(เหาะ)
สมเด็จพระพุทธสิขี
ทรงสั่งสมบารมีปรีชาหาญ
พุทธการกะพระโพธิญาณ
นานสี่สิบอสงไขยกำไรมี
น้ำพระทัยเมตตาปรานี
ชี้แสดงแจ้งใจเวไนยชน
(เทวาประสิทธิ์)
เป็นสัตตูปการสัมปทา
ที่ตั้งแห่งศรัทธาบุญกุศล
ของบรรดาประชาชีนิกรชน
ยามร้อนรนได้พึ่งพระกรุณา
พระองค์คือสมเด็จองค์ปฐม
บรมครูของพระพุทธศาสนา
ได้สืบทอดอริยวงศ์พระศาสดา
มาถึงกาลปัจจุบันเวลา
(เวสสุกรรม)
จบพานธูปเทียนบุปผชาติ
ขึ้นหว่างกลางนลาฏเกศา
สำรวมจิตระลึกคุณพระกรุณา
น้อมกราบแทบบาทาพระสุคต
องค์สมเด็จพระสิขีบรมนาถ
ปิ่นปราชญ์ปรีชาปรากฏ
ต้นพระพุทธวงศ์ทรงยศ
กำหนดพุทธศาสน์แต่โบราณ
(สะสม)
บูชาพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
ย่อมดำรงศักดามหาศาล
บูชาพระธรรมโอฬาร
ได้ปัญญาญาณสราญใจ
บูชาพระสงฆ์ทรงศีลคุณ
เนื้อนาบุญโภคทรัพย์อสงไขย
ลูกนบกราบพระรัตนตรัย
ด้วยใจเคารพบูชา
(บรเทศ)
ขอน้อมกราบถวายอภิวาท
พระราชพรหมยานนาถา
พระคุณยิ่งกว่าบิดา
ผู้ก่อกายาของลูกนี้
ท่านได้สั่งสอนอบรม
ให้รู้คุณองค์ปฐมชินศรี
อนุศาสน์อุบายบรรดามี
ลูกนี้ได้แจ้งประจักษ์ใจ
ข้าฯ ไหว้พรหมเทพเทวา
ทั่วทุกชั้นฟ้าอาศัย
ขอจงได้โปรดช่วยอำนวยชัย
ให้การสำเร็จดังปรารมภ์ ฯ
(ต้นวรเชษฐ์)
ครั้งนี้ข้าฯจัดพิธี
หล่อพระพุทธสิขีองค์ปฐม ด้วยทองนพคุณนิยม ค่าสมควรคู่ดินฟ้า
ขอทุกองค์จงโปรดบริบาล ให้งานสัมฤทธิ์สมปราถนา
ให้ได้พระทองคำงามสุดตา ดังอินทรามาเนรมิตไว้
(บรเทศ)
ขอทุกท่านที่มาร่วมงาน จงสุขสำราญผ่องใส
ทุกข์โศกโรครานพาลภัย
จงดับสิ้นไปแต่บัดนี้
หวังใดได้สมจินตนา ขอวัฒน์เจ็ดจงมาเฉลิมศรี
ทำสิ่งใดสำเร็จสวัสดี
มีเกียรติเกริกหล้าธาตรี
(มอญแปลง)
งามปะรำราชวัติฉัตรตั้ง งามสะพรั่งบุปผชาติสะอาดศรี
งามหุ่นวิจิตรรูจี
งามดั่งท้าวโกสีย์สฤษฏ์ไว้
งามธูปเทียนทองเครื่องบูชา งามสง่าธงทิวปลิวไสว
งานกระบวนแห่แหนแน่นไป
งามวิไลวาทยะจังหวะจร
งามพลังศรัทธาบรรดาศิษย์ งามวิจิตรแต่งองค์ดังอัปสร
งามสรรพพิธีบวร
งามพรเทพซร้องอำนวยชัย
(มหาชัย)
ครั้นได้มหามหุติฤกษ์ ให้เบิกเบ้าทองผ่องใส
สมเด็จพุฒาจารย์สำรวมใจ หย่อนแผ่นทองลงในเบ้านั้น
