข้าถึงผลสมาบัติเป็นต้น อย่างนี้มีผลมาก

๖. วิหารทาน (การก่อสร้างถาวรวัตถุ)

พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าการถวายทานกับพระองค์เอง ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายสังฆทาน ๑ ครั้ง ถวายสังฆทาน ๑๐๐ ครั้งมีผลไม่เท่ากับถวายวิหารทาน ๑ ครั้ง นี่พระพุทธเจ้าท่านตรัสอย่างนี้

แต่มีบางท่านบอกว่า พระนี่ไม่น่าจะทำการก่อสร้าง ควรจะสอนคนให้เป็นพระหรือสอนให้เป็นคน สอนคนให้เป็นคนน่ะไม่ต้องไปสอนเขาเขาเป็นคนกันอยู่แล้ว ทีนี้สอนคนให้เป็นมนุษย์น่ะสอนยาก สอนคนให้เป็นพระนี่สอนยาก ในเมื่อญาติโยมพุทธบริษัทมีใจเป็นพระขึ้นมาทำไมจะต้องลิดรอนกำลังใจกัน เพราะการก่อสร้างเป็นความดีของญาติโยม การทำบุญทุกอย่างเป็นเรื่องของพระ ถ้าคนจิตใจไม่ถึงพระนี่ทำบุญไม่ได้เลย

๗. วัตถุมงคล

การแจกพระบางท่านอาจจะคิดว่าไม่มีผลหรือทำให้คนติดวัตถุ ถ้าถือว่าเป็นวัตถุก็น่าติแต่ถ้าถือว่าเป็นพระก็ต้องคิด ที่พ่อแจกพ่อไม่เคยโฆษณาว่าพระที่พ่อแจกไปมีอานุภาพอะไรมีความต้องการอยู่อย่างเดียวคือ ให้คนมีความรู้สึกว่ามีพระอยู่ที่ตัว อารมณ์ที่รู้สึกว่ามีพระอยู่กับตัวอารมณ์ย่อมเป็นกุศล กุศลนิดหน่อยถ้ามีความรู้สึกบ่อย ๆ สามารถทำให้คนที่ตายไปแล้วจิตนึกถึงพระอยู่เสมอ อย่างเบาก็เกิดเป็นเทวดา อย่างกลางก็เกิดเป็นพรหม อย่างสูงก็ไปนิพพาน

แบบพ่อค้าที่หวังกำไรน้อย แต่ได้บ่อย ๆ ก็รวยได้ฉันนั้น แต่ทว่าความรู้สึกนึกคิดของคนอื่นเป็นอย่างไรนั้น พ่อไม่คำนึง คำนึงอย่างเดียว คือสงเคราะห์คนบารมีอ่อน คนที่มีบารมีเป็นปรมัตถบารมี พ่อไม่ห่วง พวกนั้นท่านไม่ต้องเกาะราวหรือไม้เท้าก็เดินไหว สำหรับคนที่บารมีอ่อน ยังต้องเกาะราวและไม้เท้า จึงต้องอาศัยวัตถุ คือพระพุทธรูปสงเคราะห์


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 9/9/16 at 10:46 [ QUOTE ]


"คำถาม" ที่ทำให้คนอ่านเข้าใจ "ผู้ตอบ" คลาดเคลื่อนไป


........ตามคำสนทนาที่ได้ลงในเว็บไซด์ต่างๆ ผู้ที่ลงคำถาม - คำตอบนั้น โดยอ้างหลวงพ่อฤาษีลิงดำในคำสนทนาบางตอน จะสังเกตได้ว่ามีการลงแต่ข้อมูลเท่านั้น ส่วนผู้อ่านได้อ่านแล้วก็เกิดความสับสนเป็นธรรมดา จึงพากันคัดลอกข้อมูลออกไปโพสในเว็บอื่น ความคลาดเคลื่อนในถ้อยคำเช่นนี้ อาจจะไม่มีเจตนาของผู้พิมพ์ต้นฉบับ หรือผู้ที่คัดลอกออกไปก็ดี แต่ก็เกิดความเสียหายต่อองค์หลวงพ่อเป็นอย่างมาก เพราะผู้อ่านที่ไม่ทันสมัยหลวงพ่อก็อาจจะเข้าใจว่า หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงแนะนำแบบนี้ ทั้งๆที่อาจจะไม่ตั้งใจบิดเบือนคำสอน แต่เหตุการณ์ก็พาไปให้คนภายหลังเข้าใจเป็นแบบนั้น ต่างก็คิดว่าหลวงพ่อสอนเอาไว้ ทั้งที่หลักฐานต่างๆ จากวัดท่าซุงไม่มีการแนะนำเช่นนี้

