Not logged in [Login - Register]
Go To Bottom
Printable Version | Subscribe | Add to Favourites ตั้งหัวข้อใหม่
[*] posted on 19/4/19 at 10:31 [ QUOTE ]

"ผมถูกหลวงพ่อดักคอ..กินเป็ด" บันทึกโดย ร.ต.นที (บัง) ทนุวงษ์


สารบัญ (เลือกคลิกที่รายการ)

ตอนที่ 1พระองค์นี้ถูกชะตา
ตอนที่ 2 หลวงพ่อรู้ได้อย่างไร ?
ตอนที่ 3 หลวงพ่อย่นระยะทางได้
ตอนที่ 4 วัตถุมงคลหลวงพ่อคุ้มครองได้

ตอนที่ 5 ผมถูกหลวงพ่อดักคอ..กินเป็ด


[ ตอนที่ 1 ]
(Update 8 มิถุนายน 2562)


"พระองค์นี้ถูกชะตา"
บันทึกโดย ร.ต.นที (บัง) ทนุวงษ์


"...ผมนับถือศาสนาอิสลามมาแต่กำเนิด มีความเคร่งครัดต่อศาสนาอิสลาม ตั้งแต่เด็กๆ เป็นต้นมา (เกิดปี ๒๔๙๒)

ครั้นอายุได้ ๑๘ ปี จิตใจก็เริ่มหันเหไปสนใจเรื่อง การดูการเข้าทรงเจ้า แต่ก็ยังเป็นผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเช่นเดิม จวบจนได้พบหลวงพ่อแล้ว ได้เกิดความศรัทธามั่นคง จึงได้หันมานับถือศาสนาพุทธ

และเมื่อคราวที่มีการอุปสมบทพระภิกษุจำนวน ๑๘๐ รูป ที่วัดท่าซุง เพื่อถวายกุศลให้แก่หลวงพ่อคราวนั้น ผมก็เป็นผู้หนึ่งที่ได้ร่วมการอุปสมบท

ในครั้งนั้นด้วยซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่า ผมมีความเคารพศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง การพบหลวงพ่อในชีวิตนี้ ถ้าดูผิวเผินคล้ายกับเป็นการบังเอิญ

แต่ถ้าพูดการตามหลักแล้วคิดว่า เป็นเพราะได้ร่วมบุญกับหลวงพ่อมาแต่ปางก่อน จึงส่งผลให้ผมโชคดีที่ได้เกิดมาพบหลวงพ่อในชาตินี้ และเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้เกิดมาร่วมบุญกับหลวงพ่อ

กาลใดตั้งแต่ในอดีตชาติทุกชาติๆ มาจนถึงปัจจุบันนี้ หากผมได้เคยล่วงเกินหลวงพ่อ หรือได้ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย มีหลวงพ่อปาน และหลวงพ่อเป็นที่สุด

ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี หรือทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้โปรดยกโทษให้แก่ผม จนกว่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญ

ผมต้องขอขอบพพระคุณ และจารึกพระคุณของ พล.อ.ทวนทอง สุวรรณทัต นายเก่าของผม และพ.ต.ท.อรรณพ กอวัฒนา ที่ทำให้ผมได้เข้ามาพบแสงสว่างจากหลวงพ่อ

พบกระแสแห่งศรัทธา
...ต่อไปนี้ผมขอเล่าเหตุการณ์บางตอนเมื่อผมได้พบหลวงพ่อ ประมาณปี ๒๕๑๙ พล.อ.ทวนทอง สุวรรณทัต นิมนต์หลวงพ่อไปที่ บก.สน. สนามเสือป่า

ตอนนั้นหลวงพ่อจะไปทุ่งสง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นิมนต์หลวงพ่อไปร่วมพิธีเปิด "อนุสาวรีย์พระเจ้าตาก" ที่ค่าย ตชด.

ขณะที่หลวงพ่อไปฉันเพล ช่วงที่หลวงพ่อเดินผ่านหน้าผมไป พอท่านเดินผ่านหน้าห้องผมไปแล้ว (ผมเป็นจ่าทหารอยู่ที่นั่น)

ผมนึกในใจว่า "เอ๊ะ..พระองค์นี้ถูกชะตา !"

ผมก็ไปถาม ร.ต.อ.อรรณพ กอวัฒนนา (ยศขณะนั้น ปัจจุบันนี้ยศคือ พ.ต.ท.) ว่า "พระองค์นี้...เป็นใคร? แล้วท่านจะเดินทางไปไหน?"

