บทวิเคราะห์ "พระเจ้าตากสิน" สวรรคตเพราะเหตุใด? (ตอนที่ 2)
ข้อคิดเห็นจากกระทู้ในเว็บไซด์ต่างๆ
จาก www.thaingo.org/webboard/view.php?id=9722
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พระเจ้าตากสินมหาราช (สมเด็จพระรามาธิบดีที่4) กอบกู้ชาติ
แต่ทำไมจุดสิ้นสุดของผู้มีคุณูปการของบ้านเมือง ตามที่ประวัติศาสตร์จารึกไว้ น่าสงสารมากล่ะครับ อ่านประวัติศาสตร์แล้วเชื่อตามนั้น จะเป็นยังไงครับ
เพื่อนรักคนสนิท หักหลัง แล้วทุบด้วยท่อนจันทน์ แล้วนั่งเมืองแทน ??.... ใครจะตอบคำถามนี้ให้ผมที
โดย : อิสรชน ฅนเดินทาง (61.90.116.191) เมื่อ : 9/04/2005 06:42 PM
ความคิดเห็นที่: 1
ส่วนตัวผมไม่เชื่อว่าพระองค์ท่านจะสติวิปลาศ เหตุผลคือ พระมหากษัตย์ที่เป็นผู้นำในการกู้ชาติ มีจิตใจรักชาติกล้าหาญเด็ดเดี่ยว
จะเป็นคนเสียสติได้อย่างไร นอกจากคนที่พระองค์ท่านไว้ใจหักหลังยึดอำนาจ ถ้าเราดูประวัติศาตร์เหตุการณ์ทำนองนี้จะเกิดขึ้นเสมอแม้แต่ปัจจุบัน
โดย : manom (210.86.190.131) เมื่อ : 8/04/2006 01:58 PM
ความคิดเห็นที่: 14
ปรายได้อ่านความคิดเห็นของทุกคนแล้วก็ขอบอกได้เลยว่าไม่เชื่อเด็ดขาดว่า คนที่กู้เอกราชให้เราจะกลายเป็นคนบ้าไปได้
คนที่รักชาติบ้านเมืองรักแผ่นดินเกิดจะกลายเป็นบ้าได้อย่างไรปรายได้อ่านเรื่องที่ "ปู่ฤาษีลิงดำ" เล่าแล้วคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องจิง
เพราะว่าพระโกหกไม่ได้
ฉะนั้นใครที่คิดว่าพระเจ้าตากของเราเป็นบ้าก็เลิกคิดเถอะค่ะ (ไม่มีคนบ้าที่ไหนจะรักชาติบ้านเมืองได้ขนาดนี้)
จงเชื่อมั้นในความดีที่ท่านทรงทำไว้ให้เราเห็นดีกว่าค่ะ
โดย : ปรายฟ้า (125.25.19.179) เมื่อ : 19/03/2007 10:56 AM
ความคิดเห็นที่: 21
ถูกต้องพระองค์ไม่ได้สติวิปราส แต่เพื่อน!! ต่างหากที่หักหลังอยากเป็นใหญ่ คงไม่ต้องบอกว่าเป็นใคร สถานที่ที่พระองค์สวรรคตคือ จังหวัดตราด ณ
วัดแห่งหนึ่ง สิ้นใจทั้งๆ ที่ผนวช คนที่เป็นเพื่อนคนนั้น ฆ่าล้างโคตรของพระเจ้าตากจนสิ้น และสร้างประวัติศาสตร์ที่ผิดเพี้ยน ให้เราต้องเรียนและจดจำ
คนที่โดนท่อนจันทร์ทุบหาใช่พระเจ้าตากไม่ หากแต่เป็นคนหน้าคล้ายที่พวกนั้นหามา และกลางดึกของคืนนั้น
พระองค์และทหารที่จงรักภักดีใช้เรือล่องตามน้ำหนีออกจากวัง พวกนั้นก็สั่งคนตาม(ฆ่า) แต่พระองค์หนีไปขึ้นท่าเรือตรงจังหวัดตราดและผนวชที่วัดแห่งหนึ่ง
ขอแค่นี้นะ กลัวโดนเก็บ ไปหล่ะ
โดย : แคร์ (222.123.169.186) เมื่อ : 31/03/2007 09:10 PM
ความคิดเห็นที่: 27
ไม่สามารถสรุปได้ เพราะเป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ที่ไม่หลงเหลือหลักฐานไว้ แต่ล่าสุดเห็นในทีวี บอกว่า พบหลักฐานการหนีไปบวชที่ภาคใต้
โดย : +นายเอ+ (222.123.130.71) เมื่อ : 17/10/2007 04:01 AM
ความคิดเห็นที่: 28
ผมคิดว่าคน / องค์กร ที่จัดการประเทศไทยคงมองว่า คนไทยโง่เกินไปที่จะรับความจริง และคิดว่าหากความจริงปรากฏแล้วจะเกิดความแตกแยก
ฉะนั้นต้องพยายาททำทุกวิถีทางที่จะให้คนไทยรวมกันเป็นหมู่เหล่า โดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ทำนั้นมัน จริง/เท็จ ถูก/ไม่ถูก อย่างไร...
