Not logged in [Login - Register]
Go To Bottom
Printable Version | Subscribe | Add to Favourites ตั้งหัวข้อใหม่
[*] posted on 3/8/18 at 10:11 [ QUOTE ]

พลับพลาอนุสรณ์..สมเด็จพระนางเจ้าฯ เสด็จเยือน "วัดท่าซุง" เป็นครั้งแรก




สารบัญ (เลือกคลิกที่รายการ)

[01]
ตอนที่ ๑ ถวายคำพยากรณ์เรื่องของบ้านเมือง
[02] ตอนที่ ๒ ระบบกษัตริย์จะกลับมาอีก
[03] ตอนที่ ๓ รัชกาลที่ ๑๐ ชาววิไล
[04] ตอนที่ ๔ วันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๘-๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๑

[05] ตอนที่ ๕ ศาลาจตุรมุข (พลับพลาอนุสรณ์)

ตอนที่ ๑

งานพิธีเททองหล่อรูปหลวงปู่ปาน

เมื่อวันที่ ๖-๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๘
(เป็นงานทำบุญครบรอบ ๑๐๐ ปีเกิดของหลวงปู่ปานด้วย)


...ภาพประวัติศาสตร์นี้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ฯ

ทั้งสี่พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินวัดท่าซุงเป็นครั้งแรก ได้ทรงกระทำพิธีเททองหล่อรูปหลวงปู่ปาน ณ วัดท่าซุง (บริเวณหน้าพระอุโบสถ)


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินด้านหน้าศาลาเก่า (ฝั่งโบสถ์เก่าริมแม่น้ำสะแกกรัง) ต่อมาหลวงพ่อฯ ได้เล่าไว้ในหนังสือ "พระเมตตา" เมื่อปี ๒๕๑๘ ดังนี้




ถวายคำพยากรณ์เรื่องของบ้านเมือง

"...ท่านสาธุชนพุทธบริษัท ตอนนี้เป็นตอนที่ ๖ ก็คงต้องขอต่อจากตอนที่ ๕ เพราะว่าตอนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถามว่า “ท่านว่ากันว่ายังไงบ้าง ?”

ที่อาตมาบอกกับบรรดาท่านพุทธบริษัทไว้แล้วว่า พระองค์ตรัสแบบนั้นก็หมายถึงผู้อื่นว่า ไม่ใช่อาตมาว่า อาตมาก็เลยว่าไปตามที่ทาง "สุโขทัย" ท่านว่า

และถ้าหากว่าบรรดาท่านพุทธบริษัทอยากจะถามอาตมา ว่าพูดกับทาง "สุโขทัย" ได้ยังไง ตอนนี้ไม่บอกกันดีกว่า ขืนบอกไปก็ลำบากแก่บรรดาท่านพุทธบริษัท


จึงได้ถวายพระพรต่อไปว่า ต่อไปบ้านเมืองของเราจะมีแต่ความมั่งคั่งสมบูรณ์ มีความร่ำรวยขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัพยากรในประเทศไทยจะปรากฏมาก

ประเทศชาติจะร่ำรวย แล้วก็รวยมาก ประเทศที่เคยรวยอยู่แล้ว อาจจะอายประเทศไทย นี่อาตมาต่อนะ ความจริงได้ถวายพระพร

แต่เพียงว่าทรัพยากรทั้งหลายจะปรากฏขึ้นมามากนับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นต้นไป เป็นลำดับจะค่อย ๆ มีขึ้น

จะขึ้นมามากนับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นต้นไป เป็นลำดับจะค่อย ๆ มีขึ้น จะขึ้นมาเต็มที่เมื่อกลางสมัยรัชกาลที่ ๑๐


(โปรดติดตามตอนต่อไป)

◄ll กลับสู่ด้านบน



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 3/8/18 at 13:57 [ QUOTE ]


