Not logged in [Login - Register]
Go To Bottom
Printable Version | Subscribe | Add to Favourites ตั้งหัวข้อใหม่
[*] posted on 30/4/08 at 22:20 [ QUOTE ]

บทวิเคราะห์ "พระเจ้าตากสิน" สวรรคตเพราะเหตุใด? (ตอนที่ 7)




ผู้ที่นำไปโพสในเว็บ

www.sameskybooks.org/board/index.php?showtopic=8303


รัชกาลที่ ๑ มหากาฬผ่านมหายักษ์ นี่หมายความถึงว่ารัชกาลที่ ๑ คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกผ่านพระเจ้าตากสินมา แล้วตามข่าวที่เขาเขียนกันมาเป็นประวัติศาสตร์ บอกว่า พระเจ้าตากสินถูกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑ สั่งประหารพระชนม์

อันนี้ อาตมาก็เห็นจะต้องยอมรับ ว่าเรื่องไปตามนั้นจะต้องมีกระแสพระราชดำรัสตรัสสั่งออกไปว่า ให้ปลงพระชนม์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระเจ้าตากสินมหาราช คำสั่งเป็นคำสั่ง แต่ว่าการปฏิบัติ นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ผู้ปฏิบัติก็ต้องปฏิบัติตาม

แต่อย่าลืมว่า เวลานั้นการที่พระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าแผ่นดินเป็นพระราชามีศักดิ์สูง ถ้าจะประหารด้วยดาบของเพชฌฆาตธรรมดามันไม่ได้ เขาต้องใส่กระสอบ แล้วเอาท่อนจันทน์ที่มีกลิ่นหอมทุบให้ตาย ราชาศัพท์เขาเรียกว่าสวรรคต สวรรคตนี่เขาแปลว่าไปสวรรค์ มันไม่แน่นักนี่

คนเราตายจะไปสวรรค์ทุกคนนี่ไม่แน่นัก เรียกว่าตายดีกว่า นี่ตามข่าวที่เขาเขียนกันมา เขาว่าอย่างนั้น แต่อาตมาน่ะรับรองว่าคำสั่งต้องเป็นคำสั่งจริง ๆ ประหารก็ต้องประหารจริง ๆ แต่ว่าคนที่ตายนั่นไม่ใช่พระเจ้าตากสินมหาราช เป็นคนอื่นเขาตายแทน

นี่ตามความเห็นของอาตมา ตายนั่นไม่ใช่พระเจ้าตากสินมหาราช เป็นคนอื่นเขาตายแทน นี่ตามความเห็นของอาตมา ต้องเป็นคนที่มีความจงรักภักดีตายแทน หรือมิฉะนั้นก็ต้องเป็นนักโทษ ที่ต้องโทษประหาร ที่ต้องโทษประหารชีวิตตายแทน ไม่ใช่พระเจ้าตากสินมหาราช แล้วพระเจ้าตากสินมหาราชไปทางไหน แล้วทำไมถึงต้องทำอย่างนั้น

นี่มันเป็นเรื่องของการเมือง บรรดาท่านพุทธบริษัท อาตมาพูดไม่ได้ ถ้าขืนพูดแล้ว ความเดือดร้อนมันจะเกิดขึ้น ไม่พูดเสียเลยจะดีกว่า รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม แต่ก็พูดไปแล้ว แต่พูดไม่จบนี่ไม่เป็นไร หากใครจะถามว่า ถ้าพระเจ้าตากสินไม่ตายแล้วพระเจ้าตากสินไปไหน? อาตมาจะบอกทำไม ในเมื่อรัชกาลที่ ๑ ท่านไม่บอก แล้วอาตมาจะบอกทำไม แล้วทำไมถึงจะต้องทำอย่างนั้น

เราหันไปดูประวัติศาสตร์ว่า พระเจ้าตากสินมหาราช เวลาที่พระองค์ทรงกู้ชาติสมัยที่อยุธยาต้องแตกแหลกลาญในคราวนั้น พระองค์ตีฟันฝ่าข้าศึกออกมา เอาเงินที่ไหนออกมา? จะมีสตางค์ติดตัวมาสักกี่บาท แล้วในระหว่างการกู้ชาติจะเอาเงินทองที่ไหนมา

