Not logged in [Login - Register]
Go To Bottom
Printable Version | Subscribe | Add to Favourites ตั้งหัวข้อใหม่
[*] posted on 7/6/17 at 09:35 [ QUOTE ]

พ.ญ.วัชรี หิรัญยูปกรณ์ เล่าเรื่อง "อภิญญาใหญ่ของหลวงพ่อ"


สารบัญ (เลือกคลิกที่รายการ)

[01]
ตอนที่ ๑ อภิญญาใหญ่..ของหลวงพ่อ
[02] ตอนที่ ๒ ตัวอย่างหลวงพ่อสอนธรรมในมโนมยิทธิ
[03] ตอนที่ ๓ อภิญญาใหญ่ของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ
[04] ตอนที่ ๔ อภิญญาใหญ่ ครั้งที่ ๒
[05] ตอนที่ ๕ คำสนทนาของหลวงพ่อบางตอย
[06] ตอนที่ ๖ (ตอนจบ) ท่านเจ้าอาวาสเล่าเรื่อง หมอวัชรีพบหลวงพ่อแบบกายเนื้อ

[ ตอนที่ 1 ]

(Update 15 มิถุนายน 2560)


"อภิญญาใหญ่..ของหลวงพ่อ"

บันทึกโดย แพทย์หญิงวัชรี หิรัญยูปกรณ์



"...ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นตถาคต" ......นั่นเป็นคำกล่าวในสมัยพุทธกาล แต่ในชีวิตของดิฉันกล่าวได้เต็มปากว่า ดิฉันเห็นทุกข์ ดิฉันจึงได้พบพระะเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน ซึ่งพระเดชพระคุณในขณะนั้น (เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘ - ๒๕๑๙) ท่านยังเป็น หลวงพ่อมหาวีระ ถาวโร หรือ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ของลูกหลานอยู่ค่ะ

ค่ะ...ชีวิตการเป็นแพทย์บนพื้นฐานชาวพุทธของดิฉันและหมอวิสุทธิ์ หักเหเมื่อพบทุกข์และพบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่ว่าชีวิตการเป็นแพทย์บนพื้นฐานชาวพุทธเริ่มหักเห เมื่อดิฉันพบทุกข์และพบหลวงพ่อ เพราะหลวงพ่อเมตตาเป็นผู้ชี้แนะ จากการเป็นชาวพุทธแบบธรรมดาๆ ที่ดิฉันเคยปฏิบัติ

ซึ่งมีการทำบุญทำทานให้ก้าวไปสู่การปฏิบัติศีล ๕ ที่เคร่งครัดขึ้น ไม่ล่วงละเมิด และก้าวเข้าสู่การภาวนา ทำสมาธิ ปฏิบัติกรรมฐาน แล้วดำเนินไปสู่ขั้นปัญญาตามลำดับ ซึ่งเป็นแนวทางให้เข้าสู่ทางดับทุกข์ จิตใจสว่าง สงบ สามารถเป็นแพทย์ผู้รักษาคนไข้ ทั้งทางกายและใจได้อย่างเต็มภาคภูมิ

.....ครอบครัวของดิฉันมี หมอวิสุทธิ์ หิรัญยูปกรณ์ ผู้สามี และ นางสาวกษริน (โรส) หิรัญยูปกรณ์ เป็นบุตรสาวคนเดียว กับตัวดิฉันเองได้พบและมามีความผูกพันเคารพในองค์หลวงพ่อ ซึ่งค่อนข้างแปลกว่าคนอื่น เพราะหมอวิสุทธิ์นั้น หลังจากเขาประสบกับทุกข์อย่างใหญ่หลวงในชีวิต เนื่องจากถูกลอบยิง โดยญาติคนไข้ในห้องตรวจขณะตรวจคนไข้


(หมายเหตุ คุณหมอวิสุทธิ์ และคุณหมอวัชรี เปิดคลีนิคอยู่ที่ อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ปัจจุบันคุณหมอวัชรีเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว) - ผู้จัดทำ

สาเหตุนั้นคงเป็นวิบากกรรมหรือกฎแห่งกรรม แต่เมื่อถูกยิงใหม่ๆ ในสมัยนั้น เราไม่ได้คิดถึงวิบากกรรม หรือกฎแห่งกรรม เพราะเราก็คือชาวโลกธรรมดาๆ คนหนึ่ง ก็คิดถึงแต่การแก้แค้นเป็นทุกข์อยู่ร่ำไป เมื่อหมอวิสุทธิ์เกิดทุกข์หนัก ก็อธิษฐานจิต ขอให้ได้พบพระผู้ทรงปัญญา มีจิตเมตตาที่จะสั่งสอนแนวทางปฏิบัติธรรมเพื่อให้พ้นทุกข์ ดับความแค้น ความอาฆาตลงได้ แล้วก็นิมิตเห็นพระองค์หนึ่ง

จนกระทั่ง "นายกยุวพุทธิสมาคมบางมูลนาก" ในพระสังฆราชูปถัมภ์ คุณครูวิเชียร นันทนพบูล ผู้ซึ่งเคยร่วมทีมทำงานสังคมสงเคราะห์ด้วยกัน ได้พามากราบนมัสการหลวงพ่อมหาวีระ (ฤๅษีลิงดำ) แห่งวัดท่าซุง ในขณะนั้น ก่อนเข้าพรรษาปี ๒๕๑๘ ซึ่งพอเห็นหลวงพ่อ หมอวิสุทธิ์ก็บอกว่าเป็นพระที่มีลักษณะเหมือนในนิมิตทุกประการ