ตอนนั้น เรื่องพระกับผม ไม่ค่อยถูกโฉลกกันเท่าไร (แต่ผมก็มีใจรักทางนี้อยู่บ้าง) เพราะตอนนั้นผมไปหลงการเข้าทรงเจ้าอยู่

พอถามพี่อรรณพแล้ว พี่อรรณพบอกว่า "หลวงพ่อจะไป ตชด.ที่ทุ่งสง"

ผมเลยถามพี่อรรณพว่า "ผมจะติดตามหลวงพ่อไปได้ไหม"
พี่อรรณพบอกว่า "ให้ไปขออนุญาตจากนาย คือ พล.อ.ทวนทอง สุวรรณทัต"

ผมเข้าไปขออนุญาต (ระหว่างคอยนาย ผมก็เตรียมเสื้อผ้า พร้อมปืน ทุกอย่างเรียบร้อย พร้อมที่จะร่วมออกเดินทางได้เลย)

นายบอกอนุญาตให้ไปได้ และสั่งเลยว่าให้ผมติดตามหลวงพ่อไปตลอด เมื่อติดตามไปตลอดแล้ว ต่อมานายคือ พล.อ.ทวนทอง สุวรรณทัต ก็อนุญาตให้ผมไปอยู่วัดท่าซุงได้ ให้เฝ้าหลวงพ่อ..."


(โปรดติดตามตอนต่อไป)

◄ll กลับสู่สารบัญ



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 8/6/19 at 06:20 [ QUOTE ]


[ ตอนที่ 2 ]
(Update 19 มิถุนายน 2562)


หลวงพ่อรู้ได้อย่างไร ?


"...ตอนไปอยู่วัดท่าซุง ช่วงที่หลวงพ่อฉันเพลแล้ว พอฉันเพลเสร็จ หลวงพ่อก็เข้าห้องพักในห้องทำงาน (จำวัด) ที่ข้างวัดคือโรงเรียน ซึ่งติดอยู่กับวัดท่าซุง มีเสียงยิงปืนดังขึ้น

ผมก็ออกไปห้ามเขา บอกว่าหลวงพ่อกำลังพักผ่อน พอไปห้ามเขาแล้ว ผมก็เดินกลับมาที่พักนั่งพักที่หน้าห้องพักหลวงพ่อ

สักพักเขา (คนที่ยิงปืน) ก็มาหาพี่สมนึก ถามว่า คนใส่แว่น (คือตัวผม) นี่เป็นใคร? เพราะเขารู้จักพี่สมนึกดี พี่สมนึกก็โทรศัพท์มาตามผมว่า "เฮ้ยบัง..มีคนมาตามหาต้องการพบอยู่หน้าวัด"

ระหว่างนั้น ผมเตรียมปืนอยู่ หลวงพ่อกำลังนอนพักอยู่ในห้องส่วนตัวของท่าน อยู่ๆ ท่านก็เดินออกมาลักษณะคนเพิ่งตื่นนอนใหม่ๆ หน้าตายังบวมอยู่

ท่านมาหาผมแล้วพูดว่า "เฮ้ย..พวกเดียวกัน" แล้วท่านก็พาผมไปรู้จักกับเขา จับมือกัน ไม่มีเรื่องกัน เพราะพวกนั้นกำลังเมาเหล้าอยู่

ผมไปห้ามพวกนี้ เขาท้าผมไปยิงกันหน้าวัด (ตอนที่ท้านั้น ท้าตอนที่ผมไปห้ามเขาครั้งแรกที่โรงเรียน) เมื่อจับมือกันแล้วก็หมดเรื่องหมดราวกัน ก็ได้เข้าใจกัน

ตอนนั้นผมมั่นใจอยู่ว่า หลวงพ่อต้องเก่ง คุ้มครองผมได้ ตอนนั้น ผมยังไม่เข้าใจเรื่องนรก สวรรค์ เทวดา เท่าไร เพราะยังมีความคิดเก่าๆ อยู่

ช่วงนั้นเริ่มมีความคิดค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ เกิดความศรัทธาต่อหลวงพ่อ แต่ก็ยังออกนอกลู่นอกทาง แต่ก็เริ่มมั่นคงขึ้น