การบริหารประเทศชาติต้องใช้เงิน บรรดาท่านพุทธบริษัท เพียงแค่กินมันก็แย่แล้วนี่ต้องรบราฆ่าฟันกันตลอดเวลา แล้วพระเจ้าตากสินจะเอาเงินที่ไหนมา นั่งนึกดูซี ภาษีอากรสมัยนั้นเหมือนสมัยนี้หรือเปล่า

นี่..ความลำบากของพระเจ้าตากสินมีเพียงไร เรื่องนี้มันก็ต้องมีการกู้การยืมกัน อาตมาพูดเท่านี้แหละ แต่ขอยืนยันว่าพระเจ้าตากสินไม่ได้ตาย เพราะคำสั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวราชกาลที่ ๑ เพราะว่าสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ท่านพูดไว้แต่เพียงว่า “ผ่าน” มหายักษ์ ไม่ใช่ “ฆ่า” มหายักษ์ไป

คัดมาจากบางส่วนของ หนังสือ พระเมตตา เล่มที่ ๑



มีผู้โพสต์ในเว็บ

www.reurnthai.com/index.php?topic=16.15;wap2

การเสียชีวิตของพระเจ้าตากสิน โพสต์โดย Liewfarn:



สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงลาจากพุทธภูมิเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๓๓


“..เมื่อพ.ศ. ๒๕๐๐ อาตมาป่วยหนัก ไปนอนพักรักษาตัวที่กรมแพทย์ทหารเรือ (ปัจจุบันโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า) ไปนอนอยู่ที่ตึก ๑ เป็นห้องพิเศษ เวลาประมาณ ๔ ทุ่มเศษๆ ไฟฟ้าในห้องยังไม่ดับและประตูก็ใส่กลอนแล้ว ถึงเวลานอน นอนคนเดียวยังไม่หลับ

ปรากฏว่ามีคนๆ หนึ่งมายืนอยู่ข้างเตียง เป็นชายลักษณะเป็นคนล่ำๆ ท่าทางแข็งแรงทะมัดทะแมงปราดเปรียวมาก เป็นคนผิวขาว หน้าค่อนข้างจะสี่เหลี่ยมนิดๆ แต่มีเนื้อเต็ม นุ่งกางเกงขาสั้นสีขาวเหนือเข่านิดหนึ่ง ใส่เสื้อแขนสั้นสีขาวเหนือศอกหน่อย

ก่อนที่อาตมาจะเห็นท่านผู้นี้ ก็เพราะขณะที่ไปนอนป่วยอยู่ที่นั่นก็มีความรู้สึกว่า บรรดาผีทั้งหลายอาจจะแกล้งได้ง่าย เนื่องจากกำลังใจของคนป่วยความเข้มแข็งน้อย ก็นึกว่าในที่นี้เป็นเขตพระราชฐานของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จึงขอพึ่งบารมีท่านให้คุ้มครอง พอท่านมายืนก็มองเห็น ไม่ต้องหลับตาไม่ต้องเข้าฌาน

ในเมื่อผีจะแสดงตัวให้ปรากฏ แต่ความกลัวไม่มีเพราะเรื่องนี้ชินมาตั้งแต่บวชพรรษาที่ ๑ ก็เลยถามท่านว่า “ท่านเป็นใคร” ท่านผู้นั้นก็ถามว่า “เมื่อกี้ท่านนึกถึงใคร” ก็ตอบท่านว่า “นึกถึงสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช”

