ความเป็นมา..หลวงพ่อตอบปัญหากับ "อาจารย์ยกทรง" (วีระ งามขำ)
สารบัญ (เลือกคลิกที่รายการ)
[01] ตอนที่ ๑ พบคู่ปรับเก่า..ชื่อเดียวกัน
[02] ตอนที่ ๒ แค่นึกในใจนะนี่...!!!
[03] ตอนที่ ๓ หลวงพ่อบอก..เคยตัดหัวมาหลายชาติ
[04] ตอนที่ ๔ ยอมถวายหัวและชีวิต
[05] ตอนที่ ๕ ยกตัวอย่าง "เด็กพระสุธรรม"
[06] ตอนที่ ๖ นิพพานชาตินี้ โดย "ศิษย์หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ"
ตอนที่ 1 "พบคู่ปรับเก่า..ชื่อเดียวกัน"
....ก่อนที่จะนำเรื่องอาจารย์ยกทรง (ผู้ล่วงลับไปแล้ว) ผู้เขียนใคร่จะเกริ่นนำเรื่องสักเล็กน้อย ซึ่งตัวอาจารย์เองอาจจะไม่นำมาเล่า
แต่ผู้เขียนได้ฟังจากอาจารย์เองว่า
ตอนพบกันครั้งแรกๆ หลวงพ่อเคยกระซิบบอกว่า อาจารย์นี่ความจริงจะไปนิพพานตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว แต่พอได้พบกับ "พระเจ้าปเสนทิโกศล" ในขณะเข้าเฝ้าฟังธรรมใน
"พระเชตวัน" ที่กรุงสาวัตถี การพบกันครั้งนั้น จึงรู้สึกถูกอัธยาศัยกัน แล้วขอติดตามกันมาจนถึงสมัยนี้แหละ
ส่วนชื่อ "ยกทรง" บางคนที่มาใหม่อาจจะงง ผู้ชายทำไมชื่อ "ยกทรง" ความจริงชื่อนี้หลวงพ่อท่านตั้งให้เอง
เนื่องจากอาจารย์กับภรรยามีอาชีพขายชุดชั้นในที่เรียกว่า "ยกทรง" อยู่แถวประตูน้ำนั่นเอง นี่ก็เป็นเรื่องเล่าเล็กๆ น้อยๆ ก่อนนะ
"ปัจฉิมาจารย์"
....ขอนมัสการกราบแทบเท้าพระเดชพระคุณ พระราชพรหมยาน
(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ผู้เป็นอาจารย์องค์แรกและองค์สุดท้ายของ "ยกทรง" ที่เคารพอย่างสูงสุด
"....กระผมยังจำได้ดีเสมอว่า เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๕ เป็นปีที่ความเลวของยกทรงได้มีโอกาสพังพินาศด้วยฝีมือของหลวงพ่อ ทั้งนี้เพราะ "นายวันชัย จรุงเดชากุล"
ผู้เป็นศิษย์ของหลวงพ่อ (บ้านวันชัยอยู่ติดกันที่ประตูน้ำ) ได้พยายามตื้อให้กระผมไปนมัสการหลวงพ่อที่ซอยสายลม บ้านท่านเจ้ากรมเสริม กรุงเทพฯ
กว่าจะไปได้หลายเดือน
....ทั้งนี้เพราะความเลวของยกทรงยังอุดมสมบูรณ์ครบถ้วนทุกประการ เพราะอะไรหรือ?