ตอนที่ ๒



ระบบกษัตริย์จะกลับมาอีก


...นี่พูดตามความจริงใจ ที่พูดตามนั้นก็เชื่อตาม "หลวงพ่อใย" (สมัยอยุธยา) ที่ท่านพยากรณ์ไว้ ว่าประเทศไทยยังจะมีรัชกาลที่ ๑๐ แล้วก็ยังจะมีความอุดมสมบูรณ์ต่อไป

แล้ว "หลวงพ่อปาน" ยังพูดต่อไปว่า ไม่ใช่มีแต่รัชกาลที่ ๑๐ ต่อไปจะมีไปเรื่อย ๆ พระมหากษัตริย์ในประเทศไทย

แล้วชาวโลกทั้งหลายทั้งหมด ก็จะกลับปฏิวัติจากระบบ "ประชาธิปไตย" หรือระบบประธานาธิบดีทั้งหลาย กลับมาเป็นกษัตริย์อย่างเดิม เรียกว่า "กลับมามีกษัตริย์" ตามเดิม


ทำไมจึงได้เป็นอย่างนั้น อาตมานั่งคิดนอนคิดมานาน บรรดาท่านพุทธบริษัท มันก็คิดไม่ออก ว่าทำไมท่านผู้รู้ท่านจึงได้กล่าวกันไว้อย่างนั้น

แต่มาพิจารณาในตอนหลังก็พอเข้าใจได้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย การเปลี่ยนกันขึ้นมาบริหารประเทศ ประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ แต่เป็นประชาธิปไตย มีหัวหน้าฝ่ายบริหารเป็นนายกรัฐมนตรี

บางประเทศก็มีประมุขของประเทศเป็นประธานาธิบดี มีหัวหน้าฝ่ายบริหารเป็นนายกรัฐมนตรี สองสามหรือสี่ปีเปลี่ยนกันทีหนึ่ง ห้าปีเปลี่ยนกันทีหนึ่ง ดีไม่ดีปีสองปีก็เปลี่ยนกัน การปกครองแบบนี้นั้นมันเป็นของดี เขาเรียกว่าประชาชนเป็นใหญ่


แต่ความใหญ่ของประชาชนนี่ซี บรรดาท่านพุทธบริษัท มันใหญ่เสียหลายอย่าง บางทีฐานะเล็ก ๆ อยู่ไม่กี่วันพอเข้ามาบริหารประเทศ ฐานะก็ใหญ่ไปด้วย

เมื่อคนหนึ่งขึ้นมาใหญ่แล้วไม่เป็นไร นาน ๆ เปลี่ยนกันขึ้นมาใหญ่ต่อไปอีก นี่..ในเมื่อฝ่ายบริหารใหญ่ ฝ่ายถูกบริหารก็เล็ก ผอมลง ๆ คนบริหารก็ใหญ่ขึ้น ๆ

นี่เราว่ากันถึงว่านักบริหารที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต แต่นักบริหารที่ดีก็มีถมไป แต่ว่าการบริหารหรือจิตใจของคน บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ที่ไม่ติดในวัตถุมันก็มีเป็นของน้อย เพราะคนทุกคนต้องอาศัยวัตถุเป็นสำคัญ


นี่..เพราะเหตุการณ์อย่างนี้แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน ถ้าเราจะหันหลังไปดู "สมัยสุโขทัย" จะเห็นว่าพระองค์ทรงปกครองประเทศชาติในระบบประชาธิปไตย แต่มีกษัตริย์เป็นประมุข

แม้แต่สมัยรัตนโกสินทร์ก็เหมือนกัน ไปอ่านจดหมายเหตุให้ดี การบันทึกการประชุมให้ดีบรรดาท่านพุทธบริษัท ไม่มีพระมหากษัตริย์องค์ไหนที่ใช้พระราชอำนาจเกินสมควร

เว้นไว้แต่บางกาล บางวาระ อาจจะมีบ้างก็เช่นเดียวกันกับการบริหารแบบปัจจุบัน เราจะเห็นว่าบางกาล บางวาระก็ออกข้าง ๆ เหมือนกัน

อันนี้ท่านเปรียบเทียบไว้ แหม..จะพูดไปก็กลัวตะราง..ไม่พูดดีกว่า เป็นอันว่าเอายังงี้แล้วกัน เรื่องพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่ออาตมา..เรายุติไว้แต่เพียงเท่านี้..."


