Not logged in [Login - Register]
Go To Bottom
Printable Version | Subscribe | Add to Favourites ตั้งหัวข้อใหม่
[*] posted on 27/8/08 at 10:30 [ QUOTE ]

"มงคล 38 ประการ" ข้อความที่โพสในเว็บ developed-thailand.blogspot


19 June 2008

มงคล 38 ประการ : 3. บูชาบุคคลผู้ควรบูชา


โดย blueswing

ทำดีเป็นมงคล ขอมอบมงคลที่ 3 เป็นของขวัญค่ะ

คัดย่อจากหนังสือ มงคล ๓๘ และอุทุมพริกสูตร

โดย พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)


มงคลที่ สาม พระบาลีท่านว่า ปูชา จะปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง การบูชาบุคคลที่ควรบูชา จัดว่าเป็นมงคล แล้วบุคคลที่เราควรบูชาคือใคร? ก็คือ "บัณฑิต" นั่นแหละ

และการบูชาก็แปลกันง่ายๆ แปลว่า ยอมรับนับถือ บูชา ก็คือปฏิบัติตาม ยอมรับนับถือว่าเขาทำความดี แล้วเราปฏิบัติตาม เรียกว่า ปฏิบัติบูชา แล้วการปฏิบัติตามบัณฑิต คือ ทรงพรหมวิหาร 4 ดีแน่ ทีนี้ แล้วถ้าพ่อและแม่ของเราเป็นโจรปล้นชาวบ้านหละ จะทำยังไง ยุ่งแล้วซิ

สำหรับพ่อแม่ของเราทั้งสองคนนี่ เป็นคนที่ควรบูชาอย่างยิ่ง ถ้าใครไม่บูชาพ่อ ไม่บูชาแม่ บุคคลประเภทนั้นชาวโลกไม่ควรคบ เป็นคนอกตัญญูไม่รู้คุณ เพราะพ่อแม่ของเราทรงพรหมวิหาร 4 ครบถ้วน หากท่านไม่มีควาดี เราเกิดมาแล้ว ท่านจะแกล้งให้เราตายเสียเมื่อไรก็ได้ แม่ต้องมีทุกข์มาก ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ส่วนพ่อก็ต้องทำงานหนัก งานไปทับถมที่พ่อมากขึ้น เพราะงานที่แม่ทำ ทำไม่ได้เสัียแล้ว

คือ ความเป็นพ่อเป็นแม่ กับความเป็นโจรนี่ มันคนละเรื่องกัน ความเป็นพ่อเป็นแม่ของท่านที่มีต่อเรา ก็เพราะว่าท่านมีพรหมวิหาร 4 ท่านมีความเมตตา ความรัก กรุณา สงสาร เลี้ยงดูมา มุทิตาไม่เคยอิจฉาริษยา อุเบกขาถ้าลูกทุกข์หนักไม่เคยซ้ำเติม ท่านเป็นผู้ให้ชีวิต ท่านเป็นผู้มีพระคุณอย่างเลิศ เลือดและเนื้อ ชีวิตของเราทุกหยดๆ นี่เป็นของท่านทั้งหมด

เป็นอันว่าเราบูชาตรงที่ท่านมีพรหมวิหาร 4 เราก็ปฏิบัติบูชา ปฏิบัติตามตรงที่ท่านมีพรหมวิหาร 4 เราเลือกเอาตามที่ท่านเป็นบัณฑิตต่างหาก แต่ตรงที่ท่านเป็นโจรไม่ควรบูชา หมายความว่า เราไม่เป็นโจรตามท่าน

ตัวอย่าง พรานกุกกุฏมิต เป็นพรานฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แต่เมียเป็นพระโสดาบัน เวลานั้นพระถามพระพุทธเจ้าว่า เมื่อพระโสดาบันไปเป็นเมียของนายพรานต้องฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เวลาบอกให้หยิบหอก หยิบหน้าไม้ ก็ต้องหยิบให้ แสดงว่าจิตใจมีความยินดีในการฆ่าสัตว์ด้วย การเป็นพระโสดาบันจะทรงขึ้นได้อย่างไร อันนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรตรัสกับพระว่า

ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นั่นสตรีผู้นั้น เธอทำตามหน้าที่เท่านั้น สำหรับพระโสดาบันย่อมไม่ยินดีในการฆ่าสัตว์ แต่ภรรยาที่ดีต้องปฏิบัติตามคำสั่งของสามี เธอหยิบตามหน้าที่ของภรรยาเท่านั้น จิตใจไม่เคยยินดีกับการฆ่าสัตว์