ฉะนั้น ท่านผู้อ่านทางสื่อออนไลน์ควรจะค้นคว้าหาข้อมูลที่เป็นจริง และมีบรรทัดฐานพอจะเชื่อถือได้ แล้วช่วยกันชี้แจงความจริงให้ประจักษ์ ทั้งนี้ควรกระทำด้วยความหวังดี เพราะทุกคนต่างก็มุ่งแสวงหาบุญกุศล เพียงแต่บางอย่างไม่ตรงกับคำสอนของหลวงพ่อฯ ในบางประเด็นเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมดนะ ช่วยกันแยกแยะด้วย เพื่อช่วยกันรักษาคำสอนคำแนะนำหรือพิธีกรรมของท่านไว้ให้ได้มาตรฐานแห่งความเป็นจริงตลอดไป นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของทีมงานนะครับ และขอนำตัวอย่างอีกเว็บหนึ่งที่คัดลอกข้อความออกไปเช่นกัน แต่คัดออกไปไม่หมด มีการตัดตอนเบื้องต้น ลองเทียบเคียงกันดูนะครับ ระหว่างเว็บต้นฉบับกับเว็บที่คัดลอกไป เทียบกันคำต่อคำเลยก็ได้ (ทีมงานฯ ขอเน้นข้อความที่อักษรตัวหนา ให้เห็นชัดเจน)

http://www.sabiangbunpublishing.com/article/41/เพิ่มบุญกุศลและความสะดวกให้ชีวิตด้วยการปล่อยสัตว์

......การปล่อยสัตว์นั้นเป็นเรื่องที่คนไทยเรานิยมทำกันอยู่แล้ว ยิ่งกับผู้ที่ได้ทำบาปทำกรรมหนักๆ มาเช่น ทำแท้งบุตร คือได้ก่ออุปฆาตกรรม ยิ่งควรต้องทำเพื่อบรรเทาเบาบางกรรมที่ทำไว้

การปล่อยสัตว์นั้นมีอานิสงส์หลายอย่าง โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เคยเมตตาสอนเรื่องอานิสงส์ของการปล่อยสัตว์เอาไว้ว่า

......." เรื่องของการ ปล่อยปลา ถ้าทำเป็นประจำจะมีความเป็นอยู่คล่องตัว คนอื่นเขาลำบากแค่ไหนเราก็ไปได้เรื่อย เหมือนปลาที่แถกเหงือกไปเรื่อยๆ เพื่อไปหาที่อยู่ใหม่ แต่นี่เราปล่อยลงแม่น้ำใหญ่ ก็ยิ่งสบายใหญ่เลย

การ ปล่อยไก่ จะตัดเคราะห์กรรมใหญ่ได้ แต่ถ้า เคราะห์กรรมประเภทอุปฆาตกรรมหนักจะถึงแก่ชีวิต ให้ปล่อยพวก วัวหรือควาย ที่ว่ามานี้ถ้าได้สัตว์ประเภทที่เขากำลังจะฆ่าได้ก็ยิ่งดี เพราะว่าเท่ากับ "ใช้ชีวิตแลกกัน" เรื่องของการปล่อยสัตว์นอกจากได้เมตตาบารมีแล้ว ยังมีอานิสงส์พิเศษที่ว่ามาอีกด้วย