....ก็เพราะตัวมานะอวดดื้อถือดีของยกทรงที่เคยบวชเป็น "เถนะสงฆ์" มา ๑๘ ปี เป็นนักเปรตเทศนาทางวิทยุโทรทัศน์หาเบาไม่ เมาลาภ ยศ สรรเสริญ
จนลืมว่าดีแต่สอนเขา...อิเหนาขาดปฏิบัติ
....ที่จริงอาจารย์กรรมฐานดีๆ มีมาก แต่คนเลวอย่างยกทรงเจอแต่อาจารย์ปากว่าตาขยิบเลยลงอเวจีไปกันใหญ่ ยังจำความเลวที่ไม่น่าให้อภัยก็คือ
สมัยเป็นนักเปรตประจำวิทยุยานเกราะของท่านเจ้าคุณกิตติวุฑโฒภิกขุ ทีนี้ "สมเด็จย่า" (พระราชชนนี) ทรงฟังรายการของยกทรง ท่านเรียกว่า "หลวงปู่"
ตามที่อาจารย์กิตติวุฑโฒ มาแจ้งให้ทราบภายหลัง ดูเหมือนจะครึ้มอย่างบอกไม่ถูก
...มาทราบภายหลังที่ศิษย์หลวงพ่อฤๅษีแล้ว จึงทราบว่า ที่โด่งดังในสมัยนั้นเป็นเพราะ พระ, พรหม, เทพ ท่านสงเคราะห์ช่วยเป็นพลังลับๆ ต่างหาก
อนิจจา..นึกว่าเราแน่ ที่แท้ก็เปรตอาศัยผ้าเหลืองต่างหาก
คืนที่ "วันชัย" ลากคอไปพบหลวงพ่อนั้น ก็ตั้งใจจะไปจับผิดคิดร้ายไปองค์หลวงพ่อ สมัยนั้นคืนวันศุกร์ก็จะมีคนยี่สิบกว่าคนเท่านั้น แต่ไปวันแรกคืนวันเสาร์
ไปช้าเพราะความเลวมันยังล้นกระบาลหัวเลยต้องไปนั่งชั้นบนที่แสนจะเบียดเสียดยัดเยียดเพราะลูกหลานไปกันมากมายนั่นเอง
พยายามหาความผิดของผู้อื่น นั่นคือสัญลักษณ์ของคนเลวแต่ก็เจอดีจนได้ กล่าวคือลำโพงข้างบนไม่ค่อยดัง นึกในใจว่า ถ้าดังกว่านี้คงดีมาก
พอรุ่งขึ้นวันอาทิตย์เปลี่ยนสายและลำโพงดังลั่นชื่นใจ ตอนนี้ชักเอ๊ะใจ แต่ท้ายคืนวันเสาร์หลวงพ่อพูดแกมตลกตกเหยื่อ ล่อยกทรงมั้งว่า
บางคนยังชอบรวย ไปซื้อหวยคนละ ๒๐ - ๔๐ บาท แฟนยกทรงตาลุกโพลงทันที คืนแรกยกทรงและเมียถวายคนละ ๒๐ บาท คิดในใจว่าถ้าเราถูกหวยจะซื้อที่ดิน ๓,๕๐๐ บาท ถวายอีก
๑ ไร่ เผงๆ ๔๐ เลขท้ายออกพอดี จึงเริ่มศรัทธาและที่ศรัทธาแบบสนิทใจก็คือ.."
จาก - หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๑
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่ด้านบน
|
|
[ ตอนที่ 2 ]
(Update 17 มกราคม 2561)
แค่นึกในใจนะนี่..!!!
.....คืนที่ "วันชัย" ลากคอไปพบหลวงพ่อนั้น ก็ตั้งใจจะไปจับผิดคิดร้ายไปองค์หลวงพ่อ
สมัยนั้นคืนวันศุกร์ก็จะมีคนยี่สิบกว่าคนเท่านั้น
แต่ไปวันแรกคืนวันเสาร์ ไปช้าเพราะความเลวมันยังล้นกระบาลหัวเลยต้องไปนั่งชั้นบนที่แสนจะเบียดเสียดยัดเยียดเพราะลูกหลานไปกันมากมายนั่นเอง
พยายามหาความผิดของผู้อื่น นั่นคือสัญลักษณ์ของคนเลวแต่ก็เจอดีจนได้ กล่าวคือลำโพงข้างบนไม่ค่อยดัง นึกในใจว่า ถ้าดังกว่านี้คงดีมาก
พอรุ่งขึ้นวันอาทิตย์เปลี่ยนสายและลำโพงดังลั่นชื่นใจ ตอนนี้ชักเอ๊ะใจ แต่ท้ายคืนวันเสาร์หลวงพ่อพูดแกมตลกตกเหยื่อ ล่อยกทรงมั้งว่า
บางคนยังชอบรวย ไปซื้อหวยคนละ ๒๐ - ๔๐ บาท แฟนยกทรงตาลุกโพลงทันที คืนแรกยกทรงและเมียถวายคนละ ๒๐ บาท
คิดในใจว่าถ้าเราถูกหวยจะซื้อที่ดิน ๓,๕๐๐ บาท ถวายอีก ๑ ไร่ เผงๆ ๔๐ เลขท้ายออกพอดี จึงเริ่มศรัทธาและที่ศรัทธาแบบสนิทใจก็คือ
สมัยโน้นไปวัดท่าซุง งานกฐินครั้งแรกในชีวิต ไม่สามารถเข้าไปในศาลาพระพินิจได้ เลยไปยืนอธิษฐานต่อหน้าพระประธานหน้าโบสถ์วัดท่าซุงว่า