นี่แหละบรรดาท่านผู้อ่าน เราซึ่งเป็นลูกของบิดาผู้เป็นโจรก็เหมือนกัน เราบูชาท่าน คือปฏิบัติตามท่านเฉพาะที่ท่านทรงพรหมวิหาร 4 เราเลือกบูชาเฉพาะที่ท่านมีความดี ตอนที่ท่านเป็นโจรเราไม่เอา เราไม่เป็นด้วย คือการบูชาบุคคลผู้ควรบูชา



วันนี้ วันดี มงคลดี ขอมอบมงคลที่ 1 เป็นของขวัญค่ะ

บทที่ 1 อะเสวะนา จะ พาลานัง ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ

การไม่คบคนพาล 1 การคบบัณฑิต 1 การบูชาบุคคลที่ควรบูชา 1 จัดว่าเป็นอุดมมงคลฯ

มงคลข้อที่ 1: อเสวนา จ พาลานัง = การไม่คบคนพาล


สำหรับอันธพาลนี่ อันธะ แปลว่า บอด พาล เขาแปลว่า โง่ คือ โง่ด้วยแล้วก็บอดด้วย คือ เป็นคนใจบอด และทำด้วยความโง่ สร้างความเดือดร้อนให้กับตนเอง และผู้อื่น คือ ไม่ยอมเคารพสิทธิของผู้อ่าน คือ ไม่มีศีล 5 นั่นเอง

พูดง่ายๆ คือ เป็นคน โหดร้าย มือไว้ ใจเร็ว พูดปด หมดสติ นี้คือ ลักษณะของคนพาล

มีจิตใจโหดร้าย ฆ่าได้แม้กระทั่งคนและสัตว์ ที่เกิดมามีความต้องการเหมือนๆกับเรา

มือไว ลักขโมยเก่ง

ใจเร็ว ยื้อแย่งความรัก ทำลายความรัก

พูดปด พูดไม่จริง

หมดสติ ไม่ใช้สติสัมปชัญญะให้สมบูรณ์ ชอบกินเหล้า ชอบเมา

คนประเภทนี้พระพุทธเจ้าบอกหลีกไปเสีย อย่าคบมัน คบเมื่อไร มีแต่ความบรรลัยอย่างเดียว ไม่เจริญ เราจะไม่มีมงคล คือเป็นอัปมงคล

สำหรับพระ ที่ชาวบ้านถือว่าเป็นบุคคลผู้ทรงไว้ซึ่งความเป็นมงคล พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า ต้องมี

อธิศีลสิกขา คือ มีศีลบริสุทธิ์

อธิจิตสิกขา คือ มีจิตตั้งมั่น มีฌานสมบัติ

อธิปัญญาสิกขา คือ มีปัญญารู้เท่าทันตามความเป็นจริงของขันธ์ 5 ไม่หลง ไม่คบกับโลกธรรมทั้ง 8 คือ ไม่ต้องการลาภ ไม่ต้องการยศ ไม่ต้องการสรรเสริญ ไม่ต้องการสุข (มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข ทุกข์) นักบวชที่ไม่มีตามนี้ก็เป็นนักบวชพาลเหมือนกัน

คนพาลคบไม่ได้ แต่ยังก่อน ความจริงคนพาลนอกไม่สำคัญ สำคัญภายในที่มันสิงอยู่ในใจเรา ต้องเลิกคบมัน เลิกคบมันได้เมื่อไร พาลนอกมันก็ไม่เข้าใกล้ เราต้องค่อยๆ เลิกคบมัน เพราะเราคบมันมานาน เราต้องตั้งใจว่า

เวลานี้เราจะสร้างความดีไม่คบกับอารมณ์ความเป็นพาล คือความจริง เราไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต มีแต่เฉพาะปัจจุบัน เพราะฉะนั้น เวลานี้เป็นเวลาที่สำคัญ เราตั้งใจเฉพาะเวลานี้ เลิกคบพาลในใจ เราก็ทรงศีล 5 และถ้าจะให้ดีก็ทรงพรหมวิหาร 4 ด้วย คือ

มีความรักตัวเรา รักคนอื่น รักสัตว์อื่น เสมอด้วยตัวเรา ด้วยความจริงใจ รักให้หมดในฐานะเพื่อนเกิด

กรุณา คือ ความสงสาร ตั้งใจไว้เสมอว่า เราจะสงเคราะห์คนและสัตว์ทั้งโลกให้มีความสุข ซึ่งไม่เกินความสามารถของเรา

มีจิตใจอ่อนโยนไม่อิจฉา ริษยาใคร เห็นใครได้ดี ก็พลอยยินดี ไปกับความดีของเขา ส่งเสริมความดี