(โปรดติดตามตอนต่อไป)

◄ll กลับสู่ด้านบน



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 3/8/18 at 14:10 [ QUOTE ]


ตอนที่ ๓

รัชกาลที่ ๑๐ ชาววิไล


...ตอนนี้เปรื่องปราชญ์มาก เพราะว่ารัชกาลที่ ๙ วางพื้นฐานไว้ให้ ทุกอย่างวางพื้นฐานไว้หมด แต่ความจริงการเป็นพระมหากษัตริย์ อาตมาสงสารรัชกาลที่ ๙ มาก

เพราะพระองค์ไม่มีแบบปฏิบัติ กษัตริย์ทุก ๆ พระองค์ที่ผ่านมา เว้นไว้รัชกาลที่ ๘ ทรงเห็นความเป็นกษัตริย์จากพระราชบิดาบ้าง จากพระเจ้าพี่บ้าง

แต่ทว่ารัชกาลที่ ๙ กับรัชกาลที่ ๘ นี่ลำบากมาก เพราะมองไม่เห็นระบบของกษัตริย์มาก่อนเลย ไม่รู้จะเอาแบบฉบับมาจากไหน ต้องทรงสร้างพระองค์เองทั้งนั้น พระองค์ต้องทรงสร้างแบบฉบับขึ้นมาเอง



(พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกระทำพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ในพระเกตุมาลาพระประธาน ณ พระอุโบสถ วัดท่าซุง)

แต่ทว่ารัชกาลที่ ๙ ทรงสร้างแบบฉบับได้ดีมาก เป็นที่น่าสรรเสริญ นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้าแผ่นดินเสด็จมาทรงสนทนาปราศรัยด้วย เลยยกยอพระเจ้าแผ่นดิน..ไม่ใช่ยังงั้น

นี่เราพูดกันตามความเป็นจริง ก็ดูตัวอย่างก็แล้วกันนี่ พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อย ทรงเสียสละทุกอย่าง เห็นชอบไหมถ้าพระองค์ให้

แล้วคนที่เขามาโฆษณาปาว ๆ ให้เราไปเป็นทาสเป็นขี้ข้าเขา ให้กินข้าววันละ ๑ กระป๋องนม ต่อ ๑ ครอบครัวน่ะ เราชอบใจไหมล่ะ





(ชาวกะเหรี่ยงวัดพระบาทห้วยต้มได้แสดงการฟ้อนรำดาบต่อหน้าพระที่นั่ง มีเรื่องเล่าว่า ในขณะนั้น มีกะเหรี่ยงคนหนึ่งผ้าถุงหลุด แต่ไม่ถึงกับหลุดลงมากอง แค่เพียงแต่หลุดแล้วจับไว้ทันเท่านั้นเอง)

ถ้าชอบใจแบบนั้นก็จงอย่าชอบใจพระเจ้าแผ่นดิน จะได้กินข้าวน้อย ๆ เชพมันจะได้ดี ๆ แต่ว่าการงานมันหนัก นี่ถึงรัชกาลที่ ๑๐ ชาววิไล

ทีนี้..ถึงประการสุดท้ายก็บอกไว้แล้วนี่ ที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ นี่ ที่อาตมาถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า "ประเทศไทย" ไม่มีอันตรายถึงกับวินาศไปก็อาศัยหลักใหญ่จากหนังสือฉบับนี้

ถ้าหากว่าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทจะถามว่า ถ้าหากหนังสือพยากรณ์ผิด แล้วความผิดไม่ถึงอาตมารึ ? อาตมาก็บอกแล้วนี่ ว่ายอมถวายหัวว่า