ธรรมะที่หลวงพ่อสอนหมอวิสุทธิ์ครั้งแรก ในวันที่มากราบนมัสการวันนั้นคือ ให้รักษาศีล ๕ ให้ครบถ้วน ระยะแรกดิฉันและหมอวิสุทธิ์มิได้ปฏิบัติสมาธิ เพียงแต่มากราบนมัสการหลวงพ่อตามจังหวะและโอกาสที่จะเอื้ออำนวย แต่ได้นำเทปธรรมะของหลวงพ่อไปเปิดฟังกัน แล้วหมอวิสุทธิ์ก็เริ่มหัดทำสมาธิ จากเทปชุดปฏิบัติกรรมฐานของหลวงพ่อ

ส่วนดิฉันนั้น เพราะเทปชุดธรรมต่างๆ ของหลวงพ่อที่หมอวิสุทธิ์เปิดกรอกหูอยู่ทุกวันเช้าเย็น โดยเฉพาะเทปชุด "รัชนีท่องสวรรค์" เป็นเทปชุดที่ท้าทายความรู้สึกของดิฉัน ทำให้ดิฉันอยากปฏิบัติ อยากฝึกมโนมยิทธิ เพราะความโง่เขลาและความอวดดี ในความเป็นคนที่คิดว่าเราเป็นคนหมือนกัน มีหัวสมอง มีสองแขน สองเท้า เท่าคุณรัชนี คิดเอาเองว่า ตัวดิฉันต้องทำได้

โดยที่ขณะนั้น ดิฉันเองไม่เคยมีความรู้เรื่องบารมีเก่าคืออะไร ?
อดีตชาติตัวเองเคยบำเพ็ญมาอย่างไร ?

มีความรู้สึกแต่เพียงว่า เราก็เรียนเป็นหมอมาได้ มโนมยิทธิเป็นวิชาฝึกจิตวิชาหนึ่ง ถ้าเราได้เรียนกับหลวงพ่อองค์ที่สอนคุณรัชนีแล้ว เราจะต้องเรียนวิชามโนมยิทธิได้อย่างแน่นอน

เมื่อคิดดังนั้นแล้ว ก็ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า ไม่ว่าจะยากเย็นลำบากแค่ไหน ก็จะต้องเรียนมโนมยิทธิกับหลวงพ่อให้ได้ แต่จะต้องเป็นหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ องค์อื่นกลัวไม่พบของจริงอย่างคุณรัชนี ในที่สุดก็ปรากฏว่าหลวงพ่อเป็นพระอาจารย์องค์แรกและองค์เดียวในชีวิตที่สอนพระกรรมฐานให้ดิฉัน

รู้สึกว่าลำบากพอดูสำหรับตัวดิฉันเอง ในระยะแรกที่เริ่มฝึกพระกรรมฐานที่วัดท่าซุง เพราะลูกสาวยังเล็กอายุประมาณ ๖ ขวบ ต้องหอบลูกมาค้างคืนที่วัด ปิดคลีนิคมากันทั้งสามคน พ่อ แม่ ลูก ยังแถมมีตำรวจ ๒ คนมาคุ้มกันหมอวิสุทธิ์อีก

ระยะแรก การฝึกมโนมยิทธินั้น หลวงพ่อนั่งคุม ให้อาจารย์สิงห์เป็นคนฝึกให้ ต่อมาระยะหลังหลวงพ่อท่านเป็นคนฝึกพระกรรมฐานและฝึกให้เอง

ตลอดเวลาที่ดิฉัน หมอวิสุทธิ์ และลูกสาว ได้รับการฝึกมโนมยิทธิกับหลวงพ่อตามวาระและโอกาสต่างๆ หลวงพ่อได้เมตตาให้ธรรมะตรงตามวาระจิตและภูมิธรรม ที่ดิฉันปฏิบัติได้เป็นขั้นตอนตามลำดับ อย่างน่าอัศจรรย์

ธรรมคำสอนต่างๆ ที่ดิฉันได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อ ตามวาระและโอกาสต่างๆ ติดต่อกันยาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นต้นมานั้น ดิฉันได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อ ๓ ทางด้วยกันคือ

.....๑. โดยการเทศน์สอนในเวลาที่มากราบนมัสการหลวงพ่อที่ศาลานวราช ส่วนมากเวลาจะมากราบนมัสการหลวงพ่อที่ศาลานวราช ดิฉันมักจะอธิษฐานจิตจากบ้านมาเลยว่า ขอให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อโปรดเมตตาเทศน์ โปรดตรงกับวาระจิตที่ดิฉันจะพึงรับได้

ซึ่งถ้าเป็นวันที่มีคนมานมัสการท่านมาก เราอาจจะไม่มีโอกาสได้กราบถามท่านด้วยวาจา ไม่ว่าครั้งใด ท่านก็มักจะเมตตาเทศน์โปรดดิฉันด้วยธรรมต่างๆ ที่ดิฉันกำลังติดข้องอยู่ในเรื่องนั้นให้กระจ่าง หรือไม่ก็เทศน์โปรดธรรมขั้นตอนต่อไปที่เราควรจะปฏิบัติต่อ โดยเพียงแค่เราอธิษฐานจิตเท่านั้นเอง