ถ้าใครเขามีทุกข์ ยาก ลำบาก เจ็บป่วย พลาดพลั้งในงาน เราไม่มีโอกาสจะช่วยได้ เป็นเหตุเกินวิสัย ก็วางเฉย หรือว่า ถ้าตัวเราเจออาการอย่างนั้นเข้า แ้ล้วมันเกินวิสัยที่จะแก้ไขได้ ก็ถือว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ทำใจสบาย ไม่ดิ้นรน เรียกว่า อุเบกขา วางเฉย

หลวงพ่อท่านบอกว่าให้ ค่อยๆ ระมัดระวังกาย ระมัดระวังใจ ใช้สติสัมปชัญญะควบคุมเข้าไว้ คือ พอลืมตามาใหม่ๆ เราก็นึกไว้เลยว่า

1. เราจะรักคนอื่นและสัตว์อื่นเสมอด้วยตัวเรา

2. เราจะสงเคราะห์คนและสัตว์ทั้งโลกเสมอด้วยตัวเรา

3. เราจะไม่อิจฉาริษยาใคร ใครเขาทำดีจะอนุโมทนาด้วย
(เป็นปัตตานุโมทนามัย ความดีมีผลกับเราด้วย)

4. มีจิตเป็นอุเบกขา วางเฉยในสิ่งที่เราไม่สามารถจะแก้ได้
มันเกินวิสัยเราตั้งไว้ในอุเบกขา

เท่านี้แหละ บรรดาท่านผู้อ่านทั้งหลาย ความเป็นพาลของท่านจะสลายไปทันที การไม่คบคนพาลพาล เป็นอุดมมงคล เป็นมงคลอย่างยิ่งเลยคะ

เรื่อง : ธรรมะ, ประเทศไทยพัฒนา, รณรงค์, วิจารณ์หนังสือ, สิ่งเป็นมงคล, แนะนำ



14 June 2008
มงคล 38 ประการ : 2. คบบัณฑิต

โดย blueswing

วันนี้ วันดี มงคลดี ขอมอบมงคลที่ 2 เป็นของขวัญค่ะ

คัดย่อจากหนังสือ มงคล ๓๘ และอุทุมพริกสูตร

โดย พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

มงคลที่ สอง พระบาลีท่านว่า

ปัณฑิตานัญจัง เสวะนา เอตัมมังคะละมุตตะมัง

การคบบัณฑิต จัดว่าเป็นอุดมมงคล

พระพุทธเจ้าทรงสอนให้คบบัญฑิต คือ คนรู้ คือ รู้ดี แล้วก็เลี่ยงชั่ว

โดยมงคล 38 ประการนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ตามลำดับ จากต่ำถึงสูง จนถึงสูงสุด คือ พระนิพพาน ท่านตรัสรวมความดีไว้ตั้งแต่ดีเล็ก ถึงดีใหญ่ เรียกว่า พระพุทธเจ้าท่านรวมพระไตรปิฎกไว้หมดในมงคล 38 ประการ บุคคลใดทรงความดี 38 ประการได้ครบถ้วน ก้ได้ชื่อว่า ทรงพระไตรปิฎก เป็นคนดีสูงสุดในพระพุทธศาสนา ตามเจตนาของพระพุทธเจ้า

ที่บอกว่า จริยาของบัณฑิต คือ รู้จักหลีกเลี่ยงความชั่ว และ พยายามประพฤติความดีนั้น ท่านว่า คนใดก็ดี ทรงพรหมวิหาร 4 ประการได้ แล้วก็เว้นจาก อคติทั้ง 4 ประการได้ เป็นบัณฑิตตามที่องค์สมเด็จพระประทีปแก้วทรงมีความประสงค์

สำหรับพรหมวิหาร 4 นั้น วิหาร แปลว่า ที่อยู่ | พรหม แปลว่า ประเสริฐ | คือ คนที่มีอารมณ์อยู่ในความประเสริฐตลอดเวลา

ข้อ 1: เมตตาความรัก รักตัวเอง รักคนอื่น รักสัตว์อื่นในโลกทั้งหมดเสมอด้วยตน ไม่ประกาศตนเป็นศัตรูกับผู้ใด

ข้อ 2: กรุณาความสงสาร นอกจากจะมีความรักแล้ว ยังสงสาร ประกอบไปด้วยความปราณี เห็นใครมีทุกข์ก็ต้องสงเคราะห์ให้มีสุข ตามฐานะที่ตนจะพึงทำได้

ข้อ 3: มีจิตใจอ่อนโยน ไม่อิจฉาริษยาใคร เมื่อเห็นใครมีความดี มีความสุข ก็พลอยยินดีด้วย ส่งเสริมความดีความสุขของบุคคลนั้นด้วยความจริงใจ