ปากน้ำหลังสวน จ.ชุมพร
...ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๐-๒๕๒๑ หลวงพ่อเดินทางไป จ.ยะลา น้าเหม่เป็นผู้ควบคุมการเดินทางของคณะศิษย์หลวงพ่อ ที่ติดตามขบวนหลวงพ่อไป ระหว่างเดินทางกลับจากยะลา ลงมาพักที่โรงงานปลาป่น ที่ จ.ชุมพร ช่วงเย็น

หลวงพ่อนัดเวลาว่า จะลงมาเดินเล่น และรับแขกคุยกับลูกหลาน ท่านก็บอกว่า จะลงมา ๖ โมงเย็น ถึง ๑ ทุ่ม พวกผมก็นั่งอุดประตูบันใด ไม่ได้ไปไหน

มีผม มีนายดาบตระกูล มีจ่าสาย พี่เอี๊ยง (อยู่ข้างวัด) ก็นั่งคุยจุกกันอยู่ตรงบันใดทางเดิน บ้านนั้นมีบันใดลงข้างเดียว ต้องลงทางบันใดที่พวกผมนั่งกันอยู่เพียงทางเดียว

พวกผมอาบน้ำอาบท่า ไปนั่งรอหลวงพ่ออยู่ตรงนั้น ตั้งแต่ประมาณบ่าย ๔ โมงครึ่ง นั่งคอยตรงที่นัดกัน ตรงประตูบันใด

ระหว่างคุยกันอยู่ได้ยินเสียงหลวงพ่อหัวเราะอยู่ที่โรงครัว ที่แม่ครัวทำกับข้าวกันอยู่ พวกเราก็หน้าตาตื่นกัน ก็แปลกใจว่าพวกเรานั่งกันอยู่ที่นี่ หลวงพ่อไปที่โรงครัวได้ยังไง

ถ้าลงบันใดมาก็ต้องเจอพวกผมก่อน นี่แสดงว่าหลวงพ่อท่านแสดงอะไรให้ดูแน่ ช่วงนั้นผมยังสงสัยอะไรอยู่ ท่านคงแสดงให้ผมหายสงสัยแน่ๆ ว่า ท่านเป็นพระที่พวกเราทิ้งท่านไม่ได้ ไม่ต้องไปหาใครอีกแล้ว

พอเจอหลวงพ่อก็ไปถามท่านว่า ท่านลงมาได้อย่างไร ท่านตอบว่า "พวกมึงนั่งหลับกันเองแหละ เลยไม่เห็นกูลงมา" หัวเราะกันแบบงงๆ

หลวงพ่อเป็นผู้มีน้ำใจต่อลูกศิษย์
..ผมมาประทับใจหลวงพ่อ อีกเรื่องหนึ่ง ที่ทำให้ผมรักท่านมาก เรื่องหลวงพ่อห่วงคณะที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน ใครก็ตามที่เดินทางร่วมคณะกับหลวงพ่อๆ ท่านจะไม่นอน

ตอนนั้นท่านยังแข็งแรงกว่าตอนนี้ ท่านห่วงทุกคนที่เดินทางร่วมคณะว่า จะกินยังไง นอนยังไง จะมีอันตรายหรือเปล่า เพราะช่วงนั้นการเดินทางไปใต้ พวกผกค.กำลังเผาสถานี อ.ชุมแสง จ.สุราษฎร์ธานี มีอันตรายมาก

หลวงพ่อคอยสอดส่องดูแล เป็นห่วงเป็นใยทุกๆ คนว่า นอนกันยังไง กินกันยังไง แทนที่ท่านจะอยู่ในห้องพักผ่อนนอนสบาย เมื่อถึงที่พักไม่มี ไม่ทำอย่างนั้น ท่านจะออกเดินตรวจทุกๆ คนว่า ได้พักอยู่กินกันแล้ว ท่านจึงจะยอมไปพัก

จนกระทั่งปัจจุบันนี้ท่านชราภาพและป่วย ท่านก็ยังทำเช่นนี้อยู่ เป็นห่วงลูกหลานไม่คิดถึงตัวท่านเอง ห่วงที่จะสงเคราะห์ผู้อื่นจนวินาทีสุดท้าย.."