.....๒. โปรดเมตตาสอนธรรมในขณะทำมโนมยิทธิที่บ้าน ซึ่งส่วนมากจะเป็นธรรมที่ท่านสอนตามวาระจิตที่ดิฉันควรจะได้รับเป็นขั้น ไปตามภูมิธรรมของดิฉันขณะที่กำลังปฏิบัติอยู่ในเวลานั้น

.....๓. โปรดเมตตาทาง อภิญญาใหญ่ เป็นกรณีพิเศษถึง ๒ ครั้งในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ และ ๒๕๒๗

นับเป็นบุญของดิฉันเอง และเป็นความเมตตาอย่างใหญ่หลวงในชีวิตของดิฉัน ที่หลวงพ่อท่านเมตตาโปรดดิฉันด้วยการสอนธรรมทางอภิญญาใหญ่ ให้เห็นองค์ท่านอย่างเต็มองค์และเทศน์สอนธรรมอย่างจับใจและตรงกับวาระจิตถึงสองครั้ง

ดิฉันขอนำธรรมะที่หลวงพ่อสอนดิฉันในทางมโนมยิทธิกับอภิญญาที่ได้บันทึกไว้มาเป็นตัวอย่าง ดังต่อไปนี้ค่ะ....

** อธิบาย - ผู้เขียนขอชี้แจงคำว่า "อภิญญาใหญ่" ในสายหลวงพ่อนั้น หมายถึงท่านไปด้วยกายเนื้อ ซึ่งแตกต่างกับคำว่า "อภิญญาเล็ก" (มโนมยิทธิ) ที่ไปด้วยอทิสมานกาย คือไปด้วยกายในเท่านั้น

(โปรดติดตามตอนต่อไป "ตัวอย่างหลวงพ่อสอนธรรมในมโนมยิทธิ")


◄ll กลับสู่ด้านบน



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 15/6/17 at 08:24 [ QUOTE ]


[ ตอนที่ 2 ]

(Update 22 มิถุนายน 2560)


ตัวอย่างหลวงพ่อสอนธรรมในมโนมยิทธิ


...ก่อนที่จะลงบันทึกของคุณหมอวัชรีต่อไป ใคร่จะขอย้อนเรื่องราวสักเล็กน้อยว่า เพราะเหตุใดหลวงพ่อต้องไปสอนคุณหมอด้วยวิธีเช่นนี้ ถ้าอ่านไปเรื่อยๆ ก็จะทราบว่า คุณหมอกำลังจะทำกรรมหนักกับคุณแม่ของตนเอง

ด้วยเหตุนี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อผู้มีใจการุณ จึงได้ไปยับยั้งวิบากกรรมนี้ทันที เพราะท่านทราบดีว่า ผลของกรรมที่ล่วงเกินต่อบุพการีนี้...อาจจะเป็นอันตรายต่อมรรคผลของคุณหมอต่อไปในเบื้องหน้า....



บันทึกจากมโนมยิทธิของ แพทย์หญิงวัชรี หิรัญยูปกรณ์

วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๒๖

สถานที่ : ห้องพระที่บ้าน เวลาประมาณ ๖.๐๐ - ๗.๐๐ น.

.....ทำสมาธิได้ปิติและน้ำตาไหล พอได้ฌาน ๔ เต็มที่สัมผัสได้ มีมือยื่นมาข้างหน้า ในอุ้งมือมีรูปเหมือนทองคำของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ เปล่งประกายสุกปลั่ง มองสูงจากมือขึ้นไป เห็นองค์หลวงพ่อยืนตระหง่านเปล่งประกายในรูปกายสงฆ์ ผ้าจีวรสีเหลือง มีฉัพพรรณรังสี หลวงพ่อหันหน้าเข้าหาข้าพเจ้า

@ ในสมาธิ "หลวงพ่อ" บอกได้ยินเสียงชัดเจน....

"ดูมือหลวงพ่อซิ ดูให้ดีๆ แล้วพิจารณาตามหลวงพ่อ"

หลวงพ่อพูดเสร็จ มือข้างหน้าที่มีรูปเหมือนทองคำของหลวงพ่อที่อยู่ในอุ้งมือ ค่อยๆ มีมือเพิ่มขึ้นซ้อนกันและมีรูปเหมือนหลวงพ่อ ที่เป็นทองคำสุกปลั่งนั้นเรียงรายเต็มข้างหน้า ข้าพเจ้านับเป็นสิบๆ ส่งประกายวูบวาบไปหมด

และในที่สุดรูปเหมือนทองคำของหลวงพ่อนั้นก็ค่อยๆ กลายเป็นประกายพรึก เป็นรูปหล่อของหลวงพ่อที่เป็นเพชรไปหมดทุกๆ องค์ในฝ่ามือของหลวงพ่อหลายๆ ข้าง แต่ฝ่ามือของหลวงพ่อยังเป็นฝ่ามือของกายเนื้อยู่ หลวงพ่อได้บอกว่า

"ความหลงของแม่" ให้ถือว่าเป็นความไม่เที่ยงของสังขาร จงอย่าประมาท

"มือหลายๆ ข้างของหลวงพ่อ" เปรียบเสมือน "ความหลงของแม่" ที่จะเพิ่มมากขึ้นๆ ตามเวลาที่จะผ่านเข้ามา