ข้อ 4: สิ่งใดที่เกินวิสัยที่เราจะช่วยได้ เพราะเป็นกฎของกรรม เราก็มีอารมณ์วางเฉย ถือว่าเขาทำความผิด ก็ต้องรับโทษตามกฎหมายตามระเบียบ มีอารมณ์วางเฉย ไม่ซ้ำเติม แล้วก็ไม่เดือดร้อนด้วย
ต่อมา บัณฑิต ต้องหลีกเลี่ยง อคติ 4 ประการ อคติ แปลว่า ลำเอียง รักไม่เท่ากัน

ลำเอียงเพราะความรัก: รักมากให้มาก รักน้อยให้น้อย
ลำเอียงเพราะความโกรธ: โกรธไม่ให้
ลำเอียงเพราะความกลัว: กลัวไม่ให้
ลำเอียงเพราะความหลง: หลงว่าเขาชั่ว หรือหลงว่าเขาดี นี่ต้องหลีกเลี่ยง

สำหรับนักบวช หรือพระ ท่านว่า ถ้ายังพอใจอยู่ในโลกธรรม ทั้ง 8 ประการ คือ

1) อยากมีลาภ อยากร่ำรวย
2) ลาภไม่เกิดหรือเสื่อมไปก็เสียใจร้อนใจ
3) อยากมียศฐาบรรดาศักดิ์ คิดว่าดีกว่าคนอื่น
4) เมื่อยศสลายตัวก็เสียใจ
5) ใครเขานินทาก็เดือดร้อนไม่ชอบใจ
6) ใครเขาสรรเสริญก็ดีใจตามคำเขา
7) พอใจในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสตามกามารมณ์
8) ถ้ามีความทุกข์ใดๆ ความปรารถนาไม่สมหวังก็เดือดร้อน

ถ้านักบวชยังละกฎ 8 ประการนี้ไม่ได้ ก็ไม่ใช่บัณฑิต เป็นพาล นักบวชที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า กล่าวว่า เป็นบัณฑิต คือ ต้องทรงความดี 3 ประการ

1. อธิศีลสิกขา: รักษาศีลบริสุทธิ์

2. อธิจิตสิกขา: ทำจิตให้ตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์ฌาน

3. อธิปัญญาสิกขา: มีวิปัสสนาญาณ ยอมรับนับถือกฎของธรรมดา และมีจิตมุ่งมั่นอย่างเดียว คือความดับไม่มีเชื้อ กิเลสดับ

ตัวอย่างบัณฑิต ที่เราควรจะคบ ก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หั รัชกาลที่ 9 พระนามว่า ภูมิพลอดุลยเดช พระองค์ทรงทำฝน ใช้คาถาเรียกฝน บันดาลให้ฝนตกในที่ทั้งหลาย พระองค์ทรงมีจิตเมตตา ขอให้พสกนิกรราษฎรของพระองค์มีความสุข มีความสบายตามความสามารถของพระองค์ แล้วฝนพระราชทานของพระองค์ ก็ไม่ได้คิดราคา ค่าคิดก็ไม่ได้คิด ไม่ได้คิดเลย

แ้ล้วเวลานี้ (พ.ศ. 2517) น้ำมันแพง พระองค์ตั้งหน้าตั้งตาว่าคาถาเสกน้ำเป็นน้ำมัน การที่พระองค์ทำแบบนี้ อาศัยพระมหากรุณา กับพสกนิกรของพระองค์ ว่าจะไม่ต้องพึ่งบารมีชาวต่างชาติ จัดว่าเป็นพรหมวิหาร 4 ของพระมหากษัตริย์ แบบหาประมาณมิได้ ไม่เฉพาะกลุ่มบุคคล มิได้ลำเอียงเที่ยงธรรม ว่า ฝนหนะให้จังหวัดนี้จังหวัดโน้นไม่ให้ ทำไปเพื่อสาธารณประโยชน์

อย่างพระเจ้าแผ่นดิน อย่างนี้ควรจะคบ แล้วเราจะพบหรือคบท่านได้อย่างไร? ก็คบในฐานะที่พระองค์ทรงเป็น บัณฑิต ไม่ใช่ในฐานะที่เป็นพระมหากษัตริย์ เราพบตอนที่พระองค์ทรงมีความเมตตาปราณี ปรารถนาสงเคราะห์ให้พสกนิกรของพระองค์มีความสุข ทำทุกอย่างเพื่อพสกนิกรทั้งหลายได้มีความสุข แล้วพระองค์ก็ไม่คิดค่าจ้างรางวัล เราพบเมื่อไรก็ได้ คือ ทำใจให้เสมอท่าน