ท่านก็บอกว่า “ผมนี่แหละ พระเจ้าตากสินมหาราช” ก็เลยมองไปมองมา ดูลักษณะการแต่งตัวของท่าน ท่านถามว่า “มองอะไร” ก็บอกว่า “มองดูลักษณะพระเจ้าตากสินมหาราช” ท่านถามว่า “เชื่อหรือยังว่าเป็นพระเจ้าตากสินมหาราช” ตอบว่า “ยังไม่เชื่อ ที่มองนี่เพราะยังไม่เชื่อ” ท่านถามว่า “ไม่เชื่อตรงไหน” ก็บอกว่า “ไม่เชื่อตรงกางเกงกับเสื้อเพราะพระมหากษัตริย์ไม่น่าจะนุ่งแบบนี้”

ท่านถามว่า “กษัตริย์ต้องทรงเครื่องกษัตริย์นอนเชียวหรือ นี่มัน ๔ ทุ่มกว่าแล้วนะ” ก็บอกว่า “จะรู้ได้อย่างไรในเมื่อเป็นกษัตริย์ เวลาเป็นผีมาแสดงตนให้ปรากฏก็ต้องใช้เครื่องทรงแบบกษัตริย์” ท่านบอกว่า “ใช้เครื่องทรงกษัตริย์ก็ได้” พอพูดจบเครื่องทรงก็เป็นกษัตริย์ ท่านถามว่า “เชื่อหรือยัง” ตอบว่า “ตอนนี้เชื่อแล้ว”

ต่อมาก็คุยกันตั้งแต่ ๔ ทุ่มเศษๆ ถึงตี ๕ ครึ่ง คุยกันเรื่องในอดีต ความเป็นมาของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชตั้งแต่เป็นเด็กชายสินไว้หางเปีย จนกระทั่งถึงขั้นวางแผนให้รัชกาลที่ ๑ เป็นพระมหากษัตริย์ เป็นการยืนยันว่าพระองค์ไม่ได้ถูกรัชกาลที่ ๑ ประหารชีวิต เมื่อรัชกาลที่ ๑ ขึ้นเถลิงราชสมบัติแล้ว ก็นำสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชท่านบวชเป็นพระแล้วนั่งคานหามไปส่ง ออกทางปากท่อตอนกลางคืนไปส่งที่ถ้ำในจังหวัดนครศรีธรรมราช

ลูกชายของท่านมีสองคน คนพี่ให้เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชจะได้บำรุงพ่อ คนน้องก็ให้ทุนเป็นพ่อค้าสำเภา เป็นการหาทรัพย์สินเข้าเมือง เป็นการยืนยันว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก่อนจะสวรรคตเป็นพระสงฆ์ ไม่ได้ถูกฆ่าตาย พระองค์สวรรคตที่นครศรีธรรมราช ถ้ำที่ท่านพักก็ยังอยู่กุฏิหลังนั้นเขาทำเลียนแบบไว้ แต่ความจริงกุฏิที่อยู่จริงๆ ดีกว่านั้น เขาทำให้มีความผาสุกกว่านั้น ออกจากถํ้าท่านก็มีที่พัก มีห้องพักแบบสบายๆ

ความจริงท่านไม่ได้สั่งแต่ลูกชายเป็นคนสร้างให้ ท่านอยู่ด้วยความสงบ คนที่เป็นกษัตริย์มาแล้ว เป็นทุกอย่างมาแล้ว มันก็หมดความโลภ ความโกรธ ความหลง และก็เป็นคนแก่ด้วยก็หมดความรัก ฉะนั้นการปฏิบัติธรรมของท่านก็เป็นไปด้วยความเคร่งครัดแต่ไม่ได้เคร่งเครียด คำว่า “เคร่งครัด” คือ “ปฏิบัติตรงไปตรงมาในมัชฌิมาปฏิปทา”

ก่อนท่านจะลากลับ อาตมาถามว่า “ขอหวยสัก ๒ ตัวได้ไหม” ท่านบอกว่า “สมัยผมมีแต่หวยจับยี่กี หวยแบบเลขท้าย ๓ ตัว ๒ ตัว แบบนี้ไม่มี เรื่องหวยนี่ผมไม่รู้หรอก แต่เวลานี้ผมมีสตางค์ติดกระเป๋ามาเพียงแค่ ๒๕ สตางค์ ผมขอถวายหมด” พูดแล้วท่านก็หยิบเหรียญโยนไปใต้เตียงเห็นเลข ๒๕ ใสแจ๋ว พอตอนเช้าบรรดาพยาบาลและนายทหารประจำตึกมาถามว่า “เมื่อคืนมีอะไรบ้างครับ”