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเคยไปเจอ ปูทะเล แล้วปล่อยไป ท่านบอกว่า หลวงปู่พระครูโวทานธรรมาจารย์ วัดดาวดึงษาราม ฝั่งธนบุรี เป็นอาจารย์สอนเทศน์ของหลวงพ่อท่าน เคยปล่อยปูด้วยความสงสาร

ท่านบอกว่า "ไอ้ปูอีปูเอ๊ย..ข้าจะไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้า พวกเอ็งไม่ต้องตามไปเกิดเป็นบริวารของข้าหรอกนะ ข้าปล่อยพวกเอ็งไม่ได้ต้องการให้พวกเอ็งไปเป็นบริวารของข้า ข้าปล่อยพวกเอ็งเพราะต้องการให้พวกเอ็งพ้นทุกข์เท่านั้น"

ปูโดนมัดมาทั้งวัน บางตัวพอตัดเชือกออกมาขาหลุดหมดเลย คนเรานั่งนิ่งๆ ท่าเดียวก็แย่แล้ว แต่นี่โดนมัดด้วย ปรากฏว่าพอหลวงปู่ท่านปล่อยปูไปไม่นาน อาการที่ท่านเคยปวดหลังเมื่อยเอวอยู่ๆ ก็หายไปเฉยๆ

หลวงพ่อท่านก็เลยคิดขึ้นมาได้ว่า น่าจะเป็นอานิสงส์ของการปล่อยปูให้พ้นจากการโดนมัด ท่านก็เลยเอามาเล่าให้ลูกศิษย์ฟัง หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็จำไว้ ถึงเวลาหลวงพ่อท่านก็มาปล่อยบ้าง

เพราะฉะนั้น..เรื่องของการปล่อยสัตว์ บางทีอานิสงส์พิเศษบางอย่างก็มีชนิดที่เรานึกไม่ถึง แต่ถ้าเกี่ยวกับข้าวของที่สูญหายหรือเสียหาย ก็ให้ "ปล่อยนกแทน ปล่อยเดือนละตัวสองตัวก็ได้"

การปล่อยชีวิตสัตว์อย่าไปต่อราคาปล่อยแล้วก็ปล่อยไปเลยเพราะเงินนั้นหาใหม่ได้ แต่อิสรภาพของเขานั้นเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง

ขอบุญกุศลแห่งการช่วยชีวิตสัตว์เหล่านี้จงรักษาคุ้มครองท่าน ผู้ใดสร้างกรรมหนักมา ขอให้กรรมนั้นบรรเทาเบาบาง ขอให้เกิดกำลังใจในการทำความดียิ่งๆ ขึ้นไปเพื่อให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายยกโทษให้ ให้กรรมชั่วที่เคยพลาดพลั้งไปตามกรรมดีที่ทำไม่ทัน


.....ส่วนเว็บต้นฉบับ เป็นการระบุของผู้ถามว่า "ถาม" ส่วนผู้ตอบ ระบุว่า "ตอบ" โดยไม่ชี้แจงผู้ตอบว่าเป็น "หลวงพี่" หรือ "หลวงพ่อ" ซึ่งมีข้อความดังนี้ (เน้นที่ "อักษรตัวหนา" เช่นกัน)

http://board.palungjit.org/f61/อานิสงส์พิเศษของการปล่อยสัตว์ชนิดต่างๆ-330574.html

ถาม : ที่ หลวงพ่อฤๅษี เคยบอกว่า คนผิดศีลข้ออทินนาทาน กฎแห่งกรรมก็คือทรัพย์สมบัติที่มีจะถูกทำลายโดยภัยธรรมชาติ หรือภัยต่างๆ ในกรณีที่เพื่อน ๆ ผมที่ทำงานถูกน้ำท่วม และทรัพย์สินเสียหาย ควรจะมีการชักชวนเขามาชำระพระหนี้สงฆ์ ไม่ทราบว่าผลจะตรงหรือไม่ครับ ?