รูปเหมือนของหลวงพ่อเปรียบเสมือน "ความทุกข์ของเรา" ที่เกิดจาก "ความหลงของแม่"

"ความทุกข์" นั่นมันเป็นเปลือกนอก

"ข้างในของความทุกข์นั้น" ให้พิจารณา

พอปัญญาเกิด ความทุกข์ ก็จะกลายเป็นก้อนทองและก้อนเพชร ในที่สุดเหมือนรูปเหมือนของหลวงพ่อที่เป็นทองในครั้งแรก แล้วเราสามารถทำให้รูปเหมือนของหลวงพ่อ จากทองคำกลายเป็นเพชรด้วยกำลังสมาธิในขณะนี้

ฉะนั้นจงพยายามนอกสมาธิ พิจารณาให้เกิดปัญญา เพื่อจะทำให้ความทุกข์จาก ความหลงของแม่
ให้กลายเป็น "ทองและเป็นเพชร" ในที่สุดให้ได้ นอกสมาธิ

....หลวงพ่อขออวยพรให้ทำให้สำเร็จ และให้มีพลังใจที่เข้มแข็งกว่านี้....

เวลา ๗.๓๐ น. บันทึก

๑๓ ธ.ค. ๒๕๒๖


(โปรดติดตามตอนต่อไป "อภิญญาใหญ่ของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ")


◄ll กลับสู่ด้านบน



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 22/6/17 at 08:05 [ QUOTE ]


[ ตอนที่ 3 ]

(Update 28 มิถุนายน 2560)


อภิญญาใหญ่ของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

อภิญญาใหญ่ ครั้งที่ ๑



วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๒๖ เวลา ๖.๐๐ น.

สถานที่ : บ้านนายแพทย์ วิสุทธิ์ - แพทย์หญิงวัชรี หิรัญยูปกรณ์ อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร

อภิญญาใหญ่ โปรดเมตตาสงเคราะห์ แพทย์หญิงวัชรี หิรัญยูปกรณ์

เพื่อเฉลยลายแทง "ลายแทง" หรือ "คำสอน" ของหลวงพ่อที่สอน แพทย์หญิงวัชรี หิรัญยูปกรณ์ ไว้ในมโนมยิทธิ เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๒๖

เวลาประมาณ ๖.๐๐ น. ข้าพเจ้านั่งอยู่หน้ากระจกข้างเตียงนอน กำลังแต่งหน้า หลวงพ่อฤๅษีลิงดำได้มาปรากฏให้ข้าพเจ้าเห็นด้วยตาเนื้อ ในรูปพระสงฆ์อยู่บนเตียงนอนของข้าพเจ้า

เมื่อข้าพเจ้าหายตกตะลึงแล้ว ข้าพเจ้ารีบก้มลงกราบหลวงพ่อ หลวงพ่อได้บอกข้าพเจ้า ได้ยินเสียงชัดเจนว่า

".....หลวงพ่อมาเพื่อบอกว่า "ลายแทง" หรือการบ้าน หรือข้อความในกระดาษที่หลวงพ่อให้ไว้ในการทำสมาธิ เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๒๘ เดี๋ยวนี้เอ็งได้ค้นพบแล้ว แต่ตัวเองไม่รู้สิ่งที่กำลังทำอยู่ ในระยะวิกฤตที่แม่เจ็บหน้าอกอยู่นั้นแหละ คือ คำสอนของหลวงพ่อในแผ่นกระดาษที่ให้ไว้ในสมาธิ เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๒๖

หลวงพ่อบอกต่อไปว่า ".....การปฏิบัติต่อบุพการีผู้ให้กำเนิดนั้น เป็นสิ่งตอบแทนสูงสุดของผู้เป็นลูก เป็นมงคลยิ่งของชีวิต" การปฏิบัตินี้ทำด้วยใจว่างและมีสติ การปฏิบัติต่อบุพการี คือต่อแม่คราวนี้ จะเป็นเครื่องสกัดกั้น "กรรมเปิด" ที่เข้ามาทดสอบ เอ็งกำลังจะผ่านพ้น "กรรมเปิด" อยู่แล้ว ให้เร่งบำเพ็ญเพียรพรหมวิหารสี่ต่อไป....."

ข้าพเจ้าไปกราบหลวงพ่อ ถามถึงแม่ว่าจะหมดอายุขัยหรือยัง ท่านบอกว่า "แม่ยังใช้กรรมยังไม่หมด" ข้าพเจ้าก้มลงกราบหลวงพ่อที่เท้าท่าน แล้วท่านก็หายไปจากตาเนื้อของข้าพเจ้าเอง..!!!

เวลา ๖.๔๐ น. บันทึก
๗ ธันวาคม ๒๕๒๖


(โปรดติดตามตอนต่อไป "อภิญญาใหญ่ ครั้งที่ ๒")


◄ll กลับสู่ด้านบน



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 28/6/17 at 06:01 [ QUOTE ]


[ ตอนที่ 4 ]

(Update 4 กรกฎาคม 2560)




อภิญญาใหญ่ ครั้งที่ ๒


วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ เวลา ๕.๓๐ น
.
สถานที่ บ้านนายแพทย์วิสุทธิ์ - แพทย์หญิงวัชรี หิรัญยูปกรณ์ อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร

อภิญญาใหญ่ โปรดเมตตาสงเคราะห์ แพทย์หญิงวัชรี หิรัญยูปกรณ์

หลวงพ่อเทศน์สอนว่า...