ก็เลยเล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมาเยี่ยม ขอหวยท่าน ท่านบอกว่าไม่มี มีแต่เงินเหรียญ ๒๕ สตางค์ แล้วท่านก็โยนไปใต้เตียง ปรากฏว่าภายในวันนั้นข่าวกระจายไปทั่วกรมอู่ ทุกคนเล่นเลขท้าย ๒ ตัว ถูกกันมาก

ต่อมาวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๓ วันนั้น พ.อ.สถาพร ได้นำดาบเล่มหนึ่งมาจากเมืองตาก เขาบอกว่าเป็นดาบของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อมาให้เจ้ากรมการสัตว์ทหารบกที่จังหวัดนครปฐม คืนนั้นก็นำดาบตั้งไว้ในที่มีเครื่องสักการะ

พอตอนดึกเวลาประมาณสัก ๖ ทุ่ม เวลาจะนอนก็ทำจิตเป็นสมาธิตามปกติของพระ ก็เห็นภาพสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ สวยงามมากมาที่ดาบ ถามท่านว่า “มาทำไม” ท่านบอกว่า “ก็เขาว่าดาบของผมนี่ครับ ผมก็มาทำให้มันหน่อย” ถามว่า “ทำแล้วจะมีประโยชน์อะไรบ้าง” ท่านก็บอกว่า “ประโยชน์มี”

หลังจากนั้นก็คุยกันถามว่า “เวลานี้ลาจากพุทธภูมิหรือยัง” ท่านบอกว่า “ยังไม่ได้ลา” จึงถามว่า “ตั้งใจจะเป็นพระพุทธเจ้าจริงๆ หรือ” ท่านบอกว่า “เวลานี้พระโพธิสัตว์ที่มีบารมีเต็มรอคิวกันยาวเหยียด ผมก็อยากจะลาพุทธภูมิเหมือนกัน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าถ้าลาแล้วจะมีผลเป็นประการใด” ก็เลยบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นไปคุยกับพระกันดีกว่า ไปด้วยกันไหม” ท่านบอกว่า “ไปซิ ที่มานี่ก็จะมาชวนไปหาพระด้วยกัน”

เมื่อไปถึงกราบท่านแล้วก็ถามว่า “เวลานี้เทวดาสินเป็นพระโพธิสัตว์ อยากจะทราบว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่เท่าไร หลังจากพระศรีอารย์ไปแล้ว” พระท่านก็บอกว่า “จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๓๐ หลังพระศรีอารย์นิพพานแล้ว” ก็เล่นเอา "เทวดาสิน" ต้องไปนั่งยิ้มที่ชั้นดุสิตอีกถึง ๓๐ พระพุทธเจ้า ก็เลยถามพระท่านว่า

“ถ้าเทวดาสินจะลาจากพุทธภูมิ เมื่อไรจะไปนิพพาน” ท่านบอกว่า “เทวดาสินนี่ ถ้าหากลาจากพุทธภูมิเป็นสาวกภูมิ กำลังเต็มมานานแล้ว ก็เหลือแค่ เอหิภิกขุ เท่านั้นก็พอแล้ว ถ้าตรัสว่า เอหิภิกขุ เทวดาสินก็เป็นพระสมบูรณ์แบบ” ท่านก็เลยเข้าไปกราบพระ พระท่านก็บอกว่า “เอหิภิกขุ เจ้าจงเป็นภิกษุมาเถิด” เพียงเท่านี้ เทวดาสินก็กลับสภาพจากเทวดาเป็นวิสุทธิเทพ

นี่เป็นเรื่องของนิมิตลืมตา ไม่ใช่นิมิตหลับตา ไม่ได้เข้าฌานสมาบัติ ถ้าถามว่า “ถ้าไม่เข้าฌานสมาบัติ แล้วรู้ได้อย่างไร” ก็บอกว่า “ท่านแสดงภาพให้รู้ มันก็รู้ด้วยกันทุกคนแหละ ไม่ว่าใคร” คนที่เห็นผีเข้าฌานหรือเปล่า เดินไปแล้วก็ถูกผีหลอก ต้องเข้าฌานหรือเปล่า สภาพนี้ก็เหมือนกัน ผีไม่ได้หลอกแต่ว่าผีมาชวนคุย ผีมาบอกตามความเป็นจริง ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าฌานสมาบัติ...”