(โปรดติดตามตอนต่อไป)

◄ll กลับสู่สารบัญ



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 8/6/19 at 06:20 [ QUOTE ]


[ ตอนที่ 3 ]
(Update 26 มิถุนายน 2562)


หลวงพ่อย่นระยะทางได้


"...สมัยก่อนเวลาเดินทาง ผมจะคำนวณว่าระยะการเดินทางควรใช้เวลาเท่าไร เพื่อกะให้ท่านฉันเพลทันเวลา ครั้งแรกผมขับรถ เหยียบประมาณไม่เกิน ๑๒๐ กม.ต่อชั่วโมง

จากกรุงเทพฯ-อุทัยธานี ผมจะเหยียบ ๑๒๐ กม.ต่อชั่วโมง จะมาฉันเพลที่กรุงเทพฯ ที่บ้านสายลมมาถึงพอดีเลย

อีกคราวหนึ่ง พอขึ้นรถมาท่านก็บอกผมว่า "เฮ้ย..ไปแค่ ๘๐ ก็พอ" ระยะทางเท่ากัน ระยะเวลาออกจากวัดเท่ากัน แต่มาถึงบ้านซอยสายลมเวลา ๑๐.๐๐ น. ถนนโล่งเหมือนกัน

ก่อนหน้านั้น ท่านคุยเรื่องการย่นระยะทาง ตอนที่ท่านร่วมเดินทางกับหลวงปู่ปาน ท่านคุยให้ฟังว่า "หลวงปู่เดินแป๊บเดียวถึงวัดแล้ว"

ผมก็นึกในใจว่า "แล้วหลวงพ่อจะย่นระยะทางได้หรือเปล่า?"

หลังจากที่ผมนึกเช่นนั้นแล้ว อีกประมาณ ๑ เดือน ผมก็มาเจอเรื่องนี้ (เพราะงวดแรกที่ผมขับรถให้ท่านก็ขับเร็วฉิว พองวดหลังท่านมาสั่งว่าไปแค่ ๘๐ พอ)

ก็นึกในใจว่าจะไปทันฉันเพลหรือ? ขนาดขับ ๑๒๐ กม./ชั่วโมง ยังไปถึงเพลพอดี ผมก็นึกในใจอย่างนั้น

ปรากฏว่าว่า ผมขับมาแค่ ๘๐ กม./ชั่วโมง มาถึงบ้านซอยสายลมประมาณ ๑๐ โมง ๑๕ นาที เท่านั้น เลยเชื่อว่าหลวงพ่อสามารถสอนผมแบบเอาอยู่หมัดเลย เพราะผมก็ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เจออย่างนี้ต้องเชื่อ

ศาลเจ้าพ่อประตูผา
...มีอยู่คราวหนึ่ง หลวงพ่อไปทอดกฐินที่วัดโขงขาว ประมาณปี ๒๕๒๙ พอทอดกฐินที่วัดโขงขาว (จ.เชียงใหม่) เสร็จก็เดินทางต่อไปยัง สถานีวิทยุทหารอากาศเชียงราย ไปพักที่นั่น

ท่านจะเดินทางไปบวงสรวงพระธาตุจอมกิตติ พระธาตุดอยตุงที่ จ.เชียงราย ก่อนที่ท่านจะป่วยหนัก (กลับมาท่านก็ป่วยหนักเลย) ระหว่าง อ.งาว กับศาลเจ้าพ่อประตูผา (อยู่ที่ อ.งาว)

สองข้างทางจะเป็นภูเขากับเหว ทางก็คดเคี้ยว แต่ก็ไม่ถึงกับคดเคี้ยวมากนัก ขบวนก็ผ่านเจ้าพ่อประตูผาระหว่างที่ผ่าน หลวงพ่อเคยสอนว่า "ให้คนขับรถนึกถึงท่าน ให้รถทุกคันเดินทางโดยปลอดภัย"

พวกเราก็ทำตามกันหมด ทั้งนึกในใจ และบีบแตร ๓ ครั้ง ตามที่หลวงพ่อบอก คันที่ ๑ ผ่าน คันที่ ๒ ผ่าน คันที่ ๓ ยางแตก ยางหน้าขวาแตก รถใหญ่ (เป็นรถบัส) ยางหน้าขวาแตก

ปกติยางหน้าขวาแตก รถจะต้องตกเหว หน้ารถจะต้องเบนหัวรถไปทางขวา (ขวามือเป็นเหว) แต่แปลก พอยางแตกปั๊บ หัวรถเบนซ้ายหันหลังเข้าภูเขา หักซ้ายไปเกยกับหินที่ภูเขา รถจอดนิ่งพอดี พี่สมนึกเป็นคนขับ