- ใช้สมาธิสงเคราะห์ได้กุศลแรง

- ให้ตัดความสงสัยออก


....วันหนึ่ง.....ในห้องจ่ายยา กำลังจุดธูปจะบูชาหิ้งหลวงพ่อ หิ้งท่านชีวกโกมารภัจจ์ กับพระพุทธรูปสมเด็จพระราชบิดา และหิ้งดาบ กำลังจุดธูปอยู่ ธูปยังติดไม่เสร็จดี หลวงพ่อทรงอภิญญาใหญ่ มาให้เห็นเต็มองค์ ในรูปกายสงฆ์ยืนอยู่ข้างหน้า ข้าพเจ้ารีบก้มลงกราบ ท่านพูดว่า

".....หมอเอ๋ย...ที่เอ็งคิดอยู่เวลานี้ สิ่งที่เอ็งสัมผัสได้ในโบสถ์วัดใหม่ วังตะกู ขณะบวงสรวงนั้น เอ็งยังสงสัยอยู่นั้น เลิกสงสัยได้แล้ว เอ็งเป็นคนอธิษฐานกราบอาราธนา สมเด็จใหญ่องค์ปฐมให้มาสงเคราะห์พระครูสุรินทร์ตามที่เอ็งอธิษฐานแล้ว เอ็งยังสงสัยอยู่ หลวงพ่อจะบอกให้ว่า

".....เอ็งได้ใช้สมาธิสงเคราะห์นั่น เป็นสิ่งที่ได้กุศลแรง ต่อไปนี้เอ็งจงตัดความสงสัยออกไป และทรงสมาธิไว้ให้ดี..."


แล้วหลวงพ่อก็หายไปจากตาเนื้อของข้าพเจ้า แม้ข้าพเจ้าจะรีบกราบก่อนท่านหายไปจากตาเนื้อก็ยังไม่ทัน สาธุ...

เวลา ๖.๐๐ น บันทึก
๗ ก.พ. ๒๕๒๗


(โปรดติดตามตอนต่อไป "คำสนทนาของหลวงพ่อบางตอน")


◄ll กลับสู่ด้านบน



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 4/7/17 at 08:50 [ QUOTE ]


[ ตอนที่ 5 ]

(Update 11 กรกฎาคม 2560)


คำสนทนาของหลวงพ่อบางตอน


บันทึก : วันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๒๗
เวลา : ประมาณ ๑๔.๐๐ - ๑๖.๐๐ น.
สถานที่ : ศาลานวราช

.....เป็นคำสนทนาของหลวงพ่อบางตอนในวันที่ ดิฉัน, หมอวิสุทธิ์ และกษริน(โรส) บุตรสาว ได้มากราบหลวงพ่อใน วันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๒๗ ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ที่มีสาธุชนมากราบหลวงพ่อมากมาย

เมื่อเวลาคนบางตาลง เหลือแต่คณะพวกเราที่ไปจากอำเภอบางมูลนาก อันมีหมอวิสุทธิ์เป็นหัวหน้าคณะ หลวงพ่อท่านเมตตาเทศน์ เรื่อง มรณานุสสติ ความทุกข์ และเรื่องในนิพพานให้ฟัง ท้ายที่สุดท่านวกมาถามดิฉันว่า

"หมอ..ทุกข์ไหม?"

ดิฉันกราบท่านว่า "ทุกข์" ท่านถามต่ออีกว่า

"หมอเคยเห็นผี...เวลาลืมตาบ้างไหม?"

โดยที่ดิฉันเองก็คาดไม่ถึงและยังไม่ได้ตอบท่าน หลวงพ่อหันไปหา หลวงน้าอรุณ (เป็นพระที่นั่งรับแขกอยู่กับหลวงพ่อ) ที่นั่งข้างๆ ท่าน แล้วท่านก็บอกหลวงน้าอรุณว่า

"หมอเขาเห็นผีหลวงพ่อ ๒ หนแน่ะ"

สาธุ...ข้าพเจ้าถึงกับขนลุกและเมื่อท่านกล่าวคำนี้ "เห็นผีเวลาลืมตา" และ "เห็นผีหลวงพ่อ ๒ ครั้ง" ข้าพเจ้านึกถึง อภิญญาใหญ่ ๒ ครั้ง ของหลวงพ่อทันที..!