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ท่านเก่งจริงอยู่แหล่แต่ทว่า คนมาแค่หมื่นๆ ก็ไม่มีสถานที่ต้อนรับน่าจะสร้างศาลาระดับโลกอีกสักหลัง
ปรากฏว่ารุ่งขึ้นเดือนต่อมาหลวงพ่อประกาศว่า สมเด็จสั่งให้สร้างศาลา ๒ ไร่ และก็ ๓ ไร่ ๔ ไร่ ๑๒ ไร่ วิหารพระองค์ที่ ๑๐ - ๑๑ วิหารท้าวมหาราช วิหารแก้ว ๑๐๐
เมตร
โอ๊ย...สร้างกันใหญ่จนกระทั่งทุกวันนี้ เลยครึ้มอกครึ้มใจเคารพนับถืออย่างสนิทใจ แต่ยังไม่ถวายชีวิต
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่ด้านบน
|
|
[ ตอนที่ 3 ]
(Update 25 มกราคม 2561)
หลวงพ่อบอก..เคยตัดหัวมาหลายชาติ
.....ในคืนวันศุกร์แรกของเดือนตุลาคม ๒๕๑๕ มีคนยังน้อยยี่สิบกว่าคน เป็นรายการคุยกันแบบตามใจท่าน
คำแรกที่หลวงพ่อพูดกับยกทรงก็คือ เคยตัดหัวมาหลายชาติ เล่นเอาตกใจเพราะยังไม่รู้ลีลา แล้วหลวงพ่อก็อธิบายว่า เป็นอาจารย์ยกทรงมาหลายชาติ
"อายุ ๕๙ ของเก่าจะตามมา"
ประโยคคำพูดนี้แหละที่ทำให้ปีติของยกทรงปลื้มใจมาหลายวัน เกิดความมั่นใจว่า เราคงได้บวชเป็นแพะที่วัดท่าซุง โดยมีหลวงพ่อฤๅษีเป็นปัจฉิมาจารย์เป็นแน่
ครึ้มจนบอกไม่ถูก
แม้เวลาสวดมนต์ตอนเช้า กายทิพย์ก็ไปอยู่ในโบสถ์วัดท่าซุง โดยมีหลวงพ่อเป็นอุปัชฌายะ ถามหลวงพ่อที่ซอยสายลมเกี่ยวกับภาพที่เห็นอย่างนี้
ท่านก็ตอบว่าเป็นอย่างนั้น ตอนนี้เริ่มศรัทธาถวายหัวแต่ยังไม่ถวายชีวิต
จนกระทั่ง "ครูเตี้ยม นิตยะศรี" ท่านเมตตาไปฝึกให้ที่ร้านยกทรง "เงินเงิน" กล่าวคือ ครูยืนสอนลูกศิษย์ยกทรงนั่งเย็บจักร
ที่ไม่ยอมไปฝึกที่ซอยสายลมก็เพราะอายเด็กๆ ที่เป็นครูฝึก เอ๊ะ..นี่เรามันอาจารย์ยกทรง เกรดอเวจีมีหรือจะไป ยอมให้เด็กเมื่อวานซืนมาเป็นครูฝึก
ในที่สุดองค์สมเด็จและหลวงพ่อฤๅษีลิงดำก็มีเมตตา ไม่อยากให้ยกทรง ลงใต้ก้นโลกันตร์นรกเลย จึงดลใจครูเตี้ยมไปปราบดาภิเษกเขกหัวให้
วิธีการก็คือ ครูถามว่า นี่ยกทรงอยู่กรุงเทพฯ เคยไปวัดพระแก้วมรกตบ้างไหม แหม..แหย่ถูกเส้นความเลวของยกทรงเผง
จึงตอบไปว่า เหม่ๆๆ ชะชะ อย่าว่าแต่เคยไปเลย ผมเคยเป็นพระหนุ่มองค์แรก ที่บังอาจเข้าไปเทศน์ในโบสถ์วัดพระแก้ว
ครูเลยถามว่า ถ้าไปจริงเทศน์จริง ไหนลองพูดมาซิว่า พระแก้วมรกตเป็นอย่างไร
คุณพระช่วย...ภาพพระแก้วปรากฏชัดเจนแจ่มใส บรรยายฟุ้งให้ครูเตี้ยมฟัง ครูยอยกอย่างรู้ใจ แล้วท่านครูเตี้ยมยืนสอนต่อไปว่า
งั้นก็ตั้งใจกราบองค์สมเด็จพระแก้วซี
อนิจจา...ม้าเลวแสนพยศ ก็ต้องสิโรราบกราบบังคมแพ้ด้วยประการซะนี้...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่ด้านบน
|
|
[ ตอนที่ 4 ]
(Update 2 กุมภาพันธ์ 2561)
ยอมถวายหัวและชีวิต
....เมื่อคราวถวายสังฆทานที่ซอยสายลมราวๆ สามทุ่ม หลวงพ่อก็จะขึ้นไปเข้าส้วมแล้วก็มาโต้ตอบอีกครึ่งชั่วโมง
โดยยกทรงใช้ปากเปล่ามาเป็นปีๆ
ปีต่อมาก็มีโทรโข่ง..ฮัลโหล แล้วก็กลายเป็นไมค์ ในที่สุดหลวงพ่อท่านเมตตา ซื้อเก้าอี้ให้ปฏิบัติการอยู่จนกระทั่ง..ปัจจุบันนี้
.