ถ้าหากประเทศไทยต้องตกไปเป็นทาสเขาละ อาตมาเอาชีวิตเป็นประกัน..ยอมตาย โธ่เอ๊ย..ไอ้เรื่องตายมันเรื่องเล็กนี่ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่

เรื่องตายเป็นเรื่องเล็ก ฆ่าก็ตายไม่ฆ่าก็ตาย ไอ้คนมันจะตายอยู่แล้วนี่ เอ้าลองลงทุนบอกเอ้า ถ้าหากไม่เป็นไปแบบนั้นอาตมาขอถวายชีวิต เอาชีวิตเป็นประกัน มันจะไปยากอะไร ไม่ช้าก็ม่องตี่.."


(โปรดติดตามตอนต่อไป)

◄ll กลับสู่ด้านบน



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 6/8/18 at 06:08 [ QUOTE ]


ตอนที่ ๔

๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๘ - ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๑


...ภาพประวัติศาสตร์นี้ ถ่ายเมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๘ สมเด็จพระบรมราชนินีนาถทรงถวายปัจจัยเพื่อประสงค์ทำบุญกับหลวงพ่อฯ โดยเฉพาะ

เนื่องในโอกาสใกล้จะถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๑๘ บัดนี้เวลาล่วงมา ๔๓ ปีแล้ว ในตอนนั้น หลวงพ่อท่านชี้แจงไว้ว่า..


"...สำหรับเงินที่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถถวายอาตมาในวันนั้น พระองค์ไม่ได้รับสั่งให้เอาเงินนี้ไปทำอะไร แต่มีความเข้าใจว่าคงมีพระราชประสงค์จะร่วมในวิหารทาน

ฉะนั้น เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแก่พสกนิกรชาวไทย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวจังหวัดอุทัยธานี และชาวจังหวัดใกล้เคียง ที่พระองค์ได้เสด็จมาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และหล่อรูปหลวงพ่อปาน เพื่อเป็นมิ่งขวัญแก่บรรดาท่านพุทธบริษัทและศาสนาอย่างยิ่ง

ฉะนั้น จตุปัจจัยที่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถทรงถวาย อาตมาก็จะขอตั้งเป็นทุนเอาไว้ เพื่อสร้างพลับพลาเป็นอนุสรณ์ คือทำเป็นจตุรมุขมียอดกลาง

ความจริงให้ชื่อว่า "พลับพลา" บรรดาพุทธบริษัททั้งหลายโดยถ้วนหน้าจะคิดว่า นี่เราสร้างให้แก่พระเจ้าแผ่นดิน อาจจะมีผลเนื่องในการบำเพ็ญกุศลน้อยไป



(สมเด็จพระบรมราชนินีนาถทรงมีพระราชเสาวณีย์กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ณ ที่ประทับด้านข้างพระอุโบสถ)

...ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น ใช้ศัพท์ว่า “พลับพลา” เพื่อจะเป็นอนุสรณ์ว่า ที่วัดนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ

และพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ ได้เคยเสด็จมาโปรดบรรดาปวงชนชาวไทยให้ได้เข้าเฝ้าใกล้ชิด ถือว่าเป็นมิ่งขวัญใหญ่

ฉะนั้น สถานที่ตรงไหนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประทับแล้ว ตามโบราณถือว่าสถานที่ตรงนั้น ถ้าใครไปปลูกบ้านทับก็ดี หรือพระไปตั้งกุฏิทับก็ดี ถ้าบุญบารมีไม่สมควรแก่พระองค์ก็จะพบกับความย่อยยับ

คือหาความเจริญมิได้ อาตมาในฐานะที่เป็นพระโบราณจึงจะสร้างอาคารสถานที่ทับเข้าไว้ที่ตรงนั้น เพื่อเป็นการห้ามไม่ให้ใครไปสร้างอาคารสถานที่ทับเป็นที่อยู่