คนไทยเหมือนเด็กนักเรียนที่ต้องเชื่อครูผู้สอน ห้ามสงสัยและโต้แย้ง มิฉะนั้นอาจต้องยืนคาบไม้บรรทัดหน้าชั้น หรือหนักกว่านั้นก็ไล่ออกจากโรงเรียน
โดย : นายแม้น (203.113.81.4) เมื่อ : 17/10/2007 06:46 AM
จาก von Richthofen ผู้ที่โพสในเว็บ
www.moohin.com/069/069k015.shtml
ผมจะเริ่มด้วยบทนำของ "หลวงวิจิตวาทการ" ที่เขียนใน "หนังสือใครฆ่าพระเจ้าตาก" ท่านเขียนว่า
เรื่องต่าง ๆ ที่ประมวลมาเป็น วิจิตรวรรณกรรม เล่มนี้ จำเป็นต้องมีคำอธิบายบ้าง เรื่องแรกคือ ใครฆ่าพระเจ้ากรุงธน
เป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความสนใจมากเกินกว่าที่ข้าพเจ้าคาดหมายไว้เมื่อแรกเขียน สำนักงานเพลินจิตต์ ได้แจ้งให้ข้าพเจ้าทราบ ในขณะที่เรื่องนี้ลงใน
เพลินจิตต์รายสัปดาห์ ว่ามหาชนได้แสดงความสนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างสูง มีจดหมายมากมายหลายฉบับ ถามไปทางสำนักพิมพ์
ว่าเรื่องนี้มีความจริงในประวัติศาสตร์เพียงไร
ยิ่งกว่านั้น เจ้าหน้าที่ทางหอสมุดแห่งชาติเองก็บอกข้าพเจ้าว่า มีผู้ไปสอบถามหลายคน ถึงเรื่องมีผีดุในหอสมุด ว่ามีจริงหรือไม่
และตัวข้าพเจ้าเองก็ถูกถามบ่อย ๆ จากผู้ที่ได้พบปะ ว่าเรื่อง ใครฆ่าพระเจ้ากรุงธน นั้น เขียนเล่นหรือเขียนจริง
ข้าพเจ้าไม่รู้จะทำอย่างไร การที่จะตอบว่าเรื่องนี้มีความจริงในประวัติศาสตร์เพียงไรก็ดี หรือที่จะตอบว่า ข้าพเจ้าเขียนเล่นหรือเขียนจริงก็ดี
เป็นเรื่องที่**ตอบยาก** แต่อย่างไรก็ตาม การเขียนเรื่องนี้ มีหลังฉากซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าจะไม่เปิดเผย แต่เมื่อบทประพันธ์นี้
กลายเป็นที่สนใจใหญ่หลวงของมหาชน ข้าพเจ้าจำเป็นต้องเผยออก โดยหวังว่า การเผยหลังฉากนี้จะทำความพอใจให้แก่ท่านผู้อ่านได้บ้าง
เมื่อราวปีหนึ่ง ก่อนเขียนเรื่องนี้ ท่านผู้มีเกียรติผู้หนึ่งซึ่งสืบเชื้อสายตรงจากสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และเป็ผู้ใหญ่มากพอที่จะไม่พูดอะไรเล่น ๆ
กับข้าพเจ้า ท่านยืนยันพร้อมด้วยหลักฐาน** คำบอกเล่าที่ท่านได้ยินได้ฟังและจำจำสืบต่อกัน**ว่า
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีไม่ได้ถูกประหารที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์ ในวันที่ ๕ เมษายน พศ. ๒๑๒๔ อย่างที่ปรากฏในพงศาวดาร แต่มาสิ้นพระชนม์เมื่อ ๓ ปีภายหลัง
และสิ้นพระชนม์ด้วยฆาตกรรม ถูกตีอย่างทารุณในขณะที่ทรงเจริญวิปัสสนากรรมฐานอยู่ในถ้ำ ภายใต้ความคุ้มครองของกาสาวพัสตร์
ส่วนคนที่ถูกประหารที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์นั้น เป็นคนอื่นไม่ใช่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