เมื่อดิฉันได้รับคำสอนธรรมจากหลวงพ่อถึง ๓ ทาง ดังที่ได้นำบันทึกมากล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ทำให้ดิฉันตระหนักในคำตรัสขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเรื่อง "อจินไตย" ในข้อ "ฌานวิสัยของผู้ได้ฌาน" ซึ่งมีอยู่เต็มเปี่ยมในองค์หลวงพ่อ จากที่ท่านได้แสดงธรรมแจกแจงสอนดิฉันในวาระและโอกาสต่างๆ ตามภูมิจิตและภูมิธรรมของดิฉันที่พึงจะรับได้

เพราะเมตตาธรรม และปัญญาธรรมในฌานอันล้ำลึกต่างๆ ของหลวงพ่อที่เมตตาสอนธรรมแก่ดิฉัน ตามขั้นตอนของภูมิจิตและภูมิธรรมนี้ ทำให้ดิฉันสามารถที่จะปรับจิตของตัวเองเข้าสู่กระแสแห่งรส "พระธรรม" สามารถอยู่ในทางโลกด้วยการดำรงชีวิต ส่วนที่เหลืออยู่นี้ให้อยู่ในความสว่าง สงบ รู้จักคำว่า "พอ" รู้จักคำว่า "ปล่อยวาง" รู้จักว่าชีวิตนี้เดินอยู่บนหนทางของวิบาก คือ "กฎแห่งกรรม"

ความดับทุกข์และวิธีที่จะพ้นทุกข์ก็คือ "ธรรมะ" ที่หลวงพ่อเป็นผู้เลือกหยิบยื่นให้ดิฉันตาม "ฌานวิสัย" ของท่าน ตามขั้นตอนความเหมาะสมกับเวลาที่จิตของดิฉันจะสามารถรับได้ รวมทั้งความรักความเมตตาปรานีเยี่ยงพ่อพึงมีต่อลูก ที่ท่านปราบกิเลสความพยศของจิตของดิฉันลงได้ และทำให้การปฏิบัติธรรมของดิฉันเจริญในธรรมไปตามกาลเวลา ตามที่ท่านได้เมตตาสอนได้อย่างน่าอัศจรรย์

ส่วนในทางโลกนั้น ดิฉันได้ใช้ธรรมะที่ได้รับจากหลวงพ่อมาประยุกต์ในการทำประโยชน์ต่อสังคม เช่น ช่วยทางฝ่ายจริยะของโรงเรียน ในการฝึกสมาธิ ในบางครั้งบางจังหวะรวบรวมลูกศิษย์หลวงพ่อตั้งชมรมปฏิบัติกรรมฐานมโนมยิทธิ ในวันอาทิตย์ ณ ห้องจริยะของ โรงเรียนเทศบาล ๒ วัดชัยมงคล โดยใช้เทปกรรมฐานของหลวงพ่อนำ


(ภาพตัวอย่าง)

ครั้งหนึ่ง ในการรับเชิญไปบรรยายธรรมในการบวชเนกขัมมะ หลังจบคำบรรยาย มีคำถามจากผู้เข้าบวชคนหนึ่งว่า

ดิฉันเป็นลูกศิษย์ใคร?

และฝึกปฏิบัติกรรมฐานจากสำนักไหน?


ดิฉันตอบคำถามนี้ท่ามกลางผู้บวชเนกขัมมะ ๕๐๐ กว่าคน ซึ่งมาจาก ๑๒ จังหวัดว่า ดิฉันเป็นลูกศิษย์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นพระอาจารย์ใหญ่ของเรา เช่นเดียวกับพวกท่านทั้งหลาย แต่พระอาจารย์ผู้ให้กรรมฐานองค์แรกและองค์เดียว ในชีวิตการปฏิบัติกรรมฐานมโนมยิทธิของดิฉัน

คือ ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน หรือ "หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ" แห่งวัดท่าซุง ท่านเป็นผู้ให้ธรรมะ และให้ความเป็น "พุทธ" เกิดขึ้นในใจของดิฉัน จนดิฉันสามารถที่จะมายืนบรรยายธรรม ต่อหน้าท่านผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายได้

ดิฉันมีความปิติ และดีใจที่ได้มีโอกาสใช้ตัวหนังสือบรรยายความรู้สึกส่วนลึกของจิตใจต่อองค์หลวงพ่อแทนดอกไม้ธูปเทียน เพื่อกราบนมัสการบูชาพระคุณท่านด้วยความกตัญญูกตเวทีแทนครอบครัวของดิฉัน เนื่องในวาระที่คณะศิษย์จะทำหนังสือถวายความรู้สึกส่วนตัวต่อองค์หลวงพ่อ

(โปรดติดตามตอนจบ "ท่านเจ้าคุณฯ เล่าเรื่อง...หมอวัชรีพบหลวงพ่อแบบกายเนื้อ" เป็นตอนจบพอดี)


◄ll กลับสู่ด้านบน



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 11/7/17 at 05:16 [ QUOTE ]


.

[ ตอนที่ 6 ตอนจบ ]

(Update 18 กรกฎาคม 2560}


ท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศลเล่าเรื่อง

หมอวัชรีพบหลวงพ่อแบบกายเนื้อ


...เรื่องมีอยู่ว่า พ.ต.ท.หญิง กษริน (โรส) หิรัญยูปกรณ์ (ทำงานที่กรมตำรวจ) ซึ่งเป็นลูกสาวของคุณหมอวัชรี (กับคุณหมอวิสุทธิ์) ปกติก็มาทำบุญที่สายลมเป็นประจำ ในขณะนั้น พระครูปลัดอนันต์ (สมัยนั้น) จึงเล่าเรื่องของคุณหมอวัชรี ซึ่งเป็นคุณแม่ของคุณโรสให้พวกเราได้รับฟัง เป็นการยืนยันกันอีกครั้งหนึ่ง...