มีผู้โพสต์ในเว็บ //taksin-thailand.blogspot.com/

ได้อ้างถึง หนังสืออ่านเล่น เล่ม ๑๖ โดย พระราชพรหมยาน


ทีนี้ก็มานั่งคุยกันถึง ๒ กษัตริย์ ก็ให้ คุณสามารถ รับอาสาปั้นรูปพระเจ้าอยู่หัว ๑. สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ ๒. รัชกาลที่ ๕ ๓. รัชกาลที่ ๖ ๔. รูป ร.๙ ๕. พระเจ้าตากสินฯ ตอนเป็นกษัตริย์ ๖. พระเจ้าตากสินฯ ตอนผนวช

ถ้าถามว่า ปั้นไว้ทำไม เวลาปั้นทำไมถึงไม่บอกใคร ความจริงเวลาปั้นน่ะบอกนะ บอกช่าง ถ้าไม่บอกเขาไม่ปั้นหรอก แล้วช่างก็ไม่หาที่ไหน เอา พระสามารถ ที่วัดนี้ แกก็เรียนอะไรไม่จบสักอย่างเรียนวิชาการช่าง พวกปั้นมา อ้าว..ก็เรียนไม่ทันจบเสียอีก ก็ไม่เป็นไร

ไอ้ใครที่มันจะปั้นให้เหมือนคนตายแล้วน่ะ มันไม่มีหรอก เอากันแค่ดูรู้เรื่องก็แล้วกัน ใครอยากจะติ ก็เชิญติตามชอบใจ ใครอยากจะชม ก็เชิญชมตามชอบใจ ไม่ใช่ของแปลก นตถิ โลเก อนินทิโต พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า คนไม่ถูกนินทาเลย ไม่มีในโลก

และการปั้นก็ไม่ได้เรี่ยไร ไม่ได้บอกบุญใคร อยากจะปั้นก็ปั้นขึ้นมาเฉย ๆ หมดเรื่องหมดราว สำคัญรูปพระเจ้าตากสินฯ น่ะซี ไม่มีตัวย่าง ไม่มีแบบ ท่านเจ้ากรมเสริม (พล.อ.ท. ม.ร.ว. เสริม ศุขสวัสดิ์) เคยเอารูปถ่ายมาให้ดูที เป็นรูปเขียนหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ว่าจำได้ไหม เขาบอกว่า รูปพระเจ้าตากสินฯ ก็ โอ้โฮ หน้ายาวสัก ๕ กิโลเมตร พระเจ้าตากสินฯ ท่านหน้าอยู่ในเกณฑ์สี่เหลี่ยม แต่ไม่สี่เหลี่ยมนักหรอก

แต่ตอนแก่นี่เข้าไปลักษณะสี่เหลี่ยม คล้ายๆ หน้าคุณอะไรล่ะ พระเอกหนังน่ะ ที่เป็นพระพุทธยอดฟ้าฯ เรื่องสงครามเก้าทัพ (สมบัติ เมทะนี) หน้าในลักษณะคล้าย ๆ แบบนั้น แต่หน้ามีเนื้อมากกว่านั้น ทีนี้รูปที่เขามาให้ดู เขาบอกว่า มาจากอิตาลี โอ้โฮ ยาวเหยียด หลายกิโลเมตร ไม่ใช่ ไม่ถูก