แล้วพลับพลานี้ สร้างในเขตของพระบรมครู คือในเขตของสงฆ์ ถ้าเราไม่ใช้คำว่า พลับพลาก็ต้องเรียกว่าเป็นมณฑป

เป็นอันว่า เป็นการสร้างวิหารทานไว้ในพระพุทธศาสนา สำหรับพลับพลาที่ประทับอันเป็นอนุสรณ์หลังนี้ ช่างประมาณราคาไว้ประมาณ ๘ แสนบาทเวลานี้

เวลาที่อาตมาพูดนี่คือเป็นวันที่ ๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๑๘ ก็ได้เริ่มลงมือวางคานแล้ว จะให้เสร็จก่อนเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๑๙ แล้วพร้อมกันนั้น ก็ได้ทำกำแพงแก้วขึ้นรอบพระอุโบสถ..."


(โปรดติดตามตอนต่อไป)

◄ll กลับสู่ด้านบน



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 8/8/18 at 10:18 [ QUOTE ]


ตอนที่ ๕

ศาลาจตุรมุข (พลับพลาอนุสรณ์)



พิธีเททองหล่อรูปเหมือน หลวงปู่ปาน
เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๘










...เมื่อถึงเวลาอันสำคัญ ล้นเกล้าทั้งสองพระองค์เสด็จประทับยืนถือสายสิญจน์มงคล เพื่อกระทำพิธีเททองหล่อรูปหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค


...ขอบันทึกสถานที่สำคัญไว้อีกจุดหนึ่ง นั่นคือบริเวณด้านหน้าศาลาพระพินิจ ได้จัดเป็นพลับพลาที่ประทับชั่วคราว

ในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมา ณ วัดท่าซุงเป็นครั้งแรก ได้ทรงประทับ ณ ที่นี้ เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๘

ภายหลังหลวงพ่อจึงได้จัดสร้างเป็นศาลาจตุรมุข ไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ และสำหรับประดิษฐานพระพุทธชินราช และรูปหลวงพ่อปาน (ไว้สำหรับปิดทองได้)





(หลังจากสร้างพลับพลาอนุสรณ์เสร็จแล้ว เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา และ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงค์ วัดราชผาติการาม ได้ทำพิธียกฉัตร เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2519)


(สำหรับยอดฉัตรนั้น ภายหลังหลวงพ่อฯ อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุออกให้มาญาติโยมพุทธบริษัทสรงน้ำ ก่อนที่จะทำพิธีอัญเชิญขึ้นไปบรรจุบนยอดฉัตรพระมณฑป)

เมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อได้ทำพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๙ ก่อนหน้านั้นท่านได้นำพระบรมสารีริกธาตุที่จะบรรจุ มาให้ญาติโยมทั้งหลายได้ชมและสรงน้ำกัน ที่ศาลานวราช




(หลังจากถวายน้ำสรงพระบรมสารีริกธาตุแล้ว หลวงพ่อได้นำน้ำสรงนั้น ประพรมให้แก่ทุกคนเป็นสิริมงคล แล้วจึงทำการพิธีบรรจุต่อไป)

ต่อจากนั้นหลวงพ่อได้เริ่มพิธีบรรจุไว้ในผอบ แล้วใช้สายโยงติดรอกดึงขึ้นไปจากศาลานวราช โดยมีคนคอยรับอยู่บนหลังคาศาลาจตุรมุขนั้น

แล้วทำการบรรจุไว้เป็นที่เรียบร้อย เพื่อเป็นสถานที่สำคัญที่บรรดาพุทธศาสนิกชนจะได้เป็นที่กราบไหว้อีกแห่งหนึ่งภายในวัดท่าซุง.


(โปรดติดตามตอนต่อไป)

◄ll กลับสู่ด้านบน



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 10/8/18 at 10:10 [ QUOTE ]


.

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 11/8/21 at 10:10 [ QUOTE ]


.

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
ตั้งหัวข้อใหม่

Go To Top