จึงขอชี้แจงไว้ในที่นี้ว่า หากมีผู้ใดที่ยังสงสัยในคุณของครูบาอาจารย์ ก็คงจะมีความมั่นใจยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ หากมีคนอวดรู้มากล่าวตู่ว่า นำครูบาอาจารย์มาอวดฤทธิ์อวดเดชนั้น ต้องขออภัยว่า นี่เป็นการนำเรื่องมาเล่าระหว่างลูกศิษย์กัน หากใครไม่นับถือก็ไม่ต้องเข้ามาอ่านก็แล้วกัน เพราะพระที่มีฤทธิ์ได้ ไม่ใช่ทำให้คนหลงใหลงมงาย แต่ท่านทำเพื่อให้ลูกศิษย์ได้มรรคผลนิพพานต่างหาก

ซึ่งอาจจะสวนกระแสกับนักจิตนิยมสมัยนี้ ที่มุ่งจะเรียนรู้ในด้านการศึกษาอย่างเดียว แล้วก็โจทพระที่ปฏิบัติได้ ที่ท่านรู้เห็นนรกสวรรค์ได้ ที่ท่านสอนให้คนเข้าใจว่าโลกนี้โลกหน้า เรื่องผีหรือวิญญาณ มีจริง เป็นต้น กลับกล่าวว่าจะต้องใช้วิจารณญาณก่อน ทำท่าเหมือนจะเป็นคนฉลาด ว่างั้นนะ..

ทั้งที่เป็นเรื่องของความเชื่อมาแต่โบราณ แล้วก็ถูกต้องตามความเป็นจริงในพระไตรปิฎก ส่วนพระที่ไม่สามารถรู้เห็นได้ นักปราชญ์บางท่านสมัยนี้ กลับยกย่องว่ามีปัญญาเฉลียวฉลาด (คงมีปัญญาตามที่พระพุทธเจ้าเรียกว่า" มิจฉาทิฏฐิ" กระมัง) เอาละ..มาฟังเรื่องนี้จากการสนทนาของท่านเจ้าอาวาสวัดท่าซุง กับอาจารย์ยกทรง (วีระ งามขำ) ที่บ้านสายลมกันเป็นตอนสุดท้ายต่อไป..


"......ไอ้คนนี้...พ่อแม่เป็นหมอทั้งสองคน อยู่บางมูลนาก พิจิตร พ่อจะเล่นการเมือง ยังไม่ทันเล่นการเมืองเต็มที่ พวกยิงเสียหลายรูเลย ยิงก่อนแล้ว ยิงก็ไม่ตาย ยิงครั้งหรือสองครั้งก็เอาตำรวจเฝ้าบ้าน เฝ้าร้านหมอน่ะ ตอนหลังก็ไม่เอาแล้ว..เลิก การเมืองไม่เอา มาหาพระก็มาหาหลวงพ่อนี่ พวกหมอหัวแข็งไม่ค่อยเชื่อง่ายๆ ก็มานั่งกรรมฐานคุยกับหลวงพ่อ หมอก็เริ่มเข้าแล้ว สนใจแล้ว..เริ่มสนใจ ภาวนาดี

ทีนี้ หมอวิสุทธิ์ ก็มาวัด แต่เมียไม่เอา เมียยังไม่โดนยิง (หัวเราะ) เมียยังไม่เข้า หมอวิสุทธิ์แกก็เข้า แล้วเทศน์โปรดกันไม่ได้สิ อยู่บ้านเดียวกันนี่ วิชามันทันกัน วิชาแก่กล้าทันกัน เมียก็ไม่เอาหมอวิสุทธิ์ จะยังไงก็ช่างเถอะ ไปหาพระหาเจ้าก็ไป แต่เมียยังไม่ภาวนา หมอวิสุทธิ์ ก็ทำๆ เขาเกิดฝึกมโนมยิทธิหรือยังไง หมอวัชรีก็ลองฝึกด้วย พอลองมันก็ไปเต็มกำลังเลย

อีตานี้..พอทำก็ติดใจ ก็ลุยสมาธิ เอาเต็มที่เลย บอกมันหลับตาปุ๊บ..มันแพรวเป็นเพชรไปหมดแล้ว หลวงพี่ทำยังไงดี บอกหลวงพี่ยังไม่ได้เพชรสักทีเลย (หัวเราะ) หมอเอาเพชรไปกินซะแล้ว คนมันเด็ดขาดน่ะ

พอได้มโนมยิทธิเต็มกำลังแล้ว ทีนี้แกก็ลุยกรรมฐาน ลุยกรรมฐานก็เกิด.....ท่านเอาแม่มาเลี้ยงไว้ด้วย คุณแม่อายุ ๘๐ กว่า แม่หมอวัชรี

หมอวิสุทธิ์นี่ เขาไปเมืองนอกกับหลวงพ่อ อยู่นี่ก็หมอวัชรีอยู่คนเดียว เลี้ยงแม่แกด้วย รักษาคนไข้ด้วย ความวุ่นวายมันก็เกิด พอแม่เห็นพระเดินผ่านหน้าบ้านตอนบ่ายโมงบ่ายสอง

" หนู..มา..เอาเงินมา จะใส่บาตร "

แม่เห็นพระก็จะใส่บาตร มีศรัทธาจะใส่บาตรลูกเดียว ลูกก็ดุแม่สิ

"..แม่ไม่รู้เรื่องอะไร..นี่บ่ายโมงแล้ว"