จาก คำนำ เรื่อง ใครฆ่า พระเจ้ากรุงธนบุรี ของหลวงวิจิตรวาทการ
(ในรูปคือเขาขุนพนมที่ผมและ "รุจ" โดยการนำทางจากความทรงจำของคุณแม่ของรุจในวัยกว่าแปดสิบปี
ท่านได้พาผมมาด้วยตัวเองจนถึงจุดที่พระเจ้าตากท่านมาหลบซ่อนตัวที่นครศรีธรรมราช )
"กษัตริย์ผู้เกรียงไกร พระเจ้าตากสินมหาราช เป็นกษัตริย์ที่สร้างกรุงธนบุรีหลังจากที่ไทยต้องเสียกรุงศรีอยุธยาให้กับพม่า
นักประวัติศาสตร์ไทยบางคนกลับไม่เชื่อว่า พระองค์ถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ แต่เสด็จหนีลงเรือมาประทับ ณ วัดเขาขุนพนม ทรงดำรงพระองค์อย่างสมณเพศ
ทรงสั่งสอนสมถะวิปัสสนา และทรงรับบิณฑบาตจากราษฎรและสวรรคต ณ ที่ประทับวัดเขาขุนพนม"
เป็นข้อความที่จารึกอยู่ ณ ปากถ้ำบนภูเขา วัดเขาขุนพนม
บันไดทางขึ้นไปที่ถ้ำพระเจ้าตากสิน
วันที่ผมไปถึง สภาพรอบๆเขายังเป็นป่าดิบๆอยู่พอสมควร ผมประทับใจที่ยังไม่มีพวกทัวร์มาลงจนเสื่อมสภาพ
ต้นตอของเรื่องที่พูดกันและเป็นที่นิยมแพร่หลายมากขึ้น ๆ
สรุปว่าพระเจ้าตากสินทรงยืมเงินจากรัฐบาลจีนจำนวนมาก เพื่อใช้ในการต่อสู้ป้องกันบ้านเมือง
จนถึงปลายรัชกาลก็ไม่มีเงินใช้หนี้รัฐบาลจีนซึ่งคุกคามทวงหนี้คืน หาไม่ก็จะเอาไทยเป็นเมืองขึ้น หรืออะไรทำนองนั้น
สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงทรงแก้สถานการณ์นี้โดยการตกลงอย่างลับ ๆ กับ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ซึ่งเป็นพระสหายและลูกน้องคนสนิท
โดยพระองค์เองแสร้งกระทำการประหนึ่งวิกลจริตเพื่อให้พระสหายยึดอำนาจจากพระองค์เสีย
สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกก็ต้องเสียสละชื่อเสียงเกียรติยศในการหักหลังเพื่อน โดยการยึดอำนาจจากพระเจ้าตากสิน
ทั้งทำข่าวให้ระบือไปว่าได้ประหารชีวิตพระเจ้าตากสินเสียแล้ว แต่ความจริงผู้ที่ถูกประหารคือข้าเก่าที่มีรูปร่างหน้าตาละม้ายพระเจ้าตากสินเท่านั้น
ส่วนตัวพระเจ้าตากสินนั้น ถูกส่งอย่าง "ลับ ๆ" ให้ไปดำเนินพระชนม์ชีพในบั้นปลายที่เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งมีพระราชโอรสของพระองค์ คือเจ้าพระยานคร
(น้อย) อยู่ในฐานะเป็นบุตรของเจ้าพระยานครพัดแล้ว
(ภายในถ้ำพระเจ้าตากสิน จะเห็นรูปปั้นในเพศบรรพชิตคล้ายกับที่วัดท่าซุง - ผู้จัดทำเว็บวัดท่าซุง อธิบายภาพ)
ส่วนเมืองนครศรีธรรมราชมีตำนานเล่ากันว่า เมื่อสิ้นรัชกาลแล้ว สมเด็จพระเจ้าตากสินได้หลบมาบวชและพำนักอยู่ที่นครศรีธรรมราช ที่ประทับได้แก่
ที่อำเภอลานสกา และที่อำเภอเมือง ปัจจุบันเล่ากันว่า ที่อำเภอลานสกาเป็นที่ซึ่งพระองค์ได้แวะพักระหว่างที่เสด็จมายังเมืองนครฯ ส่วนที่ประทับถาวรก็คือ
วัดเขาขุนพนม ในเขตอำเภอเมือง