พี่สมนึกไม่ทันระวัง ยางนั้นเพิ่งซื้อใหม่ทั้ง ๒ เส้นหน้า ปรากฏว่าถึงที่พักเชียงราย ก็นั่งคุยกันที่วงพี่แดง (พล.ต.ศรีพันธุ์ วิชชุพันธ์) ก็บอกว่า ผมแค่นึกแค่นั้นว่า

"ไอ้ห่ะ..กูแค่นึกเท่านั้นแหละว่าจะศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน เอาเสียเลย ช่วงเหวลึกเสียด้วย"

พี่แดงเล่าให้หลวงพ่อฟังว่า "ผมแค่นึกเท่านั้นเอง" หลวงพ่อก็พูดว่า "ไอ้แดง (พล.ต.ศรีพันธุ์) มันอยากลอง" ตั้งแต่นั้นมา พอผ่านที่ตรงนั้นลงจอดจุดประทัดกันเลย.."


(โปรดติดตามตอนต่อไป)

◄ll กลับสู่สารบัญ



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 19/6/19 at 05:57 [ QUOTE ]


[ ตอนที่ 4 ]
(Update 3 กรกฎาคม 2562)


วัตถุมงคลหลวงพ่อคุ้มครองได้


"...ปกติ ผมห้อยวัตถุมงคลชุดใหญ่ มีผ้ายันต์แดง, ผ้ายันต์เกราะเพชร, ลูกแก้ว, พระตะกั่วที่หลวงพ่อทำกับมือ และรับกับมือท่าน

ผมก็อัดกรอบเป็นอันเดียวกัน ไปไหนก็พกติดตัวตลอด ผมเป็นคนขับรถเร็ว ผมขับไม่ต่ำกว่า ๑๒๐ ในช่วงที่ผมไม่ได้เดินทางกับหลวงพ่อ

ช่วงเช้าผมจะขับรถไปทำงาน จะส่งลูกไปทำงาน ออกจากบ้านสายก็ต้องใช้ความเร็ว ช่วงบางกะปิมาแฮปปี้แลนด์

มีสะพานอยู่สะพานหนึ่ง พอเลยสะพานจะเป็นช่วงกลับรถได้ ผมขับรถมา รถข้างขวาติด มีช่องซ้ายไปได้ ผมก็แซงซ้ายออกก็เจอรถบัส ซึ่งผมไม่รู้ว่ามีรถบัส ผมก็หักขวาออกเลนขวาสุด

พอพ้นตัวเห็นทางข้างหน้า มีรถจอดเบรกอยู่จะยูเทิน ผมก็หักซ้ายมาอีก ผมก็คิดว่าเอาไม่อยู่ละ ช่วงนั้นผมเร่งหนีรถบัส พอผมรู้ว่า ไม่พ้นก็เหยียบเบรกเปลี่ยนเกียร์เอาด้านผมชน ไม่เอาด้านลูกชน (กลัวลูกเป็นอันตราย)

ปรากฏว่าประตูยุบไปถึงคนขับ เบาะหน้าของคนขับ เบาะยุบไปครึ่งหนึ่ง ลูกชายหัวเข่าแตกหน่อย แฟนผมไม่เป็นไร ผมไม่เป็นอะไรเลย

มันน่าจะเจ็บ เพราะชนช่วงแข็งของรถคันอื่น (มุมรถเขาพอดี) แต่ไม่เป็นไรลูกชายเจ็บนิดเดียว หัวเข่าเป็นแผลเพราะไปโดนตู้แอร์ นี่ผมเชื่อว่าเครื่องราง วัตถุมงคลของหลวงพ่อสามารถคุ้มครองผมได้

หลวงพ่อเดินทาง
...เวลาเดินทางไปกับหลวงพ่อ ท่านจะบอก เราไปเหนือ ท่านจะบอกเลยว่า "ข้างหน้ารถกำลังชนกันนะ ชิดซ้ายไว้น่ะ"

ตอนนั้นยังไม่มีรถนำ รถเพิ่งชนกันใหม่ ช่วงระหว่างนั้นผมก็ลองของ ผมกดคันเร่ง ระดับความเร่งที่ผมวิ่งไปนี่จะประมาณ ๑๑๐ กม./ชั่วโมง แต่ผมดูเข็มไมล์ขึ้นแค่ ๗๐ ทั้งๆ ที่เข็มไมล์ก็อยู่ในสภาพที่ดี