นี่ถ้าถามว่า ทำไมจึงจะรู้ จะถูกจะเหมือน ก็ต้องบอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ทุกรูปที่ปั้นมาแล้วเหมือนหมด อย่างรูปพระเจ้าตากสินฯ ที่เมืองตาก ก็เหมือนพระเจ้าตากสินฯ ที่เมืองตาก พระเจ้าตากสินฯ ที่พระราชวังเดิม ก็เหมือนพระเจ้าตากสินฯ ที่พระราชวังเดิม พระเจ้าตากสินฯ ที่วงเวียนใหญ่ ก็เหมือนพระเจ้าตากสินที่วงเวียนใหญ่ พระเจ้าตากสินฯ ที่จันทบุรี ก็เหมือนพระเจ้าตากสินฯ ที่จันทบุรี ที่นี้ที่ปั้นที่วัดท่าซุงล่ะ ก็เหมือนพระเจ้าตากสินฯ ที่วัดท่าซุง อย่าเอาไปเปรียบเทียบกันนะ ของใครของมัน

ทีนี้ ถ้าจะถามว่า ที่วัดท่าซุงเอาแบบมาจากไหน ก็ขอตอบว่า เอาแบบมาจากผีพระเจ้าตากสินฯ ถ้าถามว่า ผีพระเจ้าตากสินฯ มาเมื่อไร จะบอกให้ฟังก็ได้เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐ จำเดือนไม่ได้ เวลานั้นป่วย ไปนอนที่กรมแพทย์ทหารเรือ ห้องพิเศษ ตึกพิเศษ

ถ้าจะถามว่า คุยเรื่องอะไรตั้งแต่ สี่ทุ่มถึงตีห้าครึ่ง ก็ต้องตอบว่า คุยเรื่องอดีต เรื่องความเป็นมาของพระเจ้าตากสินฯ ตั้งแต่เป็นเด็กชายสิน ตี๋สิน น่ะ ตั้งแต่เป็น ตี๋สิน ตั้งแต่เด็ก ๆ ไว้หางเปีย ที่ นายบุนนาค เอาหางเปียผูกกับต้นกล้วย แล้วก็ตี๋สินตื่นขึ้นมาหางเปียติดต้นกล้วย ก็โมโห รู้ว่านายบุนนาคเป็นคนผูก เล่าเรื่องเรื่อยมาก จนกระทั่งถึงขั้น วางแผนให้รัชกาลที่ ๑ เป็นพระมหากษัตริย์ แล้ว พระองค์เองก็สั่งให้รัชกาลที่ ๑ ยกทัพไปปราบเขมร

ก็เป็นอันว่า หน้าที่วัดท่าซุง ก็เป็นหน้าสมัยที่พระเจ้าตากสินฯ ตีข้าศึกออกจากอยุธยา ถ้าถามว่าเหมือนไหม ก็ตอบว่า จะให้เหมือนเปี๊ยบมันเป็นไปไม่ได้ แต่ทว่าเวลาปั้น เจ้าของจะมาติเอง เจ้าของมาแก้ตรงนั้นออกนิด เอาตรงนี้ออกหน่อยหนึ่ง เขาทำผมเป็น ผมหลักแจว ท่านก็บอกว่า ใช้ไม่ได้สมัยนั้นผมหลักแจวน่ะ ผมสั้นท่านชอบ แต่เป็นการตัดเกรียนขึ้น เกรียนจากต้นแล้วขึ้นไปบานตรงปลายนิดหน่อย อย่างนั้นมันถึงจะถูก

รวมความว่า หน้าของพระเจ้าตากสินฯ กำลังปั้น แล้วก็จะปั้นเป็น ๒ สมัย คือ ว่า สมัยที่ท่านเป็นกษัตริย์ และสมัยที่ท่านเป็นพระ เพราะพระเจ้าตากสินฯ นี่ ผู้พูดขอยืนยันว่า พระเจ้าตากสินฯ ไม่ได้ถูกรัชกาลที่ ๑ ฆ่า