นอกจากนี้ เรื่องเล่ากันในหมู่สมาชิกตระกูล "ณ นคร" บางกลุ่มในปัจจุบัน บอกว่าหลังจากที่พระเจ้าตากสินทรงผนวชที่วัดเขาขุนพนมระยะหนึ่งแล้ว
ก็ได้ประชวรด้วยพระโรคอย่างหนึ่ง จึงจำเป็นต้องทรงลาผนวช แล้วเสด็จไปประทับอยู่ในจวนของเจ้าพระยานคร (น้อย) ในสมัยรัชกาลที่ ๓
มีการอ้างด้วยว่า เมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีเสด็จสวรรคตแล้ว ได้มีใบบอกเข้าไปแจ้งรัฐบาลในกรุงเทพฯ ว่า "ท่านข้างใน" สิ้นแล้ว
ส่วนพระบรมศพนั้นก็ได้ไปตั้งทำการพระเมรุที่ชายทะเลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ มีการอ้างถึง "หลักฐาน" เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของเรื่องนี้อีกว่า ที่วัดแจ้งและวัดประดู่ซึ่งมีเก๋งไว้อัฐิของเจ้านคร (หนู)
หม่อมทองเหนี่ยวชายา และของเจ้าพระยานคร (น้อย) นั้น มีศิลาจารึกภาษาจีนอยู่ ๓-๔ หลัก หนึ่งในนี้มีผู้อ้างว่า มีข้อความกล่าวถึงว่าเป็นหลุมศพของ
"ผู้เป็นใหญ่แซ่เจิ้ง" เนื่องจากพระบิดาของสมเด็จพระเจ้าตากสิน "แซ่เจิ้ง"
สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงทรงใช้ "แซ่เจิ้ง" ด้วย สำเนียงแต้จิ๋วเรียก "แต้" เรื่องนี้เป็นความจริงเพราะมีหลักฐานชั้นต้นยืนยันจำนวนมาก
รวมทั้งพระราชสาส์นของพระเจ้าตากสินที่ทรงมีถึงพระเจ้ากรุงจีนก็ใช้ "แซ่เจิ้ง"
เอาเป็นว่าผมเล่าเรื่องที่ได้ยินมาตามสำนวนของผมก็แล้วกัน
ผมจะจับความตอนที่พระยาจักรีได้เมืองแล้วพระยาพิชัยดาบหักที่ยกทัพตามลงมาตั้งแต่ได้ข่าวว่ากรุงธนบุรีถูกทัพกบฎล้อมแต่ก็สายไปแล้วได้พบว่าพระเจ้าตากถูกพระยา
จักรีสั่งประหารเรียบร้อยก่อนหน้าไปหลายวัน พระยาพิชัยดาบหักโกรธมากไสช้างเข้าเมืองมาร้องเรียกให้พระยาจักรีออกมาคุยกัน
พระยาจักรีตอนนั้นเป็นกษัตริย์แล้วได้ออกมากับน้องชายที่เป็นพระราชวังบวร
ได้พบกับสหายเก่าร่วมรบพระยาพิชัยดาบหักร้องท้าทายว่าเอ็งอยากเป็นกษัตริย์ถึงกับฆ่าท่านใหญ่เลยหรือวะ เอ็งมารบกับข้าดีกว่าข้าก็อยากเป็นด้วยเหมือนกัน
พระยาจักรีร้องตอบไปว่าใครบอกว่าข้าฆ่าท่านใหญ่วะเอ็งลงมาจากช้างมาดูดีกว่าว่าท่านใหญ่มีชีวิตหรือเปล่า
เมื่อพระเจ้าตากได้พบกับพระยาพิชัยที่เป็นทั้งสหายและลูกน้องเก่าก็พูดคุยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
พูดถึงความจำเป็นในการหลอกเมืองจีนเรื่องบ้าแล้วโดนประหารเพื่อล้างหนี้มหาศาลในการกู้เงินมาทำนุบำรุงบ้านเมือง
พิชัยอยู่กับพระยาจักรีในที่ลับก็พูดกันประสาเพื่อนร่วมรบแก่เก่าก่อนว่า ให้รับราชการร่วมกัน เล่นละครบทนี้ต่อ พระยาพิชัยก็ประกาศว่า ไม่ยอมเป็น ข้าสองเจ้า
บ่าวสองนาย
ความจริงก็เพื่อนกันแต่พระยาพิชัยทำใจไม่ได้ พระยาจักรีก็สั่งฆ่าพระยาพิชัย แต่พระยาพิชัยไม่ตายเป็นละครอีกบทของพระยาพิชัย