ที่ยอม "ถวายหัวและชีวิต" เพื่ออุทิศให้แก่หลวงพ่อก็เพราะว่า..
๑. เต็มใจสอนศิษย์ไม่ปิดบัง และไม่กลัวใครจะหาว่า "อวดอุตตริมนุสสธรรม"
๒. มีใจสะอาดบริสุทธิ์ ทำงานเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าแบบถวายชีวิต ทั้งๆ ที่ตัวหลวงพ่อจะฉันก็ยาก จะย่อยก็ยาก จะถ่ายก็ยาก แถมต้องอาเจียนเป็นเสมหะ
แบบสาหัสสากรรจ์ทุกๆ วัน ยิ่งใกล้จะถึงวันไปสอนกรรมฐานด้วยแล้วน่าเวทนายิ่ง
๓. มีความอดทนต่อมารเหลือง มารผ้าลายเป็นเยี่ยม เป็นยกทรงละก็โป้ง! ไปนานแล้ว
๔. นั่งแกร่วทั้งกลางวันและกลางคืน ทั้งสอนทั้งรับสังฆทาน ทั้งให้พร ทั้งต้องตอบปัญหาอีกครึ่งชั่วโมง กลางคืนก็ต้องรับสนองงาน ขององค์สมเด็จ, เทพ, พรหม,
พระ ว่ากันเกือบไม่ต้องนอนเชียวละ
๕. มีความเป็นกันเองอย่าง "ลูกกับพ่อ" ยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายลูกโดยถ้วนหน้า
๖. ไม่คิดลาภยศ ไม่สะสมทรัพย์ แต่ชอบสะสมหนี้ล่วงหน้า แก้ปัญหาโลภะ
๗. รักลูกทุกๆ คน ไม่ว่าลูกหญิงลูกชาย จนรวยไม่สำคัญ แต่สำคัญที่จิตสะอาด
๘. แนะนำสั่งสอนเพื่อตัดรอนเข้า "พระนิพพานในชาตินี้"
๙. เป็นที่พึ่งทั้งกายเน่าและกายทิพย์ เพราะว่าหลวงพ่อช่วยไว้ทั้งคนทั้งผี จนไม่มีที่จะเขียนบันทึกมาบรรยายให้ท่านทั้งหลายอ่าน...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่ด้านบน
|
|
[ ตอนที่ 5 ]
(Update 10 กุมภาพันธ์ 2561)
ยกตัวอย่าง "เด็กพระสุธรรม"
....ประการสำคัญที่สุดก็คือ พวกบวชนานพัดยศยอดแหลม ยอดคู้ เป็นครูอภิธรรม นักเขียนนักเผยแพร่ชั้นนำของเมืองไทยบางตัว
ที่ชอบปฏิเสธว่าสภาพพระนิพพานไม่มี เพ้อเจ้อเพ้อฝัน จินตนาการเอาเอง
มีอย่างหรือ..เป็นผู้บริสุทธิ์หมดจดจากกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน ไหง..ยังมีสภาวะเป็นทิพย์พิเศษอยู่เมืองอเวจีด่าว่าหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ อย่างสาดเสียเทเสีย
ไอ้...กาฝากแผ่นดินไทย !