ปกติมันน่าจะต้องขึ้น ๑๑๐ กม./ชั่วโมง เหตุการณ์ล่วงหน้าทิพยจักขุญาณ พอรถชนกันปั๊บ ท่านก็บอกผม การเดินทางของท่าน ตัวท่านต้องเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึก

หลวงพ่อเตือนอ้อมๆ
...มีเหตุการณ์อะไรล่วงหน้า ท่านจะต้องรู้ ไม่ได้ปล่อยอารมณ์ไปธรรมดา นี่แสดงว่าหลวงพ่อมีสายตายาว เรื่องการเดินทางหลวงพ่อนั้น การตรงต่อเวลาสำคัญมาก

ตั้งแต่รู้จักกับท่านมา สมัยก่อน การเดินทางนั้น กลางคืนก่อนเดินทาง ผมจะเรียนถามว่าจะเดินทางออกกี่โมง ท่านจะบอกว่า ประมาณตี ๕

ผมขับรถให้ท่าน ประมาณตี ๓ ครึ่ง ผมต้องตื่น อาบน้ำอาบท่าเตรียมพร้อมที่หลวงพ่อจะลงมา ทุกครั้งที่เดินทาง หลวงพ่อจะต้องตื่นก่อนผม

และท่านจะนั่งคอยอยู่ที่เตียง (ตึกริมน้ำ) ผมอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ท่านจะนั่งคอยญาติโยมกินข้างก่อนเดินทาง

มีอยู่วันหนึ่ง มีคนแก่อยู่คนหนึ่งช้าและตื่นสาย ผมเตรียมตัวมานั่งกับท่านแล้วก็กราบเรียนว่า "ผมพร้อมแล้ว ของเอาขึ้นรถและมัดเรียบร้อยแล้ว"

ท่านก็หันมาพูดกับผม "มึงไปทำอะไรมา..มึงไม่รู้หรือไง?"

ผมนึกในใจว่า "เอ๊ะ..ผมก็ตื่นตี ๓ ครึ่ง ท่านก็เห็นผมอาบน้ำไม่ถึง ๕ นาที ผมก็แต่งตัวเสร็จออกมา แล้วท่านมาพูดกับผมอย่างนี้

ผมก็นึกว่า เอ๊ะ..ท่านจะเอาอย่างไงนะ"

ผมก็นึกว่า มีใครไม่เสร็จบ้าง ก็ทราบภายหลังว่า คนแก่คนนี้ยังไม่ได้อาบน้ำแต่งตัว หลวงพ่อก็นั่งคอย ท่านสอนให้เรารู้ว่า กำหนดการเดินทางของหลวงพ่อต้องแน่นอน

ทุกคนต้องคอยพร้อมกันก่อนเวลาเดินทาง ท่านบอกตี ๕ เป๊ะ..ก็ต้องตี ๕ เป๊ะเลย เพราะสมัยก่อนออกบ่อย และออกแต่เช้า ตี ๔ บ้าง นี่แสดงว่าหลวงพ่อเตือน ท่านเตือนอ้อมๆ.."


(โปรดติดตามตอนต่อไป)

◄ll กลับสู่สารบัญ



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 26/6/19 at 05:58 [ QUOTE ]


[ ตอนที่ 5 ]
(Update 11 กรกฎาคม 2562)


ผมถูกหลวงพ่อดักคอ..กินเป็ด


"...มีอยู่คราวหนึ่ง ไปเชียงใหม่กับหลวงพ่อ ปกติผมเป็นคนชอบทำอะไรนอกทางบ่อยๆ ในบรรดาลูกๆ ของหลวงพ่อ

ก็มีอยู่วันหนึ่งไปเชียงใหม่ วันที่หลวงพ่อพักผมก็หนีออกไปเที่ยว (หนีเวรยาม) เข้าไปในเมือง พอดีวันนั้นเป็นวันขึ้นบ้านใหม่ของคนที่รู้จัก ผมก็แวะไปเยี่ยมเขา

พอนั่งโต๊ะอาหาร อาหารเต็มโต๊ะ เขาเตรียมเอาไว้ให้เราก็มีเป็ดอยู่ ๑ จาน (ในวงอาหาร) เฉพาะวันนั้น ผมเลือกกินเป็ดอยู่อย่างเดียว เพราะมันนุ่มหวานอร่อย