มีนักโทษประหารชีวิตตายแทนพระยาพิชัย ตัวจริงก็เปลี่ยนเป็นชื่ออื่นแล้วไปอยู่ที่อื่นใช้ชีวิตแบบสงบ
ตกคืนนั้นพระเจ้าตากก็นั่งคานหามออกไปจากวังในกลาดึกคืนนั้น นั่งเรือลงไปนครศรีธรรมราชกับลูกชาย เข้าจำพรรษาที่ลานสกานอกเมืองนครฯ
ส่วนลูกชายก็ไปนั่งเมืองนครฯ เป็นเจ้าเมือง ท่านไม่ได้ไปเพียงท่านกับลูกชาย มีพระสนมที่ติดตามไปดูแลท่านอีกคนหนึ่ง และทหารเสือพระเจ้าตากเชื้อสายจีนร้อยแซ่
ตั้งแต่สมัยกู้บ้านเมืองจากพม่า ได้ติดตามท่านไปสมทบด้วยอีกประมาณ 500 คน เพื่อรักษาท่านเอาไว้ไม่ให้ใครตามมารบกวนท่านอีก
ทหารเสือพระเจ้าตากเหล่านี้ได้สร้างที่จำพรรษาให้ท่านบนยอดเขาขุนพนม ถาวรวัตถุที่หลงเหลือเห็นในตอนนี้
เป็นศิลปะจีนทั้งถ้วยชามจีนบนฝาผนังและลายพระพุทธบาทแบบจีนในวัด ทั้งมีการอ้างว่าพระยาน้อยเจ้าเมืองนคร คือลูกของท่านกับหม่อมปราง
อีกทั้งเจ้าชุมนุมนครฯเป็นเจ้าชุมนุมเดียวที่พระเจ้าตากไว้ชีวิต เมื่อครั้งรวบรวมประเทศเข้าตีชุมนุมนครฯ อีกทั้งยังถวายลูกสาวเจ้าเมืองนครฯ
เข้าดองเป็นสนมภายหลังอีกด้วย
ลักษณะที่ตั้งของ "เขาขุนพนม" ที่อยู่ในชัยภูมิที่เหมาะสมในการป้องกันภัยของพระองค์ ความผูกพันต่อเจ้าชุมนุมเมืองนครทีมีความเกี่ยวดอง
ในลักษณะพ่อตากับลูกเขย
ในหลายเหตุผลที่ยกมาเป็นพยานหลักฐาน หรือเป็นสมมุติฐานที่เชื่อได้ หรือยังว่านครศรีธรรมราช และเขาขุนพนมก็คือสถานที่มีความเหมาะสม
เป็นฐานที่มั่นในการหลบภัยทางด้านการเมือง ที่ไว้ใจได้มากที่สุดของพระเจ้าตากสิน ถือว่าเป็นหนึ่งในความเชื่อว่าพระเจ้าตากสิน สิ้นพระชนม์ที่เมืองนครฯ
ของชาวนครเองที่เล่าขานมาหลายชั่วรุ่นคน
วันนี้ผมเล่าเรื่องพระเจ้าตากอย่างมีความสุขมาก อยากให้เรื่องจริงเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมอยากให้ท่านมีชีวิตรอดใช้ชีวิตในสมณะเพศที่เขาขุนพนม
ผมยังฝันต่อไปอีกว่าอยากจะเป็นหนึ่งในทหารเสือพระเจ้าตาก ที่ย้อนเวลากลับไปใช้ชีวิตสงบๆ ที่เขาขุนพนมหลังศึกกู้บ้านเมืองสิบห้าปีพร้อมกับท่าน
เพราะว่าเขาขุนพนมที่ผมไปพบมามันน่าอยู่มาก
ผมจะพาขึ้นเขาขุนพนมแล้วครับ เดินตามผมมาเลยมีบันไดขึ้นประมาณสองร้อยกว่าขั้นไม่เหนื่อยมากจนเกินไป คุณแม่อายุแปดสิบแล้วยังขึ้นสบาย
ตลอดสองทางก็เขียวชื้นเป็นป่ากึ่งดิบ มีไม้ดอกไม้ใบให้ดูแก้เหนื่อยตลอดทาง
ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงยอดเขาขุนพนมจุดที่พระเจ้าตากท่านมาบวชซ่อนตัวอยู่ ปัจจุบันนี้ทำเป็นลานคอนกรีตบริเวณหน้าถ้ำที่ท่านอยู่จำพรรษา
สร้างรูปของท่านในสภาพของพระภิกษุไว้กราบบูชา (โปรดสังเกตรูปปั้นที่วัดขุนพนม กับรูปปั้นที่วัดท่าซุง จะมีส่วนคล้ายคลึงกันมาก - ผู้จัดทำเว็บวัดท่าซุง)
จาก von Richthofen 125.24.47.35 อาทิตย์, 24/6/2550 เวลา : 13:30 น.
|