พูดเสียงดังหน่อย หลวงพ่อท่านรู้ ยังไงก็ไม่รู้ ว่ากรรมนี่มันจะตกกับคนที่มีบุญแล้ว มันจะริดรอนความดีของตัว

เวลา ๗ โมงเช้า หมอวัชรีแต่งตัวจะมาตรวจคนไข้ เดี๋ยวจะไปตรวจคนไข้แล้ว ไม่ใช่นั่งกรรมฐานนะ แต่งตัว พอหันหลังไปจะลงไปข้างล่าง หลวงพ่อยืนรออยู่บนที่นอนเลย พอเห็นพระยืน ไม่ใช่นั่งกรรมฐานนี่ ก็ตกใจร้อง

" หลวงพ่อเจ้าขา ๆ " ร้องอยู่อย่างนั้น

หลวงพ่อก็สอน ท่านมานี่..เพราะว่ากรรมที่ทำไว้มันจะตัด เพราะไปดุแม่ ไปตะคอกใส่แม่ สอนถึงบุพการี การกตัญญูเป็นยังไง สอนถึงการปฏิบัติต่อแม่พ่อเป็นยังไง สอนให้มั่นคงยังไงๆ ทำอย่างนี้นะ พอสอนเสร็จก็กราบ ท่านก็กลับวัด ไม่ได้ไปทางประตู ออกทางประตู

(อ.ยกทรง) "อ๋อ..ไปกายเนื้อเลยหรือครับ ?"

(พระครูปลัดอนันต์) "ไปกายเนื้อนี่" ทีนี้ก็ถาม..นี่ฉันถามเอง

"หลวงพ่อไปจริงหรือเปล่าครับ ?"

ท่านบอก "เออ..ไปจริง.."

แล้ววันหลังหมอวัชรีมาที่วัด หลวงพ่อบอก

"เฮ้ย..หมอ ผีหลอกเหรอ..? (หัวเราะ)

พอหลวงพ่อพูดอย่างนั้นแล้วนี่ อีกไม่กี่เดือน หรือเป็นปีก็ไม่รู้นะ แม่ของหมอวัชรีนี่ก็ป่วย หมอวัชรีนี่ก็นั่งกรรมฐานเยอะใช่ไหม ก็ไปสอนแม่ ไอ้สอนก็คุยกัน เขาบันทึกเทปไว้หมด ที่แม่พูดนี่..อารมณ์พระอริยเจ้าเบื้องสูงทั้งนั้นเลย

คนอายุตั้ง ๘๐ จะมาเรียนหนังสือก็ลำบากแล้ว พูดอารมณ์ของพระอริยเจ้าเบื้องสูงทั้งหมดเลย ตัดความโกรธ ราคะกับโทสะนี่ พออ่านหนังสือที่เขาพิมพ์ออกมาแล้ว อารมณ์พระอรหันต์ทั้งนั้น ที่ลูกไปดุแม่นี่...ไปดุพระอริยเจ้านะ มันจะเป็นกรรมหนักจริงๆ

ลูกไปถามแม่ "ทำได้ยังไง"

"ต้องค่อยๆ ทำ..ลูก" สอนลูกเสียอีก ไอ้ลูกก็ตั้งใจว่าจะไปสอนแม่บั้นปลายชีวิต แต่แม่สอนลูกเสียอีก ตายด้วยความสงบ อารมณ์พระอรหันต์นะ

ตอนหลัง บอกโอ้โฮ..ตายแล้ว ที่หลวงพ่อไปสอนนี่ ไอ้ตัวนี้นี่รู้จริงใช่ไหม รู้จริงว่ากรรมจะไปตกกับคนที่เรารู้ ทำยังไง จะช่วยได้ อารมณ์นี่เราไม่ได้พยากรณ์ แต่อารมณ์ที่คนอายุตั้ง ๘๐ พูดมานี่ มันเป็นแบบของพระอริยเจ้าเบื้องสูงทั้งนั้น

อย่าไปห่วงนั่นเลย อย่าไปห่วงนี่เลย เป็นธรรมดา มันก็ต้องแก่ก็ต้องป่วย ก็ต้องตาย อะไรนี่ อย่าไปห่วงแม่ มันธรรมดาของร่างกาย ลูกไม่ต้องสอนแม่ แม่สอนลูกแล้ว

นี่มันจริง..ครูบาอาจารย์เรารู้จริงด้วย รู้จริงว่ากรรมนี่มันจะตกกับคนนี้ เขาเรียกว่า "ตัดมรรคตัดผล" ลูกที่ทำไม่ดีกับแม่ หลวงพ่อก็ช่วยได้ นี่ไปกายเนื้อจริงๆ ถ้าไปเล่าให้ตาสีตาสาฟังก็ยัง... เอ๊ะ..มันเพี้ยนไปหรือเปล่า..ใช่ไหม..?


ที่มา - จากคอลัมภ์ "คำบอกเล่า" ในธัมมวิโมกข์ ฉบับเดือนกันยายน ๒๕๓๘

(โปรดติดตาม "คุณเฉิดศรี (อ๋อย) อดีตเจ้าของบ้านสายลม" เป็นตอนต่อไป)



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 18/7/17 at 05:45 [ QUOTE ]


.

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 18/7/21 at 08:56 [ QUOTE ]


.

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
ตั้งหัวข้อใหม่

Go To Top