โอ...ท่านคัมภีร์เปล่าขอรับ ขอนิมนต์ไปอยู่กับพระเทวทัตตามอัธยาศัยเถิด ผมว่าว่างๆ ลองไปยกมือไหว้ถามนักเรียน "โรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา" ดูบ้าง
บางทีอาจจะพอพ้นจากขุมนรกใหญ่ๆ ได้บ้างกระมั้ง จงถอดหัวโขนหัวสุนัขออกเสียเถิด จะได้ไม่ต้องไปเกิดที่เมืองนรก
ที่กล้าพูดเช่นนี้ก็เพราะ "ยกทรง" ผู้พูด เลวบัดซบสมบูรณ์แบบมาก่อน มาเจอคู่ปรับซึ่งผูกพันกันมา ๒๕๓๓ ปี ไม่งั้นจะลงไปนอนร้องตะโกนที่อเวจีว่า
"..สมน้ำหน้าความเลวของตนแล้ว ที่หลงลาภยศสุขสรรเสริญ ติดไปติดมา เอ..ยกทรงบวชเป็นพระมีศีลครบ ๔ ตัวหรือเปล่าก็ไม่รู้ สาธุ....สาธุ อุกาสะ ขมามิ ภันเต
รัตตะนัตตะ เย สัพพัง.."
ต้องขอกราบแทบเท้าหลวงพ่อฤๅษีว่า การสร้างโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยาที่วัดท่าซุง โดยมีหลักเกณฑ์ว่า
เด็กๆ จะได้มโนมยิทธิเห็นนรก สวรรค์ พรหม และไปสัมผัสที่พระนิพพานได้เสียก่อน จึงเข้าเรียนได้ ถ้าเลวก็ไล่ออก
ต่อไปเด็กพวกนี้ถ้าเป็นพระก็ชั้นพระอริยเจ้า ถ้ารับราชการบริหารบ้านเมือง ก็เป็นฆราวาสอริยชน โอ..โฮ้ บ้านเมืองขวานทองของไทยจะไปได้สวย
ไม่เฮงซวยเหมือนปัจจุบันนี้
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด ท่านเปรตผ้าเหลืองและเปรตผ้าลายทั้งหลาย เมื่อใดกรรมมันตามมาสนอง จงอย่ามาร้อง ว่า...รู้งี้กูเชื่อ "ฤๅษีลิงดำ" เสียก็ดีแล้ว !
เป็นอันพูดกันอย่างเต็มปากเต็มเสียงได้เลยว่า ยกทรง (นายวีระ งามขำ) ขอยอมตายถวายชีวิตให้กับหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ผู้เป็นปัจฉิมาจารย์แล้วขอรับ
จะต่อสู้เพื่อเผยแพร่ พระนิพพานให้ในชาตินี้ให้ไพศาลต่อไป โดยไม่หวั่นเกรงภัยใดๆ ทั้งสิ้น
ด้วยกุศลผลบุญที่ข้าน้อยยกทรงได้บำเพ็ญมาแล้วทั้งหมด แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี และจะทำต่อไปในอนาคตก็ดี
ขออุทิศเจาะจงถวายแด่องค์หลวงพ่อ ขอได้โปรดรับและอนุโมทนาการ เพื่อเป็นที่พึ่งแก่คนดีทั้งหลายสืบต่อไปชั่วกาลนานเทอญ
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
◄ll กลับสู่ด้านบน
|
|
[ ตอนที่ 6 จบ ]
(Update 18 กุมภาพันธ์ 2561)
นิพพานชาตินี้ โดย "ศิษย์หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ"
๑. อธิษฐานตื่นนอนเช้าว่า วันนี้ลูกจะทำความดีให้มากที่สุด ตายเมื่อไรขอไปนิพพานชาตีนี้
๒. ทำบุญวันละบาท ขอถวายเป็นสังฆทาน ขอนิพพานชาตินี้ และขอให้คล่องตัวทุกๆอย่าง
๓. รักษาศีล ๕ หรือศีล ๘ ให้ครบทุกข้อจงขอบารมีพระพุทธเจ้ามาเป็นกำลังใจในการรักษาศีล
๔. ภาวนามีให้เลือกดังนี้ แบบฝึก "มโนมยิทธิ"
หายใจเข้า "นะมะ" หายใจออก "พะธะ"
หายใจเข้า "พุท" หายใจออก "โธ"
หายใจเข้า "นิพพาน" หายใจออก "นิพพาน"