ความจริงจะฆ่ากันได้อย่างไร ด้วยเหตุด้วยผล เพียงพระเจ้าตากสินฯ ทำบทบาท แกล้งทำเหมือนว่าเป็นบ้า ประกาศตนว่า เวลานี้ฉันเป็นพระโสดาบันแล้ว บังคับให้พระที่มีความผิดในทางวินัยมาไหว้ แต่ความจริงพระที่มีความผิดนี่นำเข้าในวังจริง แต่ไม่ใช่พระ เอาไอ้พวกนักโทษมาห่มผ้าเหลืองเข้า ทำไปให้ไหว้

ในเมื่อไม่ไหว้มีความผิด ก็เฆี่ยน เฆี่ยนนักโทษ ไม่ใช่เฆี่ยนพระ เอาพระจริง ๆ แอบเสีย ก็ทำเป็นเหมือนว่า ตนเองเป็นคนบ้า เขาจะได้ไม่ให้เป็นพระเจ้าแผ่นดินต่อไป ทั้งนี้ เพราะอะไร เพราะว่าหนีหนี้อีกไม่ช้าไม่นานนัก เจ้าสัว เขาจะมาเก็บเงิน ทั้งต้นและทั้งดอก

(เมื่อกี้หมามันเห่าเข้าไมโครโฟนบ้างหรือเปล่าก็ไม่ทราบ มันเห่าดังด้วย มาพูดตอนนี้หมามันได้ยินเสียงเข้า มันก็นึกว่าเสียงคนภายนอก มันก็เลยเห่า ก็ช่างมันเสียงคนกับเสียงหมาผสมกัน เพราะดี)

ก็เป็นอันว่า หลังจากที่ ร.๑ กับ กรมพระราชวังบวรฯ ยกทัพไปที่เขมร และไม่ช้าไม่นานนักปรากฏว่า เขาบอกว่า พระยาสวรรค์ กบฎ พระยาอภัย หลายชาย ร. ๑ ยกทัพมาจากนครราชสีมามาจับพระยาสวรรค์ได้ฆ่า เขาก็แจ้งไปบอกว่า ในเมืองกรุงธนบุรีปั่นป่วนมาก ขอให้ยกทัพกลับ ร.๑ กับกรมพระราชวังบวรฯ ก็ยกทัพกลับมาถึงวัดสระเกศ เขาก็เชิญให้เป็นกษัตริย์

แต่ก็ต้องเป็นการล้างกษัตริย์กัน (เป็นการล้างหนี้นี่) ถ้าเปลี่ยนมือจากความเป็นกษัตริย์ เจ้าสัวก็ไม่รู้จะทวงใคร ไม่ใช่สืบสันติวงศ์ เป็นการ ปราบดาภิเษก แบบหลอกหลอน ความจริงเป็น ราชาภิเษก ไม่ใช่ปราบดาภิเษก

แต่ว่าประวัติศาสตร์เขาบอก ปราบดาภิเษก คำว่า "ปราบดาภิเษก" ก็หมายความว่า ฆ่าองค์เก่าแล้วก็ขึ้นครองราชย์ ถ้าราชาภิเษกก็หมายความว่า องค์เก่าตาย หรือสละราชสมบัติ องค์ใหม่ขึ้นมาเป็นราชาภิเษก ศัพท์นี้มันถูกหรือมันผิดก็ไม่รู้ ก็ช่างมันเถอะ ก็พูดมันส่งเดชไปก็แล้วกัน ห้ามวินิจฉัย ฟังไป

หลังจากนั้น เมื่อข่าวว่า พระเจ้าตากสินฯ ถูกฆ่าตาย รัชกาลที่ ๑ ขึ้นเถลิงราชสมบัติ ต่อมา พระยาพิชัยฯ ก็ยกทัพมาจากเมืองพิชัย มายับยั้งทัพที่บางกะปิ รัชกาลที่ ๑ กับกรมพระยาราชวังบวรฯ กับพระยาอะไรอีกคน จำไม่ได้ ก็ไปด้วยกัน ๓ คน ไปถามพระยาพิชัยฯว่า มึงยกทัพมาทำไมวะ