พระสงฆ์เจริญชยันโต โพธิยา มูเล เสียงสนั่น
ปี่พาทย์สาธุการขึ้นพร้อมกัน เสียงฆ้องชัยลั่นกังวานไกล
(ช้างประสานงา)
บรรดาเหล่าศิษย์ทั้งหมด จิตกำหนดพุทโธที่เบ้าใหญ่
กรรพุมมือจับสายสูตรไว้ น้อมใจบังคมพระสุคต
ช่างทองค่อยเชิญน้ำทอง ประคองเทในพิมพ์ตามกำหนด
ได้เสร็จสมดังมโนรถ ทั้งหมดแสนเกษมเปรมใจ
(สารถี)
พระเอยพระทอง เรืองรองรัศมีสีใส
งามองค์ปางมารวิชัย งามพักตรพิไลพรายปรานี
งามกรงามศองามเนตร งามเกศเลสองค์พระชินศรี
ประทับนั่งบนบรรลังก์รูจี ประดับดวงมณีงามงด
พ่างพื้นฐานบัทม์ปัทมาสน์ วาดลายก้านแย่งแข้งสิงห์ขด
เลื่อมล้วนแก้วร้อยช้อยชด ผ้าทิพย์ชมพูนทพรรณราย
เรือนแก้วนาคเกี่ยวกระหวัดรอบ กรอบฝังเพชรรัตน์เฉิดฉาย
พระรัศมีทุกแฉกฉลักลาย แลคล้ายรังสีทินกร
(เต่ากินผักบุ้ง)
แม้นใครได้มากราบไหว้ ยึดไว้เป็นสติอนุสรณ์
ผู้นั้นจักจำเริญบวร สถาพรเป็นสุขสืบไป
ด้วยเดชานุภาพพระพุทธคุณ นำหนุนให้จิตผ่องใส
หากแม้นชีพดับสิ้นไป หมายใจย่อมพบพระนิพพาน ฯ
สำหรับบทขับร้องประกอบปี่พาทย์ที่จบไปนี้ เป็นบทขับร้องสรรเสริญคุณของ สมเด็จองค์ปฐม
ต่อไปนี้จะเป็นบทขับร้องเพื่อเป็นการ ถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวรโรกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษาครบ ๖ รอบ ประพันธ์โดย ดร.ปริญญา นุตาลัย
เช่นกัน
(นางนาค)
วันนี้วันมหาสิทธิชัย มงคลเกริกไกรไพศาล
ข้าพระบาทลูกพระราชพรหมยาน ร่วมเฉลิมฉลองงานถวายพระพร
ปวงข้าฯ สร้าง สมเด็จองค์ปฐม งามสมนพคุณประภัสสร
น้อมถวายบุญกุศลสรรพพร แด่พระภูธรพระภูมิพล
ในกาลนี้พระองค์ทรงชันษา ยืนยาวมาครบรอบหกหน
ขอบารมีสมเด็จพระทศพล โปรดดลจตุพรพระภูบาล
(มหาฤกษ์)
ขอพระองค์จงเจิมเฉลิมฉัตร
ปิ่นรัฐปกไทยเกษมศานต์
เฉลิมยศเฉลิมศักดิ์โอฬาร เฉลิมวงศ์อวตารพระจักรี
ขอพระองค์จงทรงเฉลิมสุข ทุกข์โศกโรคภัยพินาศหนี
เฉลิมคุณพูนเพิ่มพระบารมี เฉลิมศรีวัฒนาสถาวร
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงเกษมสำราญสโมสร
เฉลิมขวัญบรรดาประชากร เฉลิมพรบ้านเมืองร่มเย็นเอย ฯ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า...