๕. "นิมิต" ฝึกจำภาพพระพุทธรูปที่ตนชอบ ๑ องค์ หลับตาและลืมตาต้องจำภาพให้ได้
๖. "ขยายนิมิต" ออกไปกลางแจ้ง ขอให้พระองค์ขยายให้เต็มท้องฟ้า แล้วคลุมตัวเราและร้าน
๗. "เรียกบารมี" ผลบุญใดที่ทำไว้แล้วทั้งหมด จงมาสนองตัวข้าพเจ้า ณ กาลบัดนี้เถิด
๘. "ขอขมาพระรัตนตรัยทุกวัน" ให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า เพื่อเข้าพระนิพพานในชาติปัจจุบัน ณ กาลบัดนี้เถิด
๙. "พิจารณา" ให้ดูร่างกายของตนว่า สกปรก โสโครก เหม็นเน่า อืดพอง น้ำเหลือง เละเหมือนถุงห่อหุ้มของเน่า
มีร่างกายจึงเป็นทุกข์ เพราะแก่ เจ็บ แล้วก็ตาย สลายหมด อนิจจา... พอหนังกำพร้าฉีกขาด น้ำเลือด น้ำหนองหลั่งไหล เหม็นคาวเน่าคลื่นไส้ อ้วกแตก
๑๐. "ทาน ศีล ภาวนา" ก็ดีน้อยหรือมาก ทำด้วยความเต็มใจ เพื่อเข้าพระนิพพานชาตินี้
๑๑. ขอยืนยันว่า เราเข้านิพพานชาตินี้ได้เพราะ จิตนึกสิ่งใดตายแล้วจะไปที่นั้นแล
๑๒. พระพุทธเจ้า ๕ แสน ๑ หมื่น ๒ พัน ๒๘ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้านับเป็นล้านๆ พระอรหันต์เป็นแสนๆ โกฏิอยู่ครบ
ที่เมืองนิพพานคอยสงเคราะห์คนทำความดีพิสูจน์ได้
๑๓. "นิพพานสูญ" สูญ แปลว่า "ว่างจากกิเลสทั้งหมด" มีแต่สภาพเป็นทิพย์พิเศษ บริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ที่นั่นเป็นอมตะ
ถ้าปฏิบัติกับครูผู้ทำได้ทำถึงปัญหาไม่มี อย่าห่วงตำราอย่าบ้าความรู้ปริยัติ จงถอดหัวโขนสักครู่ แล้วไปฝึกกับครู ลูกศิษย์ "หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ"
วัดท่าซุง
๑๔. "คบผู้รู้นิพพาน สอนนิพพาน" ทำทุกๆ อย่างเพื่อพระนิพพานชาตินี้ จะมีผลแก่ตนแล แต่ถ้าคบนักเปรต ปฏิเสธเมืองนิพพาน อเวจีครับท่าน..แย่งกันไปเยอะ
๑๕. "แผ่เมตตาปฏิบัติธรรม" ข้าพเจ้าขอแผ่เมตตาบารมีจิตให้แด่ท่านทั้งหลาย และสรรพวิญญาณทั้งปวง ขอจงอโหสิกรรมซึ่งกัน และกัน จงมีความสุข
พ้นทุกข์ในชาตินี้ สู่ที่นิพพานเทอญ
๑๖. "คำอาราธนาเจริญกรรมฐาน" ลูกขอบูชาและขออาราธนาบารมี พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระธรรม และ พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย
บิดามารดาครูบาอาจารย์ พรหมเทวดาทั้งหมด ขอได้โปรดสงเคราะห์ให้ได้รู้ ได้เห็นพระนิพพาน ตามความเป็นจริง ณ กาลบัดนี้เถิด
๑๗. "อุทิศส่วนกุศล" ขออุทิศส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญเพียรมาแล้วนี้ ถวายแด่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ บิดามารดา
ครูบาอาจารย์ พรหมเทวดา มนุษย์ทั้งหลาย
อบายภูมิทั้ง ๔ เจ้ากรรมนายเวร สรรพวิญญาณทั้งหมด จงโมทนา จงมีความสุข พ้นทุกข์ทั้งปวง ก้าวล่วงถึงพระนิพพานขอพระยายมราช
จงเป็นสักขีพยานการเข้านิพพานของข้าพเจ้าด้วยเถิด...
◄ll กลับสู่ด้านบน
|
|
|