พระยาพิชัยฯ ก็ลงมาจากคอช้าง พระยาพิชัยฯ ก็บอกว่า ก็มึงฆ่าท่านใหญ่ มึงครองสมบัติ กูก็อยากได้สมบัติบ้าง กูก็จะรบแย่งสมบัติ ร.๑ ก็บอกว่า ใครบอกมึงวะว่า ท่านใหญ่ตาย ถูกกูฆ่า ท่านใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ มึงไม่เชื่อ มึงเข้าไปดูกับกู

พระยาพิชัยฯ ก็เข้าไปพบพระเจ้าตากสินฯ พระเจ้าตากสินฯ ท่านก็เลิกบ้า ในเมื่ออยู่ตามลำพังเพื่อน ๆ เก่า ท่านก็คุยความจริงให้ฟัง เมื่อคุยความจริงให้ฟัง พระยาพิชัยฯ ก็ยกทัพกลับ ต่อมา ร.๑ ก็เรียกพระยาพิชัยมา ให้รับราชการร่วมกัน ละครบทนี้มันแสดงไม่ยาก พระยาพิชัยฯ ก็ประกาศว่า ไม่ยอมเป็น ข้าสองเจ้า บ่าวสองนาย ความจริงก็เพื่อนกัน เขาก็สั่งฆ่าพระยาพิชัยฯ แต่พระยาพิชัยฯ ไม่ตายหรอก นักโทษประหารชีวิตตายแทน พระยาพิชัยฯ ก็เปลี่ยนเป็นชื่ออื่น

เมื่อจัดงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็นำพระเจ้าตากสินฯ ออกไปส่งออกทางปากท่อ พระเจ้าตากสินฯ นั่งคานหาม ต้องออกกลางคืน กลางวันกลัวเขาจะรู้ ท่านเป็นพระ ไปส่งไว้ที่นครศรีธรรมราช ลูกชายของท่านมี ๒ คน คนพี่ให้เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช จะได้บำรุงพ่อ

คนน้องชายก็ให้ทุนเป็นพ่อค้าสำเภา เป็นการหาทรัพย์สินเข้าเมือง นี่ความจริงเรื่องจริง ๆ มันเป็นอย่างนี้ จึงได้ต้องปั้นรูป ๒ รูป คือ รูปที่เป็นกษัตริย์รูปหนึ่ง และรูปที่เป็นพระรูปหนึ่ง ทีนี้ถ้าใครจะบอกว่า แหกคอก หน้าตาไม่เหมือนพระเจ้าตากสินฯ ของวัดท่าซุง ถ้าจะไม่เหมือนใครก็ตามใจเถอะ

และประการที่สอง เวลาที่เขาปั้นด้วยดินเหนียว เป็นแบบ ก็เชิญพระเจ้าตากสินฯ ที่เป็นผีแล้ว ผีสูงพระเจ้าตากสินฯ นี่ต้องบูชาสูงสุดนะ เป็นพระสงฆ์ที่มีความสำคัญสูงสุดในพุทธศาสนา ท่านก็มาติ เอาตรงนั้นออก เอาตรงนี้เข้า ก็ถามบอกว่า ตอนนั้นมันตอนแก่ นี่หน้ามันแบนน้อยไปนะ

ตอนแก่แบนกว่านี้ ท่านบอกไม่ได้ ตอนนั้นมันตอนแก่ ตอนจะบวช ตอนเป็นกษัตริย์ เอาหน้าตอนสำคัญ คือ ตอนที่ตีฝ่าทัพพม่าออกไปจากอยุธยา เอาหน้าตอนนี้ทำหน้าคนหนุ่มอายุประมาณ ๓๐ ปีเศษ ๆ

เอาละ บรรดาท่านผู้ฟัง และท่านผู้อ่านทั้งหลาย สัญญาณบอกหมดเวลาปรากฏแล้ว ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนผู้รับฟัง และผู้อ่านทุกท่าน สวัสดี





[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 28/12/20 at 16:15 [ QUOTE ]


.

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
ตั้งหัวข้อใหม่

Go To Top