ตอบ : สิ่งที่เราทำเป็นความดีใหญ่ แต่ผลไม่ตรง เพราะว่าทรัพย์สินเสียหายเกิดจากกรรมเก่าที่เราสร้างมาในอดีต ส่วนบุญใหม่ที่เราสร้างในปัจจุบันเป็นส่วนของบุญ บุญกับกรรมนี่ต่างคนต่างอยู่ ถึงเวลาต่างคนต่างให้ผล เพราะฉะนั้น..ทำไว้ดีกว่าไม่ทำ แต่ไม่ใช่การแก้กันโดยตรง

ในเรื่องของการสูญเสียทรัพย์สิน มีเคล็ดลับง่ายๆ ว่าให้ปล่อยนกบ่อยๆ สักเดือนละตัวสองตัวก็ได้ ถ้าปล่อยนกจะป้องกันในเรื่องของการสูญเสียทรัพย์สินได้ เพราะถึงเวลานกบินไปแล้วไปลับ ก็ปล่อยนกไปแทน จริงๆ โบราณเขาเก่งเหมือนกัน การปล่อยสัตว์อย่าง ปล่อยนก จะมีอานิสงส์พิเศษคือป้องกันเรื่องข้าวของสูญหาย ทรัพย์สินเสียหาย

เรื่องของการ ปล่อยปลา ถ้าทำเป็นประจำจะมีความเป็นอยู่คล่องตัว คนอื่นเขาลำบากแค่ไหนเราก็ไปได้เรื่อย เหมือนปลาที่แถกเหงือกไปเรื่อยๆ เพื่อไปหาที่อยู่ใหม่ แต่นี่เราปล่อยลงแม่น้ำใหญ่ ก็ยิ่งสบายใหญ่เลย

การ ปล่อยไก่ จะตัดเคราะห์กรรมใหญ่ได้ แต่ถ้า เคราะห์กรรมประเภทอุปฆาตกรรมหนักจะถึงแก่ชีวิต ให้ปล่อยพวก วัวหรือควาย ที่ว่ามานี้ถ้าได้สัตว์ประเภทที่เขากำลังจะฆ่าได้ก็ยิ่งดี เพราะว่าเท่ากับใช้ชีวิตแลกกัน เรื่องของการปล่อยสัตว์นอกจากได้เมตตาบารมีแล้ว ยังมีอานิสงส์พิเศษที่ว่ามาอีกด้วย

หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านเคยไปเจอ ปูทะเล แล้วปล่อย อาตมาเรียนถามว่ามีอานิสงส์พิเศษอะไรครับ ? ท่านบอกว่า หลวงปู่พระครูโวทานธรรมาจารย์ วัดดาวดึงษาราม ฝั่งธนบุรี เป็นอาจารย์สอนเทศน์ของหลวงพ่อท่าน เคยปล่อยปูด้วยความสงสาร ท่านบอกว่า "ไอ้ปูอีปูเอ๊ย..ข้าจะไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้า พวกเอ็งไม่ต้องตามไปเกิดเป็นบริวารของข้าหรอกนะ ข้าปล่อยพวกเอ็งไม่ได้ต้องการให้พวกเอ็งไปเป็นบริวารของข้า ข้าปล่อยพวกเอ็งเพราะต้องการให้พวกเอ็งพ้นทุกข์เท่านั้น"

ปูโดนมัดมาทั้งวัน บางตัวพอตัดเชือกออกมาขาหลุดหมดเลย คนเรานั่งนิ่งๆ ท่าเดียวก็แย่แล้ว แต่นี่โดนมัดด้วย ปรากฏว่าพอหลวงปู่ท่านปล่อยปูไปไม่นาน อาการที่ท่านเคยปวดหลังเมื่อยเอวอยู่ๆ ก็หายไปเฉยๆ หลวงปู่ท่านก็เลยคิดขึ้นมาได้ว่า น่าจะเป็นอานิสงส์ของการปล่อยปูให้พ้นจากการโดนมัด ท่านก็เลยเอามาเล่าให้ลูกศิษย์ฟัง หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็จำไว้ ถึงเวลาหลวงพ่อท่านก็มาปล่อยบ้าง