ผมนั่งอยู่ในงานเพื่อนประมาณ ๑ ชั่วโมง ผมก็กลับมาวัดโขงขาว ผมก็ปิดหลวงพ่อทำเป็นปกติ ลงไปตรวจเวรยามปกติ แล้วก็เดินขึ้นไปพบหลวงพ่อที่ห้องนอน ขึ้นไปเจอคนกำลังนวดให้หลวงพ่ออยู่

ท่านก็คุยกับญาติโยมพวกเราหลายคน ท่านคุยเรื่องราวของท่าน คุยไปเรื่อยๆ แล้วก็วกกลับมาหาผมแล้วพูดว่า

"ไอ้พวกเห็นแก่แดกเป็ด !!"

ผมนั่งมองหน้าหลวงพ่อ ๑ ครั้ง แล้วรีบก้มหน้าแล้วรีบออกเลย เข้าห้องน้ำ เวลาผมไปเชียงใหม่อีก ใครชวนผมไปกินเป็ดอีก ผมไม่ยอมกินอีกเลย


หลวงพ่อทัก..พ่อปู่ที่นี่..ท่านไม่ชอบนะ

...เวลาเดินทางไปต่างจังหวัด ปกติเมื่อเข้าพักแล้ว พอถึงที่พักหลวงพ่อ ถ้าผมอยู่ในห้องท่านก็จะคุยสั่งงาน ปกติท่านก็รู้ผมชอบทำอะไร ออกนอกลู่นอกทางเสมอๆ ท่านก็เมตตาผม คอยห้ามความคิดที่กำลังจะทำ

มีอยู่วันหนึ่งท่านเรียกผมเขาไปพบแล้วพูดว่า "พ่อปู่ที่นั่น..ท่านไม่ชอบนะ"

ความคิดช่วงเช้า ผมนึกว่า คืนนี้ผมจะเดินทางรอบๆ ห้องพัก แล้วจะไปจีบผู้หญิงในหมู่บ้าน ตอนหัวค่ำ พออาบน้ำท่าเสร็จ ผมก็เตรียม อาราธนาวัตถุมงคลทั้งหมดเลย

พระหลวงพ่อทั้งหมดขึ้นคอ ที่ขาดไม่ได้คือ สีผึ้ง สีปาก เพราะใช้ได้เห็นผลมาแล้ว แต่งตัวเสร็จ ผมก็เดินเตร่อยู่แถวที่หลวงพ่อพัก คอยฟังข่าวว่า หลวงพ่อจะใช้ให้ทำอะไรหรือเปล่า

ท่านก็เรียกผมเข้าไปในห้อง ผมก็เข้าใจว่า ท่านจะเรียกไปสั่งงาน หรือว่าจะให้ผมไปหยิบของ หรือหยิบโน่นหยิบนี่

ท่านก็พูดขึ้นมาเลยว่า "พ่อปู่ที่นี่..ท่านไม่ชอบนะ" พูดแค่นี้แล้วไม่พูดอีก หลวงพ่อพูดจบผมก็เดินออกมานอกห้อง เปลี่ยนชุดอยู่ที่บ้านตามเดิม

ที่ผมเล่ามาทั้งหมด เป็นประสบการณ์เพียงส่วนน้อยที่ผมได้พบมา มีเรื่องอื่นเยอะที่ประสบการณ์มาด้วยตัวเอง ที่เล่ามาเพียงแต่พอสังเขปเท่านั้น

นี่แหละ ผมจึงมีความเคารพหลวงพ่อ และทุ่มเททั้งชีวิตเลยให้ท่าน ทั้งที่ด้านการเดินทาง ทั้งการถวายอารักขา การดูแลท่าน ถ้าผมมีโอกาส ผมก็ทำอย่างดีที่สุด เท่าที่จะทำได้

และผมทำตามที่ท่านสอน ถึงแม้บางครั้ง ก็มีแหวกออกนอกลู่นอกทางบ้าง แต่ผมก็ค่อยๆ ละไปทีละอย่าง เพื่อปฏิบัติตามแนวคำสอนของหลวงพ่อให้ถึงที่สุด...สาธุ"


(โปรดติดตามตอนต่อไป)

◄ll กลับสู่สารบัญ



[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 3/7/19 at 04:15 [ QUOTE ]


.

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 26/6/21 at 10:48 [ QUOTE ]


.

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
ตั้งหัวข้อใหม่

Go To Top