การทำใจให้เสมอกัน แล้วปฏิบัติเสมอกันนี่ เขาเรียกว่า คบหาสมาคม ไม่ต้องไปพบตัว เราคบความเป็นบัณฑิตของพระองค์ คบกับความดีที่เป็นบัณฑิต คือ คบพรหมวิหาร 4 อยู่ตลอดเวลา พอลืมตาขึ้นมา ก็นึกไว้เสมอว่า

วันนี้ตั้งแต่ลืมตา จนกว่าจะหลับตาลงไปใหม่ เราจะมีจิตใจรักคนและสัตว์ เสมอด้วยตัวของเราเอง จะไม่ประกาศตนเป็นศัตรูกับใคร เรามีความสงสาร ปราณีบุคคลและสัตว์ทั้งหลาย จะสงเคราะห์ตามกำลัง คือจะให้ความสุข ที่ไม่เกินความสามารถที่เราจะให้ได้
เราจะไม่อิจฉาริษยาใคร ถ้าใครได้ดี เราจะสนับสนุนเต็มที่ ถ้าบังเอิญใครเขาสร้างความผิดเกินวิสัยที่เราจะช่วยได้ หรือมีโทษทุกข์ประการใด เราจะไม่ซ้ำเติม แล้วก็จะยับยั้งไม่ทำใจให้ทุรนทุราย ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา

นอกจากนั้นเราจะละเว้นความชั่ว 4 ประการ คือ ความลำเอียงไม่เที่ยงธรรมเพราะอำนาจของความรัก ลำเอียงไม่เที่ยงธรรมเพราะความโกรธ เพราะความหลง เพราะความกลัว

ตั้งใจไว้อย่างนี้ แล้วปฏิบัติอย่างนี้เป็นปกติ นี่ขึ้นชื่อว่าเราคบบัณฑิต บัณฑิตอยู่กับเรา เพราะใจของเราเป็นบัณฑิต หากผู้ใดทรงความคบบัณฑิตไว้ องค์สมเด็จพระบรมครูู บอกว่า บุคคลนั้นมีความสุขสูงสุด ที่เรียกว่า อุดมมงคล



3 comments:
copywriter said...

จะมาตามอ่าน จนครบ วัดของหลวงพ่อ ไม่เคยไปเลยครับ ไว้โอกาสอำนวย และมีบุญพอจะไปกราบขอขมารูปท่านถึงที่วัด เมื่อตอนเด็กจำได้ว่าเคยกล่าวล่วงเกินท่านไว้ครับ ขอให้เจริญในธรรมครับ สาธุ

January 13, 2008 8:39 PM
blueswing said...

ขอบคุณสำหรับคำอวยพรดีๆ ค่ะ ดีค่ะไปกราบท่านที่อุทัย ถ้าไปก่อน 11 โมง ตอนเที่ยงๆ มีสอนนั่งสมาธิด้วยค่ะ สำหรับการขอขมา นั่งหน้าพระขอขมาพระรัตนตรัย แล้วนึกถึงหลวงพ่อ ท่านก็น่าจะทราบได้นะคะ

ขอขมาทุกวันเลยยิ่งดีค่ะ หลวงพ่อท่านบอก เราทุกคนถ้าขอขมาพระรัตนตรัยได้ทุกวัน ก็จะดีมากค่ะ ให้ขอขมาพระรัตนตรัยทุกวัน ทำอะไรก็จะคร่องตัว แจ่มใส ขอให้มีความสุข และเข้าถึงธรรมะเช่นเดียวกันค่ะ

ท่านว่า ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นตถาคต ฉันเกิดไม่ทันพระพุทธเจ้า ไม่เคยพบท่านตอนมีชีวิตอยู่ ก็ทำตามท่าน อยากจะเห็นท่านจริงๆค่ะ เพราะแค่นึกถึงท่านยังมีความสุข ถ้าได้เห็นท่านตลอดเวลาสงสัยสุขใหญ่ ^______^

January 13, 2008 11:06 PM
copywriter said...

ไม่น่าเชื่อครับ แต่ก็ได้ไปวัดท่านมาแล้วครับ น่าเสียดายไม่ได้เข้าไปกราบศพท่านครับ ไปถึงเขาปิดห้องเพื่อฝึกกรรมฐานพอดีครับ ได้แต่ไปซื้อหนังสือและ CD ครับ ไว้มีโอกาสหน้าคงได้เข้าข้างในครับ

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
ตั้งหัวข้อใหม่

Go To Top