คณะศิษย์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
****************
(ภาพนี้มีผู้ถ่ายไว้หลังจากเลิกงานแล้วที่ปราสาททองคำ)
เมื่อได้แถมท้ายกันด้วยบทกลอนแล้ว คงจะเป็นที่ซาบซึ้งตรึงใจได้เป็นอย่างดี แม้กาลเวลาจะผ่านไปเป็นเวลา ๒ ปีแล้วก็ตาม
แต่ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ตลอดถึงเสียงผู้คน ที่เกลื่อนกล่นไปทั่วทั้งวัดในวันนั้นยังจำได้ดี ทุกคนอยู่ในชุดแต่งกายแบบวัฒนธรรมไทยจริงๆ
ถึงแม้จะต้องอยู่ในชุดนี้ตลอดทั้ง วันและคืน ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวพอ สมควร แต่ทุกคนก็เต็มใจที่จะทำความดี เพื่อผลบุญที่มหาศาลอันหาประมาณมิได้
ในตอนนั้นได้ยินเสียงปี่พาทย์บรรเลง สลับกับการร้องรำทำเพลงของพวกเรา ซึ่งเข้า กับบรรยากาศแบบไทยๆ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง
เสียงพลุดาวกระจายดังสนั่นลั่นท้อง ฟ้าสวยงาม ท่ามกลางความตื่นเต้นดีใจ พร้อมทั้งโคมลอยถูกปล่อยออกไปไกลจนสุดสายตา
และแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็อยู่ในความสงบเงียบ เมื่อพิธีการเฉลิมฉลองความสำเร็จ ที่เสร็จสิ้นลงไป ผู้ร่วมงานแต่ละคน
ต่างก็เดินกลับสู่ที่พักของตนเองด้วยความอ่อนเพลีย ในขณะที่จิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความประทับใจ
ในที่สุดนี้ก่อนที่จะลาจากกันในฉบับนี้ ตามที่เกริ่นเอาไว้เมื่อฉบับส่งท้ายปีเก่าว่า จะอภินันทนาการแด่ท่านผู้อ่านเป็นกรณีพิเศษ ณ โอกาสนี้
จึงขอนำมรดกธรรมที่ทรงคุณค่าหาประมาณมิได้ที่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อทิ้งไว้ให้ลูกหลานเป็นอนุสรณ์ อัน เป็น ลายมือ ของท่านจริงๆ ลายมือของท่านนี้
ผู้เขียนขอเรียบเรียงใหม่เพื่อการอ่านง่าย ดังนี้
๑๒ ส.ค. ๓๕ ไปเทวสภา พระพุทธ เจ้าองค์ปฐมเทศน์ให้เทวดาพรหม รู้ตัวว่ายัง มีบาปเยอะ ชี้ให้ดูนรก-นิพพาน
๑๓ ส.ค. ๓๕ ไปเทวสภา พระพุทธ เจ้าองค์ปฐมเทศน์ แล้วให้ชวนเทวดากับพรหม ไปนิพพาน
๑๔ ส.ค. ๓๕ ไปเทวสภา เทศน์ แล้วไปนิพพานพร้อมกัน เห็นแม่ชาตินี้ อยู่ข้างขวา ถามท่านยังไม่มีวิมานบนนิพพาน ให้ฟังเทศน์จากองค์ปฐม มีวิมาน
๑๖ ส.ค. ๓๕ พระยายมให้ไปพบ เทวดาใหม่ที่สำนัก
๑๗ ส.ค. ๓๕ ไปพบคน ๓๐ คน ที่สำนักพระยายม (บันทึก ๒๕ ส.ค. ๓๕)
หวังว่าทุกท่านได้อ่านแล้วคงพอใจ ต่อไปอีกไม่นานจะนำ บันทึกครั้งสุดท้าย ใน ปี ๒๕๓๕ ของท่านมาให้อ่านอีก
ซึ่งจะมีข้อคิดสำหรับผู้ที่มุ่งนิพพานจริง...สวัสดี
« 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 »
|