เพราะฉะนั้น..เรื่องของการปล่อยสัตว์ บางทีอานิสงส์พิเศษบางอย่างก็มีชนิดที่เรานึกไม่ถึง แต่ถ้าเกี่ยวกับข้าวของที่สูญหายหรือเสียหาย ก็ให้ปล่อยนกแทน ปล่อยเดือนละตัวสองตัวก็ได้ อาตมาเองถ้าไป วัดเชียงมั่น ที่เชียงใหม่ ไปไหว้พระแก้ววัดเชียงมั่น ก็จะปล่อยนกเขา เพราะว่าตรงนั้นจะมีนกเขาให้ปล่อย ที่อื่นไม่เคยเจอ

ไปถึงก็ต่อรองราคากันสนุกสนานเฮฮา ตอนหลังเขาจำได้แล้ว ไปถึงเขาก็วิ่งมาให้ปล่อยเลย แรกๆ เขาก็ถาม "ปล่อยนกบ่เจ้า" อาตมาบอกว่า "นกชนิดนี้ไม่ปล่อยหรอก ชอบกินมากกว่า" ญาติโยมก็หัวเราะกันสนุกสนานเฮฮา แรกๆ จะขายตัวละ ๑๕๐ บาท ต่อไปต่อมาเหลือแค่ตัวละ ๘๐ บาท หายไปครึ่งหนึ่ง อย่าไปเชื่อเขานะว่าปล่อยชีวิตสัตว์แล้วต่อราคาไม่ได้ ต่อไปเถอะ..เพราะเงินที่เหลือเราเอามาซื้อปล่อยเพิ่มได้


.....ข้อความที่เน้นอักษรตัวหนาทั้งสองเว็บไซด์นี้ จะเห็นว่าผู้ตอบเพียงแค่นำคำบอกเล่าของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาประกอบเท่านั้น แต่ผู้คัดลอกออกไปเหมาเอาว่าเป็นคำของหลวงพ่อฤาษีลิงดำทั้งหมด นี่เป็นตัวอย่างของการผิดพลาดทางข้อความ ทำให้ความหมายถูกบิดเบือนไปด้วยทั้งหมด จากการสื่อทางออนไลน์ที่ไม่ได้ตรวจสอบก่อนที่จะนำลงไปพิมพ์ หรือนำการแชร์ต่อๆ กันไปโดยไม่ได้ตรวจข้อความให้ถ้วนถี่เสียก่อน ความเสียหายย่อมเกิดขึ้นกับครูบาอาจารย์เป็นธรรมดา โดยเฉพาะความเห็นที่ว่า

".....อย่าไปเชื่อเขานะว่าปล่อยชีวิตสัตว์แล้วต่อราคาไม่ได้" ตัวผู้ตอบเองอาจจะไม่ได้ยินคำพูดของหลวงพ่อฯ แต่มีผู้ยืนยันว่าเคยได้ยินกับหูตนเอง หลวงพ่อเคยบอกที่บ้านสายลมว่า

".....เวลาไปซื้อปลามาปล่อย เขาบอกราคาเท่าไหร่ก็ซื้อมาเลย แกไม่ต้องไปต่อรองกับเขาให้เสียอารมณ์นะ"


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 15/9/16 at 10:44 [ QUOTE ]


.......ขออนุโมทนา คุณอุทยัพ ที่ได้คัดลอกข้อความออกไปโพสต์ต่อตามลิงค์นี้นะครับ

ทางเว็บไซต์วัดท่าซุงออกประกาศเกี่ยวกับเรื่องข้อสงสัยเรื่องการปล่อยนกออกมาแล้วครับ
http://board.palungjit.org/10124427-post9117.html

แต่ทว่าคัดลอกข้อมูลออกไปไม่ครบถ้วน อาจจะเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้ ถ้าอย่างไรก็ตาม ท่านใดจะคัดลอกออกไป ควรจะอ้างอิงลิงค์ของเว็บไซด์วัดท่าซุงด้วยจะเป็นการดี เพื่อให้ผู้อ่านได้ใช้วิจารณญาณอย่างสมบูรณ์แบบนะครับ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 8/9/18 at 09:28 [ QUOTE ]


.

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
ตั้งหัวข้อใหม่

Go To Top